Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 390 : คาดหวัง <ประกาศผลผู้ได้รับเหรียญทอง>

ราชันเร้นลับ 390 : คาดหวัง <ประกาศผลผู้ได้รับเหรียญทอง>

วันอาทิตย์ช่วงเช้า หลังจากไคลน์กินอาหารมื้อแรกของวันเสร็จไม่นาน เสียงกริ่งบ้านพลันดังแว่ว

เรื่องน่าประหลาดใจก็คือ ผู้มาเยือนไม่ได้มีเพียงนักข่าวไมค์·โยเซฟ แต่ยังรวมถึงศัลยแพทย์อลัน·คริสต์

“เชอร์ล็อก เมื่อคืนผมก็ฝันร้าย นี่คงไม่ใช่เรื่องปรกติแล้ว” อลันไม่เก็บงำเรื่องราวแม้จะมีนักข่าวไมค์ยืนด้านข้าง มันเริ่มเปิดปากเล่าเมื่อย่างกรายเข้าไปในห้องนั่งเล่น

โดยไม่รอให้ไคลน์ตอบ ศัลยแพทย์ชื่อดังล้วงหยิบนกกระเรียนกระดาษออกจากกระเป๋าสตางค์หนัง

“คุณคิดว่าเจ้านี่จะเป็นต้นตอของปัญหาหรือไม่? นับตั้งแต่ผมนึกขึ้นได้และพกมันติดตัว ฝันร้ายก็ปรากฏขึ้นทุกคืน”

ไคลน์ชำเลืองมองนกกระดาษอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่ทันใดนั้น สายตาชายหนุ่มพลันต้องผงะ หากไม่ได้พลังของโอสถตัวตลกช่วยควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าไว้ มันคงหลุดเผยรอยยิ้มเด่นชัด

ใช่แล้ว รอยยิ้ม

นี่มัน… นกกระเรียนกระดาษตัวนี้อัปลักษณ์ยิ่งกว่าของเราเสียอีก…

นั่นคือความคิดแวบแรกในหัวไคลน์

ชายหนุ่มอยากเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้าและถอนหายใจยาวเสียงดัง

เหยี่ยวราตรีต้องพับนักกระดาษได้ห่วยแตกทุกคนเลยหรือไง…

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นกกระดาษในมืออลันคือผลพวงจากการสับเปลี่ยนของเหยี่ยวราตรี หลังจากพวกมันได้รับคำอธิบายอย่างละเอียดจากนักสืบเชอร์ล็อก เหยี่ยวราตรีคงเตรียมนกกระเรียนกระดาษตัวใหม่และลอบบุกรุกความฝันของอลันต่อทันที ปิดท้ายด้วยการสับเปลี่ยนนกกระดาษกลับไป

แต่พวกมันย่อมไม่ทราบว่านกกระดาษตัวดังกล่าวเป็นของปลอม เกิดจากฝีมือสุดห่วยของไคลน์ขณะพับบนห้วงมิติเหนือสายหมอก

รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก…

ไคลน์เงยหน้ามองดอกเตอร์อลันผู้กำลังแสดงสีหน้ากังวล ก่อนมันจะกระแอมในลำคอและกล่าว

“ผมขอแนะนำให้คุณกลับไปยังวิหารแห่งเดิมและอธิบายเรื่องราวให้บิชอปฟัง เราต้องเชื่อมั่นว่า เทพในความศรัทธาของพวกเรา กำลังปกป้องคุ้มครองพวกเราอยู่”

ขณะกล่าว ชายหนุ่มทำสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกึ่งกลางหน้าอก

หลังจาก ‘ฝันร้าย’ คนเมื่อคืนกลับไป ไคลน์รีบเข้ามิติสายหมอกเพื่อทำนายยืนยันว่า การสับเปลี่ยนนกกระดาษของตนจะนำพาอันตรายมาถึงตัวหรือไม่ และคำตอบระบุชัดเจนว่าไม่มีอันตรายแม้แต่นิดเดียว

ไคลน์จึงวางแผนแนะนำให้อลันนำความฝันไปแจ้งโบสถ์รัตติกาล เจตนาเพื่อกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมงานเก่า

ชักอยากรู้แล้วว่า พวกเขาจะทำหน้าอย่างไรขณะเห็นนกกระดาษสุดห่วยของตัวเองถูกส่งกลับคืน…

เพื่อเป็นการขจัดความตึงเครียดในใจอลัน ชายหนุ่มหันไปพูดกับไมค์ด้วยรอยยิ้ม

“ไมค์ ว่ากันตามตรง ผมอยากแนะนำให้คุณหมอของเราไปพบจิตแพทย์มากกว่า แต่เชื่อผมเถอะ ความศรัทธาทางศาสนาก็ช่วยให้จิตของมนุษย์สงบลงได้เช่นกัน”

“ฟังดูไม่ค่อยจริงใจเลยนะ” ไมค์ยิ้ม

“เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ”

หลังจากนั้นทั้งวัน ไคลน์เดินตามนักข่าวประจำหนังสือพิมพ์เกาะกระแสรายวันไปทั่วเขตตะวันออก เพื่อสัมภาษณ์เด็กหญิงผู้ถูกช่วยเหลือจากเหตุการณ์คาพิน

ด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่งปอนด์ถ้วน ไม่มีใครปฏิเสธข้อเสนอของไมค์แม้แต่คนเดียว ไม่เว้นกระทั่งเด็กหญิงซึ่งเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศภายในคฤหาสน์คาพิน

ไมค์สัมภาษณ์โดยเน้นหนักไปในสองประเด็น ประการแรก บาปอันชั่วช้ายากเกินให้อภัยของคาพิน และประการสอง ความเป็นอยู่ในปัจจุบันของเด็กหญิงเหล่านี้

ข้อแรกจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกโมโห ส่วนข้อสองจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกเห็นใจ

เดซี่ค่อนข้างโชคดี เธอยังกลับมาทำงานเดิมได้ตามปรกติหลังจากถูกช่วยเหลือ โดยกว่าหนึ่งในสามของเหยื่อจะมีสถานการณ์คล้ายคลึงกับเธอ คือ ครอบครัวพอจะมีเงินออมสำหรับประทังชีวิตอยู่บ้าง หากเหยื่อคนใดเกิดบาดแผลทางใจรุนแรง ก็ยังพอมีเวลาให้เยียวยาจนหายขาด ก่อนกลับมาทำงานได้ตามปรกติ

แต่อีกราวสองในสาม ชีวิตพวกเธอมิได้สวยหรู ไม่มีโอกาสสำหรับคนจิตใจอ่อนแอ ทุกคนต้องกลับไปดิ้นรนทำงานเอาชีวิตรอดเหมือนเคย และสถานการณ์ยิ่งยากลำบากขึ้นเมื่อตลาดแรงงานฝ่ายหญิงกำลังล้น เนื่องจากมีคนงานหญิงจำนวนมากเพิ่งเสียงานเพราะโรงงานทอผ้านำเครื่องจักรรุ่นใหม่มาติดตั้ง ทางรอดเดียวของพวกเธอคืองานซึ่งมีค่าแรงต่ำกว่ามาตรฐาน หากพ่อแม่ของเด็กหญิงคนใดยังไม่ตกงานก็ดีไป ยังพอมีอะไรให้กินประทังชีวิตอยู่บ้าง ถึงแม้จะเป็นอาหารคุณภาพต่ำสุดขีดก็ตาม แต่บางรายก็ไม่มีทางเลือก ต้องเดินบนเส้นทางแห่งหุบเหวนรก กลายเป็นหญิงค้าบริการริมถนน ชะตากรรมไม่ได้ต่างจากการถูกคาพินจับตัวเลยสักนิด

ตลอดการสัมภาษณ์ สีหน้าของไมค์หดหู่ชัดเจน แทบไม่พูดกับใคร จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืดและคนทั้งสองเดินทางออกจากเขตตะวันออก ไมค์จึงหันมากล่าวกับไคลน์

“เชอร์ล็อก ผมต้องขอบคุณมาก ไม่อย่างนั้นคงถูกพวกอันธพาลริมถนนปล้นเข้าแล้ว”

“ไม่เห็นต้องขอบอกขอบใจ คุณจ้างผมเพราะเรื่องนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

ไคลน์ยิ้มสุภาพโดยปราศจากการโอ้อวด

ด้วยการนัดแนะล่วงหน้า เฒ่าโคห์เลอร์และไลฟ์จึงไม่ได้พูดเรื่อง ‘นักสืบเชอร์ล็อกอาสาช่วยตามหาตัวเดซี่โดยไม่คิดเงิน’

โดยเฉพาะเด็กฉลาดอย่างเดซี่ เมื่อเธอถูกไมค์ถามว่าสนิทกับใครเป็นพิเศษบ้างหรือไม่ เด็กสาวตอบอย่างเถรตรงว่า

“มีค่ะ คุณนักข่าวกับคุณนักสืบไงคะ”

ไมค์พยักหน้ารับและเดินกลับออกมาด้วยสีหน้าเหม่อลอยเป็นเวลานาน

ขณะเตรียมเดินขึ้นรถม้า มันถอนหายใจ

“ผมต้องการใช้รายงานฉบับนี้กดดันให้รัฐบาลนำทรัพย์สินของคาพินมาขายและตั้งเป็นกองทุนการศึกษา จากนั้นก็นำผลกำไรในแต่ละปีมาเยียวยาเหยื่อผู้ถูกคาพินล่วงละเมิดทางเพศ โดยหวังว่าพวกเธอจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันได้เร็ว ถึงแม้ตู้นิรภัยทั้งหมดในบ้านคาพินจะถูกจอมโจรวีรบุรุษขโมยจนเกลี้ยง แต่ทรัพย์สินจำพวกอสังหาฯ ก็ยังมีค่ามากอยู่ดี และน่าจะครอบครองด้วยวิธีการผิดกฎหมาย”

ไคลน์ยืนฟังอย่างตั้งใจพลางจ้องมองไมค์ด้วยสายตายกย่อง

“ผมไม่เคยเห็นนักข่าวคนใดมีจิตใจสุดยอดเท่าคุณมาก่อน”

“ชมเกินไปแล้ว ยังมีนักข่าวอีกมากคิดแบบเดียวกับผม เชื่อเถอะ โลกใบเต็มไปด้วยนักอุดมคติ” ไมค์ถอนหายใจยาว

เมื่อสิ้นเสียง มันจ่ายเงินจำนวนสิบปอนด์ให้ไคลน์และถอดหมวกโบกมืออำลา

ขณะยืนมองนักข่าวเดินเข้าไปในรถม้าเช่า ไคลน์เตรียมเดินกลับไปขึ้นรถม้าสาธารณะในทิศทางตรงกันข้าม ทันใดนั้น ไมค์เปิดหน้าต่างออกมาและยิ้มส่งท้าย

“เชอร์ล็อก ในแวดวงนักข่าวของเบ็คลันด์ คุณไม่ได้รู้จักผมแค่คนเดียวใช่ไหม?”

ไคลน์ผงะเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตอบ

“ลองเดาดูสิ”

เมืองเงินพิสุทธิ์

ประหนึ่งสัตว์ป่าถูกขังกรง เดอร์ริคเดินวนเวียนภายในบ้านอย่างกระวนกระวาย

มันรู้สึกว่าหัวหน้าอาวุโส โคลิน·อีเลียด ไม่ได้ใส่ใจรายงานของตนมากนัก จึงกำลังเป็นกังวลว่า หากสมาชิกทีมสำรวจซึ่งถูกพระผู้สร้างเสื่อมทรามครอบงำ หลุดพ้นจากเขตกักกันของเมืองออกมาได้ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน 2,582 ปีของเมืองเงินพิสุทธิ์จะถูกทำลายจนสิ้นซาก

ในสถานการณ์เช่นนี้ เด็กหนุ่มต้องการคำแนะนำจากแฮงแมน จัสติส และคนอื่น ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องของพระผู้สร้างเสื่อมทรามมากกว่าตน

ท่ามกลางเหตุการณ์วิกฤติ เดอร์ริคคาดหวังคำปรึกษาจากชุมนุมทาโรต์เหนือสิ่งใด

รออีกนิด… ต้องอดทนอีกนิด… น่าจะใกล้ถึงเวลาเรียกตัวของมิสเตอร์ฟูลแล้ว… แต่ถ้าเขายังไม่เรียก เราค่อยสวดภาวนาหาท่านก็ยังไม่สาย…

เดอร์ริคพยายามข่มสติ แต่สองเท้ายังคงก้าวเดินอย่างกระวนกระวายภายในบ้าน

ทันใดนั้น ภาพของห้วงสายหมอกสีเทาไร้ก้นบึ้งพลันปรากฏเบื้องหน้า พร้อมกับเสียงซึ่งเป็นราวกับพระผู้มาโปรด

“เตรียมเข้าร่วมชุมนุม”

เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ก่อนจะเดินไปนั่งปลายเตียงและทิ้งตัวเองลงนอน ประหนึ่งต้องการพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยเสียเต็มประดา

หลังจากนับจังหวะหัวใจเต้นจนใกล้ครบพันครั้ง เดอร์ริคเฝ้ารอให้แสงสีแดงเข้มทำการสาดส่องโอบล้อมร่างกายเฉกเช่นทุกที

เพียงพริบตา ห้องนอนของเด็กหนุ่มเข้าสู่ภวังค์เงียบงันโดยสมบูรณ์ ด้านนอกหน้าต่างมีเพียงแสงจากสายฟ้าคอยมอบความสว่างแก่ดินแดนต้องคำสาป

ทันใดนั้น ตรงมุมห้องใกล้กับเตียงนอนเด็กหนุ่ม เงาดำปริศนาเริ่มยืดตัวขึ้นจากพื้นและกลายร่างเป็นมนุษย์ทีละนิด

เงาดังกล่าวก้มมองเดอร์ริคอย่างเงียบงัน

สายตาของมันจดจ้องร่างบนเตียงไม่ต่ำกว่าหนึ่งนาที ก่อนจะกลับลงพื้นคืนสภาพเดิมโดยไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม

ณ มุมดังกล่าว เงาดำไม่มีการขยับเขยื้อนอีกเป็นเวลานาน

ใต้ฝ่าเท้าของมันยังคงมีสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขตเช่นเคย โต๊ะทองแดงยาวเบื้องหน้ามีรอยสนิมเก่าเลือนราง แต่ไม่ปรากฏสัญญาณการผุพังเสื่อมสลาย ภาพแรกในการมองเห็นเดอร์ริคคือจัสติสและเมจิกเชี่ยนผู้นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

ถัดมาไม่นาน เสียงทักทายอันสดใสและมีชีวิตชีวาเริ่มดังขึ้น

“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~ ทิวาสวัสดิ์ค่ะ…”

ไคลน์ ผู้ถูกห่อหุ้มด้วยม่านหมอกหนาทึบ ทำการพยักหน้ารับเล็กน้อย มองผิวเผินจะคล้ายกับการตอบสนองทุกคนพอเป็นพิธี แต่ในความเป็นจริง สมาธิของไคลน์กำลังเพ่งอยู่กับการควบคุมเดอะเวิร์ลให้แนบเนียนสมจริง

ย้อนกลับไปเมื่อคืน กว่าภารกิจคุ้มกันนักข่าวไมค์จบลงก็มืดค่ำและถึงเวลาอาหารเย็น ไคลน์จึงเดินเข้าไปในร้านขายอาหารท้องถิ่นของเฟเนพ็อต แต่รสชาติเผ็ดจัดจ้านได้ทำให้ชายหนุ่มเกิดความกระหาย จึงจำใจต้องสั่งเบียร์ทะเลทรายมาดื่มดับเผ็ดหลายแก้ว

หลังจากกินจนอิ่มหนำและเดินกลับบ้าน ไคลน์ก็ไม่ย่างกรายออกจากบ้านอีกเลย

ไม่แม้แต่จะอ่านหนังสือแห่งความลับหรือเตรียมอาหารให้ตัวเองในมื้อถัดมา ความคิดเอาแต่จดจ่ออยู่กับเรื่องราวอันน่าสลดหดหู่ของเขตตะวันออก

กว่าจะรู้ตัวอีกก็เกือบบ่าย สมาธิจึงหันมาเพ่งอยู่กับการเตรียมชุมนุมทาโรต์

หลังจากกล่าวทักทายจบ จัสติส ออเดรย์ พยายามระงับความอยากรู้อยากเห็น ตัดสินใจไม่ถามความจริงเกี่ยวกับการตายของคาพิน

มิสเตอร์ฟูลอาจไม่ตอบ แต่ถ้าเราไม่เป็นฝ่ายเริ่มถาม ก็จะไม่มีวันทราบว่าท่านต้องการตอบหรือไม่… บางที ท่านอาจเสนอการแลกเปลี่ยนเท่าเทียม และเราต้องพยายามตอบสนองให้ได้…

ออเดรย์ครุ่นคิดพลางหันไปสำรวจสมาชิกชุมนุมคนอื่น

ในฐานะนักอ่านใจ เธอสามารถตรวจพบความผิดปรกติได้ไม่ยาก

หืม… เดอะซันกำลังกระวนกระวายหนัก เกิดอะไรขึ้นกับอดีตหัวหน้าทีมสำรวจ? หรือเขาเผชิญหน้าอามุนด์เข้า?

ฟอร์สต้องการถามบางสิ่ง แต่ไม่กล้าพอ… เธอคงอ่านหนังสือพิมพ์และได้พบข่าวการตายของคาพินกับไพ่ทาโรต์ จึงคิดว่าคงเกี่ยวข้องกับชุมนุมทาโรต์ของพวกเรา แต่ยังสงสัยว่าใครคือโค้ดเนม ‘ดิเอ็มเพอเรอร์’ …

หือ… เธอกำลังเลื่อมใสในตัวมิสเตอร์ฟูลเป็นอย่างมาก… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

มิสเตอร์แฮงแมนกำลังอารมณ์ดี คงเป็นเพราะย่อยโอสถสมบูรณ์แล้ว… ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกคาดหวังในบางสิ่ง…

มิสเตอร์เวิร์ลมืดมนและอ่านอะไรไม่ได้เหมือนเคย สมกับเป็นของแสลงสำหรับเส้นทางนักอ่านใจ!

เดอร์ริคไม่พยายามปกปิดความกังวล แต่เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าซักถามออกไปอย่างโผงผาง

มันทราบดีว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลา ‘อ่าน’ ของมิสเตอร์ฟูล นอกเสียจากจะไม่มีใครนำไดอารีจักรพรรดิโรซายมามอบให้

เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน การชุมนุมเริ่มต้นขึ้นแล้ว… หากมิสเตอร์ฟูลอารมณ์ดี บางที ท่านอาจช่วยชี้ทางสว่างให้เรา…

เดอร์ริคปลอบใจตัวเอง

อัลเจอร์เงยหน้าขึ้นพลางกล่าวอย่างสุภาพ

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ผมรวบรวมไดอารีจักรพรรดิโรซายได้ทั้งหมดสามหน้า”

ไดอารี? ไดอารีจักรพรรดิโรซาย?

ฟอร์สพลันหูตั้ง · ไคลน์ยิ้มและตอบ

“เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด”

อัลเจอร์ชำเลืองมองไพ่ด้านหน้าเดอะฟูลและกล่าวด้วยท่าทีสำรวม

“ผมต้องการทราบว่า… ไพ่ใบนั้นคือสิ่งใด”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset