Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 389 : เหยี่ยวราตรี

ราชันเร้นลับ 389 : เหยี่ยวราตรี

ดวงจันทร์แดงฉานบนท้องฟ้ากำลังส่องแสงทะลวงผ่านกลุ่มเมฆหนาลงมาอย่างยากลำบาก แสงแดงนวลตกกระทบเครื่องเรือนชิ้นใหญ่ภายในห้องนอนของบ้านดอกเตอร์อลันจนเกิดเป็นเงาเลือนราง แต่บรรยากาศภายในห้องยังคงมืดมิดเป็นส่วนใหญ่

ไคลน์ยังนั่งนิ่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับ

สายตาชำเลืองร่างหลับสนิทของศัลยแพทย์อลันพลางวิเคราะห์ฉากในฝันทีละจุด

ถ้าเราดูไม่ผิด ไพ่ทาโรต์ในมือวิล·อัสตินคือวีลล์ออฟฟอร์จูนแน่นอน… สำหรับทุกความฝันของมนุษย์ ทุกองค์ประกอบจะมีความหมายเสมอ เพราะเป็นข้อมูลจากวิญญาณดาราโดยตรง… หรือในอีกความหมายหนึ่ง ภัยคุกคามของเด็กชายวิล·อัสตินจะต้องเกี่ยวพันกับโชคชะตา…

อสรพิษยักษ์สีเงินอาจหมายถึงอสรพิษปรอท ลำดับ 1 แห่งเส้นทางสัตว์ประหลาด…

หมายความว่า วิล·อัสตินเข้าไปพัวพันกับตัวตนลำดับสูงของเส้นทางสัตว์ประหลาด หรือไม่ก็สมบัติปิดผนึกซึ่งมีพลังคล้ายกัน…

ถ้าอย่างนั้น ภัยคุกคามเป็นของอสรพิษปรอทหรือสมบัติวิเศษกันแน่…

แต่อสรพิษปรอทเป็นถึงลำดับ 1 ตัวตนใกล้เคียงความเป็นเทพเพียงครึ่งก้าว หากอสรพิษปรอทต้องการทำร้ายวิล·อัสตินจริง เด็กคนนั้นก็ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว… ขนาดร่างแยกของอามุนด์ ผู้อาจมีลำดับ 1 2 หรือ 3 ยังแข็งแกร่งพอจะทะลุทะลวงขึ้นมาบนห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา…

ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว เบื้องหลังคงเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใหญ่…

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ไคลน์ตัดสินใจถอนตัวโดยสมบูรณ์

อันตรายเกินไป… และเหนือสิ่งอื่นใด ไพ่ทาโรต์ของเด็กคนนั้นไม่ใช่สมบัติวิเศษ ความพิเศษอยู่กับวิล·อัสตินต่างหาก…

อา ถ้าไม่นับเรื่องฝันร้าย ปัญหาความโชคร้ายของดอกเตอร์อลันได้ถูกสะสางเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ฉะนั้น เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากกว่านี้…

จริงอยู่ นักมายากลควรท้าทายความเป็นไปไม่ได้อยู่เสมอ แต่ต้องฉลาดพอจะแยกแยะด้วยว่า อย่างไหนเรียกว่าท้าทาย อย่างไหนเรียกว่าฆ่าตัวตาย… ใช่แล้ว เราต้องทำตามเสียงร้องเตือนในหัวใจ!

ไคลน์ใช้ถุงมือดำเกาะขอบโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อพยุงตัวยืนอย่างเชื่องช้า

การบุกรุกความฝันเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่า ความฝันพิเศษของอลันเกิดจากเทคนิคขั้นสูง มีใครบางคนสร้างฝันเทียมขึ้นและบรรจุลงในวิญญาณดาราของอลันโดยตรง การจะทำเช่นนี้ให้สำเร็จต้องมีการ ‘ล็อกเป้า’ วิญญาณดาราเสียก่อน และนกกระเรียนกระดาษคือสื่อกลางสำหรับล็อกเป้า

จากข้อมูลในหนังสือแห่งความลับ ไคลน์สามารถทดสอบล็อกเป้าวิญญาณดาราของศัลยแพทย์อลันได้เช่นกัน จากนั้นก็สืบหาเบาะแสว่าความฝันเทียมเป็นฝีมือของใคร

แต่ชายหนุ่มสาบานไว้แล้วว่าจะไม่นำตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากกว่านี้

ไคลน์บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินไปล้วงกระเป๋าสตางค์หนังของอลันด้วยสีหน้าครุ่นคิด ตามด้วยการหยิบนกกระเรียนกระดาษออกมาตรวจสอบ

ถัดมา มันนำนกกระดาษมาวางบนหัวไม้ค้ำและใช้มือกุมไว้แน่น ดวงตาเริ่มกลายเป็นสีเข้มขณะท่องประโยคทำนายเสียงค่อย :

“ตำแหน่งปัจจุบันของวิล·อัสติน”

เมื่อครบเจ็ดหน สายลมกระโชกพลันไหลเวียนภายในห้องราวกับหมายพัดพาดวงวิญญาณให้กระจัดกระจาย

หลังจากไคลน์ปล่อยมือขวา ไม้ค้ำตั้งตรงครู่หนึ่ง ก่อนจะทิ้งตัวล้มลงไปพร้อมกับนกกระดาษโดยหันหัวทแยงมุมไปทางเตียงนอน

“ทางนั้น…” ไคลน์ขมวดคิ้วและลองขยับตำแหน่งของตนโดยการเดินไปทางประตูห้องนอน มันทำนายซ้ำด้วยประโยคทำนายแบบเดิมทุกประการ

ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าตกตะลึง

หัวไม้ค้ำชี้ไปทางเตียงนอนอีกครั้ง!

เหตุใดตำแหน่งของวิล·อัสตินถึงเป็นเตียงนอนของดอกเตอร์อลัน? น่าสนใจดีนี่…

ไคลน์พึมพำด้วยสีหน้าแปลกใจปนขบขัน

ความอยากรู้อยากเห็นยิ่งเพิ่มทวีคูณ!

แม้จะไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างถลำลึก แต่ก็เป็นคนละส่วนกับการหาตำแหน่งปัจจุบันของเด็กชายวิล·อัสติน ชายหนุ่มเพียงต้องการทราบว่าเพราะเหตุใด ผลการทำนายจึงพุ่งเป้าไปทางศัลยแพทย์อลันทั้งสองครั้งอย่างไม่ควรจะเป็น

หืม… แล้วทำไมเราถึงไม่นำนกกระดาษขึ้นไปทำนายบนมิติสายหมอก? ถ้าเป็นบนนั้น ผลการทำนายจะไม่ถูกรบกวนหรือบิดเบือน…

ไคลน์เกิดความคิดใหม่

และในเมื่อมันไม่สะดวกจะอัญเชิญตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติสายหมอกภายในห้องนอนอลัน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจนำนกกระเรียนกระดาษติดตัวกลับบ้าน

ไคลน์เตรียมการสำหรับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ในตอนแรก ขณะยังไม่ทราบความหนักเบาของสถานการณ์ และหวังจะหาโอกาสครอบครองไพ่ทาโรต์ของวิล·อัสติน มันจึงตัดสินใจทำนกกระเรียนกระดาษปลอมเพื่อนำมาสับเปลี่ยนกับของเดิมด้วยหลายเหตุผล เช่น เอาไว้ทำนายหาตำแหน่งในบางสถานการณ์ และเมื่อเรื่องราวถูกสะสางค่อยนำกลับไปคืน

ขณะใช้ความคิด ไคลน์หยิบนกกระเรียนกระดาษของปลอมออกมาถือ

ออริกามิตัวนี้ถูกพับขึ้นบนห้วงมิติสายหมอก เผื่อว่าถ้าศัลยแพทย์อลันนำสิ่งของเกี่ยวกับวิล·อัสตินมอบให้คนของโบสถ์รัตติกาลทั้งหมด ตนจะได้ไม่ถูกทำนายถึงด้วยวิธีการปรกติ

การมองภาพรวมก่อนลงมือจะช่วยให้ทุกสิ่งง่ายดายไปเสียหมด… ไคลน์เยินยอตัวเอง

ภายใต้แสงจันทร์แดงสลัว ชายหนุ่มทำการเปรียบเทียบนกกระเรียนกระดาษของตนกับของเด็กชายวิลเพื่อสังเกตว่ามีจุดใดแตกต่างกันบ้าง

หลังจากเปรียบเทียบเสร็จ ไคลน์หมดคำจะกล่าวอยู่นาน

ฝีมือการพับของเราห่วยแตกกว่าเด็ก…

แต่นกกระดาษก็คือนกกระดาษ! ไม่ได้แตกต่างกันขนาดนั้นสักหน่อย ของเราแค่ขาดความประณีตเล็กน้อย… ถ้าอลันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านออริกามิโดยตรง ก็คงบอกไม่ได้ว่านกกระดาษของตนถูกสับเปลี่ยน…

ไคลน์พึมพำพลางหยิบเหรียญออกมาโยนทำนายยืนยันอันตรายเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อได้รับคำตอบ ชายหนุ่มนำนกกระดาษของตนยัดใส่กระเป๋าสตางค์อลันแทนของเดิม ตามด้วยการเก็บกวาดทำลายหลักฐาน และนำนกกระดาษของเด็กชายวิล·อัสตินติดตัวออกจากอาคารหมายเลข 3 ถนนเบอร์นิงแฮม

ด้วยความช่วยเหลือจากไม้ค้ำ ไคลน์ใช้เทคนิคทำนายแท่งวิญญาณจนกระทั่งพาตัวเองกลับถึงบ้านหมายเลข 15 ถนนมินส์ มันรีบล้างหน้าและนำมาสเตอร์คีย์กับนกกระดาษไปเก็บไว้ในห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา

ท่ามกลางพระราชวังคนยักษ์อันว่างเปล่า ไคลน์หยิบนกกระเรียนกระดาษขึ้นมาสำรวจสักพัก แต่กลับไม่พบความผิดปรกติใดเช่นเคย

มันตัดสินใจเสกปากกาและกระดาษเพื่อเขียนประโยคทำนายแบบเดิมทุกประการ :

“ตำแหน่งปัจจุบันของวิล·อัสติน”

ในคราวนี้ ไคลน์สลับมาใช้เทคนิคทำนายด้วยนิมิตฝัน และต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีผลลัพธ์ปรากฏ

ภายในห้องมืดมิด วิล·อัสตินกำลังนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะอ่านหนังสือริมหน้าต่าง ดวงตาสีดำจ้องมองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย

มือสองข้างกำลังถือปึกไพ่ทาโรต์ บนโต๊ะด้านหน้ามีบล็อกไม้จำนวนมากวางเรียง

บล็อกไม้เรียงตัวในลักษณะวงกลมสมบูรณ์ ดูคล้ายกับงูกำลังกินหางตัวเอง

บรรยากาศนอกห้องมืดสนิท มีเสียงแม่น้ำดังแทรกเข้ามาเป็นระยะ

ความฝันจบลงเพียงเท่านี้โดยไม่มีเสียงอื่นเพิ่มเติม ไคลน์ลืมตาขึ้นและใช้นิ้วเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวตรงหน้า ตามด้วยการพึมพำกับตัวเอง :

สัญลักษณ์โอโรโบรอส… คงหมายถึงอสรพิษปรอท… อสรพิษปรอทแห่งโชค…

ด้านนอกมีเสียงน้ำไหล… หรือว่าตำแหน่งปัจจุบันของเด็กชายวิล·อัสตินจะอยู่ใกล้กับแม่น้ำทัสซอค?

แล้วทำไมการทำนายด้วยแท่งวิญญาณคราวก่อน ผลลัพธ์ถึงชี้ไปทางเตียงนอนของศัลยแพทย์อลันถึงสองครั้ง?

เพราะถูกพลังโชคชะตาบิดเบือน?

ชายหนุ่มไม่เคลือบแคลงผลการทำนายบนห้วงมิติสายหมอก จึงประเมินสถานการณ์โดยใช้ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นพื้นฐาน

เราควรนำนกกระดาษไปเปลี่ยนคืนในช่วงดึกของวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็หาโอกาสโน้มน้าวให้อลันรายงานความคืบหน้าล่าสุดกับโบสถ์รัตติกาล พร้อมกับอธิบายเรื่องราวทั้งหมดแก่บิชอปประจำวิหาร…

เรื่องนี้ต้องปล่อยให้มืออาชีพจัดการ…

ไคลน์แสยะยิ้มเงียบงันพลางส่งตัวเองกลับลงมายังโลกความจริง

หลังจากอาบน้ำอย่างสบายอุรา ชายหนุ่มรีบเข้านอนโดยไม่มัวเสียเวลาทำอย่างอื่น

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ

ไคลน์พลันตระหนักว่าตนกำลังฝัน ร่างปัจจุบันอยู่ในห้องนั่งเล่นและกำลังอ่านหนังสือแห่งความลับของราชาหมอผีคารามัน

นี่มัน… ความรู้สึกอันคุ้นเคย…

ไคลน์หันไปมองประตูตามสัญชาตญาณ

ทันใดนั้น บานประตูถูกเปิดออก บุรุษสวมโค้ทสีเทาย่างกรายเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน

อายุราวสามสิบ ใบหน้ายาวเรียว หน้าผากเถิกกว้าง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทรงปัญญา

ไม่ใช่หัวหน้า…

ไคลน์ยิ้มขื่นขมในใจ พลางสูดลมหายใจยาวและเพ่งจิตเปลี่ยนให้หนังสือแห่งความลับกลายเป็นนิตยสารแฟชั่นของสตรี

ชายหนุ่มทำทีพลิกอ่านนิตยสารพลางหันไปทักทายแขกผู้มาเยือน

ชายสวมโค้ทเทาถอดหมวกและเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“อลันมาหาคุณเมื่อเช้าใช่ไหม?”

เหยี่ยวราตรีจริงด้วย… ฝันร้าย…

ไคลน์พยายามอดกลั้นไม่ให้เปลี่ยนสีหน้า ขณะเดียวกันก็คำตอบด้วยรอบยิ้ม

“ใช่”

มันทราบทันทีว่า เพราะเหตุใดเหยี่ยวราตรีถึงบุกรุกความฝันของตนกะทันหัน

เหยี่ยวราตรีตรงหน้าคงเป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีในวิล·อัสติน แต่พวกเขายังไม่ได้รับเบาะแสสำคัญแม้จะผ่านมานานแล้ว

ด้วยเหตุนี้ การไปเยือนบ้านเก่าครอบครัวอัสตินของดอกเตอร์อลันและนักสืบเชอร์ล็อกจึงถือเป็นความคืบหน้าใหม่ บางที เหยี่ยวราตรีอาจได้ทราบข่าวในช่วงเมื่อคืนหรือเมื่อเช้า และคงทราบด้วยว่า ดอกเตอร์อลันรีบแจ้นมาหานักสืบเชอร์ล็อกทันทีหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ

ด้วยจิตวิญญาณของมืออาชีพ การบุกรุกความฝันควรกระทำในตอนกลางคืนเพื่อให้เป้าหมายไม่เกิดความสงสัย และในเมื่อคดีของวิล·อัสตินยังเป็นปริศนาค่อนข้างมาก พวกเขาจึงไม่กล้าบุกรุกความฝันของอลันอย่างบุ่มบ่าม หรือในกรณีเลวร้าย การบุกรุกความฝันโดยไม่เตรียมตัวจะทำให้เบาะแสของคดีหายไปถาวร

เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดมาติดร่วมกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเหยี่ยวราตรีจะแวะเข้ามาบุกรุกความฝันตนก่อนเป็นคนแรก

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอลัน?”

หัวหน้าทีมเหยี่ยวราตรีซักถามด้วยน้ำเสียง ‘เป็นกันเอง’

ไคลน์ตอบกลับตามความจริง

“เขาฝันร้าย…”

ชายหนุ่มอธิบายรายละเอียดของหอคอยสีดำสนิท อสรพิษยักษ์สีเงิน และเกราะป้องกันตัวเองหลายชั้นของวิล·อัสติน ตามด้วยการเล่าปิดท้าย

“ก่อนจะเกิดความฝันเช่นนี้ อลันเดินทางไปบ้านของวิล·อัสติน ส่วนหนึ่งเพราะเป็นห่วงอาการหลังผ่าตัด อีกส่วนหนึ่งเพราะยังคาใจถึงความโชคร้ายของตน แต่น่าเสียดาย ครอบครัวอัสตินดันย้ายบ้านไปก่อน แต่การไปเยือนคราวนี้ทำให้อลันฉุกคิดบางเรื่องได้ เขาลืมมาตลอดว่าเด็กชายวิลเคยมอบนกกระเรียนกระดาษพลางอวยพรให้ตนประสบความโชคดี บางที ทั้งสองเหตุการณ์คงไปกระตุ้นให้เกิดฝันร้ายกะทันหัน”

ชายสวมโค้ทสีเทาทำสีหน้าประหลาดใจ

“นกกระเรียนกระดาษ?”

“ถูกต้อง” ไคลน์พยักหน้า

“เด็กคนนั้นมอบนกกระดาษให้อลันก่อนเขาจะออกจากโรงพยาบาล ในตอนแรก อลันมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ จึงเก็บไว้ในลิ้นชักห้องทำงานจนกระทั่งเมื่อวาน”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำอธิบาย”

หัวหน้าเหยี่ยวราตรีลุกยืนและถอดหมวกคำนับไคลน์อย่างสุภาพ

ทันใดนั้น ฉากความฝันพลันกระเพื่อมพร้อมกับการหายไปของชายคนดังกล่าว

ไคลน์นั่งจ้องเก้าอี้อันว่างเปล่าฝั่งตรงข้ามเป็นเวลานาน พลางวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมถัดไปของเหยี่ยวราตรี

ในคืนนี้ เหยี่ยวราตรีคงแวะไปหาอลันต่อทันทีเพื่อบุกรุกความฝัน และคงนำนกกระดาษติดตัวกลับไปด้วย…

แต่ปัญหาก็คือ ในเมื่อนกกระดาษตัวนั้นเป็นของเรา ส่วนของจริงอยู่บนมิติสายหมอก ทางเหยี่ยวราตรีจะพบความผิดปรกติในส่วนนี้หรือไม่? แล้วพวกเขาจะไขคดีได้ไหม…

ไม่เกี่ยวสักหน่อย… ไม่ว่าจะเป็นนกกระดาษจริงหรือเทียม แต่พวกเขาก็ไม่มีทางได้รับคำตอบจากการทำนายอยู่แล้ว จะเป็นของจริงหรือของปลอมก็ไม่สำคัญ…

ไคลน์ได้ข้อสรุป

ถัดมา ชายหนุ่มนั่งนิ่งในโลกความฝันแห่งเดิมเป็นเวลานาน สายตาจ้องมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอยโดยไม่ขยับร่างกาย

จนกระทั่ง มุมปากยกโค้งเล็กน้อย

คิดถึงชะมัด…

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset