Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1068 : เรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

“ค…คนไหนคือกรอซาย?” ภายในความฝัน เลียวนาร์ดมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า

มีกองไฟขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลออกไป และมียักษ์ตาเดียวผิวสีเทาอมฟ้าอีกนับสิบที่ยากจะจำแนก

ว่ากันตามตรง ถ้าไม่ได้พลังของผู้ไร้หน้าช่วยไว้ เราเองก็คงแยกไม่ออก… สำหรับเรา ถ้าอายุ ส่วนสูง ทรงผม แผลเป็น และเสื้อผ้าไม่ต่างกันเกินไป คนยักษ์ทั้งหมดก็แทบจะแยกกันไม่ออก… ไคลน์รำพันเงียบพลางมองไปทางมิสจัสติส สื่อเป็นนัยว่าด้วยพลังของเส้นทางผู้ชม สิ่งนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับคุณ

ออเดรย์ยกมือขึ้นและชี้ไปทางคนยักษ์ที่กำลังกระดกเหล้าไม่ขาดสาย มีหยุดมาตะโกนคุยกับคนยักษ์ตนอื่นเป็นครั้งคราว

“นั่นคือกรอซาย… ดูเหมือนว่าในสังคมของคนยักษ์ สัญญาณของคำชมและการยืนยันไม่ใช่ปรบมือ หากแต่เป็นการคำราม ยิ่งคำรามดังก็ยิ่งเป็นการชมเชยระดับสูง”

มิสจัสติสทำตัวเหมือนกับพวกนักวิจัยวัฒนธรรมท้องถิ่น… โชคดีที่หมอนั่นกำลังตะโกน ไม่ใช่ร้องเพลง ไม่อย่างนั้นมลพิษทางเสียงคงเลวร้ายกว่านี้มาก รวมกับคนยักษ์นั่นหูดับและไม่ได้ยินเสียตัวเองเวลาอ้าปาก… เสียงคำรามเมื่อครู่เองก็ไม่เป็นจังหวะ… ไคลน์พยักหน้าและกล่าวกับออเดรย์

“เริ่มชี้นำได้”

เมื่อออเดรย์ก้าวออกไป เลียวนาร์ดก้าวถอยหลังกลับมายืนลูบคาง

“ผมอยากรู้ว่าในยุคสมัยที่สอง เผ่าพันธุ์ทรงอำนาจใดที่ครอบครองตะกอนพลังของเส้นทางรัตติกาลไว้มากที่สุด?”

“ไม่ใช่หมาป่าอสูรหรือไง?” ไคลน์หันไปมองเลียวนาร์ดด้วยสีหน้าคลางแคลง กังวลว่านักกวีรายนี้จะเป็นโรคยอดนิยมของเหยี่ยวราตรี – ความจำเสื่อม

“ก็ใช่…” เลียวนาร์ดที่ยังคงรักษามาดเดิมกล่าวหน้านิ่ง “ถ้าอย่างนั้นพวกมันสวมบทบาทเป็นนักกวีเที่ยงคืนด้วยวิธีใด? หรือจะบอกว่าชื่อโบราณของโอสถคือ ‘นักเห่าหอนยามเที่ยงคืน’ ?”

“ตอนนั้นยังไม่มีการตั้งชื่อโอสถ…” โดยไม่ได้ตั้งใจ ไคลน์เผลอจินตนาการตามคำพูดของเลียวนาร์ด เป็นฉากของหมาป่ากำลังหมอบอยู่บนพื้นและเห่าหอนภายใต้พระจันทร์เต็มดวง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่พึมพำ “ผมว่าคุณเหมาะจะเล่นมุกแบบนี้มากกว่าการเป็นกวี… เข้ากับนิสัยของคุณดี”

มุมปากเลียวนาร์ดกระตุกแผ่วเบา

“นักกวีมีหลายสาย… ผมเป็นสายขับร้อง”

ขณะทั้งสองกำลังสนทนาเรื่อยเปื่อย การชักนำของออเดรย์เริ่มเห็นผล ความฝันของกรอซายแปรเปลี่ยนเป็นฉากต่างๆ เช่นป่าเสื่อมโทรม อุโมงค์รกร้าง มุมหนึ่งของวังราชาคนยักษ์ เมืองรุ่งอรุณ แคว้นทองคำ และอีกมากมาย

กรอซายมิได้เป็นข้าราชบริพารของเทพอย่าง ‘ราชาคนยักษ์’ โดยตรง จึงมีโอกาสได้เห็นเป็นครั้งคราวจากการเข้าเวรในป่าเสื่อมโทรมหรือบางจุดภายในวังราชาคนยักษ์เท่านั้น แถมยังไม่กล้าจ้องมองตรงๆ การเข้าเฝ้าแต่ละหนต้องก้มศีรษะต่ำ ส่งผลให้มิอาจสร้างรูปลักษณ์ของราชาคนยักษ์เออเมียร์ได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกันกับราชินีคนยักษ์โอมีเบล่าและบุตรชายคนโตอย่าง ‘เทพแห่งรุ่งอรุณ’ บาร์ดไฮเออร์ ทุกคนปรากฏบนความฝันของกรอซายในฐานะภาพวาดเสมือน

ในทำนองเดียวกัน กรอซายแทบไม่รู้ความลับใด ความเข้าใจโลกและประวัติศาสตร์เทียบไม่ได้เลยกับ ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส แต่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากก็คือ ในภาษายักษ์ คำว่า ‘ซอนญาธริม’ มีความหมายว่า ‘ผู้ทรยศ’ โดยคนยักษ์เชื่อว่าเทพบรรพกาลตนนี้คือต้นเหตุที่ทำให้ต้นตระกูลผีดูดเลือดอย่างลิลิธต้องร่วงหล่น

ไคลน์ทำใจเชื่อไม่ลง เพราะอุปนิสัยของราชาเอลฟ์นั้นหุนหันพลันแล่น ไม่ใช่พวกที่ชอบวางแผนซับซ้อน

คนที่มีโอกาสจะทำได้คือราชินีแห่งภัยธรรมชาติ แต่ปัญหาคือเธอไม่น่าจะเก็บซ่อนแผนการได้มิดชิดจนแม้แต่สามีซึ่งเป็นเทพบรรพกาลอย่างซอนญาธริมไม่ทันสังเกตเห็น… และในทางตรงกันข้าม การสมมติให้ราชาคนยักษ์เออเมียร์เป็นผู้ทรยศนั้นฟังดูเหมาะสมกว่า… ขณะไคลน์กำลังวิเคราะห์ ออเดรย์เปลี่ยนแนวทางการชักนำให้เป็นสิ่งที่กรอซายเคยเห็นหรือได้ยินภายในวังราชาคนยักษ์

แต่น่าเสียดายที่หลังจากกรอซายออกจากวังราชาคนยักษ์ได้ไม่นาน มันเดินทางผ่านเมืองรุ่นอรุณและแคว้นทองคำจนกระทั่งได้พบสมุดบันทึกที่นั่น ส่งผลให้ไม่เคยเห็นรูปลักษณ์และวัฒนธรรมของคนยักษ์ในต่างดินแดน

“ข้อมูลที่มีค่าที่สุดในปัจจุบันคือวิธีเลี่ยงการเข้าวังราชาคนยักษ์จากทางด้านหน้า… หลังจากผ่านหมู่บ้านยามบ่ายให้เลี้ยวเข้าป่าเสื่อมโทรมและอุโมงค์รกร้าง” ออเดรย์ที่เสร็จการชี้นำเดินกลับมาหาไคลน์และเลียวนาร์ด “สิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับภารกิจสำรวจของเดอะซันในอนาคต”

“อา… ไว้พวกเราค่อยบอกเขาในการชุมนุมครั้งถัดไป” ไคลน์พยักหน้า

ขณะชายหนุ่มเตรียมบอกให้ออกจากความฝันกรอซายและเข้าสู่ทะเลห้วงจิตรวมของหนังสือ ออเดรย์พลันหันหลังกลับและกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“มีเรื่องหนึ่งที่ไม่สมเหตุสมผล”

“เรื่องใด?” เลียวนาร์ดพยายามนึกทบทวนในสิ่งที่ได้เห็นและได้ฟัง แต่กลับไม่พบความน่าสงสัย

‘จัสติส’ ออเดรย์มองหน้า ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์และกล่าว

“เรื่องที่ศพของพ่อแม่ราชาคนยักษ์เออเมียร์ถูกฝังอยู่ในป่าเสื่อมโทรม… การออกกฎให้มีเพียงเทพบรรพกาลเท่านั้นที่เข้าไปเยี่ยมได้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย”

ในตอนแรกไคลน์เองก็ไม่พบความผิดปรกติในเรื่องดังกล่าว แต่หลังจากมิสจัสติสหยิบยกขึ้นมาพูด มันฉุกคิดบางสิ่งได้ทันที

“พ่อและแม่ของราชาคนยักษ์นั้นมีสถานะเทียบเท่าบรรพบุรุษของคนยักษ์ทั้งปวง… ในทางสามัญสำนึก บุคคลสำคัญเช่นนี้ควรจะถูกกราบไหว้บูชาโดยคนยักษ์ทั้งเผ่าพันธุ์…”

“ถูกต้อง ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ต้องเคารพนับถือบรรพบุรุษ คนยักษ์ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในความฝันของกรอซายก็มีการสังเวยถึงพ่อแม่ของราชาคนยักษ์จากด้านนอกป่าเสื่อมโทรม” ออเดรย์ผงกศีรษะในเชิงเห็นพ้อง “หากไม่มีปัจจัยภายนอกมารบกวน ราชาคนยักษ์ก็ควรจะเปิดให้มีการเข้ามากราบไหว้บูชาหลุมศพของบรรพชนเป็นระยะเพื่อเทิดทูน ไม่ใช่การออกกฎให้มีแต่ตัวเองที่เข้าไปได้”

“บางทีป่าเสื่อมโทรมอาจเต็มไปด้วยอันตรายก็ได้ ต้องไม่ลืมว่ายักษ์ต้นกำเนิดนั้นเป็นพวกเสียสติ บ้าคลั่ง และป่าเถื่อน หลังจากเสียชีวิตไป ศพของพวกเขาอาจจะกัดกร่อนสภาพแวดล้อมรวมถึงผืนป่าแห่งนี้ทั้งหมด เรื่องแบบนี้ฟังดูไม่เกินเลยไปนัก” เลียวนาร์ดแสดงความเห็น

ออเดรย์และไคลน์ส่ายหน้าพร้อมกับ เป็นนัยหักล้างแนวคิดดังกล่าว

“ถ้ามีแค่ปัจจัยด้านความอันตราย ‘ราชินีคนยักษ์’ โอมีเบล่าและ ‘เทพแห่งรุ่งอรุณ’ บาร์ดไฮเออร์ก็น่าจะทนการกัดกร่อนไหว และยิ่งถ้าได้รับความช่วยเหลือจากราชาคนยักษ์ โอกาสที่จะเกิดปัญหาก็แทบเป็นศูนย์ แต่ถึงกระทั่งคนใหญ่คนโตทั้งสองก็ยังถูกห้ามมิให้เข้าไปในป่าเสื่อมโทรม กระทั่งการให้ ‘เทพ’ พาเข้าไปก็ไม่ได้รับอนุญาต” ไคลน์อธิบายหลักการและเสนอแนวคิด “บางทีศพที่ถูกฝังอยู่ด้านใน… ศพของพ่อและแม่ราชาคนยักษ์อาจซ่อนความลับหรือปริศนาที่ยิ่งใหญ่เอาไว้”

“มีโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นมากทีเดียว” ออเดรย์พยักหน้าขึงขัง

ในสภาพสวมหน้ากากเงิน ดวงตาสีเขียวของเธอกลอกไปมาเล็กน้อยราวกับกำลังเผยความอยากรู้อยากเห็น

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ความลับใดกันที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ภรรยา ลูกหลาน เทพรับใช้ และพวกพ้องร่วมเผ่าพันธุ์รับรู้ได้? คำถามนี้น่าสนใจมากทีเดียว…” เลียวนาร์ดฉีกยิ้มขณะปล่อยให้ความคิดล่องลอย

หลังจากปรึกษาหารือเสร็จ ทั้งสามรีบผ่าน ‘อุโมงค์รกร้าง’ เข้าไปในเขตพระราชฐานของคนยักษ์จนกระทั่งมองเห็นวังที่แสงสนธยาถูกแช่แข็ง

จากประสบการณ์ส่วนตัวของไคลน์ นี่คือเส้นทางเดียวกับภายในความฝันของกรอซาย

แต่ในคราวนี้ ไคลน์ไม่ต้องพึ่งพาพลังจากยุบพองหิวโหยเพื่อยืมพละกำลังของซอมบี้มาเปิดประตูบานใหญ่ซึ่งเป็นเขตห้องพักองครักษ์ เพียงออเดรย์บิดเบือนความฝัน บานประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดายราวกับแผ่นกระดาษ เนื่องจากไคลน์พกพาไม้กางเขนเจิดจรัสมาด้วย มันจึงหมดสิทธิ์พกพาสมบัติวิเศษอื่นๆ อย่างยุบพองหิวโหย

ด้านนอกประตูเป็นโลกที่พร่ามัว ฉากอีกฝั่งไม่ใช่ภายในวังราชาคนยักษ์หากแต่เป็นหน้าผา

หลังจากถกเถียงกันถึงวิธีที่จะเข้าไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวม ออเดรย์เริ่มด้วยการสร้างขั้นบันไดจากยอดหน้าผา

ขั้นบันไดวนเวียนลงไปเรื่อยๆ ท่ามกลางโลกแห่งจิตที่ดำมืด พร่ามัว เงียบเชียบ และไร้ก้นบึ้ง

ทั้งสามไม่มัวรีรออีกต่อไป รีบลงบันไดและก้าวเดิน

บรรยากาศที่เงียบเชียบและโดดเดี่ยวเช่นนี้รุนแรงพอจะทำให้ใครสักคนกลายเป็นบ้า เมื่อเดินไปถึงระยะหนึ่ง ออเดรย์จำต้องใช้พลังปลอบโยนกับทุกคน

เป้าหมายที่ออเดรย์ต้องปลอบโยนไม่ได้มีเพียงไคลน์ เลียวนาร์ด และตัวเธอเอง แต่ยังรวมถึงหน้าผาสีเทาอ่อนที่เป็นจิตใต้สำนึกของกรอซาย เพื่อป้องกันไม่ใช้คนยักษ์รายนี้สร้างความวุ่นวายจนวิญญาณดาราและกายปัญญาของพวกตนถูกปนเปื้อน

ท่อนแขนเน่าๆ ขนาดมหึมาที่ ‘เคย’ ไล่ล่าไคลน์ในความฝันกรอซายเมื่อนานมาแล้วกลับไม่โผล่ออกมาในครั้งนี้ แม้กระทั่งความรู้สึกอ้างว้าง เงียบเชียบ และไม่สิ้นสุดก็ไม่ได้น่าหวาดหวั่นเหมือนคราวก่อน เนื่องจากทั้งสามสามารถสนทนากันได้

“ที่นี่คือโลกแห่งจิต ขอบเขตแห่งจิตใต้สำนึกที่แตกต่างจากสถานที่อื่น” ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดมองไปรอบตัวพลางต้องการจะเขียนกวีสักสองสามบทเพื่อสื่อความรู้สึก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมแพ้

หากเป็นภารกิจอื่น ไคลน์คงบอกให้นักกวีเพื่อนรักช่วยเงียบเสียง แต่ถ้าเป็นที่นี่ มันรู้สึกว่าคงเป็นการดีกว่าหากจะคุยอะไรเรื่อยเปื่อย

ออเดรย์ไม่ปฏิเสธการสื่อสาร กล่าวออกมาอย่างจริงจัง

“แก่นสารของสภาพแวดล้อมเกิดจากความรู้สึกของตัวเรา โดยหน้าผาที่เห็น ผนังหินสีเทา และโลกที่พร่ามัว ทั้งหมดคือสิ่งสะท้อนจิตใต้สำนึกของตัวเราเอง… ถ้าเราเป็นเผ่าพันธุ์อื่น ภาพก็จะแตกต่างออกไป…”

“…ชักเริ่มสนใจจิตวิทยาขึ้นมาแล้วสิ” เลียวนาร์ดกล่าวหลังจากได้ฟัง

ไคลน์ชำเลืองด้วยหางตาและเกิดอยากจะพูดออกไปว่า ด้วยนิสัยและบุคลิก เลียวนาร์ดไม่เหมาะกับเส้นทางผู้ชมในทุกประตู

ขณะพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ทั้งสามไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนกระทั่งฝ่าเท้าเหยียบลงบนพื้นสีเทาทึบแต่พร่ามัว

เมื่อแหงนมองขึ้นไป พวกมันเห็นแสงและเงาที่สอดประสานอยู่ร่วมกันและเรียงร้อยกลายเป็นทะเลมายา

ขณะไคลน์ เลียวนาร์ด และออเดรย์กำลังเดินตรงไปข้างหน้า ‘เสาน้ำวน’ พลันพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกับเผยให้เห็นร่างที่ค่อนข้างพร่ามัว

เป็นคนยักษ์สีเทาอมฟ้าซึ่งสูงหกเจ็ดเมตร หน้าอกปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรและลวดลายกับอักขระที่ยากจะอธิบาย ไม่มีใครเข้าใจความหมาย

ดวงตาหนึ่งเดียวแนวตั้งเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยจนแดงก่ำ แผ่ออร่าที่ดุร้ายจนยากจะปกปิด ราวกับต้องการทำลายทุกสิ่ง ในปากของมันมีขามนุษย์ชุ่มเลือดคาอยู่

คนยักษ์ระดับครึ่งเทพ!

สิ่งนี้คือภาพฉายที่หลงเหลืออยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวม บางทีอาจเกิดจากการที่เคยเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์อื่น หรือไม่ก็เป็นประสบการณ์ที่กรอซายเคยได้ยินได้ฟังมา

ในวินาทีที่ปรากฏตัว ความบ้าคลั่งของมันพลันแพร่กระจายไปยังไคลน์และคนข้างเคียง ราวกับโรคระบาดทางจิต!

นี่คือโลกที่เกิดจากการสัมผัสกับจิตและจิตใต้สำนึกของใครสักคนโดยตรง!

………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

LotM, Quỷ bí chi chủ, ราชันเร้นลับ, ราชันโลกพิศวง, 序列的戰爭 (old), 诡秘之主 (new)
Score 9.4
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset