Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1069 : ‘ก้นทะเล’

ยักษ์ที่ปากชุ่มเลือดและมีดวงตาแนวตั้งนั้นเป็นเพียงภาพมายา แก่นแท้ของมันคืออารมณ์อันแรงกล้าที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต

แรกเริ่มเกิดจากอารมณ์เข้มข้นซึ่งแผ่ซ่านเข้าสู่จิตใต้สำนึก จากนั้นก็แผ่ขยายจากเกาะวิญญาณของตัวเองไปยัง ‘มหาสมุทร’ มายาที่อยู่โดยรอบและปักหลักกลายเป็นตราประทับ – ไม่ใช่ทุกอารมณ์หรือสติที่จะกลายเป็นตราประทับ ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปตามกาลเวลา หรือไม่ก็ถูกชะล้างด้วย ‘น้ำทะเล’ มีเพียงอารมณ์ที่รุนแรงหรือเกิดซ้ำๆ เท่านั้นจึงจะอยู่รอด

และเมื่อความคิดดังกล่าวกลายเป็นตราประทับ นั่นหมายถึงการเป็น ‘หยดน้ำ’ ในทะเลจิตใต้สำนึกรวม สิ่งนี้สามารถส่งผลอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันรอบๆ ตัวจนกระทั่งกลายเป็น ‘ความคิดร่วม’ เมื่อนานวันเข้าก็แปรสภาพกลายเป็น ‘ความทรงจำ’ โบราณที่จารึกไว้ในลมหายใจ

ดังนั้นร่างสัตว์ในตำนานที่คนยักษ์มายาตนนี้เผยออกมาไม่เพียงจะพร่ามัว แต่ยังมีหลายจุดที่ผิดเพี้ยนเพราะถูกแต่งเติมด้วยจิตสำนึกส่วนตัว และตามปรกติแล้ว เลียวนาร์ดกับออเดรย์จะมิอาจจ้องมองได้โดยตรง ไม่อย่างนั้นจะเกิดความสับสนทางจิตและเกิดอาการสติแตก ทว่าความบ้าคลั่งที่มาพร้อมกับมัน – ความกลัวจนถึงขีดสุดซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหน – เป็นอารมณ์ที่ใกล้เคียงความจริงอย่างมาก ส่งผลให้สามารถแพร่เชื้อเข้าสู่กายาปัญญา วิญญาณดารา หรือแม้กระทั่งร่างวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด!

นี่คืออันตรายโดยทั่วไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวม มิได้ถือกำเนิดจากพลัง ระดับ หรือตัวเอง แต่มาจากอารมณ์ความรู้สึกที่เข้มข้น

แน่นอนว่าถ้าได้เผชิญหน้ากับตราประทับของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงหรือเทพ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะได้เห็นร่างสัตว์ในตำนานโดยตรง และผลลัพธ์ก็จะลงเอยด้วยอาการสติแตกหรือไม่ฟั่นเฟือน กลายเป็นโดยสมบูรณ์ หรือต่อให้รอดมาได้ก็จะถูกอารมณ์ของเทพหรือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกัดกร่อน ยากที่จะคาดเดาชะตากรรม

สรุปได้ว่าภายในทะเลจิตใต้สำนึกรวม วิธีการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะแตกต่างจากโลกภายนอก ในบางกรณี ยิ่งพยายามทำลายภาพลวงตามากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสติดเชื้อจากอารมณ์ที่สั่นคลอนมากเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อไคลน์เห็นยักษ์สีเทาอมฟ้าสูงเจ็ดแปดเมตรปรี่เข้าหา ชายหนุ่มรีบควบคุมอารมณ์เป็นอันดับแรกทันที

จากนั้นก็ใช้ ‘ภาพลวงตา’

เป้าหมายของภาพลวงตาคือเลียวนาร์ดและออเดรย์

ส่งผลให้ในสายตาของผู้วิเศษลำดับ 5ทั้งสองคน คนยักษ์ที่สูงเท่าตึกสองสามชั้นตรงหน้าปราศจากความบ้าคลั่งและเกรี้ยวกราดที่ควรจะมี สิ่งที่เห็นกลายเป็นเพียงคนยักษ์ธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น

ดังนั้นก่อนที่ความรู้สึกอันเข้มข้นจะแล่นเข้าสู่ร่างกาย เลียวนาร์ดและออเดรย์อยู่ในภาวะเยือกเย็นเป็นที่สุด ไม่มีการสั่นไหวของอารมณ์

ทันทีหลังจากนั้น เลียวนาร์ดนำล้วงกระเป๋าและเหยียดแขนขวาไปข้างหน้าพลางอ้าปากเล็กน้อย

เดิมทีในฐานะจอมอาคมวิญญาณ มันต้องการจะใช้วิญญาณดวงแรกอย่าง ‘แบนชี’ ซึ่งผนึกเข้าไปในฟันด้วยความช่วยเหลือจากอาร์ชบิชอป (เป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังซึ่งมีใบหน้างดงาม ร่างกายเน่าเปื่อย มีปีกอินทรีขนาดใหญ่สยายออกจากแผ่นหลังหนึ่งคู่ เก่งกาจด้านการแทรกแซงจิตใต้สำนึกของผู้อื่นและอัดฉีดความกลัวเข้าไป) แต่เพียงไม่นานมันก็นึกขึ้นได้ว่า ปัจจุบันไม่เพียงมันจะอยู่ในร่างวิญญาณดารา แต่ยังมีพรแห่งการชำระล้างของหมอกสีเทา เช่นนั้นแล้วยังจะมีวิญญาณอื่นหลงเหลือใน ‘ร่าง’ ได้อย่างไร

เมื่อไม่มีทางเลือก มันเปลี่ยนไปใช้พลังของ ‘ผู้ปลอบวิญญาณ’ พร้อมกับดวงตาที่ซีดลง

คนยักษ์มายาเริ่มชะลอพฤติกรรมทันที คล้ายกับอารมณ์ของมันบรรเทาลงบางส่วน

ทันใดนั้นออเดรย์ยังกางแขนออกอย่างเยือกเย็นและใช้ปลอบโยน

สายลมที่มองไม่เห็นพัดผ่าน คนยักษ์มายาพลันหยุดนิ่งพร้อมกับลดการแพร่เชื้อไปยังสิ่งรอบข้าง

ระหว่างนั้นไคลน์หยิบไม้กางเขนทองแดงซึ่งเต็มไปด้วยหนามออกมามือ ตามการด้วยเปิดขวดบรรจุเลือดของตัวเองและเทลงบนไม้กางเขนราวสองสามหยด เปล่งเสียงด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม:

“แสง!”

แสงที่ทั้งเจิดจ้า บริสุทธิ์ผุดผิด และไร้ที่ติพลันส่องสว่าง เสื้อกันลมสีดำของไคลน์สะบัดพลิ้วพร้อมกับการถูกแสงกลืนกินของคนยักษ์มายา

แทบไม่มีการต่อต้าน คนยักษ์สีเทาอมฟ้าละลายหายไปอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในพลังหลักของไม้กางเขนเจิดจรัสคือการลบหรือชำระล้างตราประทับทางวิญญาณที่หลงเหลือ!

นี่คือเหตุผลที่ไคลน์เลือกพกพาสมบัติปิดผนึกชิ้นนี้

และขณะที่ใช้พลังของไม้กางเขนซึ่งเป็นมรดกจากเทพสุริยันบรรพกาล ไคลน์ตัดสินใจสลายภาพมายาเพื่อให้เลียวนาร์ดและออเดรย์ ‘เห็น’ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของคนยักษ์มายา ทั้งสองจะได้มีประสบการณ์ในเรื่องทำนองนี้ติดตัวไว้บ้าง

แม้คนยักษ์มายาจะถูกแสงเจิดจ้าชำระล้างหายไปภายในไม่ถึงเสี้ยววินาที แต่ออเดรย์และเลียวนาร์ดก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะวิงเวียนศีรษะรุนแรง ความหวาดกลัวและกระวนกระวายผุดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ สติแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับอาการบ้าคลั่ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ออเดรย์รีบใช้ปลอบโยนกับตัวเองตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็ช่วยแก้ไขอาการทางจิตของมิสเตอร์สตาร์และมิสเตอร์เวิร์ล

“น่ากลัวมาก… นี่คือคนยักษ์ระดับครึ่งเทพ?” จนกระทั่งแสงสว่างดับไป ‘จัสติส’ ออเดรย์มองไปรอบๆ และกล่าวด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ทันใดนั้น เธอเข้าใจประโยคหนึ่งอย่างลึกซึ้ง

ห้ามจ้องมองเทพ!

แม้แต่ครึ่งเทพระดับนักบุญที่มาเพียงภาพฉายก็ยังมิอาจจ้องมองได้โดยตรง นับประสาอะไรกับเทพแท้จริง?

เลียวนาร์ดที่ได้รับประสบการณ์คล้ายคลึงกันพลันหัวเราะแห้ง

“ผู้วิเศษลำดับ 4 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในระดับตัวตนอย่างมาก แต่นั่นก็ยังไม่เท่าไร… ไม่น่ากลัวเท่ากับตอนที่ผมเผชิญหน้าสตรีมีครรภ์คนหนึ่ง”

ทำไมพวกนักกวีถึงชอบโอ้อวดนัก? ตอนสู้กับเมกูสนายสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างอิสระ แต่กับเมื่อครู่ ถ้าฉันไม่สร้างภาพลวงตา รับประกันได้เลยว่ามีคนคลุ้มคลั่งแน่นอน… ทว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปถ้าเมกูสคลอดทารกในท้องออกมา ลำพังการจ้องมองก็มากพอจะทำให้พวกเราคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาด… ไคลน์รำพันจิกกัดเลียวนาร์ดพลางหวนนึกถึงความทรงจำเก่า

“สตรีมีครรภ์คนนั้นเป็นครึ่งเทพหรือคะ?” ออเดรย์ถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่…” เลียวนาร์ดส่ายหน้า “แต่เธอกำลังตั้งครรภ์ทายาทของเทพมาร”

อย่างนี้นี่เอง… ออเดรย์ไม่ถามซักไซ้เนื่องจากทราบดีว่าการสำรวจยังไม่จบลง ไม่ควรเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ

หญิงสาวมองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ในเสื้อกันลมสีดำซึ่งถือไม้กางเขนทองแดงและขวดโลหะ จากนั้นก็ยิ้มและพูด

“ขอบคุณที่ช่วยปิดกั้นการรับรู้ของพวกเรา… เอ่อ… หลังจากนี้พวกเราควรไปไหนต่อ?”

ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลัง ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะทราบว่าเมื่อครู่ตนเพิ่งได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่จาก ‘เดอะเวิร์ล’

ไคลน์ซึ่งพยายามควบคุมจิตใต้สำนึก อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ

“ทะเลจิตใต้สำนึกรวมไม่มีพื้นที่ใจกลางหรือ?”

“ไม่มีค่ะ” ออเดรย์ส่ายหน้าขึงขัง “ที่ใดมีสิ่งมีชีวิต ที่นั่นมีทะเลจิตใต้สำนึกรวม… ในทะเลดังกล่าว ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนเท่าเทียม แต่รูปแบบของทะเลจิตใต้สำนึกรวมจะแตกต่างออกไปตามสภาพแวดล้อม เราเรียกมันว่า ‘การตั้งรกราก’ … ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ ทะเลจิตใต้สำนึกรวมในโลเอ็นจะแตกต่างจากของอินทิส เพราะเกิดจากการ ‘ตั้งรกราก’ อย่างยาวนานของชาวโลเอ็น โดยในทางกลับกัน ทะเลจิตใต้สำนึกรวมจะสร้างอิทธิพลต่อนิสัยของชาวโลเอ็นในละแวกดังกล่าว ส่งผลให้มีอารมณ์หรือบุคลิกที่แตกต่างจากชาวอินทิส”

หลังจากอธิบายจบ ‘จัสติส’ ออเดรย์ขมวดปม

“เมื่อทะเลจิตใต้สำนึกรวมมีธรรมชาติเป็นเช่นนี้ แล้วจะให้มีพื้นที่ใจกลางได้อย่างไร?”

ไคลน์พยักหน้าพลางถามครุ่นคิด:

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง… คุณเองก็แนะนำไม่ได้ใช่ไหมว่าพวกเราควรไปทางไหน?”

อุก… มิสเตอร์เวิร์ลพูดตรงเกินไปแล้ว… หากเป็นสุภาพสตรีหรือสุภาพบุรุษที่มีจิตใจอ่อนแอ หัวใจคงปวดร้าวและเจ็บแปลบ… ออเดรย์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะหันไปเห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ปัจจุบันดวงตาคู่นั้นปราศจากความบ้าคลั่งและเย็นชา มีเพียงความสงบนิ่งและลุ่มลึก

หรือว่า… ออเดรย์ฉุกคิดถึงบางสิ่งและเริ่มตระหนักว่ามิสเตอร์เวิลด์จงใจพูดตรงๆ เพื่อให้เธอพยายามเก็บรายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นการถือโอกาสสั่งสมประสบการณ์ที่หาได้ยาก

“ใช่ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าอย่างใจเย็นโดยปราศจากความเขินอาย

ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาพลางจ้องไปทาง ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ด

“อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้น… ขอบเขตของผมสิ้นสุดแค่ความฝัน มิใช่ทะเลจิตใต้สำนึกรวมแสนพิสดารเช่นนี้” เลียวนาร์ดรีบโบกมือ

เมื่อเทียบกับมิสจัสติสที่อ่อนประสบการณ์ เลียวนาร์ดซึ่งอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้จังหวะว่าตอนไหนควรฝืนและตอนไหนไม่ควร

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามผมมา” ไคลน์ถอนสายตากลับและเปลี่ยนไปถือไม้กางเขนเจิดจรัสที่กลับมาเป็นสีทองแดงด้วยมือข้างที่ถือขวดโลหะ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่นำเหรียญทองออกมาถือ

กิ๊ง!

ขณะเหรียญทองกำลังร่วงหล่น ชายหนุ่มคว้ามันไว้โดยไม่ตรวจสอบผลลัพธ์ แต่กลับเลือกทิศทางที่จะเดินไปได้ทันที

นี่คือวิธีการทำนายของเขา… ออเดรย์ตกตะลึงเล็กๆ

จากด้านข้าง หญิงสาวมองหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ซึ่งกำลังเผยสีหน้าขึงขังและเยือกเย็น เมื่อผนวกเข้ากับเสื้อกันฝนสีดำ หมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง และไม้กางเขนเจิดจรัส เธอพบว่าอีกฝ่ายดูคล้ายกับ ‘ผู้เผยแผ่ศาสนา’ อย่างบอกไม่ถูก

ส่วนเลียวนาร์ดย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต

เป็นคดีแรกที่มันและไคลน์ร่วมมือกันสืบหาเด็กชายที่ถูกลักพาตัวไป ในตอนนั้นไคลน์เองก็นำทางด้วยพลังทำนายโดยมีเลียวนาร์ดคอยตามหลังอย่างเชื่อใจ

เมื่อเทียบกับความเก้ๆ กังๆ ในตอนนั้น ปัจจุบันเขาชำนาญมากจนดูเหมือนเข้าสู่โลกของผู้วิเศษมานานกว่าสิบปี… แต่ในความเป็นจริงเพิ่งผ่านไปแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น… เลียวนาร์ดนำมือล้วงกระเป๋าและเดินตามไคลน์ด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ออเดรย์เหลือบมองเลียวนาร์ดและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์

มิสเตอร์สตาร์และมิสเตอร์เวิร์ลไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักในชีวิตจริง แต่พวกเขาน่าจะเคยเป็นเพื่อนที่สนิทกัน… อา… แต่น่าจะไม่ค่อยได้เจอกันในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา… ขณะครุ่นคิด ออเดรย์มิได้ลดความในการเดินเร็วลง พลางคอยสังเกตรายละเอียดรอบๆ ตัวและคาดคะเนจากสิ่งที่ร่ำเรียนมา ช่วยระบุว่าจุดใดอาจมี ‘กระแสน้ำวน’ หรือ ‘สัตว์ร้าย’ ซึ่งอาจดักซุ่มโจมตี

ด้วยความช่วยเหลือของหญิงสาว ไคลน์นำทางอย่างราบรื่นโดยไม่เผชิญหน้ากับศัตรูตรงๆ เหมือนกับในกรณีของ ‘คนยักษ์มายา’

บางครั้งก็เดินตรง บางครั้งก็หักเลี้ยว จนกระทั่งผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ดวงตาทั้งสามพลันเบิกกว้าง

นั่นเพราะสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ ‘หลุมลึกก้นทะเล’ โดยที่กึ่งกลางหลุมยักษ์มีเมืองขนาดเท่าเกาะ

ฐานของเมืองเป็นสีขาวนวล เรียงรายไปด้วยเสาหินที่งดงามซึ่งสูงหลายร้อยเมตร บ้างตั้งเด่นตระหง่านอย่างโดดเด่น บ้างก็รวมกันเพื่อค้ำจุนพระราชวังโบราณสูงตระหง่านที่โอ่อ่า ฉากตรงหน้าทั้งมหัศจรรย์และเลอค่า ดูแล้วไม่น่าจะใช่สถาปัตยกรรมที่สิ่งที่มีชีวิตทั่วไปสร้างขึ้นได้

แม้ออเดรย์จะไม่รู้จักเมืองนี้ แต่ความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในใจ:

เมืองแห่งปาฏิหาริย์… เลฟซิด…

…………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset