Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1078 : ความลับที่ซ่อนอยู่

นักบุญเร้นลับ โบทิส… ในระยะหลัง ฟอร์สมีประสบการณ์เกี่ยวกับโลกผู้วิเศษไม่น้อย ถึงขั้นเคยระแวงว่าตนอาจถูกเฝ้ามองโดยราชาเทวทูต ส่งผลให้ไม่เผยสีหน้ากระโตกกระตาก เพียงมองตรงอย่างเป็นธรรมชาติด้วยก้าวเดินปรกติ จนกระทั่งสวนกับชายที่สวมเสื้อกันลมสีดำ

ไม่กี่ก้าวถัดมา ทั้งสองก็สวนผ่านกันไป

หมอนี่บังเอิญผ่านมาแถวนี้เพราะถูกตะกอนพลังดึงดูด? ถ้ารู้ว่าอาจารย์อยู่แถวนี้ มันคงไม่มัวเอ้อระเหยแน่ คงรีบใช้พลังเทเลพอร์ตไล่ตามอาจารย์ไปติดๆ … โชคดีที่อาจารย์ขึ้นรถม้าและออกจากโรงแรมไปแล้ว… ฟอร์สเริ่มสงบจิตใจพร้อมกับบรรเทาความเครียด

เดินไปอีกสองสามก้าว หญิงสาวแหงนมองฟ้าเพื่อดูว่าฝนจะตกหรือไม่

ทันใดนั้น อีกาตัวหนึ่งบินมาจากที่ห่างไกลและร่อนลงเกาะบนต้นไม้ริมถนน หันหน้ามองในจุดที่ฟอร์สเพิ่งเดินผ่าน

ฟอร์สหยุดคิดเกี่ยวกับนักบุญเร้นลับ โบทิส ยังคงเดินด้วยความเร็วปรกติจนกระทั่งเปลี่ยนถนน

เนื่องจากชุมนุมแสงเหนือเลิกจัดชุมนุมลับในเบ็คลันด์ไปนานแล้ว แถมเป้าหมายยังเป็นครึ่งเทพ ฟอร์สจึงยังไม่มีแผนจะแก้แค้นให้อาจารย์ในเร็วๆ นี้ อย่าว่าแต่สู้ให้ชนะ ลำพังการค้นหาและล็อกเป้า ‘จอมเวทลึกลับ’ ให้ได้ก็นับว่ายากเต็มทน

คงต้องรอให้เรากลายเป็นนักท่องเที่ยวก่อน หากบังเอิญได้พบกับโบทิสอีก ถึงตอนนั้นเราจะจ้างงานมิสเตอร์เวิร์ล… เรื่องเดียวที่ยืนยันได้ในตอนนี้ก็คือ ชุมนุมแสงเหนือส่งนักบุญเข้ามาในเบ็คลันด์แล้ว… หืม… แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า ปลายทางของโบทิสคือที่อื่น แต่ระหว่างการเดินทางถูกตะกอนพลังดึงดูดให้หลงเข้ามาในเบ็คลันด์… ฟอร์สเริ่มขบคิดว่าตนควรขอความช่วยเหลือจากเดอะเวิร์ลดีไหม

เท่าที่เธอทราบ สุภาพบุรุษรายนี้สังหารครึ่งเทพไปแล้วอย่างน้อยสองตน โดยที่ยังเป็นครึ่งเทพได้ไม่ถึงสามเดือน!

แต่ละโบสถ์หลักจะมีครึ่งเทพเพิ่งสิบกว่าคนเท่านั้น… หากมิสเตอร์เวิร์ลรักษาความเร็วระดับนี้ เขาจะใช้เวลาเพียงสองปีในการกวาดล้างครึ่งเทพของโบสถ์หลักสักแห่งจนเกลี้ยง… แต่แน่นอน ความจริงไม่ใช่บัญญัติไตรยางศ์ เทียบกันแบบนั้นไม่ได้… ฟอร์สที่มีการศึกษาสูงเนื่องจากเรียนจบศัลยแพทย์ เดินไปตามถนนพร้อมกับปล่อยให้ความคิดล่องลอยจนกระทั่งขึ้นรถม้าเช่า

บนมิติเหนือสายหมอก ปัจจุบันมีการจัดชุมนุมย่อยซึ่งประกอบด้วยเดอะซัน เดอร์ริค แฮงแมน อัลเจอร์ และเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์

ทว่า จุดที่แตกต่างจากชุมนุมย่อยปรกติก็คือการมีมิสเตอร์ฟูลเข้าร่วมด้วย เนื่องจากจุดประสงค์ของเดอร์ริคคือการคัดเลือกสมบัติปิดผนึกชิ้นที่ตัวตนลึกลับรายนี้พึงพอใจ โดยจะแลกเปลี่ยนกับไม้กางเขนที่พระผู้สร้างเหลือทิ้งไว้

ขณะเดียวกันมันก็มีข้อสงสัยอยากปรึกษากับแฮงแมนและเดอะเวิร์ล จึงนัดชุมนุมย่อยเป็นปรกติพิเศษ

ดาบแสงเงิน หน้ากากสนธยา ไม้เท้าแห่งชีวิต ขลุ่ยแห่งการเสื่อมถอย… ทั้งหมดเป็นสมบัติปิดผนึกที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มาพร้อมผลข้างเคียงระดับหายนะ จำเป็นต้องผนึกให้แน่นหนา… ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า เมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีผู้วิเศษเส้นทางช่างฝีมือแม้แต่คนเดียว ได้แต่ภาวนาให้สมบัติต่างๆ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ… แม้จะมีสมบัติปิดผนึกระดับเทพอยู่ที่หอคอย แต่อย่างมากก็ทำได้แค่ ‘ป่น’ ตะกอนพลังและรอให้พวกมันจัดระเบียบใหม่ ไม่สามารถพัฒนาให้เป็นสมบัติวิเศษที่มีคุณภาพได้… เมื่อเดอะฟูล ไคลน์ฟังคำอธิบายของเดอะซันน้อยจบ มันรีบวิเคราะห์ข้อดีข้อน้อยในใจอย่างรวดเร็ว

สิ่งแรกที่ตัดทิ้งคือหน้ากากสนธยา เพราะผลข้างเคียงด้านลบของสมบัติปิดผนึกจากเจ้าเมืองคนแรกนั้นรุนแรงเกินไป

จริงอยู่ที่ไคลน์สามารถยกหน้ากากให้หุ่นเชิดใส่ เป็นการตัดปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินเสียงจากโลกแห่งความตาย นอกจากนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าหุ่นเชิดของตนจะกลายเป็นทาสหน้ากาก แต่ร่างต้นก็จะตายไปอย่างกะทันหันเข้าสักวัน

ถัดมามันตัดขลุ่ยแห่งการเสื่อมถอยออกด้วยเหตุผลที่คล้ายกัน จริงอยู่ที่ความสามารถด้านลางสังหรณ์จะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าพลังปีศาจในยุบพองหิวโหย แต่ผลข้างเคียงนั้นหลีกเลี่ยงได้ยากมาก

ถ้าเราให้ร่างต้นใช้ขลุ่ย จิตใจของเราจะเย็นชาจนมิอาจรักษา สิ่งนี้ขัดแย้งกับความสมดุลทางอารมณ์ที่มนุษย์ต้องรักษาระหว่างที่ก้าวไปเป็นเทพ และถึงจะส่งให้หุ่นเชิดใช้งานแทน ร่างต้นของไคลน์ก็จะสูญเสียความสามารถในการคิดและก่อความผิดพลาดได้ง่าย นั่นจะทำให้นักทำนายสูญเสียจุดแข็งของตนไป…

และเหนือสิ่งอื่นใด ขลุ่ยเลานี้ทำให้จิตใจของผู้คนในละแวกใกล้เคียงเสื่อมถอยลง แรงกระหายจะเข้ามาแทนที่ศีลธรรม ซึ่งไคลน์ยังไม่ต้องการให้ชาวถนนเบิร์คลุนจัดปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาลูกนอกสมรสตามมาอีกหลายคดี… สิ่งที่เหลืออยู่จึงมีแค่ดาบแสงเงินและไม้เท้าแห่งชีวิต… ไคลน์พึมพำในใจพลางรีบตัดสินใจเลือกหนึ่งจากสอง

หัวกะโหลกบริเวณด้ามของดาบแสงเงินนั้นมีสัญญาณชีพ… สำหรับไคลน์ สิ่งนี้แปลว่ามันสามารถเจรจากับอีกฝ่ายให้ลดผลข้างเคียงลงได้ ส่วนข้อจำกัดด้านความสูงนั้นไม่ใช่ปัญหา ในฐานะจอมเวทพิสดาร ไคลน์สามารถละทิ้งความ ‘หนา’ ของร่างกายและนำไปเพิ่มให้ส่วนสูงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสมดุลการเคลื่อนไหว เพราะพลังตัวตลกมีไว้ชดเชยจุดอ่อนในข้อนี้

ไม้เท้าแห่งชีวิตจะทำให้ผู้ถือเกิดการกลายพันธุ์ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับไคลน์ที่สามารถผลักภาระให้หุ่นเชิดถือแทน ในกรณีที่มีอวัยวะถูกแทนที่ด้วยพืชพรรณ หุ่นเชิดสามารถรักษาตัวเองได้ด้วยแหวนบุปผาโลหิต และสำหรับผลข้างเคียงด้านการเพิ่มชีวิตชีวาและอัตราการสืบพันธุ์ให้กับสิ่งมีชีวิตรอบข้าง ในสายตาไคลน์ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น

เนื่องจากสมบัติปิดผนึกทั้งสองชนิดสามารถขจัดผลข้างเคียงได้ทั้งคู่ ไคลน์จึงตัดสินใจจากจุดแข็งแทน สำหรับดาบแสงเงิน เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้มาจากโอสถนักล่าปีศาจแห่งเส้นทางนักรบ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือตั้งรับก็ล้วนยอดเยี่ยม แถมยังมีคุณสมบัติขจัดสิ่งชั่วร้าย ทำให้ต่อกรกับปีศาจได้ง่าย ส่วนไม้เท้าแห่งชีวิตมีข้อดีด้านการกระตุ้นและกลายพันธุ์ เหมาะแก่การทำให้คู่ต่อสู้หวาดหวั่น

หลังจากไตร่ตรองสักพัก จนกระทั่งเดอะซัน เดอร์ริคขอคำตอบ ไคลน์ตอบไม่เร็วไม่ช้าประหนึ่งกำลังพูดเรื่องทั่วๆ ไป

“ไม้เท้า”

ในที่สุดมันก็ตัดสินใจเลือกไม้เท้าแห่งชีวิต!

อันที่จริง ทั้งดาบแสงเงินและไม้เท้าแห่งชีวิตต่างมีข้อดีคนละแบบ ประสิทธิภาพสูสีกันมาก การตัดสินใจให้เด็ดขาดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท้ายที่สุด ไคลน์กลับเลือกด้วยเหตุผลที่หลายคนต้องคาดไม่ถึง

ไม้เท้าแห่งชีวิตที่ถูกนิยามว่ามีพลังอันน่าขนลุก อีกนัยหนึ่งสามารถเรียกได้ว่าแปลกประหลาด และนั่นจะช่วยให้ไคลน์สามารถสวมบทบาทในฐานะจอมเวทพิสดารได้ง่ายขึ้น ย่อยโอสถได้เร็วขึ้น!

“ครับ มิสเตอร์ฟูล” เดอะซัน เดอร์ริคตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้น

เพราะสิ่งนี้หมายความว่า ทันทีที่เสร็จสิ้นพิธีกรรมสังเวย มันจะได้รับสิ่งตอบแทนเป็นไม้กางเขนของพระผู้สร้าง

เมื่อบรรลุจุดประสงค์หลัก มันหันไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่ง

“มิสเตอร์เวิร์ล… นอกจากสมองที่สมบูรณ์ของมังกรจิตโตเต็มวัย คุณต้องการสูตรโอสถลำดับค่อนข้างสูงของเส้นทางนักเพาะปลูกเพิ่มด้วยไหม?”

เนื่องจากข้อมูลของทางเลี่ยงวังราชาคนยักษ์มาจากปากเดอะเวิร์ล เดอร์ริคจึงต้องถามเดอะเวิร์ล หาใช่มิสเตอร์ฟูล

แต่แน่นอน ในมุมมองของเด็กหนุ่ม มิสเตอร์เวิร์ลซึ่งเป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล สามารถเรียกได้ว่าเป็นปากเสียงแทนมิสเตอร์ฟูลได้ในระดับหนึ่ง

สูตรโอสถลำดับค่อนข้างสูงของเส้นทางนักเพาะปลูก… เดอะฟูล ไคลน์ที่นั่งในตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงยาวพลันปวดหัวกะทันหัน ภายในใจกำลังเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรง

มันมองเห็นเจตนาที่แท้จริงของเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ จริงอยู่ที่นักล่าปีศาจรายนี้ปรารถนาอนาคตอันสดใสหลังจากสำรวจวังราชาคนยักษ์ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่ได้รีบร้อน มันเตรียมใจที่จะอาศัยอยู่ในความมืดต่อไปหากผลการสำรวจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ดังนั้นมันจึงจงใจเอ่ยถึงสูตรโอสถนักเพาะปลูกเพื่อหยั่งเชิงว่ามิสเตอร์ฟูลมีอำนาจที่เกี่ยวข้องในขอบเขตนี้หรือไม่ หรือกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังมีผู้วิเศษเส้นทางนี้ไหม เพราะหากเดอะฟูลตอบสนองในเชิงบวก นั่นหมายความว่าเมืองเงินพิสุทธิ์สามารถยกระดับความเป็นอยู่ขึ้นไปได้อีก

และในทางกลับกัน ฝั่งไคลน์เองก็มีเรื่องให้ต้องปวดหัว ปัจจุบันแฟรงค์·ลีเพิ่งเขียนจดหมายว่า งานวิจัยของตนเหลืออีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น หมายความว่าการเลื่อนเป็นลำดับ 5 ดรูอิดจะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวจบลงทันที และสิ่งนี้ทำให้ไคลน์ต้องคิดหนัก

อนาคตจะเป็นยังไง… เราไม่รู้… แต่ตอนนี้ต้องใส่ใจกับปัจจุบันก่อน… ถ้าโลกจะแตกเพราะผู้วิเศษลำดับ 5 แค่คนเดียวก็ให้มันรู้ไป… นอกจากนั้น มาดามเฮอร์มิทกลายเป็นครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว ลำพังเธอน่าจะดูแลแฟรงค์ไหว… หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์สั่งให้เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์มอบคำตอบ

“ลำดับ 5”

“แล้วถ้ามีลำดับที่สูงกว่านั้น?” เดอะซัน เดอร์ริคถามอย่างรอบคอบ

ไคลน์รู้สึกราวกับกำลังถูกทดสอบ จึงเงียบไปสักพักจึงค่อยตอบ

“ถ้าทางนั้นยินดีมอบให้ ทางนี้ก็ไม่ขัดข้อง…”

“ตกลงครับ” เดอะซัน เดอร์ริคไม่ถามซักไซ้ เพียงหันไปคุยกับบุรุษด้านข้าง “มิสเตอร์แฮงแมน ผมมีคำถาม ทำไมจู่ๆ ท่านเจ้าเมืองถึงพูดเรื่องสูตรโอสถของเส้นทางนักเพาะปลูกขึ้นมา?”

แฮงแมน อัลเจอร์ชำเลืองไปทางเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เล็กน้อยก่อนจะกล่าว

“นี่คงเป็นการทดสอบของเจ้าเมือง เพื่อหยั่งเชิงว่าสภาพแวดล้อมของเมืองเงินพิสุทธิ์สามารถถูกปรับปรุงได้หรือไม่… ถ้าผมจำไม่ผิด ตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์กล่าวเอาไว้เพียงว่า ราชินีของราชาคนยักษ์คือเทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยว… แต่ในบันทึกของตระกูลผีดูดเลือด มีการระบุชัดเจนว่าเทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยวมีพระนามว่าโอมีเบล่า และเมืองเงินพิสุทธิ์ของคุณก็เคยศรัทธาในพระองค์… ความคิดของผมในตอนนั้นก็คือ สิ่งที่น่าจะเป็นความจริงมีแค่ชื่อโอมีเบล่า ส่วนประเด็นอื่นอาจเป็นการปั้นแต่งของผีดูดเลือด… แต่เมื่อทราบว่าเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์จู่ๆ ก็เอ่ยถึงสูตรโอสถของเส้นทางนักเพาะปลูกที่ไม่เคยถูกกล่าวถึงมาก่อน ผมเริ่มเชื่อว่าตำนานที่มิสเตอร์มูนเล่านั้นคงเป็นเรื่องจริง… และนั่นทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมเมืองเงินพิสุทธิ์ถึงต้องปกปิดความจริงที่เคยนับถือเทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยว แม้แต่พระนามเต็มก็ยังถูกปกปิดโดยเจตนา… ต้องมีความลับสำคัญซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่”

“ความลับสำคัญ…” เดอะซัน เดอร์ริคไตร่ตรองหน้าเครียด แต่ก็นึกอะไรไม่ออก

โชคดีที่เรื่องนี้ไม่สำคัญกับมันนัก เพียงไม่นานก็รีบยุติการชุมนุมและกลับสู่เมืองเงินพิสุทธิ์ เตรียมแลกเปลี่ยนสมบัติปิดผนึก

…………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset