Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1081: ชายผู้กลับมา

หลังจากแพทริค·สวดจบ กะโหลกจำนวนมากรอบโลงศพสีดำค่อยๆ ถูกฉาบด้วยชั้นสีเขียวขุ่น ผสมผสานกับสีขาวของตัวมันเอง กลายเป็นภาพที่น่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

ยิ่งระบำวิญญาณเข้มข้นขึ้น ราวกับเสียงจากโลกแห่งความตายกำลังกู่ร้อง กะโหลกจำนวนมากด้านล่างลอยขึ้นทีละหนึ่งราวกับมีชีวิตชีวา

จากนั้น พวกมันลอยเข้าไปในโลงศพสีดำที่ดูหนักอย่างโกลาหลแต่ค่อนข้างเป็นระเบียบ กะโหลกแล้วกะโหลกเล่าพุ่งผ่านฝาโลงไปราวกับพวกมันเป็นเพียงภาพมายา

โลงศพมีสภาพไม่ต่างจากวังวนลึกไร้ก้นบึ้ง ขนาดของมันขยายใหญ่พร้อมกับแผ่ไอความเย็นที่สูงส่งและน่าเกรงขาม แพทริค·เบรนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มศีรษะลงต่ำ

นี่คือเทวทูต ออร่าแห่งกงสุลมรณะ!

ทันใดนั้น เหล่าสาวกแห่งความตายที่กำลังเต้นรำอย่างขันแข็ง ทั้งหมดล้มฟุบลงไปบนพื้นอย่างไม่ได้สติด้วยร่างกายสั่นกระตุก ความคิดเริ่มสับสนอลหม่านราวกับกำลังเดินทางเข้าไปในโลกแห่งความตาย

และเหนือสายหมอกสีเทา เดอะฟูล ไคลน์ที่อาศัยความช่วยเหลือจากหุ่นเชิดเป็นจุดตั้งต้นและขยาย ‘การมองเห็น’ ออกไปไกลลิบ ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่า บททดสอบของไฮเทล ผู้นำของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม เทวทูตผู้กำลังนอนอยู่ในอนุสาวรีย์บรรจุศพ ไม่ได้ทรงพลังเกินความคาดหมายของตน – เป็นพลังสำหรับ ‘สยบ’ ผู้วิเศษเส้นทางมรณาที่มีระดับต่ำกว่า สามารถใช้ควบคุมร่างกายและสืบข้อมูลจากแพทริค·เบรนได้โดยตรง

ไม่ผิดนักหากจะมองว่านี่คือการ ‘สอบปากคำ’ ในระดับวิญญาณ เป็นสิ่งที่ไคลน์มีประสบการณ์ในการรับมือ

มันเสกไพ่นักบวชสีชาดมาอยู่ในมือและสอดเข้าไปในร่างกาย

เพียงพริบตา ร่างวิญญาณไคลน์สวมชุดคลุมสีแดงเข้ม ดูคล้ายกับสีที่เกิดจากสนิมและควันดินปืน บนใบหน้าถูกปกคลุมด้วยหน้ากากสีทองเข้ม ลวดลายบนหน้ากากค่อนข้างโบราณและขัดแย้งกับมงกุฎฝังอัญมณีสีแดง น้ำเงิน และเขียวบนศีรษะ

ถัดมา ไคลน์ระดมพลังทั้งหมดของมิติหมอกเท่าที่ทำได้และเปลี่ยนให้เป็นกระแสที่มองไม่เห็น ถ่ายเทเข้าไปในกระดาษคนที่พับเตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็ส่งไปหา ‘อมรณา’ แพทริค·เบรนผ่านจุดแสงแห่งการสวดวิงวอน

ในเวลาเดียวกัน แพทริค·เบรนที่ร่างกายกำลังสั่นเทาเนื่องจากยอมสยบต่อออร่าของอาจารย์ เริ่มมองเห็นปีกศักดิ์สิทธิ์หลายคู่

ไคลน์จงใจปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเทวทูตเพลิง เลือกจะเผยให้เห็นแค่บางส่วน เป็นการดัดแปลงแค่ด้าน ‘เอฟเฟกต์’

ปีกศักดิ์สิทธิ์คู่แล้วคู่เล่นโอบกอดแพทริคและหายไป ช่วยให้มันมองเห็นเนื้อแท้ของภาพหลอน

ในฐานะครึ่งเทพลำดับ 4 แพทริคได้สติในทันที ตระหนักว่าตนสามารถแข็งข้อต่อความรู้สึก ‘ยอมสยบ’ และ ‘จำนน’ ต่ออาจารย์ตัวเอง คล้ายกับจิตใต้สำนึกถูกกระชากออกจากร่างขึ้นไปยังด้านบนโลกแห่งจิต สามารถจดจ้องทุกสิ่งเบื้องล่างอย่างเยือกเย็น

ขณะเดียวกัน แพทริค·เบรน สาวกเดนตายของมรณา เชื่อโดยสนิทใจว่าอ้อมกอดเทวทูตเมื่อครู่เป็นพรจากมรณาโดยตรง

ทันใดนั้น ภายในวังวนห้วงลึกที่ก่อตัวจากโลงศพสีดำ เสียงที่แก่ชราและเย็นเยียบดังออกมา เป็นเสียงที่ราวกับสามารถทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่าง

“ไม่เลว… มีความคืบหน้าในการปลุกพระองค์บ้างไหม?”

แพทริค·เบรนทำตามคำแนะนำของ ‘ข้ารับใช้’ มรณา เล่าความจริงเพียงครึ่งเดียวและอธิบายถึงความตั้งใจ

หลังจากบทสนทนาถามตอบดำเนินไป ไฮเทล เทวทูตในขอบเขตความตายที่อยู่อีกฟากฝั่งของวังวน มิได้ตระหนักถึงความผิดปรกติใด เพียงกล่าวอย่างใจเย็น

“ทำได้ดี… ทำต่อไป… ข้าจะคอยสนับสนุน”

มันเว้นวรรคสักพักและกล่าวอย่างเป็นกันเอง

“อันดับแรก ข้าจะส่งผู้ช่วยไปให้… เป็นลำดับ 5 ผู้เฝ้าประตูที่ทำงานเก่งและสามารถแบ่งเบาภาระให้เจ้าได้”

ตรงตามคำกล่าวของท่าน ‘ข้ารับใช้’ … พวกเขากำลังระแวงเรา… อาจารย์กำลังกลัวที่เราได้รับความรักจากพระองค์และสั่นคลอนตำแหน่งของเขา… เนื่องจากได้คุยกับไคลน์อยู่เป็นประจำ แพทริค·เบรนที่เริ่มเปลี่ยนความคิดต่อเบื้องบนทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ไม่ตอบปฏิเสธความหวังดีจากอีกฝ่าย เพียงขานรับอย่างนอบน้อม

“ครับ อาจารย์”

ทันทีที่สิ้นเสียง วังวนห้วงลึกพลันคลายออก แปรเปลี่ยนเป็นบานประตูทองแดงมายาที่มีลวดลายซับซ้อน

ท่ามกลางเสียงเสียดสี บานประตูเปิดออกพร้อมกับรอยแยก

ด้านหลังรอยแยกยังคงเป็นความมืดสีดำที่คล้ายกับมีดวงตาจำนวนมากคอยเฝ้ามองโลกภายนอกอย่างเงียบงัน

ทันใดนั้น ฝ่ามือข้างขึ้นเหยียดออกจากรอยแยกหลังบานประตู

ผิวซีดจนเห็นเส้นเลือดสีเข้มใต้ผิวหนัง

หลังจากมือข้างดังกล่าวออกแรงดึง บุคคลผู้หนึ่งได้กระโดดออกจากประตู

เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อคลุมสีดำแถบแดงและดึงผ้าคลุมหัวขึ้นมาปิด

ใบหน้าอ่อนโยน ผิวพรรณออกไปทางสีน้ำตาล มองเพียงผิวเผินก็ทราบทันทีว่าเป็นชาวทวีปใต้ ใบหน้าค่อนไปทางหล่อเหล่าแต่ขาดเลือดฝาด

ในวินาทีที่ฝ่าเท้าเหยียบพื้น ชายหนุ่มลึกลับไม่แม้แต่จะมองหน้าแพทริค·เบรน เพียงแหงนหน้ามองท้องฟ้า มุมปากยกโค้งพลางถอนหายใจและหรี่ดวงตาลง

“บรรยากาศอันแสนสดชื่น…”

ในฐานะผู้วิเศษเส้นทางมรณา การถูกคนลำดับต่ำกว่าเมินเฉยย่อมสร้างความโกรธเล็กๆ ให้แพทริค·เบรน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ มันทำได้เพียงปิดปากเงียบดำเนินการสิ้นสุดพิธีกรรม

ขณะเดียวกัน ท่าทีตอบสนองของเดอะฟูล ไคลน์บนมิติหมอก รุนแรงยิ่งกว่าแพทริค·เบรนหลายเท่า

นั่นเพราะด้วย ‘ดวงตาเที่ยงแท้’ ของมิติลึกลับ ไคลน์สามารถมองเห็นความผิดปรกติของผู้เฝ้าประตูคนใหม่!

‘โลกแห่งความตาย’ ภายในร่างของชายคนนี้ขยายใหญ่จนผิดปรกติอย่างมาก เรียกได้ว่าปกคลุมไปทั้งตัว แต่ภายใน ‘โลกแห่งความตาย’ ดังกล่าวกลับมีวิญญาณแค่ดวงเดียว นั่นคือวิญญาณของชายผมแดงใบหน้าหล่อเหล่า บางส่วนของใบหน้ามีร่องรอยเน่าเปื่อย ระหว่างคิ้วมีตราประทับรูปธง สวมชุดเกราะสีดำเปื้อนเลือด

ไคลน์เคยเห็นวิญญาณดวงนี้มาก่อน และสามารถนึกชื่อออกในทันที:

วิญญาณมารเทวทูตสีชาด เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซี!

หมอนี่กลับมาที่เบ็คลันด์อีกแล้ว แถมยังร่วมมือกับเทวทูตของนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียม… ไคลน์รีบถอดไพ่นักบวชสีชาดและใส่ไพ่ทรราชเข้าไปแทน รวมถึงการเสกคทาเทพสมุทรมาถือในมือ ความคิดแรกคือการส่งพายุสายฟ้าไปหาวิญญาณมารเทวทูตสีชาด แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันข่มใจและละทิ้งไอเดียดังกล่าว

เพราะนั่นจะเป็นการเผยความผิดปรกติของแพทริค·เบรน ส่งผลให้เทวทูตขอบเขตความตายตระหนักว่ามีความผิดปรกติเกิดขึ้นกับมรณาเทียม!

สิ่งนี้ไม่เป็นผลดีกับความพยายามในการเข้าควบคุมและย่อย ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณา

คิดได้เช่นนั้น ไคลน์รีบออกจากมิติหมอกและกลับไปยังโลกความจริง ตามด้วยการนำหุ่นเชิดออกจากโรงงานตัดเย็บอย่างลับๆ และเทเลพอร์ตกลับ

เดิมทีหลังจากสิ้นสุดพิธีกรรม ไคลน์มีแผนจะทำให้แพทริค·เบรนตกใจ การเตรียมตัวทั้งหมดพร้อมแล้ว แต่ก็ต้องล้มเลิกเพราะไม่อยากให้วิญญาณมารเทวทูตสีชาดตรวจพบความผิดปรกติ

ภายในโรงงานตัดเย็บ ผู้เฝ้าประตูหนุ่มซึ่งถูกเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีสิงร่างทำการดึงผ้าคลุมหัวลงต่ำ จากนั้นก็หันหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอก

นั่นคือตำแหน่งที่หุ่นเชิดของไคลน์ โจนาส·โคลเกอร์เคยซ่อนตัวอยู่ เป็นจุดที่ห่างจากโรงงานตัดเย็บเกือบหนึ่งกิโลเมตร

หลังจากจดจ้องสองสามวินาที ผู้เฝ้าประตูหนุ่มเผยรอยยิ้มอย่างเด่นชัด

ขณะแพทริค·เบรนเตรียมเปิดปากพูด โดยหวังจะใช้ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของนิกายวิญญาณประจำกรุงเบ็คลันด์เข้าข่มชายหนุ่มที่อาจารย์ส่งมา สัมผัสวิญญาณของมันพลันถูกกระตุ้น มันอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปยังอาคารอีกหลังหนึ่งของโรงงานด้วยสีหน้าเจือความผวา

บนชั้นสองของอาคาร ดวงตาสีดำไร้อารมณ์คู่หนึ่งกำลังจ้องมองมันจากหลังหน้าต่าง

เปลือกตาของแพทริค·เบรนพลันกระตุก ร่างกายของมันอันตรธานหายไปในพริบตา!

ฟ้าว!

สายลมหนาวพัดผ่านพร้อมกับทำให้กระจกบานดังกล่าวเน่าเปื่อย จากนั้นก็พังครืนกลายเป็นเกล็ดกระจกจำนวนมากโดยที่ไม่มีใครไปแตะต้อง

ภายในห้องดังกล่าว แพทริคในชุดคลุมสีดำซึ่งร่างกายผอมเพรียวและใบหน้าเรียวปรากฏขึ้น มันพบว่าเจ้าของดวงตาสีดำที่คอยจ้องมองอย่างเย็นชา แท้จริงแล้วเป็นตุ๊กตาดินเหนียวที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่พิถีพิถัน

ใครเป็นคนสร้างตุ๊กตา… แล้วใครย้ายมาวางที่นี่? แพทริคกวาดตาไปรอบๆ โดยไม่ปล่อยให้มีรายละเอียดใดคลาดสายตา

ขณะมองออกไปยังทางเดินโดยที่หันหลังให้หน้าต่าง ดวงตาสีเข้มของตุ๊กตาดินเหนียวพลันหันกลับหลัง ยกมือขึ้นพร้อมกับคว้าคอแพทริค

แต่ขณะกำลังลงมือ ตุ๊กตาดินเหนียวคล้ายกับสูญเสียพลังงาน รอยปริแตกจำนวนมากปรากฏขึ้นก่อนจะกระจัดกระจายกลายเป็นเศษดิน

แพทริค·เบรนหายตัวไปโผล่ที่ทางเดินและจ้องตุ๊กตาดินเหนียวราวกับอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมาก

มันกำลังตื่นตระหนกสุดขีด แม้ว่าโลกวิญญาณและโลกแห่งความตายจะเต็มไปด้วยความพิสดารและน่ากลัวเป็นทุนเดิม แต่การที่ตุ๊กตาดินเหนียวมีชีวิตขึ้นมาอย่างกะทันหันโดยปราศจากอิทธิพลจากภายนอก ถือเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยาก

ปัจจุบันตุ๊กตาดินเหนียวกลายเป็นเศษผงแน่นิ่ง แพทริค·เบรนจ้องอยู่สักพักก่อนจะยืนยันว่าไม่มีความผิดปรกติเพิ่มเติม

มันเดินทางผ่านโลกวิญญาณและกลับมายังจุดที่เคยประกอบพิธีกรรม

ในเวลาเดียวกัน โลกศพสีดำที่ดูหนักเกิดการถูกผุกร่อนโดยสมบูรณ์ ราวกับถูกฝังอยู่ใต้ดินมานานหลายสิบหลายร้อยปี ส่วนบรรดาสาวกที่หมดสติก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมา

แพทริค·เบรนมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบผู้เฝ้าประตูที่อาจารย์ส่งมา รวมถึงไม่ทราบว่าชายหนุ่มคนนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไร

ไม่ได้ถูกส่งมาจับตามองเราหรอกหรือ? ครึ่งเทพเส้นทางมรณาทำได้เพียงฉงน

เมื่อหวนนึกถึงเรื่องน่าขนลุกเกี่ยวกับตุ๊กตาดินเหนียวเมื่อครู่ แพทริค·เบรนไม่มัวรีรอ รีบปลุกเหล่าสาวกให้ตื่นและเก็บกวาดสภาพแวดล้อม

จนกระทั่งจัดการเสร็จ มันได้ยินเสียงหนึ่ง

“โรงงานตัดเย็บที่นี่เป็นของเจ้าใช่ไหม?”

ร่างของแพทริค·เบรนหายไปและโผล่ขึ้นอีกครั้งด้านเจ้าของคำถาม – ผู้เฝ้าประตูหนุ่มที่หายตัวไปสักพัก

“ไม่ใช่” แพทริคขมวดคิ้ว

มันไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ในโรงงานตัวเองแน่ เพราะถ้าเกิดความแตก ทุกสิ่งที่สร้างมาก็จะจบลง

“ก็ไม่โง่เท่าไรนี่…” ผู้เฝ้าประตูหนุ่มพยักหน้า

แพทริคหรี่ตาลงทันที คล้ายกับพยายามข่มโทสะ

“คุณไปไหนมา?”

ผู้เฝ้าประตูหนุ่มยิ้มและตอบ

“ไปเดินเล่นในจุดที่คุ้นเคยและบังเอิญได้เจอเพื่อนเก่า”

………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset