Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1102 : ล่อเสือมากัดหมาป่า

คุมขังเชิงป้องกัน… ตอบได้ฉลาดมาก สมแล้วที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยถุงมือแดงทีมใหม่… เดอะฟูล ไคลน์อดไม่ได้ที่ชมเชยแกมจิกกัดคำตอบของเลียวนาร์ด

ชายหนุ่มทราบดีว่าเอ็มลินกำลังพูดถึงใคร เพราะตนก็พอจะรู้จักบิชอปยูทรอฟสกี้ผู้ต้องการถูกเรียกว่านักบวชรายนี้

แต่ไคลน์ไม่ปักใจเชื่อประโยคของเอ็มลินที่ระบุว่า ‘เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องเลวร้ายหรืออะไรทำนองนั้น’ เพราะในฐานะผู้ศรัทธาพระแม่ธรณีอย่างสุดโต่ง ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเส้นแบ่งความดีของแต่ละคนคือตรงไหน

จริงอยู่ที่ไคลน์ไม่คลางแคลงความเคร่งครัดคำสอนของหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ แต่ปัญหาก็คือ โบสถ์พระแม่ธรณีมักนำ ชีวิตไปเปรียบกับพืช ชะตากรรมของพืชคือความเหี่ยวเฉาและกลับคืนสู่อ้อมอกพระแม่ธรณี โดยจะงอกเงยกลับมาใหม่ได้อีกครั้งในปีถัดไป

บิชอปเคร่งศาสนาของโบสถ์พระแม่ธรณี ไม่ควรถูกเรียกว่ามีสามัญสำนึกเกี่ยวกับชีวิตเหมือนกับคนปรกติ

หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ต้องถูกควบคุมตัวด้วยประการทั้งปวง มิได้ทำไปเพื่อปกป้องสาวกของวิหารและชาวบ้านข้างเคียงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อปกป้องตัวบิชอปลูกครึ่งคนยักษ์เองด้วย… ขณะไคลน์กำลังคิดเรื่อยเปื่อย เลียวนาร์ดที่พอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิหารฤดูเก็บเกี่ยวอยู่บ้าง เริ่มเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเอ็มลิน จึงเตรียมส่งคนไปจับตามองสักสองวัน จากนั้นค่อยประสานงานกับหน่วยพิเศษที่ดูแลย่านทิศใต้ของสะพานและนำตัวข้ารับใช้ของพระแม่ธรณีมาคุมขังเชิงป้องกัน

เมื่อได้ฟังคำตอบ เอ็มลินพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวคำใด

เห็นอีกฝ่ายเงียบไป เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดหันไปถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยมาสักพัก

“มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในเบ็คลันด์บ้างไหม?”

มันกำลังหาเหตุผลว่าทำไมถุงมือแดงยังถูกสั่งให้ประจำการในเมืองใหญ่

ทันทีที่สิ้นเสียง สมาชิกชุมนุมทาโรต์แทบทุกคนรวมถึงเดอะซัน เดอร์ริค ต่างหันไปมองเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นตาเดียว

จากประสบการณ์ของพวกมัน ทุกครั้งที่ใกล้จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในเบ็คลันด์ ชายคนนี้จะมอบคำเตือนก่อนเสมอ

เหตุการณ์ใหญ่ในเบ็คลันด์? มีเพียบเลย… จอร์จที่สามเตรียมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด การนัดพบลับๆ ระหว่างเรากับราชินีเงื่อนงำ สามโบสถ์หลักล้วนอนุญาตโดยนัยให้จักรพรรดิมืดถือกำเนิด แต่ด้วยทัศนคติแตกต่างกันเล็กน้อย… ไคลน์ไตร่ตรองคำตอบ ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าเลียวนาร์ดต้องการถามถึงประเด็นใด เพราะต้องไม่ลืมว่า ทั้งสองมีการติดต่อกันในทางลับอยู่บ่อยครั้ง

นั่นสินะ ทำไมเลียวนาร์ดถึงยังถูกสั่งให้ประจำการในเบ็คลันด์… เป็นเพราะความสัมพันธ์กับเรา ศาสนจักรจึงไม่ต้องการส่งเลียวนาร์ดเข้าไปอยู่ในเขตอันตราย? เราสำคัญตัวมากไปไหม? ไคลน์ส่ายหน้าพร้อมกันปัดตกข้อสันนิษฐานแรก

มันเปลี่ยนมุมมองและวิเคราะห์ปัญหาจากแง่มุมของเลียวนาร์ด

เลียวนาร์ดซึ่งเป็นแค่ผู้วิเศษลำดับห้า จะทำอะไรได้บ้างท่ามกลางคืนพายุที่ก่อตัวในเบ็คลันด์?

คนที่ทางศาสนจักรต้องการพึ่งพาอาจไม่ใช่เลียวนาร์ด แต่เป็นเราหรือพาลีส·โซโรอาสเตอร์ที่ใกล้ชิดกัน…

ตัดเราออกไปได้เลย ตอนนี้กล้าพูดได้เต็มปากว่าเราคือข้ารับใช้ของพระองค์ หากประสงค์ให้ทำภารกิจใด แค่ส่งวิวรณ์มาก็พอ…

จากเหตุการณ์ร่างโคลนของอามุนด์ถูกกวาดล้างออกจากกรุงเบ็คลันด์ ทางเทพธิดาหรือไม่ก็ศาสนจักรสงสัยว่าพาลีส·โซโรอาสเตอร์อาจซ่อนตัวอยู่ใกล้กับถนนเบิร์คลุน จึงพุ่งเป้ามาที่เลียวนาร์ด?

เป็นไปได้ แถมยังมีโอกาสสูงมาก… เราเคยวิเคราะห์ประเด็นนี้ไปแล้ว พาลีส โซโรอาสเตอร์กับศาสนจักรอาจมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือการป้องกันไม่ให้อามุนด์กลายเป็นเทพ ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายแอบเกื้อกูลกันทางอ้อม… บางที การที่พาลีส·โซโรอาสเตอร์เลือกเลียวนาร์ดเป็นโฮสต์ก็คงด้วยเหตุผลดังกล่าว…

ถ้าอย่างนั้น หน้าที่ของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ในกรุงเบ็คลันด์คืออะไร? ล่ออามุนด์?

แม้แต่ในบรรดาราชาเทวทูต อามุนด์ก็แทบจะอยู่บนจุดสูงสุด ในสถานการณ์ที่เทพธิดามิอาจเสด็จลงมาด้วยตัวเอง หากพิจารณาจากความแข็งแกร่งของเทวทูตในศาสนจักร สมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ และตัวพาลีส โอกาสเอาชนะอามุนด์นั้นมีไม่มาก และโอกาสฆ่าให้ตายยิ่งเข้าใกล้ศูนย์ เว้นเสียแต่อามุนด์จะไม่ได้มาด้วยร่างจริง แต่นั่นก็ไม่คุ้มค่ากับการวางกับดักล่ออยู่ดี…

ไคลน์ขยายกรอบความคิด เพียงไม่นานก็ผุดไอเดียใหม่

พวกเขามิได้ล่ออามุนด์มาเพื่อจัดการ แต่ล่อให้มาสู้กับซาราธที่อยู่ในเบ็คลันด์?

ทั้งสองเส้นทางสามารถสับเปลี่ยนได้ในลำดับสูง หรือต่อให้เป็นทวยเทพทั้งคู่ แต่ก็ยังคงปรารถนา ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางใกล้เคียงและตะกอนพลังลำดับหนึ่ง… หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีนี้คือพฤติกรรมของเทพธิดารัตติกาล

เทพธิดาอยากให้เบ็คลันด์กลายเป็นหม้อต้มโจ๊ก? ไคลน์บังคับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ทำสีหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ

“ผู้นำแห่งลัทธิเร้นลับ เทวทูตลำดับหนึ่ง ซาราธซึ่งเป็นสหายเก่าของจักรพรรดิโรซายล์ ปัจจุบันกำลังซ่อนตัวอยู่ในกรุงเบ็คลันด์”

เมื่อเห็นสมาชิกชุมนุมทาโรต์ต่างทำสีหน้ามึนงงและว่างเปล่า ไคลน์รีบเสริมด้วยเสียงแหบพร่า

“กฎการอนุรักษ์พลังพิเศษที่พวกเรารู้จัก ในความเป็นจริงหมายถึงเส้นทางใกล้เคียงด้วย… หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กฎการดึงดูดของพลังพิเศษเองก็มีแนวโน้มที่จะสร้างอิทธิพลกับเส้นทางใกล้เคียง”

เลียวนาร์ดเค้นสมองคิดอย่างหนัก จนกระทั่งผ่านไปหลายวินาที มันตัดสินใจถาม

“เส้นทางนักทำนายกับนักจารกรรมคือเส้นทางใกล้เคียง?”

“ถูกต้อง ยังมีเส้นทางผู้ฝึกหัดด้วย” เดอะเวิร์ลตอบอย่างใจเย็น

เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง เมจิกเชี่ยน ฟอร์สนำไปเชื่อมโยงกับกฎการดึงดูดที่อาจารย์ของเธอ โดเรียน·เกรย์·อับราฮัมเพิ่งสอน จากนั้นก็ปะติดปะต่อกับเรื่องที่ ‘นักบุญเร้นลับ’ โบทิสถูกดึงดูดเข้ามาในเบ็คลันด์

จากนั้นก็ผุดคำถามใหม่

ถ้าเป็นไปตามที่มิสเตอร์เวิร์ลบอก โบทิสจะถูกดึงดูดเข้าหาซาราธที่อยู่ในกรุงเบ็คลันด์เหมือนกันไหม?

ทันใดนั้น ฟอร์สฉุกคิดถึงอีกา อีกาที่จ้องมายังแผ่นหลังของโบทิสในตอนนั้น!

อึก… ฟอร์สรีบยกมือเพื่อแจ้งว่าเธอต้องการพูดบางสิ่ง

เมื่อเห็นทุกคนมองมาโดยไม่กล่าวคำใด หญิงสาวรีบเสริม

“อาจารย์ของฉันซึ่งเป็นคนในตระกูลอับราฮัม ได้รับหน้าที่ให้ดูแลสมบัติปิดผนึกชิ้นสำคัญ”

ครึ่งแรกของประโยคคือสิ่งที่สมาชิกทุกคนยกเว้นเดอะสตาร์ทราบดีอยู่แล้ว เธอจึงไม่คิดปิดบัง ส่วนครึ่งหลัง เธอจงใจเลี่ยงคำว่า ‘สำคัญมาก’ ให้เหลือแค่ ‘สำคัญ’ เฉยๆ

เมื่อพบว่าไม่มีใครถาม ฟอร์สเล่าต่อ

“นั่นทำให้เขามักจะเผชิญหน้ากับผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทางผู้ฝึกหัดบ่อยครั้ง… เมื่อไม่นานมานี้ นักบุญเร้นลับแห่งชุมนุมแสงเหนือ โบทิส เพิ่งปรากฏตัวในตำแหน่งใกล้กับอาจารย์… ตอนนั้นฉันเห็นอีกาตัวหนึ่งกำลังจ้องมองมายังแผ่นหลังของโบทิส”

อีกา… ไคลน์พลันนึกถึงฉากหนึ่งภายในหมู่บ้านสายหมอก: บนยอดแหลมของวิหารสีดำ อีกาจำนวนหนึ่งกำลังบินวนไปมาราวกับไว้ทุกข์ และด้านในวิหารหลังดังกล่าวก็มีร่างโคลนของซาราธซ่อนอยู่

ซาราธชอบใช้อีกาเป็นหุ่นเชิด? นิสัยประจำตัวสมัยยังเป็นจอมเวทพิสดาร? ไคลน์ครุ่นคิดหลายวินาทีก่อนจะบังคับให้เดอะเวิร์ลพูด

“นั่นน่าจะเป็นซาราธ”

เราเคยเผชิญหน้ากับเทวทูตลำดับหนึ่งมาแล้ว… เมจิกเชี่ยน ฟอร์สหวาดผวาเล็กน้อย

เธอรีบนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เคยเผลอเอ่ยชื่ออาดัมและถูกจับตามอง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฟอร์สรู้สึกราวกับตนคือตัวเอกในนิยาย ไม่อย่างนั้นผู้วิเศษลำดับหกและเจ็ดคงไม่กลายเป็นที่สนใจของราชาเทวทูตกับเทวทูตลำดับหนึ่งแน่!

คิดถึงตรงนี้ ฟอร์สรีบหันไปคุยกับมิสจัสติส

“ช… ช่วยสะกดจิตให้ฉันลืมบางสิ่งได้ไหม? ฉันกลัวว่าจะเผลอคิดมากบนโลกความจริงจนไปกระตุ้นความสนใจ”

“ไม่มีปัญหา” จัสติส ออเดรย์ตอบพลางชำเลืองไปทางจัดจ์เมนต์ ซิลพร้อมกับพยักหน้า

ขณะเดียวกัน เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดเริ่มผุดข้อสันนิษฐาน จึงเตรียมกลับไปปรึกษากับตาแก่และถามความเห็น

ไคลน์ไม่ต้องการเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ใหญ่ในกรุงเบ็คลันด์ เพราะสำหรับสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่น นอกจากเรื่องดังกล่าวมีระดับสูงเกินไปจนไม่สามารถมีส่วนร่วม แต่ลำพังการทราบข้อมูลก็อาจทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

สำหรับเรื่องนี้ ไคลน์วางแผนจะแจกจ่ายภารกิจย่อยให้สมาชิกคนอื่นทำ แต่คล้ายกับการมอบหมายงานให้นักล่าเงินรางวัล อีกฝ่ายจะไม่ได้รับข้อมูลมากเกินไปจนเป็นอันตราย ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ทันใดนั้น แฮงแมน อัลเจอร์กวาดสายตาเป็นครึ่งวงกลมและเริ่มเล่า

“จากความเห็นของผม โบสถ์วายุสลาตันยังไม่เอาจริงในสงครามนี้”

ไม่ใจเย็นไปหน่อยหรือ? ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของโบสถ์วายุสลาตันมาก… แม้ว่าหลักคำสอนของพวกเขาจะไม่สนับสนุนสงคราม แต่ถ้าเป็นการลงทัณฑ์ศัตรูด้วยความพิโรธก็จะไม่มัวรีรอเด็ดขาด โทสะปริมาณมหาศาลจะถูกประเคนใส่ผู้รุกรานโดยไม่ตระหนี่… ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจหลังจากได้ยิน จากนั้นก็เริ่มไตร่ตรองจุดยืนของเทพแต่ละคน

จากการวิเคราะห์ของเรา เส้นทางวายุ สุริยัน นักอ่าน ผู้ชม และคนเลี้ยงแกะน่าจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน สามารถสับเปลี่ยนกันได้ในลำดับสูง และทางศาสนจักรก็คงบาดหมางกันพอสมควร…

วายุสลาตันคือเทวทูตวายุ เมื่อในอดีตและเคยแบ่งปันร่างของบิดาอาดัม ซึ่งเป็นพระผู้สร้างแท้จริงของเมืองเงินพิสุทธิ์ ต่อให้พระองค์ยอมรับจอร์จที่สามเป็นจักรพรรดิมืด แต่ก็ไม่มีทางนิ่งดูดายในยามที่อาดัมเตรียมเถลิงบัลลังก์เทพท่ามกลางกระแสแห่งเวลา…

กำลังจะบอกว่า โบสถ์วายุสลาตันไม่ต้องการให้สงครามลุกลามไปทั่วโลก จึงพยายามข่มอารมณ์ตัวเองอย่างเต็มที่?

คงอดกลั้นกันน่าดู…

และนั่นยังช่วยอธิบายว่าทำไมโลเอ็นกับอินทิสถึงยังนิ่งดูดายในยามที่เฟเนพ็อตรุกรานลุนเบิร์ก มาซินและเซกัล… วายุสลาตันกับสุริยันเจิดจรัสคงกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ภายในใจเต็มไปด้วยความลังเล

ในแง่หนึ่ง ถึงจะเป็นเทพ แต่พวกท่านก็อยากทำลายพันธมิตรและหันไปแว้งกัดเทพปัญญาความรู้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน แต่ในอีกแง่หนึ่ง ทางอาณาจักรกลับออกนโยบายให้ช่วยปกป้องแคว้นเหล่านั้น การฝ่าฝืนความเห็นส่วนใหญ่ของคนในชาติอาจทำให้ศาสนาสั่นคลอนจนกระทบกระเทือนหลักยึดเหนี่ยว

นอกจากนั้น หากตัดสินใจเข้าร่วมสงคราม นั่นจะยิ่งเร่งให้เงื่อนไขในการเลื่อนลำดับของอาดัมเกิดเร็วขึ้น

ไคลน์จงใจบังคับให้เดอะเวิร์ลเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบสนองข้อมูลของแฮงแมน

“ในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น”

………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset