Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1109 : อดทน

หลังจากทำนายเสร็จและกลับสู่โลกความจริง ไคลน์เดินไปที่ห้องด้านนอก มองพระจันทร์สีแดงท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีผ่านหน้าต่าง พลางครุ่นคิดอย่างเงียบงันนานหลายสิบวินาที

บางที อาจยังมีโอกาสสำหรับย่อยโอสถ… มันพึมพำเงียบก่อนจะควานหาบางสิ่ง จากนั้นก็พาหุ่นเชิดทั้งสองหายตัวไปในเงามืด

เมื่ออยู่ในเบ็คลันด์ ชายหนุ่มไม่กล้าใช้กระโจนเพลิงเนื่องจากกลัวว่าจะถูกซาราธตระหนักถึง และการเผานกกระเรียนกระดาษของวิล อัสตินบ่อยครั้งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก คนเราต้องมีความเกรงใจ แถมยังต้องคอยแวะไปที่บ้านนายแพทย์อลันเพื่อขอตัวใหม่ นั่นอาจทำให้ครอบครัวศัลยแพทย์ชื่อดังตกเป็นเป้าหมายของศัตรู

ผ่านไปไม่นาน ไคลน์ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังหอระฆังโกธิกในความฝัน จากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ที่นี่คือระฆังประกาศิต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังของกรุงเบ็คลันด์

ทันทีหลังจากนั้น มันและหุ่นเชิดทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปหลบซ่อน

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์เปลี่ยนหนูให้กลายเป็นหุ่นเชิดและบังคับให้วิ่งไปจนสุดทางด้วยความเร็วเต็มพิกัด จากนั้นก็อ้าปากเอ่ยพระนามเต็มอันสูงส่ง

“มหาเทพแห่งสงคราม สัญลักษณ์แห่งเหล็กและเลือด เจ้าแห่งความวุ่นวายและขัดแย้ง… แม่มดขาว คาร์เทอริน่าอยู่ในละแวกนี้”

ที่ต้องทำเช่นนี้ ในแง่หนึ่งก็เพื่อบรรลุข้อตกลงกับวิญญาณมารเทวทูตสีชาด แต่อีกแง่หนึ่งก็หวังให้ตัวตนที่เคยเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงดังกล่าววิ่งเข้าไปทดสอบกับดักซึ่งอาจรออยู่ นอกจากนั้น ไคลน์ยังฉงนกับเจตนาของเซารอน ไอน์ฮอร์น·เมดีซี จึงยังไม่แจ้งข่าวให้โบสถ์รัตติกาลหรือราชินีเงื่อนงำทราบทันที แต่จะคอยจับตามองสถานการณ์

ทันทีที่สวดวิงวอนจบ หนูสีเทาตัวกระตุกเล็กน้อยก่อนจะล้มลงอย่างเงียบงันข้างถังขยะ

มันสูญสิ้นชีวิตและถูกตัดขาดจากการเป็นหุ่นเชิดของไคลน์

นี่คือวิธีที่ไคลน์เลือกใช้เพื่อไม่ให้ถูกวิญญาณมารเทวทูตสีชาด ‘ล็อกเป้า’

หลังจากสละหุ่นเชิดหนูสีเทา ร่างต้นไคลน์ได้ออกจากย่าน ‘ระฆังประกาศิต’ พร้อมกับเอ็นยูนและโจนาส จากนั้นก็ให้หุ่นเชิด ‘ผู้ชนะ’ สวดวิงวอนถึงเทพสมุทร คาเวทูว่าในอีกหลายกิโลเมตรถัดมา

หลังจากสวดวิงวอนเสร็จ หนึ่งคนและสองหุ่นเชิดยังคงสร้างระยะห่างเพิ่มจากเดิมอีกพอสมควร

ถัดมา ไคลน์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของของบ้านหลังหนึ่ง เดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสายหมอกสีเทาและนั่งบนตำแหน่งเดอะฟูล

ชายหนุ่มกวักมือเรียกคทาเทพสมุทรเพื่อเปิดจอภาพ จากจุดแสงของเอ็นยูนและตรวจสอบสถานการณ์ในตำแหน่งเป้าหมาย

ขณะเดียวกัน ไคลน์กำลังถือกระดาษที่เปื้อนเลือดของพลเรือโทโรคภัย เทรซี่ในมืออีกข้าง

อาศัยสื่อกลางและการตีกรอบให้แคบลง ผนวกกับตาทิพย์ของมิติหมอก ไคลน์ใช้เวลาไม่นานก็พบแม่มดขาว คาร์เทอริน่าที่กำลังล่องหน

สตรีผมดำ ดวงตาสีฟ้า ใบหน้างดงามกระจ่างใส แต่งกายในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ กำลังเคลื่อนไหวราวกับขนนกไร้น้ำหนัก ล่องลอยไปตามถนนและตรอกซอกซอยอย่างนุ่มนวล แม้ตำรวจสายตาตรวจจะจ้องไปยังตำแหน่งของเธอ แต่พวกมันก็มองไม่เห็นอะไร

ถ้าไม่นับตาทิพย์จากมิติเหนือสายหมอก วิธีเดียวที่ไคลน์จะหาเธอพบคือการใช้เนตรด้ายวิญญาณ

หลังจากสูดลมหายใจเข้า ไคลน์อดทนรอจนกว่าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดจะปรากฏตัว ขณะเดียวกันก็คอยจับตามองคาร์เทอริน่าที่กำลังมองหาบางสิ่ง

ชายหนุ่มสงสัยว่า เป้าหมายของแม่มดขาวอาจเป็นทริสซี่·ชีค

เมื่อเวลาผ่านไป ดวงจันทร์สีแดงบนท้องฟ้าเคลื่อนคล้อยทีละนิด คาร์เทอริน่าที่ค้นหารอบระฆังประกาศิตมาสักพักแต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว เริ่มชักสีหน้าหงุดหงิดเจือความผิดหวัง คล้ายกับเตรียมออกจากที่นี่ทุกเมื่อ

แต่วิญญาณมารเทวทูตสีชาดก็ยังไม่ปรากฏกาย!

ทำไมกัน… หรือว่าเซารอน·ไอน์ฮอร์น เมดีซีโกหกเรา โดยที่เป้าหมายของมันไม่ใช่หัวแม่มดขาวตั้งแต่ต้น? ไม่น่าจะใช่… ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพราะนั่นหมายถึงการเสียโอกาสใช้งานเรา… หรือว่าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว แต่ทำแบบเรา แค่คอยจับตามองโดยไม่โผล่หน้า รอให้เราและพวกพ้องปะทะกับคาร์เทอริน่าเสร็จ จากนั้นค่อยออกมาเก็บเกี่ยว? เราเองก็รอให้สองคนนั้นปะทะกันอย่างดุเดือดและออกไปเก็บเกี่ยวในตอนสุดท้ายเช่นกัน… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์คาดเดาคลุมเครือ

มันเชื่อว่าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดรอบคอบเหมือนกับตน ทำตัวเป็นชาวประมงที่คอยเก็บอวน ไม่ใช่อวนเสียเอง

ยุ่งยากชะมัด… เราคงต้องอดทนให้มากกว่าใคร… ไคลน์รำพันเงียบ คอยจับตามองสถานการณ์รอบระฆังประกาศิตผ่านจุดแสงการสวดวิงวอนด้วยความอดทน

กึก กึก กึก เข็มวินาทีตีเป็นจังหวะท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ ส่งผลให้แม่มดขาวทวีความตึงเครียด

ทันใดนั้น เธอหันไปมองกระจกหน้าต่างของอาคารหลังหนึ่ง

ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด กระจกใสกลายเป็นกระจกเงา สะท้อนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ดวงตาสีฟ้าอันงดงามของคาร์เทอริน่าพลันสว่างวาบและดับลง ผิวกระจกหม่นหมองทันใด ราวกับด้านในมีห้วงมิติและสิ่งของจำนวนมากถูกซ่อนอยู่

ราวกับกระจกหน้าต่างกลายเป็นผ่านทางไปยังโลกอีกใบหนึ่ง!

หัวใจไคลน์เริ่มเต้นระรัว เมื่อวิเคราะห์จากพลังพิเศษเกี่ยวกับกระจกที่ทริสซี่เคยแสดง ชายหนุ่มสงสัยว่าคาร์เทอริน่ากำลังจะหนีไปด้วยความช่วยเหลือจากโลกในกระจก เป็นการยุติการออกล่าในค่ำคืนปัจจุบัน

เทวทูตสีชาดทนดูอยู่ได้ยังไง? ไคลน์ทวีความตึงเครียด ใจนึกอยากจะวางคทาเทพสมุทรลงและส่งตัวเองกลับโลกความจริง ดำเนินการขัดขวางมิให้แม่มดขาวหนีไป

แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์ตัดสินใจไม่เคลื่อนไหว

มันเชื่อว่าตนยังสามารถรอได้อีก เพราะถึงแม้คาร์เทอริน่าจะหนีออกไปได้ แต่ตราบใดที่เธอไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติของเทรซี่ ไคลน์ก็ยังมีโอกาสสะกดรอยตาม โดยครั้งถัดไปจะติดต่อกระจกวิเศษ อาโรเดสเพื่อถามเกี่ยวกับพลังพิเศษสมบัติปิดผนึกที่อีกฝ่ายครอบครอง จากนั้นก็ขอความช่วยเหลือจากราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดต รวมถึงการยืมสมบัติปิดผนึกระดับหนึ่ง จากโบสถ์รัตติกาล เป็นการคว้าชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จก่อนที่จะเริ่มลงมือ

เราไม่จำเป็นต้องปิดบังเจตนา หากเดินทางไปยืมสมบัติปิดผนึกที่วิหารและอาร์ชบิชอปอนุญาต นั่นจะหมายความว่า ทัศนคติของเทพธิดาที่มีต่อจอร์จที่สามก็คือ: พระองค์ไม่ชอบให้จอร์จที่สามได้เป็นจักรพรรดิมืดสักเท่าไร แต่ก็ไม่คิดจะขัดขวางด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากมีใครสักคนต้องการทำแทน พระองค์ก็ยินดีจะช่วยสนับสนุน… ไคลน์ระงับความกระวนกระวายและจับตามองด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น

ขณะเดียวกัน สีหน้าของแม่มดขาว คาร์เทอริน่ากลับเป็นปรกติแล้ว เธอลอยไปทางกระจกหน้าต่างและผ่านเข้าไปราวกับไม่มีร่างเนื้อ

โลกมายาภายในกระจกเริ่มซ้อนทับกันหลายชั้น ราวกับกำลังจะหายไป

ทันใดนั้น ไคลน์ซึ่งกำลังจับตามองด้วยตาทิพย์ คล้ายกับได้ยินเสียงร้องโหยหวนของสตรี

เป็นเสียงร้องที่ฟังดูเหมือนกับมาจากอีกมิติหนึ่ง อัดแน่นไปด้วยความกลัวและอารมณ์รุนแรง

สำหรับชาวเมืองในละแวกใกล้เคียง ไม่มีใครตื่นขึ้น ราวกับไม่มีใครได้ยิน

เสียงร้องของคาร์เทอริน่า? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ… ดวงตาไคลน์ชะงักทันที ทันใดนั้น มันฉุกคิดถึงบางสิ่ง

ต้องไม่ลืมว่า วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเองก็เป็น ‘วิญญาณมาร’ ที่มีพลัง ‘ผิวกระจกสั่นไหว’ สำหรับเคลื่อนที่ผ่านกระจก

กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับ ‘โลกในกระจก’ !

หรือว่าเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีจะซ่อนตัวอยู่ในกระจกบานดังกล่าวแต่แรก และรอให้แม่มดขาวกระโดดเข้าหากับดักด้วยตัวเอง? รูม่านตาไคลน์เบิกกว้างเล็กน้อย ขณะเดียวกัน เสียงร้องโหยหวนจากกระจกได้หยุดลง

กระจกบานดังกล่าวสูญเสียความพิเศษและกลับคืนสู่สภาพปรกติ

ถัดมาไม่กี่วินาที แสงสีแดงสดซึมออกจากขอบล่างของกระจกหน้าต่างบานดังกล่าว ก่อนจะควบแน่นกลายเป็นเลือดและไหลลงด้านล่าง

บนพื้นผิวของทุกจุดที่ของเหลวไหลผ่าน จะเกิดคราบสีเทาอ่อนปกคลุมสีเหลืองอ่อนดั้งเดิม จนดูคล้ายกับการฝังหินก้อนใหม่ลงไปแทน

แปะ แปะ แปะ

หยดของเหลวร่วงหล่นกระทบพื้นและกระจายออก สีของมันยังคงแดงสดราวกับเลือด งดงามราวกับดอกไม้

ได้เห็นฉากตรงหน้า กล้ามเนื้อใบหน้าไคลน์กระตุกแผ่วเบาทันที จำเป็นต้องใช้พลังตัวตลกเพื่อระงับการแสดงออก

จุดจบเช่นนี้ผิดไปจากความคาดหมายของมันพอสมควร

‘แม่มดยุพนิรันดร์’ ซึ่งมีชีวิตอยู่มานานกว่าพันปี นักบุญลำดับ 3 ที่ทรงพลังและมากประสบการณ์ กลับมิอาจดิ้นรนขัดขืนกับดักของวิญญาณมารเทวทูตสีชาดและตายไปอย่างแน่นิ่ง

ในทางกลับกัน ต่อให้ไคลน์นับรวมหุ่นเชิดสองตัวและสมบัติปิดผนึกที่ตนครอบครอง มันก็ยังด้อยกว่าคาร์เทอริน่าในเชิงความแข็งแกร่ง แถมนี่ยังเป็นเงื่อนไขที่มีการเตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากมันเผชิญหน้ากับวิญญาณมารเทวทูตสีชาด จุดจบก็คงไม่ดีไปกว่าเธอสักเท่าไร มันทั้งอ่อนแอและตัวเล็ก ย่อมถูกกลืนหายไปกับคลื่นลูกใหญ่โดยไม่มีสิทธิ์ขัดขวางหรือหักเหเส้นทาง

นี่คือตัวตนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นราชาเทวทูต? แม้จะยังฟื้นฟูพลังกลับมาไม่เท่าเดิม แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนสิ้นหวัง… เมื่อเห็นเลือดที่ไหลซึมจากกระจกเริ่มเลือนหาย ไคลน์สูดลมหายใจยาวและส่งตัวเองกลับสู่โลกจริง

จากนั้น มันเปลี่ยนตำแหน่งกับหุ่นเชิดของผู้ชนะ เอ็นยูนและบังคับให้อีกฝ่ายเทเลพอร์ตไปยังกระจกหน้าต่าง

ในความเป็นจริง การสลับตำแหน่งของจอมอาคมพิสดารสามารถเลือกได้ว่าจะย้ายไปแค่ร่างกายหรือรวมถึงวัตถุนอกกาย แต่ไคลน์ในปัจจุบันยังทำได้ไม่ชำนาญนัก กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากต้องการหนีก็ต้องหนีพร้อมกันทั้งสามร่าง หรือถ้าสู้ก็ต้องสู้พร้อมกันหมด

ทันทีที่ผู้ชนะ เอ็นยูนซึ่งอยู่ในรูปลักษณ์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ปรากฏกาย มันจ้องไปที่หน้าต่างพร้อมกับพึมพำเสียงต่ำ

“ผมทำตามสัญญาแล้ว”

ร่างหนึ่งโผล่ขึ้นบนผิวกระจกหน้าต่าง

เป็นชายสวมชุดคลุมสีดำแถบแดง ดึงผ้าขึ้นมาคลุมหัวอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นผิวสีน้ำตาลเต่งตึง ใบหน้าคล้ายกับคนขาดเลือด ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘ผู้เฝ้าประตู’ ที่ถูกเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซียึดร่าง

“ทำได้เยี่ยม” ชายคนดังกล่าวเดินออกจากหน้าต่างและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ได้ยินคำตอบ ไคลน์หยิบบางสิ่งออกจากกระเป๋า ขดมุมปากและกล่าวอย่างมีความสุข

“คุณเองก็ทำได้ไม่เลว”

กล่าวจบ ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมกับนำแว่นตาขาเดียวมาสวมที่ตาข้างซ้าย

รอยยิ้มของเซารอน·ไอน์ฮอร์น เมดีซีพลันแข็งทื่อ

………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset