Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1127 : ปราสาทต้นกำเนิด

ขณะเปลวไฟสีแดงทั้งสองดวงลอยมาอยู่ที่ปลายเท้าไคลน์และสุนัขแห่งฟัลกริมหมอบลง ชายหนุ่มได้สติตื่นพร้อมกับความฉงนและโล่งใจ

ทำไมพวกมันถึงทำร้ายตัวเองด้วยการมอบดวงตาให้เราคู่หนึ่ง…ดูเหมือนว่าจะเลือดไหลด้วย…

ถ้านี่คือกับดัก เราคงตกหลุมพรางไปแล้ว…ถึงกับชะงักไปหลายวินาที สำหรับจอมเวทพิสดาร นี่คือความผิดพลาดที่ยากจะอภัย…

แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าได้พบเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก คงตอบสนองไม่ต่างจากเรานัก – ศัตรูตัวฉกาจที่เตรียมคิดแผนสำหรับล่ามาเป็นอย่างดี กลับหมอบลงและกระดิกหางรอรับคำชมเชย…ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนฝัน…

ท่าทีตอบสนองคล้ายกับอาโรเดสมาก…หรือว่าความเป็น ‘ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ’ จะส่งอิทธิพลบางอย่างกับสัตว์วิญญาณ?

ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ชำเลืองมองสุนัขแห่งฟัลกริมทั้งสองตัวที่ยังนอนหมอบพลางกระดิกหางในความว่างเปล่า จากนั้นก็เหยียดแขนซ้ายออกไปจับเปลวไฟสีแดงสองดวงที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดเหนียว

ในวินาทีที่สัมผัสกับเปลวไฟ เสียงเพรียกและเสียงคำรามที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวไคลน์ บ้างแหลมเล็ก บ้างทุ้มต่ำ บ้างก็บ้าคลั่ง

พร้อมกันนั้น สายหมอกสีเทามายาปรากฏขึ้นในการมองเห็น

กลุ่มหมอกกระจายออกไปทั่วบริเวณ มองไม่เห็นขอบเขตที่แน่ชัด ด้านบนเป็นพระราชวังสูงตระหง่านที่ค่อนข้างคลุมเครือ

มันคุ้นเคยกับฉากเหล่านี้ เพราะทุกครั้งที่ส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอก ภาพที่คล้ายคลึงกันจะปรากฏขึ้นเสมอ

ในช่วงที่เริ่มเดินถอยหลังสี่ก้าวใหม่ ๆ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากจนยากจะมองเห็นสภาพแวดล้อม แต่เมื่อมีลำดับสูงขึ้น การปรับตัวก็ดีขึ้น สามารถสังเกตเห็นสิ่งรอบตัวได้ง่ายขึ้น

แต่ในปัจจุบัน ไคลน์ไม่ได้เอ่ยนามของ ‘ราชันสวรรค์ไร้ขอบเขตประทานโชค’ และไม่ได้เดินถอยหลังสี่ก้าว

สถานการณ์ตรงหน้าทำให้ไคลน์ทวีความหวาดระแวง ทันใดนั้น มันเห็นเงารางกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวภายในสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขต บ้างซ้อนทับกับสายหมอก บ้างก็แยกออกจากกัน ทุกร่างมีดวงตาเป็นเปลวไฟลุกไหม้ ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนสั้นสีดำ – สุนัขแห่งฟัลกริม

สุนัขแห่งฟัลกริมสองตัวที่สูญเสียดวงตาตัวละข้าง เดินกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูง ผสมผสานกลายเป็นกลุ่มก้อนสีเข้มท่ามกลางหมอกสีเทา

เมื่อภาพนิมิตจบลง ไคลน์พบว่าตนกำลังล่องลอยท่ามกลางส่วนลึกของโลกวิญญาณ สุนัขแห่งฟัลกริมทั้งสองตัวหายไปแล้ว เหลือเพียงหุ่นเชิดทั้งสองและสัตว์วิญญาณหน้าตาประหลาดเตร็ดเตร่อยู่ห่างออกไป

“…” ไคลน์ก้มศีรษะลง จ้อง ‘ดวงตา’ และเลือดในมือตน สิ่งเหล่านี้คือเครื่องยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นความจริง มิใช่ภาพหลอน

สุนัขแห่งฟัลกริมมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ผู้พิทักษ์แห่งปราสาทต้นกำเนิด’ …พวกมันอาศัยอยู่ในช่องว่างประวัติศาสตร์ของโลกวิญญาณ…เมื่อครู่เราเห็นพวกมันรวมกลุ่มกันท่ามกลางมิติหมอก…พิจารณาจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน ไคลน์ลองวิเคราะห์

บางที ปราสาทต้นกำเนิดอาจหมายถึงมิติลึกลับเหนือสายหมอก และหมายถึงบานประตูแห่งแสง…

หมอกสีเทาคือสัญลักษณ์แทน ‘ประวัติศาสตร์’ ของโลกวิญญาณ และภายในนั้นมีช่องว่าง…

ทุกครั้งที่เราเข้าไปในมิติลึกลับโดยผ่านสายหมอกสีเทา เราจะทิ้งร่องรอยไว้ที่นั่นเสมอ ส่งผลให้สุนัขแห่งฟัลกริมคุ้นเคยและมองเราเป็นเจ้าของปราสาทต้นกำเนิด ทันทีที่เห็นเราในโลกวิญญาณ พวกมันจึงมอบสิ่งที่เราต้องการเพื่อเอาอกเอาใจ?

วางแผนมาทั้งวัน สอบถามสภาพแวดล้อมมาเป็นอย่างดี ถึงขั้นนัดแนะกับผู้ช่วย…ลงเอยด้วยการโจมตีองครักษ์ของตัวเอง?

คิดถึงถึงตรงนี้ ไคลน์เกิดความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย คล้ายกับมิสเตอร์ฟูลเหนือสายหมอกสีเทาพยายามเหยียดแขนออกไปช่วงชิงบางสิ่ง แต่กลับลงเอยด้วย มือดังกล่าวทุบเข้าใส่หน้าอกตัวเอง

ฟู่ว…ปราสาทต้นกำเนิด…แม้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะทำให้เราหวาดกลัวมากกว่าเดิม แต่อย่างน้อยก็ได้เข้าใจเจ้าของมิติหมอกมากขึ้น สำหรับบางเรื่อง ความไม่รู้นั้นน่ากลัวที่สุด…หลังจากยืนอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางส่วนลึกของโลกวิญญาณสักพัก ไคลน์ถอนหายใจออก เรียกหุ่นเชิดทั้งสองกลับมา

ชายหนุ่มคิดจะรอให้โอสถจอมเวทพิสดารถูกย่อยอย่างสมบูรณ์เสียก่อน จึงค่อยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทต้นกำเนิดจากกระจกวิเศษ อาโรเดส และแหล่งข้อมูลอื่น เมื่อถึงตอนนั้น หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มันจะได้รับมือด้วยพลังที่ถูกเลื่อนลำดับมา

เขตตะวันออก ภายในบ้านเช่าแบบสองห้องนอน

ฟอร์สกลับจากข้างนอกในสภาพใต้ตาหมองคล้ำ ในมือถือหนังสือพิมพ์และจดหมาย

“เป็นยังไงบ้าง?” ซิลที่เพิ่งกลับถึงบ้านเพื่อกินอาหารกลางวัน เอ่ยปากถาม

ฟอร์สอ้าปากหาวโดยใช้มือปิด

“ก็ดี…บรรณาธิการที่ฉันรู้จัก ค่อนข้างพึงพอใจกับเนื้อหาและสำนวนการเขียนนิยายเรื่องใหม่ เขาตัดสินใจจะตีพิมพ์ให้เร็วที่สุด…เธออาจไม่รู้ แต่ตำนานสยองขวัญของโรงพยาบาลในกรุงเบ็คลันด์ได้รับความนิยมอย่างมากในระยะหลัง นักเขียนนิยายขายดีจำนวนหนึ่งใช้เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจและเริ่มลงมือเขียนในสิ่งที่คล้ายกัน…ฉันไม่ใช่คนแรก!”

“…เป็นข่าวดีสินะ” ซิลครุ่นคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าขึงขัง

เพราะนั่นจะหมายความว่า ฟอร์สที่เขียนเกี่ยวกับตำนานสยองขวัญของโรงพยาบาลในกรุงเบ็คลันด์ จะไม่เป็นที่สะดุดตามากเกินไป และไม่มีใครเพ่งเล็งนามปากกาใหม่ของเธอ

“เห็นด้วย” ฟอร์สวางหนังสือพิมพ์ลง ดึงจดหมายออกมาสามฉบับและพลิกอ่าน

ในไม่ช้า เธอได้พบกับคำตอบจากอาจารย์ของตน โดเรียน·เกรย์·อับราฮัม

สีหน้าฟอร์สแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังทันที รีบฉีกซองจดหมาย คลี่กระดาษและกวาดสายตาอ่าน

“…เบนจามิน·อับราฮัมเป็นชาวอินทิส อาศัยอยู่ในยุคสมัยเดียวกับโรซายล์…นอกจากความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับและมรดกเพียงเล็กน้อย เขาไม่ได้ทิ้งสิ่งของที่มีค่าไว้มากนัก…ในภายหลัง เกือบทั้งหมดถูกทำลายด้วยฝีมือชุมนุมแสงเหนือ ผมจึงแทบไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง…”

มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะต้องผิดหวังแน่…ฟอร์สเม้มปาก เล่นกลเพื่อจุดไฟเผากระดาษจดหมายในมือจนไหม้เกรียม

จากนั้น เธอลงมือเขียนจดหมายตอบ เป็นการถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับซากโบราณสถานของจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์

เบาะแสของเบนจามิน·อับราฮัมถูกทำลาย…เป็นความผิดของพวกเสียสติจากชุมนุมแสงเหนือ…ไคลน์ขึ้นมายังมิติหมอกเพื่อฟังคำสวดวิงวอนของมิสเมจิกเชี่ยน

นอกจากนั้น มันยังได้ทราบข่าวการตีพิมพ์ของตำนานสยองขวัญของโรงพยาบาลในกรุงเบ็คลันด์

กลับถึงโลกแห่งความจริง ขณะไคลน์เตรียมออกไปกินอาหารนอกบ้าน มันเห็นมิสผู้ส่งสารเดินออกจากความว่างเปล่าพร้อมกับถือสี่หัวทองตาแดง หนึ่งในนั้นกำลังงับจดหมาย

“จากใคร?” ไคลน์ถามด้วยความอยากรู้

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ใช้อีกสามหัวตอบกลับ

“ไอ้งั่ง…” “ที่ถูก…” “ล่อลวง…”

ใครกันล่ะนั่น…ชายหนุ่มขมวดคิ้วขณะคลี่จดหมายอ่าน

“ผู้อยู่เบื้องหลังทุกสิ่งคือจอร์จที่สาม เป้าหมายคือการเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด…คุณสนใจจะขัดขวางหรือไม่”

“ทริสซี่”

ทริสซี่? แม่มดรายนี้กล้าเขียนจดหมายถึงเราแล้ว? หายกลัวมิสผู้ส่งสารแล้วหรือ? จริงสิ…ท่านบอกว่าคนส่งคือ ‘ไอ้งั่งที่ถูกล่อลวง’ …ทริสซี่ล่อลวงให้ผู้ชายสักคนประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารแทน ส่วนตัวเองก็รอติดต่อผ่านกระจกเงา? ฉลาดมาก…แถมยังสืบไปได้ไกลทีเดียว…ไม่กลัวว่าจะถูกจอร์จที่สามหรือเราฆ่าทิ้งบ้างหรือ? อา…คนที่ประกอบพิธีกรรมต้องเป็นผู้วิเศษ คนธรรมดาอัญเชิญผู้ส่งสารไม่ได้แน่ เพราะจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณในปริมาณหนึ่ง…ไคลน์ประหลาดใจในตอนต้น จากนั้นก็กระจ่าง

ถัดมา มันลองคาดเดาว่า เหตุใดทริสซี่จึงสงสัยว่าจอร์จที่สามต้องการเป็นจักรพรรดิมืด

ถ้าไม่มีความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับที่มากพอ และถ้าไม่รู้จักพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืดและประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง กระทั่งครึ่งเทพก็ยากจะเดาได้แม่นยำ…ไม่ได้ง่ายเหมือนที่วิญญาณมารเทวทูตสีชาดบอกเลยสักนิด!

ทริสซี่มีตัวช่วยคนอื่น? หรือพลังของแม่มดบรรพกาลในตัวเริ่มตื่นขึ้น ข้อมูลทางประวัติศาสตร์จำนวนมากจึงหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มเติม? ไคลน์ขมวดคิ้ว พบว่าคำถามนี้ตอบได้ไม่ง่าย

หากมีโอกาส มันจะกำจัดแม่มดทริสซี่ทิ้งอย่างแน่นอน

หลังจากครุ่นคิดนานกว่าสิบวินาที ชายหนุ่มหยิบปากกาและกระดาษออกจากกระเป๋าเสื้อ เขียนตอบกลับไปว่า

“สนใจ…ว่าแต่เธอจะทำยังไง”

ในย่านสะพานเบ็คลันด์ ชายวันสามสิบเผยสีหน้าหวาดผวาสุดขีดขณะจ้องสตรีหัวขาด ไม่สิ ผีสี่หัวที่ปรากฏกายเบื้องหน้าและทิ้งจดหมายไว้

“ผู้ส่งสารของโลกเหนือธรรมชาติน่ากลัวแบบนี้กันหมดเลยหรือ?” หลังจากไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์จากไปเกือบห้านาที ชายคนเดิมสูดลมหายใจยาว ก้มหยิบจดหมายขึ้นมามอง

ระหว่างนั้น ดวงตาของมันเริ่มลุกโชนด้วยความยินดี เพราะตนกำลังจะได้พบกับสาวงามในฝันอีกครั้ง

ตามคำแนะนำ มันรอจนกระทั่งตกเย็น จึงค่อยนำวัตถุสีดำคล้ายแป้งเปียกออกมาทาบนกระจกเงาอย่างทั่วถึง

ผ่านไปไม่กี่วินาที ผิวกระจกมืดลง ประหนึ่งเชื่อมต่อกับโลกอีกใบ

เพียงพริบตา ภาพในกระจกกลายเป็นห้องที่แตกต่างจากสภาพแวดล้อมโดยสิ้นเชิง ใจกลางห้องมีหญิงสาวหน้าตาอ่อนหวานคนหนึ่งแต่งกายในเดรสสีดำเข้ม ไม่ใช่ใครนอกจากแม่มดทริสซี่

ชายผู้ประกอบพิธีกรรมเผยสีหน้าลามกพลางหรี่เสียงลงโดยไม่รู้ตัว

“อีกฝ่ายตอบว่าสนใจ”

ลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้างของทริสซี่เริ่มขยายใหญ่ ส่งผลให้ฉากภายในกระจกดูสดใสขึ้นเล็กน้อย

เธอขมวดคิ้วผ่อนคลายพลางกล่าว

“ฉันจะส่งจดหมายถึงคุณ ให้คุณส่งต่อไปหาเกอร์มัน·สแปร์โรว์…ห้ามเปิดอ่านเนื้อหาเด็ดขาด”

หลังจากได้ยินอีกฝ่ายรับปากโดยไม่ลังเล ทริสซี่ยื่นมือขวาออกมาเช็ดผิวกระจก เกิดแสงวารีสีดำกระเพื่อมและเลือนหาย

หญิงสาวหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาถือ ไตร่ตรองสักพักก่อนจะเขียน

“สุสานลับที่จำเป็นในพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืดของจอร์จที่สาม น่าจะเคยเป็นของจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์มาก่อน มีบางตัวตนที่ล่วงรู้ข้อมูลนี้ในเชิงลึก อาจช่วยให้พวกเราแทรกซึมเข้าไปได้อย่างราบรื่นระหว่างพิธีกรรม… ฉันมีวิธีติดต่อกับตัวตนดังกล่าว แต่ต้องรอให้เกิดพระจันทร์เต็มดวงครั้งถัดไปเสียก่อน สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียง ช่วยรวบรวมเลือด เส้นผม เนื้อ หรือกระดูก จากลูกหลานของตระกูลอับราฮัม”

“ทริสซี่”

…………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset