Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1142 : เตือนภัย

เมื่อแกะเทวทูตกระดาษออก ไคลน์เทขวดที่บรรจุเลือดปีศาจลงในไหเคลือบเงา จากนั้นก็คนกวนด้วยแท่งแก้วที่เสกขึ้นมา

ฟู่ว…ในที่สุดก็รวบรวมมาได้ครบแล้ว…ชายหนุ่มจ้องมองสองสามวินาทีก่อนจะถอนหายใจยาว

ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีเวลาเหลือพอสมควรก่อนที่จอร์จที่สามจะประกอบพิธีกรรม

สำหรับเลือดของนักลอบสังหารและปีศาจ ไคลน์ไม่กังวลว่ามันจะตัดการเชื่อมต่อกับเจ้าของหรือยัง เพราะหลังจากการทำนายถาม ชายหนุ่มยืนยันได้ว่าเจ้าของเลือดเสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่

มันลองทำนายถึงที่มาของเลือดนักลอบสังหารเพื่อดูว่าเป็นของทริสซี่หรือไม่ ถ้าหากใช่ ไคลน์จะกันไว้บางส่วนสำหรับป้ายลงบนปก ‘การเดินทางของกรอซาย’ ในภายหลัง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชายหนุ่มผิดหวัง แต่ก็ไม่ประหลาดใจสักเท่าไร เพราะทริสซี่มันรู้จักเป็นคนรอบคอบเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว

เส้นทางแม่มดมีลำดับ ‘นักกระตุ้น’ ที่ต้องใช้สติปัญญาสูง…อา…โอสถนักกระตุ้นและนักวางแผนคงมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างสติปัญญา ไม่อย่างนั้นอนาคตของเดนิสต้องลำบากมากแน่…ขณะครุ่นคิด ไคลน์โยนไหเคลือบเงาเข้าไปในกองขยะ

มันส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงและตรวจสอบรายละเอียดพิธีกรรมที่ทริสซี่เขียนให้

พิธีกรรมสำหรับสื่อสารกับมิสเตอร์ประตูในคืนจันทร์เต็มดวง

“อัญมณีเก้าชนิด…ไม่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยหรือ?” ไคลน์ขมวดคิ้วพึมพำ

ในฐานะเศรษฐีที่มีเงินสดเกือบสามหมื่นปอนด์หลังจากบริจาคไปแล้วบางส่วน (ธนบัตรหนึ่งหมื่นสี่พันปอนด์ ทองคำแท่งหนึ่งหมื่นห้าพันปอนด์ เหรียญทองสามสิบห้าทองปอนด์ และเศษเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง) ชายหนุ่มมีเงินเหลือเฟือสำหรับซื้ออัญมณี เพียงแค่คิดว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป

หลังจากไตร่ตรองสิบวินาที ไคลน์ตัดสินใจจะอัญเชิญอัญมณีออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ เพราะแต่ไหนแต่ไร มันไม่ได้คิดจะทำให้มิสเตอร์ประตูพึงพอใจอยู่แล้ว เพียงหวังว่าหลังจากพิธีกรรมจบลงและอัญมณีหายไป ตนจะไม่ถูกมิสเตอร์ประตูเล่นงาน

แต่ถ้าใช้การไม่ได้ เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากซื้อจากร้านขายเครื่องประดับ…ไคลน์ลุกขึ้น ลงมือประกอบพิธีกรรมในห้องด้านนอก

หลังจากเตรียมการเบื้องต้นเสร็จ ชายหนุ่มเหยียดมือขวาออกพยายามคว้าอากาศด้านหน้าอย่างตั้งใจ

มันหยิบกุญแจทองเหลืองที่ดูธรรมดาออกจากความว่างเปล่า

นี่คือกุญแจที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในพิธีกรรมติดต่อกับมิสเตอร์ประตู มาสเตอร์คีย์

ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์เหยียดมือออกไปคว้าอากาศด้านหน้าอีกครั้ง ลากบางสิ่งออกจากความว่างเปล่า

วัตถุชิ้นนี้มีรูปทรงพระจันทร์เต็มดวง รายล้อมด้วยอัญมณีสีแดงเข้ม กึ่งกลางเป็นสัญลักษณ์ดวงจันทร์และลวดลายลึกลับ เปล่งแสงอบอุ่นออกมาตลอดเวลา

มงกุฎจันทร์ชาด!

มุงกฎจันทร์ชาดที่ปัจจุบันเป็นของชารอน!

มีคุณสมบัติในการสร้างผลลัพธ์แบบเดียวกับพระจันทร์เต็มดวง ช่วยให้ผู้ที่ถือมาสเตอร์คีย์ได้ยินเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู

หากสิ่งที่ไคลน์ต้องการมีเพียงฟังเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู การเตรียมตัวแค่นี้ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องประกอบพิธีกรรม อย่างไรก็ตามจุดประสงค์หลักของชายหนุ่มคือการได้พูดคุยกับราชาเทวทูต ดังนั้นพิธีกรรมคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

หลังจากวางมาสเตอร์คีย์และมงกุฎจันทร์ชาดไว้บนแท่นบูชา ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก ยื่นมือขวาออกไปข้างหน้า ดึงบางสิ่งออกจากอากาศ

คราวนี้มันหยิบสร้อยคอฝังเพชรพลอยที่ถูกดัดให้เป็นรูปทรงหัวใจ

อา…ประสบการณ์ของดอน ดันเตสก็พอจะมีประโยชน์บ้างเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสตรีชนชั้นสูงและเห็นเครื่องประดับหรูหรามากมายของพวกเธอ แถมยังดึงเส้นที่ต้องการออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์อย่างแม่นยำ…สร้อยเส้นนี้คงสภาพได้สิบห้านาที…มีเวลาเหลือเฟือ…ไคลน์ที่บรรลุเป้าหมาย ถอนหายใจอย่างอิ่มเอม

จากนั้น มันเหยียดมือขวาออกไปอีกครั้ง เตรียมรวบรวมอัญมณีให้ตรงตามเงื่อนไขจากสตรีที่เคยเต้นรำด้วย

ไม่กี่วินาทีถัดมา มือของมันชะงักกลางอากาศ สีหน้าพลันแข็งทื่อ

ลืมไปเลยว่าดึงภาพฉายออกมาได้พร้อมกันสูงสุดแค่สามภาพ…ทำยังไงดี? นำสร้อยเส้นปัจจุบันไปคืนและเปลี่ยนไปเป็นเส้นที่มีอัญมณีครบทั้งเก้าชนิด? แล้วต้องทำยังไงถึงจะนึกออกว่าเคยพบสร้อยแบบนั้นจากใคร…ทำนายด้วยความฝัน? ใช่แล้ว! โอสถนักทำนายช่วยสนับสนุนปราชญ์โบราณได้เป็นอย่างดี…เมื่อรวมกันจะกลายเป็นสุดยอดพลัง…ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์มองหาเก้าอี้เพื่อนั่งลงและเตรียมทำนาย แต่ทันใดนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว

มันตระหนักถึงความผิดปรกติ

ภายใต้สถานการณ์ปรกติ เป็นไปไม่ได้ที่ตนจะลืมข้อจำกัดซึ่งระบุว่า สามารถอัญเชิญภาพฉายทางประวัติศาสตร์ได้สูงสุดแค่สามภาพในเวลาเดียวกัน

เป็นการเตือนจากสัมผัสวิญญาณ? ไคลน์ชำเลืองมาสเตอร์คีย์และมงกุฎจันทร์ชาดบนแท่นบูชา โบกมือแผ่วเบาเพื่อทำให้พวกมันเลือนหายไป

จากนั้น มันเดินถอยหลังสี่ก้าว ท่องพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์และส่งตัวเองมายังเก้าอี้เดอะฟูลบนสายหมอก

เมื่อกระดาษและปากกาถูกเสกขึ้น ไคลน์เขียนข้อความ

“การสนทนากับมิสเตอร์ประตูตอนนี้คือสิ่งที่อันตราย”

การทำนายจะพุ่งเป้าไปยังมิสเตอร์ประตูโดยตรง หมายความว่าไคลน์อาจต้องเผชิญกับการตอบโต้ที่รุนแรง แต่ในปัจจุบัน มันมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับปราสาทต้นกำเนิดและระดมพลังสายหมอกได้มากขึ้น ไคลน์เชื่อว่าตนรับมือไหว และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องไม่ลืมว่ามิสเตอร์ประตูกำลังอยู่ในสถานะถูกผนึกและเนรเทศ

ชายหนุ่มคลายลูกตุ้มที่ข้อมือซ้ายและจับมันด้วยมือซ้ายและปล่อยให้ปลายจี้จ่อกระดาษจนเกือบจะสัมผัส

มันหลับตาลง พึมพำประโยคทำนายเจ็ดครั้งด้วยสติเคร่งขรึม

ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณของไคลน์ถูกกระตุ้นอย่างน่าประหลาด

มันรีบลืมตาและพบว่าจี้บุษราคัมแหลกละเอียดกลายเป็นเศษผง

หลังจากเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทต้นกำเนิด การทำนายบางชนิดจะถูกยับยั้งเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ?

มันทำไปเพื่อความปลอดภัยของเรา? หรือเป็นเพราะช่องว่างระหว่างเรากับมิสเตอร์ประตูลดลงจนถึงระดับหนึ่งแล้ว? แน่นอนว่าหมายถึงมิสเตอร์ประตูในสภาพถูกผนึก…หรือเกิดจากเหตุผลทั้งสองข้อประกอบกัน?

ผลลัพธ์เช่นนี้หมายความว่า การสนทนากับมิสเตอร์ประตูในปัจจุบันมีอันตรายที่เหนือจินตนาการรออยู่…ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ไคลน์ขมวดคิ้วสับสน มิอาจคาดเดาได้อย่างสมเหตุสมผล

ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักสูง ส่ายหน้าและถอนหายใจ ยกเลิกแผนการเดิม

คงต้องเตรียมตัวในรูปแบบอื่นแทน…เพียงไคลน์วางมือซ้ายลง จี้บุษราคัมก็กลับเป็นปรกติทันที เพราะมันเป็นเพียงภาพฉายบนมิติหมอก

เนื่องจากพลังทำนายบนมิติหมอกมีการเปลี่ยนแปลง ไคลน์ลองทบทวนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และบางที การทำนายถึงกลุ่มก้อนหนอนแมลงบนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิสในคราวนี้ อาจไม่อันตรายเหมือนกับแต่ก่อน

อีกฝ่ายน่าจะเป็นเทวทูตลำดับหนึ่ง แห่งตระกูลอันทีโกนัส และอาจเป็น ‘ฮาล์ฟฟูล’ ที่เลียวนาร์ดพูดถึง…ถ้าเรา ‘จ้องมอง’ ได้สักพัก บางทีอาจถอดรหัสสูตรโอสถลำดับสอง ‘ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์’ ได้จากลวดลายศักดิ์สิทธิ์บนตัวหนอน…แต่เรามีโอกาสแค่ครั้งเดียว ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งที่แสนอันตราย…ไว้ย่อยโอสถปราชญ์โบราณเสร็จเมื่อไรค่อยทดสอบก็แล้วกัน…ไคลน์ลูบหน้าผาก ร่างของมันเลือนหายไปจากมิติเหนือสายหมอก

กลับถึงโลกความจริง ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเก็บกวาดแท่นบูชา แต่นั่งบนเก้าอี้และไตร่ตรองอย่างจริงจังเกี่ยวกับการเตรียมตัวในแง่มุมอื่น

การเตรียมตัวแบบทั่วไปจะประกอบด้วยนัดพบกับราชินีเงื่อนงำเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของแผนมอบของขวัญเพิ่มเติมให้กับวิล อัสติน ไรเน็ตต์ ไทน์เคอร์ และพาลีส โซโรอาสเตอร์สวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลเพื่อเพิ่มโอกาสในการอัญเชิญภาพฉายของหัวหน้านักบวชแห่งรัตติกาล อาเรียน่า ออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ทำความเคยชินกับพลังของปราชญ์โบราณ…

สำหรับการเตรียมตัวที่เหนือกว่า ‘ทั่วไป’ นั่นขึ้นอยู่กับจินตนาการของไคลน์

ครุ่นคิดสักพัก สีหน้าไคลน์ทวีความเคร่งขรึม ขมวดคิ้วและเหยียดมือขวาไปในอากาศ

คราวนี้มันไม่ได้ลากอะไรออกมา

ไคลน์ลองคว้าอีกสิบครั้ง แต่ความพยายามทั้งหมดก็ล้มเหลว ส่งผลให้ไคลน์จำใจยอมรับสภาพ

ลำพังพลังของเราคนเดียว ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้สำเร็จ!

มันหยิบนกกระเรียนกระดาษออกจากกระเป๋าสตางค์ เขียนด้วยดินสอบนผิวกระดาษ

“ผมต้องการความโชคดี จะตอบแทนด้วยไอศกรีมจากภัตตาคารเซอเรนโซ่”

พับนกกระเรียนเสร็จ ไคลน์เข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงและบังคับหลับด้วยการเข้าฌาน

ท่ามกลางความฝันสีเทา มันเห็นงูสีเงินตัวเล็กเรียงเป็นคำพูด:

“ห้า!”

“จัดไป” ไคลน์ยิ้มและรับปาก

ถัดมามันลืมตาตื่น

หลังจากพยุงตัวนั่ง ชายหนุ่มยื่นมือขวาจับอากาศอีกสิบครั้งติดต่อกัน

แต่ก็ยังล้มเหลวทั้งหมด!

แค่โชคดียังไม่เพียงพอ…ยากฉิบ…ไคลน์นึกอยากจะใช้นิ้วเคาะที่วางแขนเก้าอี้ แต่มันระงับความคิดไว้ได้ทัน นิสัยดังกล่าวเป็นของเดอะฟูลเหนือสายหมอก ไม่เหมาะสมที่จะนำลงมาบนโลกความจริง

หลังจากเดินวนเวียนไตร่ตรองเป็นเวลานาน นึกทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองกับสิ่งต่าง ๆ ไคลน์ตัดสินเข้าสู่มิติหมอกและนำบางสิ่งกลับมายังโลกแห่งความจริง จากนั้นเดินออกจากห้องนอนมายังแท่นบูชาด้านนอก

สิ่งนั้นคือหนังสือโบราณที่ปกทำจากกระดาษหนังสีน้ำตาลเข้ม

‘การเดินทางของกรอซาย’

เมื่อหยิบบันทึกการเดินทางขึ้นมาถือ ไคลน์สูดลมหายใจยาว หลับตาลงและสัมผัสกับบางสิ่ง

จากนั้น มันเหยียดมือขวาออกไปคว้าอากาศ

ล้มเหลว

ล้มเหลว

ยังคงล้มเหลว

หลังจากล้มเหลวติดต่อกันห้าครั้ง การเคลื่อนไหวของไคลน์ชะงักไปเล็กน้อย คล้ายกับเตรียมหยิบถ่านออกจากเตาผิงที่กำลังลุกโชน

ทันใดนั้น กล้ามเนื้อแขนของมันกระตุกแผ่วเบา ดึงบางสิ่งออกมาอย่างระมัดระวัง

มือขวาของชายหนุ่มบรรจงลากปากกาขนนกที่ดูโบราณและธรรมดาออกมา

สิ่งนี้ถูกดึงออกจากเหตุการณ์ในจัตุรัสคืนชีพแห่งเมืองคูคัว แคว้นเหนือของไบลัมตะวันตก

เป็นปากกาขนนกที่เคยตกอยู่ข้างศพอินซ์ แซงวิลล์

ศูนย์ ศูนย์แปด ก่อนที่จะโดนพี่ชายอามุนด์หยิบไป

…………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset