Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 971 : ยับยั้ง

บนดาดฟ้าสังเกตการณ์ของเรือโดยสาร เสียงแตรแหลมๆ ดังขึ้นอย่างกึกก้อง ทะลวงผ่านกำแพงของสายลมและฝน ปลุกให้ผู้โดยสารทุกคนตื่นขึ้น

พวกมันไม่มีเวลามัวแต่งตัวหรือใส่เสื้อนอก ในสภาพชุดนอน แต่ละคนวิ่งตรงมาทางหน้าต่างและเฝ้ามองโลกด้านนอก

ครึ่งหนึ่งมองเห็นเรือใบขนาดสามเสากระโดดที่แล่นได้เร็วผิดจากสามัญสำนึก เห็นผ้าใบสีดำสนิทสามผืน เห็นกระจุกแสงสีเหลืองโยกเอนท่ามกลางความมืด

ด้วยกันกับสายลมหวน เม็ดฝนโปรยปราย เมฆหนาจนมองไม่เห็นแสงจันทร์ และท้องฟ้ายามค่ำคืนที่พร่างพราว ผู้โดยสารหลายคนรู้สึกราวกับกำลังขยับเข้าไปใกล้ปากนรก ภายในใจสยดสยองพองขนอย่างเหนือคำบรรยาย

เรือจักรพรรดิมืด

ใครที่เคยมีประสบการณ์ทางทะเล ใครที่เคยอาศัยในเมืองท่าอาณานิคมใหญ่ๆ มาสักระยะ ย่อมต้องรู้จักเรือโจรสลัดลำนี้ไม่มากก็น้อย!

“โอ้… ขอพายุจงสถิตกับเราทุกคน”

“พระองค์ได้โปรดเฝ้ามองพวกเราด้วย!”

“องค์วายุสลาตันจงเจริญ!”

คำสวดวิงวอนมากมายดังขึ้นจากจิตใต้สำนึก เต็มไปด้วยความกลัวและลนลาน

เหล่าผู้โดยสารต่างทราบดี เจ้าของเรือจักรพรรดิมืดคือโจรสลัดที่มีค่าหัวสูงที่สุดในห้าห้วงทะเล หรืออีกนัยหนึ่งคือราชาโจรสลัด เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจซึ่งสามารถเอาตัวรอดมาจากกองเรืออันเกรียงไกรของอาณาจักรได้จวบจนปัจจุบัน ไม่ใช่ตัวตนที่จะรับมือได้ด้วยปืนใหญ่และลูกเรือของเรือโดยสาร

หมายความว่า พวกมันกำลังจะตกอยู่ในเงื้อมมือโจรสลัด!

สตรีหลายคนอดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพตัวเองถูกข่มเหงและนำไปขายในสถานที่ประหลาด บ้างตัวสั่นเข่าอ่อน บ้างคุกเข่าลงกับพื้นข้างหน้าต่าง บ้างควานหามีดสั้นและปืนพก ไม่แน่ใจว่าคิดจะต่อต้าน หรือไม่อยากให้เกิดเหตุการที่เลวร้ายที่สุดกับตัวเองกันแน่ บางคนที่หาอาวุธไม่พบก็ย้ายราวแขวนผ้ามาไว้ข้างๆ

ทางฝั่งบุรุษก็มิได้ดีไปกว่ากัน ยกเว้นกลุ่มหนึ่งที่หยิบอาวุธออกมาเตรียมต่อต้าน ที่เหลือเอาแต่ยืนเหม่อลอย บ้างหาจุดซ่อนตัว บ้างด่าทอเรือโดยสารและราชาแห่งห้าห้วงสมุทร

จนกระทั่ง เสียงของกัปตันถูกส่งไปยังโสตประสาทของทุกคนผ่านอุปกรณ์กระจายเสียงและวิธีอื่นๆ

“โปรดอยู่ในความสงบ! ไม่ต้องกลัว! กัปตันเรือจักรพรรดิมืดมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเป็นของตัวเอง แตกต่างจากโจรสลัดอื่น พวกเขาจะทำเพียงปล้นทรัพย์เท่านั้น ไม่ก้าวล่วงมากไปกว่านั้น!”

ประโยคดังกล่าวดังกังวานหลายหน ในที่สุดผู้โดยสารที่แตกตื่นก็เริ่มสงบลง บรรเทาความกลัวไปได้หลายส่วน

เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่พวกมันจินตนาการ หากแค่ถูกปล้นโดยไม่ถูกข่มขืนหรือเอาชีวิต เท่านี้ยังพอทำใจยอมรับได้

ผ่านไปหลายสิบวินาที ผู้โดยสารบางคนที่พกเงินเก็บทั้งชีวิตติดตัวมาด้วย เมื่อจินตนาการว่าทั้งหมดกำลังจะหายไปก็ทำใจไม่ได้ หลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง

หลายคนเป็นเงินที่กู้ยืมมา หากต้องสูญเสียไปทั้งหมด คงไม่สามารถใช้คืนและกลับไปชีวิตแบบเดิมได้ ต้องเร่ร่อนไปตามถนนหรือโรงทำงาน

คิดถึงตรงนี้ พวกมันตัดสินใจซ่อนเงินไว้ในจุดต่างๆ คาดหวังว่าจะไม่สูญเสียไปทั้งหมด เมื่อจัดการเสร็จก็เริ่มหันมาจับอาวุธ พร้อมแลกชีวิตในช่วงเวลาวิกฤติ

แม้แต่สัตว์ยังสู้จนตัวตาย นับประสาอะไรกับมนุษย์?

ในเวลาเดียวกัน โจรสลัดหลายคนบนเรือจักรพรรดิมืดต่างมารวมตัวรอบกราบเรือ รอฟังคำสั่ง เตรียมกระโจนใส่ ‘เหยื่อ’ ในตอนที่ระยะห่างเหลือไม่มาก

ผู้ช่วยกัปตันของพวกมัน ‘ไวเคาต์แห่งความกลัว’ เบิร์ด·มัสแตง กำลังถือกล้องส่องทางไกล เฝ้ามองเรือโดยสารฝั่งตรงข้ามโดยไม่คิดอะไรมาก เพียงพิจารณาว่าเรือทั้งสองลำจะเข้าประชิดกันตอนไหน

โจรสลัดคนดังรายนี้ เจ้าของค่าหัวสูงกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์ สวมเสื้อเชิ้ตอินทิสที่มีลวดลายบริเวณคอและแขนซับซ้อน สวมเสื้อนอกคล้ายกัปตันเรือ คล้ายกำกับกำลังรอร่วมงานเลี้ยงมากกว่างานปล้น

ทันใดนั้น เบื้องหน้ามันเหลือเพียงดอกไม้หนึ่งดอก เรือโดยสารทั้งลำหายไปอย่างไรร่องรอย!

เบิร์ด·มัสแตงรีบขยับกล้องส่องทางไกลเพื่อค้นหา แต่ในทิศทางดังกล่าว นอกจากสายลมกระโชกและนกอินทรีทะเลหัวแดงที่มักออกมาล่าปลาในช่วงฝนตกหนัก ก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกเลย

เรือโดยสารขนาดมหึมาที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสองชนิด อันตรายหายไป!

“…” เบิร์ด·มัสแตงกะพริบตาถี่ ทำตัวไม่ถูกไปสักพัก

“เรือไปไหนแล้ว?”

“เรือลำใหญ่นั่นหายไปไหน?”

“เมื่อครู่มันเพิ่งอยู่ที่นี่!”

โจรสลัดบนดาดฟ้าเรือเองก็สังเกตเห็นความผิดปรกติ ต่างคนต่างตื่นตกใจ

เรือผีสิง? ไม่มีทาง จะไปมีเรือผีสิงแบบนั้นได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าเป็นเรือลูกผสมระหว่างเรือใบกับเรือไอน้ำที่เพิ่งได้รับความนิยมในช่วงหลัง… ภาพลวงตา? ใครบางคนใช้เวทลวงตาที่ทรงพลังเพื่อซ่อนเรือโดยสารลำนั้น? ถ้านั่นเป็นความจริง… อีกอย่างคือครึ่งเทพ… ท่ามกลางกระแสความคิดที่เปลี่ยนผัน เบิร์ด·มัสแตงรีบเก็บกล้องส่องทางไกล เดินไปยังเขตห้องโดยสาร

ระหว่างนั้น คล้ายกับระยะทางถูกบิดเบือน เบิร์ด·มัสแตงเดินเพียงเจ็ดถึงแปดก้าวก็มาถึงห้องกัปตันที่อยู่ในจุดห่างไกลจากเมื่อครู่ จากนั้นก็กล่าวอย่างนอบน้อม

“เอิร์ลนาสต์ มีบางสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นระหว่างการล่า”

หากเป็นบนเรือจักรพรรดิมืด ‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ นาสต์ จะแทนตัวเองว่าเอิร์ลเสมอ มาจากบรรดาศักดิ์ที่จักรพรรดิโรซายล์มอบให้

แน่นอน มันยังประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า ในอีกไม่ช้าก็เร็ว อาณาจักรของโจรสลัดจะถือกำเนิด และมันจะกลายเป็นดยุค เจ้าชาย หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิ

หลังจากเงียบไปสักพัก เสียงทุ้มและสง่างามดังมาจากห้องกัปตัน

“วนไปรอบๆ”

“สุดแล้วแต่ท่าน!” เบิร์ด·มัสแตงไม่ถามว่าทำไม เพียงน้อมรับไว้

แน่นอน มันพอจะจินตนาการถึงเหตุผลได้

ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่การทำให้เรือโดยสารขนาดใหญ่หายไปต่อหน้าต่อตาโจรสลัดหลายร้อยคน ต้องไม่ใช่ฝีมือของผู้วิเศษลำดับกลางหรือล่างแน่ เรือลำดังกล่าวต้องมีครึ่งเทพที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง หรือไม่ก็สมบัติปิดผนึกระดับครึ่งเทพ!

การปะทะส่งเดชกับครึ่งเทพบนเรือโดยสารธรรมดาๆ ไร้สัญชาติ ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดสักเท่าไร แม้ว่า ‘เอิร์ลแห่งเมเปิ้ลขาว’ นาสต์ จะเป็นถึงราชาแห่งห้าห้วงสมุทร แต่มันก็ไม่ประมาท เว้นเสียแต่จะทราบว่าอีกฝ่ายคือกลุ่มที่ขัดแย้งกันอยู่แล้ว หรือมีประเด็นมากพอให้เปิดฉากโจมตี

จากมุมมองดังกล่าว ครึ่งเทพฝ่ายตรงข้ามทำเพียงซ่อนเรือโดยสาร มิได้ลงมือโต้กลับ แสดงให้เห็นว่าไม่ประสงค์จะขัดแย้งกับเรือจักรพรรดิมืดและราชาแห่งห้าห้วงสมุทร เพียงต้องการบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าในนี้มีครึ่งเทพอยู่ เป็นการห้ามศึกอย่างสันติ

เบิร์ด·มัสแตงสั่งให้ลูกเรือออกจากกราบเรือ จากนั้นก็หันหัวเรือจักรพรรดิมืดเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง

ทันใดนั้น นกอินทรีทะเลหัวแดงตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินแตกกลุ่ม โฉบมายังท้องฟ้าเหนือลำเรือผีสิงลำนี้

ขณะเหล่าโจรสลัดเริ่มสับสน ทันใดนั้น นกอินทรีทะเลหัวแดงตัวดังกล่าวมองลงมายังดาดฟ้าเรือ กล่าวด้วยเสียงมนุษย์ที่ทุ้มต่ำ

“ผมต้องการพบเอิร์ลแห่งเมเปิ้ลขาว”

เบิร์ด·มัสแตงผงะหลายวินาที ก่อนจะชำเลืองสายตาไปทางห้องโดยสาร

เสียงอันสง่างามของราชาแห่งห้าห้วงสมุทรดังขึ้นอีกครั้ง มิใช่การตอบอินทรีทะเลหัวแดงโดยตรง แต่เป็นการคุยกับลูกน้อง

“ให้เข้ามา”

ขณะเบิร์ด·มัสแตงเตรียมทำตามคำสั่ง นกอินทรีทะเลหัวแดงบินโฉบลงมาท่ามกลางสายลมและสายฝนที่มืดครึ้ม ร่างกายค่อยๆ แปรสภาพ บิดตัวและยุบพองกลายเป็นมนุษย์

รอจนกระทั่งร่อนลงอย่างสมบูรณ์ นกอินทรีทะเลหัวแดงกลายเป็นมนุษย์สวมหมวกทรงสูงและทักซิโด บนใบหน้าสวมหน้ากากขนนก

รูม่านตาเบิร์ด·มัสแตงขยายออกเล็กน้อย คล้ายกับต้องการเพ่งพิจารณาอีกฝ่ายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

แต่ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ไม่พบความผิดปรกติจากชายอวดดีตรงหน้า ประหนึ่งว่าอีกฝ่ายไม่เคยเป็นนกอินทรีทะเลหัวแดงมาก่อน

จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่วินาที รูม่านตาของเบิร์ด·มัสแตงขยายกว้างกว่าเดิม เพราะชายสวมหน้ากากขนนกกำลังเดินผ่านไปและเผยให้เห็นด้านข้าง

บุรุษที่แต่งกายราวกับกำลังจะเข้าร่วมงานเลี้ยง ความหนาของลำตัวน้อยมาก ราวสองนิ้วประกบกันเท่านั้น!

ในวินาทีนี้ เบิร์ด·มัสแตงเชื่อว่าตนกำลังได้เห็นมนุษย์กระดาษ เป็นมนุษย์กระดาษที่หนากว่าปรกติเล็กน้อย!

สัตว์ประหลาด… มันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เฝ้ามองครึ่งเทพสุดประหลาดเดินเข้าไปในห้องโดยสาร

โจรสลัดบนดาดฟ้าทั้งหมดต่างผงะถอยหลังกลับไปยังกราบเรือ ประหนึ่งเมื่อครู่เพิ่งเห็นฝันร้ายเดินผ่านไป

สำหรับพวกมัน ไม่มีใครเคยเห็นมนุษย์ที่มีร่างกายแบบนี้มาก่อน สยองขวัญยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดหลายตัวที่เคยเผชิญหน้าในอดีตเสียอีก

ณ ชั้นสามของเขตห้องโดยสาร ด้านนอกห้องกัปตันกลางแจ้ง

ไคลน์จับลูกบิดและเปิดประตู

การต้องปรากฏกายในรูปลักษณ์ประหลาด ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีทางเลือก แต่ส่วนหนึ่งเป็นความตั้งใจ อันดับแรก นกอินทรีทะเลหัวแดงตัวเล็กเกินไป หลังจากแบ่งร่างกายบางส่วนเพื่อแปลงโฉมเป็นเสื้อผ้าและหน้ากาก ลำตัวในส่วนที่เหลือไม่มากพอจะสร้างร่างมนุษย์ที่สมบูรณ์ ต่อให้ไม่มีอวัยวะภายในก็ตาม สำหรับในประเด็นที่จงใจ มันกำลังค้นหาวิธีสวมบทบาทเป็น ‘จอมเวทพิสดาร’ และเกิดไอเดียทำนองว่า:

‘จอมเวท’ ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่กุญแจสำคัญอยู่ที่ความ ‘พิสดาร’ ในการใช้เวทมนตร์!

เสียงประตูเสียดสีแผ่วเบา บานประตูสีดำถูกเปิดออก เผยให้เห็นฉากภายในห้องกัปตัน

เชิงเทียนห้อยลงมาจากเพดาน แบ่งเป็นฝั่งซ้ายสี่สิบเอ็ด ฝั่งขวาสี่สิบอย่างไม่สมมาตร สุดปลายทางของพวกมันคือพื้นยกสูงสีดำที่รายล้อมบัลลังก์เหล็กดำสนิท

‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ นาสต์อยู่ในรูปลักษณ์ปรกติ สูงเกินกว่า 1.9 เมตรเล็กน้อย แตกต่างจากร่างกายใหญ่โตที่คล้ายคนยักษ์ซึ่งไคลน์เคยพบ

มันยังคงสวมมงกุฎขนาดย่อม สวมชุดคลุมสีดำขอบเงิน โครงหน้าค่อนข้างเหลี่ยม บนหน้าผากมีริ้วรอยเล็กน้อย ใต้คางมีเคราสั้นสีดำ ภายในดวงตาสีดำสนิทมีแสงสีแดงเข้มไหลเวียน ใครก็ตามที่สบตาต่างเกิดความรู้สึกอยากก้มศีรษะโดยไม่รู้ตัว

“ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน” นาสต์กล่าวเสียงแผ่ว “มิสเตอร์จอมเวทพิสดาร”

ไคลน์ถอดหมวกออก กล่าวทักทาย

“แต่ตอนนี้เคยพบแล้ว”

นาสต์กล่าวด้วยเสียงที่สามารถทำให้วิญญาณสั่นสะเทือน

“ว่ามา เหตุใดถึงอยากพบข้า”

“ท่านเอิร์ล ผมอยากฟังความประทับใจที่คุณมีต่อจักรพรรดิโรซายล์ ทุกคนล้วนทราบดี คุณและบิดาเคยเข้าเฝ้าพระองค์ แถมยังมากกว่าหนึ่งครั้ง” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ

นาสต์มองหน้าครึ่งเทพฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏตัวในร่างมนุษย์กระดาษ กล่าวพร้อมกับแสงสีแดงเข้มในดวงตาที่สว่างขึ้น

“นั่งลงก่อน”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ไคลน์สัมผัสถึงแรงกดดันมหาศาล ไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้ร่างกายฟังคำสั่ง เกิดความอยากนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ

ทว่า ตัวมันในปัจจุบันเป็นเพียงหุ่นเชิด เพียงสะบัดด้ายวิญญาณแผ่วเบา ร่างบางๆ ก็ได้รับสมดุลกลับคืน

……………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset