Midterm Fantasy – ตอนที่ 107

เดี๋ยวนะ เลขนี่คือ Bonus Stat เรอะ!
โดย
หมอแมว

“สเตตัสสตรีศึกษา”
{สตรีศึกษา LV 51 : 50/100}
เด็กหนุ่มตรวจเช็คสเตตัสของตนเอง เขารู้สึกตั้งแต่ตอนที่บุกรังเป๋งโมบายแล้วว่าเส้นบอกทิศทางของสกิลสตรีศึกษามันเปลี่ยนสีจากสีทองเป็นสีแดง และสำหรับวันนี้เขาก็พบว่ามันบอกทิศทางได้รวดเร็วขึ้นและแม่นยำมากขึ้นจนทำให้เขาสามารถบอกทิศทางของกระสุนปืนได้อย่างรวดเร็ว การรู้ล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวแบบใดก็ดูเหมือนจะเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน
รอนคิดทบทวนดู เลเวลของสกิลนี้ติดอยู่ที่ 49 มานานมาก ถ้าจะขึ้นก็แปลว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมา
จะเกิดจากตอนติดในถ้ำกับโรล่าเหรอ …​ก็ไม่น่าใช่ เพราะสีของเส้นบอกทิศทางมันเปลี่ยนตั้งแต่ก่อนหน้านั้น

แต่ช่างเถอะ ยังไงมันก็เปลี่ยนแล้ว
รอนจัดการดึงแกนมอนสเตอร์ของโกเลมออกและเก็บโล่กับหอกซัดจากมือโกเลมที่ใช้ล่อกลับมา มองดูร่างของผู้หญิงทั้งสามคนที่นอนหมดสติอยู่ เขาจัดการใช้สายล็อคพลาสติกรัดข้อมือและข้อเท้าผู้หญิงทั้งสามคนนี้ให้เรียบร้อยก่อนจะลากเข้าไปในโกดัง จากนั้นก็กดโทรศัพท์โทรออกไป
“คุณหยางเทียน เรียบร้อยแล้วครับ”
“หืม เรียบร้อยแล้วเรอะ เร็วจริง” หยางเทียนตอบผ่านโทรศัพท์ “ได้ พวกเราจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ”
รอนวางสายลงจากนั้นก็เอาม้วนเวทมนตร์ออกมา ม้วนเวท High Heal ม้วนเดียวที่เขามีอยู่ถูกวางลงไปที่พื้นตรงกลางระหว่างหญิงสาวที่หมดสติทั้งสามคน รอนจัดการดึงหอกซัดที่แทงทะลุขาของเจนออกมา
“อ๊า” เสียงหญิงสาวร้องขึ้น เปลือกตาค่อยๆลืมเปิดขึ้นจากความเจ็บปวด เลือดปริมาณมากไหลพรูออกมาจากขาเรียวขาวนั้น
รอนไม่สนใจเลือดที่ออกมา เขาดึงหอกซัดที่ทะลุขาของแจนออกเป็นรายถัดไป เสียงร้องดังขึ้นพร้อมกับที่หญิงสาวตื่นรู้ตัวและดิ้นรนอย่างไร้ผล
“”
แสงสว่างสีขาวเรืองรองขึ้นปกคลุมร่างของหญิางสาวทั้งสามคน บาดแผลที่เปิดออกค่อยๆหาย เลือดที่ไหลเริ่มหยุดลง เจนัสที่หมดสติไปก่อนหน้านี้ค่อยๆรู้สึกตัวฟื้นขึ้น
“น นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมบาดแผลถึงหายไป” แจนร้องขึ้นมา
“แล้วนี่มันแสงอะไรกัน แกทำอะไรกับพวกเรากันแน่ ….​ว้ายยยยย หยุดเดี๋ยวนี้นะคนบ้า!” เจนร้องกรี๊ดขึ้นเมื่อพบว่ากระโปรงของตนถูกเปิดเลิกขึ้น มือของเด็กหนุ่มล้วงลูบเข้าไปที่ต้นขาของเจนอย่างไม่ปราณี

หญิงสาวกรีดร้องอยู่พักหนึ่ง รอนก็ถอยออกมาพร้อมกับสายรัดสีดำสองสายที่ใส่กระสุนและปืนพกสำรองเอาไว้
“ไม่ต้องร้อง ผมแค่จะปลดอาวุธ” เด็กหนุ่มบอกพลางวางปืนไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็เดินไปที่แจนและเจนัส ทั้งสองคนไม่พูดอะไรยอมให้รอนปลดอาวุธแต่โดยดี แต่ก่อนที่หญิงสาวทั้งสามคนจะทันโล่งใจ รอนก็มองไปที่เจนัส แล้วก็เอื้อมมือไปเลิกเสื้อขึ้น

“เฮ้ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ แกจะทำอะไร” หญิงสาวดิ้นสุดแรง พยายามสะบัดแขนและขาที่ถูกมัดไว้ไปมา หากแต่ไม่เป็นผล เธอรับรู้ได้ว่ามือของเด็กหนุ่มเลื่อนเปะปะไปที่ยกทรงของเธอ
“หยุดดิ้นได้แล้ว” รอนร้องออกมาอย่างหัวเสียใช้มือกดไหล่ของเจนัสลงที่พื้นและเลื่อนศีรษะเข้าไปใกล้ “หรืออยากจะโดนแบบเมื่อกี้นี้”
“อ๊ะ” เจนัสร้องออกมาได้แค่คำเดียวแล้วก็เงียบไป ไม่อยากเจอเฮดบัตต์จนสลบอีกแล้ว
รอนเลื่อนมือไปตามแนวของยกทรง จากนั้นดึงเอามีดสั้นออกมาสองเล่มโยนทิ้งไป แล้วเขาก็ทำหน้าฉงนอีกนิด ก่อนจะล้วงเข้าไปที่หน้าอกอีกครั้ง ก่อนจะดึงเอาปืนจิ๋วออกมาพร้อมกับฟองน้ำวงกลม
เจนัสนอนหันหน้าไปทางอื่นใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ขณะที่รุ่นน้องอีกสองคนอ้าปากค้างอย่างหวาดผวาเพราะรู้ดีว่าปืนจิ๋วนั่นซ่อนอยู่ที่ตำแหน่งไหน
“ยังมีอีกไหม”
“ไม่มีแล้ว”
กิ๊ง
{คุณรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายโกหก}
“โกหก”
เด็กหนุ่มตบไปตามลำตัวและเลื่อนลงไปเบื้องล่างก่อนจะพบว่ามีมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ที่ด้านข้างของกางเกงใน
“มีอีกไหม”
“ท ที่รองเท้า มีมีดอีกเล่มนึง” หญิงสาวตอบอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป ใบหน้าแดงก่ำจากทั้งความโกรธและอาย รอนค้นเสร็จแล้วหันไปทางเจนและแจนที่นอนหวาดผวาอยู่ที่พื้น
“ยะ อย่านะไอ้บ้า” แจนร้องขึ้นและพยายามขัดขืนแต่รอนแยกเขี้ยวใส่
“หยุดได้แล้ว หรืออยากจะโดนแบบยัยนั่น” รอนพูดก่อนจะนึกได้ “อ้อ จริงสิ ตอนที่ยัยนั่นโดนไปพวกเธอสลบอยู่นี่”
ทั้งเจนและแจนมองหน้ากันก่อนจะหันไปที่ลูกพี่เจนัสอย่างสงสัยว่าโดนอะไรไป
“ยอมมันไป ดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์” เจนัสบอกกับน้องทั้งสองคนก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นแบบเคืองๆที่รอนพูดกำกวมจนคนอื่นเข้าใจผิด

รอนปลดอาวุธทั้งหมดออกแล้วเก็บใส่ถุงมัดเอาไว้ เช็คสกิลอีกครั้ง
{สตรีศึกษา. Lv 53 : 25/100}
ดูเหมือนการค้นตัวเมื่อครู่นี้จะช่วยเพิ่มเลเวลได้แฮะ หรือว่าจะทดสอบอะไรต่อดี เผื่อว่าจะได้ถือโอกาสนี้ในการอัพเลเวล
เด็กหนุ่มมองไปที่สามสาวด้วยสายตาที่หิวกระหายในการเพิ่มเลเวลจนทั้งสามคนหนาวไปทั่วทั้งแผ่นหลัง หากแต่เสียงดังก็อกๆดังมาจากที่หน้าประตูโกดังพอดี
“คุณรอนสวัสดีครับ” หยางเทียนทักทาย
“เข้ามาก่อนครับ” รอนเชื้อเชิญ
หยางเทียนเดินเข้ามาในโกดัง ตามด้วยชายหนุ่มอีก 10 คน กวาดสายตามองร่างของทั้งสามคนที่นอนอยู่ที่พื้นก่อนจะอ้าปากพูดอย่างตื่นเต้น
“สามสาวแห่งแก๊งค์เมษา คุณรอนจับทั้งสามคนนี่ได้ด้วยตัวคนเดียวเหรอครับ”
“ไม่เชิงครับ มีผู้ช่วยนิดหน่อย”
รอนพยักหน้าหมายถึงโกเลม หยางเทียนมองไปที่ทั้งสามคนนั้นอีกครั้งอย่างสนใจ
เมื่อเย็นนี้รอนติดต่อหลิวลี่จง พูดคุยเรื่องสถานะของพวกเขาจนกระทั่งรู้ว่าพวกเขาไม่ได้หวังเป็นแค่กลุ่มที่ขายของเลี่ยงกฎหมายเพียงแต่อย่างเดียวหากแต่ต้องการอาศัยจังหวะที่แก๊งค์เมษาถอนตัวจากพื้นที่นี้เพื่อเข้ามายึดพื้นที่ด้วย
รอนซักถามจนมั่นใจว่าแก๊งค์ของหลิวลี่จงไม่ได้ทำกิจการวางเพลิงฆ่าคนค้ายา จึงค่อยขอให้ทางนั้นส่งคนเข้ามา เพื่อจัดการกับคนที่รอนวางแผนจับตัว
“ผมอยากให้พวกคุณเค้นถามความลับจากสามคนนี้ก่อนจะส่งตำรวจครับ” รอนบอกความตั้งใจไป
“ได้ แต่ว่าท่าจะยากนิดนึง” หยางเทียนบอกก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องเตรียมจัดการ “คนของแก๊งค์เมษาระดับที่มีปืน ต้องถูกฝึกให้ทนการทรมานอยู่แล้ว”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง” เจนัสร้องสวนขึ้นทันทีที่เห็นรอนกำลังทำท่าจะเดินออกไป
“หืม”
“แกจะไปไหน”
“ก็ดูเหมือนคงต้องใช้เวลานานกว่าคุณจะยอมพูด ผมเลยว่าจะไปพัก แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาดูผลตอนเช้าอีกที”
“แล้วถ้าพวกเราไม่ยอมพูดล่ะ” เจนัสถาม
“ผมก็จะใช้วิธีที่ทำกับสองคนนั้น แล้วให้คนเหล่านี้ ‘สอบถาม’ พวกคุณต่อ และถ้าไม่บอกอีก ผมก็จะให้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกว่าจะบอก”
สามสาวสยิวกิ้วขึ้นมาทันที แผลที่ขาของเจนและแจนในตอนนี้หายสนิท บ่งบอกว่าเจ้าหนุ่มนี่มีความสามารถแปลกประหลาดในการรักษาบาดแผล
การเค้นความจริงทำได้หลายวิธี วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการทรมาน แต่ก็เป็นวิธีที่มีข้อจำกัดมากที่สุด เพราะหากทรมานมากไปก็อาจถึงตาย ทรมานมากเกินไปอาจจะกระตุ้นให้อีกฝ่ายหมดกำลังใจในชีวิตจนไม่เปิดปากพูด
แต่ถ้าเจ้าหนุ่มนี่ทรมานพวกเธอไปเรื่อยๆ แล้วรักษา แล้วทรมาน สลับไปสลับมา พวกเธอก็จะถูกทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“โอเค อยากรู้อะไรถามมา”
หยางเทียนและลูกน้องทำหน้าประหลาดใจที่เห็นเจนัสยอมตอบรอนโดยที่ไม่ถูกทรมานสักนิด
เจ้าหนุ่มนี่ทำอะไรไปก่อนหน้านี้จนทำให้สามคนนี้ยอมแพ้ได้
“เอาล่ะ ใครส่งพวกคุณมา”
“เฮียโต้งมิวสิค”
“จุดประสงค์?”
“ตอนที่ร้านของเป๋งโมบายเจอถล่ม กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งแอบเอาไว้บันทึกภาพเด็กหนุ่มใส่หมวกและหน้ากากสีดำได้ และเมื่อวานนี้ตอนที่ลูกกระจ๊อกในแก๊งค์ของเราไปมีเรื่องกับรถโรงพยาบาล มันบอกว่าเจอคนที่บอกว่าเคยเจอพวกมันในร้านของเป๋งทั้งที่นายไม่เคยเจอกับพวกมันที่นั่น เฮียโต้งก็เลยสงสัยว่านายและเด็กหนุ่มลึกลับนั่นคือคนๆเดียวกัน”
“เฮียโต้งสงสัย ไม่ใช่แก๊งค์เมษารึ” รอนถามงงๆ
“เธอนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ แก๊งค์ของเรามีระดับชั้นหลายระดับ ถ้าให้ทุกเรื่องต้องผ่านเข้าไปที่สมาคมโดยตรงทุกคนคงปวดหัวตายพอดี” เจนบอก “เฮียโต้งเลยให้พวกเรามาสืบเรื่องนี้เป็นการลับก่อน จับตัวเธอไปคุยให้รู้เรื่องก่อน ถ้าใช่คนเดียวกันค่อยส่งไปให้ที่สมาคมใหญ่จัดการ”
“ใช่แล้ว ตอนนี้แกจะยอมแพ้ก็ยังไม่สาย ขอร้องเฮียโต้งดีๆ เข้ามาร่วมมือกับพวกเรา เผื่อตอนรายงานขึ้นไปจะได้ผ่อนโทษหนักให้เป็นเบา” แจนประสาน
“ยัยเจน ยัยแจน หยุดเดี๋ยวนี้!” เจนัสร้องอย่างตกใจ จนทั้งสองคนงง
“ดีเลย แบบนี้แปลว่ายังไม่มีใครรู้นอกจากโต้งมิวสิค” รอนบอก “งั้นพวกเธอบอกหน่อยว่ารังของโต้งมิวสิคอยู่ที่ไหน และมีกิจการอะไรบ้าง มีคนกี่คน บอกมาให้หมด”
เจนัสกลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้ที่รุ่นน้องบอกความลับไปจนหมด
รอนสอบถามเรื่องที่อยากรู้จากทั้งสามก่อนจะส่งตัวทั้งสามให้กับหยางเทียน กำชับเรื่องการส่งตัวให้ตำรวจอย่างปลอดภัย ดูจากท่าทางของหยางเทียนแล้วดูเหมือนพวกเขาจะมีสายสัมพันธ์บางอย่างกับตำรวจอยู่บ้าง
นอกจากนี้ยังสั่งซื้อสิ่งของบางอย่างเพิ่มเติม
“ผมอยากให้พวกคุณช่วยหาของพวกนี้ให้ผมหน่อยครับ ไม่รู้ว่าจะหาได้หรือเปล่า”
รอนยื่นกระดาษในมือให้ดู หยางเทียนมองดูแล้วขมวดคิ้วอย่างงงงวย
“เมล็ดพืช ข้าว ข้าวโพด มะเขือม่วง ฝ้าย ทำไมคุณไม่ซื้อเอาจากท้องตลาดทั่วไปล่ะ”
“มันไม่ใช่เมล็ดพืชธรรมดาครับ เอาเป็นว่ามันไม่ใช่ของที่หาได้ในประเทศเรา และผมยังกำหนดไว้แบบเดิมก็คือต้องเป็นเมล็ดพืชที่บรรจุในกระสอบหีบห่อมาแล้วอย่างน้อย 1 เดือน กระสอบหนักไม่เกิน 150กิโลกรัม ส่วนราคา ให้ทางคุณกำหนดมา”
หยางเทียนเกาหัวงงๆ เมล็ดพืชอะไรทำไมจะหาไม่ได้ในประเทศนี้ แต่ว่าเขาก็รับเอาออเดอร์ไปตามที่รอนต้องการ
ตี 2 กว่าแล้ว เด็กหนุ่มเดินออกจากพื้นที่นั้น ดึกดื่นค่ำมืดแบบนี้ไม่มีรถแท็กซี่วิ่งผ่านเท่าไหร่ โดยที่ไม่มีอะไรทำ เขาเลยเปิดสเตตัสเพื่อฆ่าเวลาและดูสเตตัสไปเรื่อยๆ
“สเตตัสสตรีศึกษาขึ้นมาจริงๆแฮะ ดูเหมือนประสบการณ์จริงจะเพิ่มค่าประสบการณ์ได้เร็วกว่าเยอะเลย” รอนพูดกับตัวเอง “ค่าการใช้อาวุธไกลกับการต่อสู้ประชิดก็เพิ่มขึ้น นี่ถ้าเราต่อสู้ขึ้นอีกก็คงเพิ่มมากกว่านี้”
“เดี๋ยวสิ ไม่ได้ ไม่ได้ อันตรายๆ เราจะคิดแบบเกมไม่ได้” รอนร้องขึ้น “นี่มันไม่ใช่เกม นี่มันชีวิตจริง ถ้าเราเผลอเอาแนวคิดแบบเกมมาใช้เมื่อไหร่เราก็จะเผลอลดความระมัดระวังตัว เกมมันเริ่มต้นใหม่ได้แต่ชีวิตเรามีชีวิตเดียว”
รอนเคาะหัวตัวเองอีกครั้ง ด่าตัวเองที่เอาความเป็นเกมเมอร์มาใช้กับเรื่องสำคัญแบบนี้

“นี่เราเลเวลอัพขึ้นตั้งเยอะ ถ้าใช้ความคิดแบบเกม เจ้าตัวเลขที่มุมขวาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั้นมีได้แค่ความหมายเดียว” เขาลองเอานิ้วกดย้ำๆลงไปที่เลขนั้น หากแต่ตัวเลขที่ตอนนี้เขียนว่า 361 ไม่มีปฏิกริยาอะไร
“ลองกดดูแล้วไม่ได้ผลอะไร แปลว่านี่ไม่ใช่เกม” รอนพูดอย่างพึงพอใจ และมองเลข 361 ที่สงบนิ่ง
“ถ้าหากเป็นในเกม เจ้าเลขนี่มีความหมายเดียวคือเป็นคะแนนสกิลหรือ Bonus Stat”
กิ๊ง
{Bonus Stat 361 คะแนน}
“อ๊ะ”
ถูกกระตุ้นด้วยคำพูด ตัวเลข361 ที่มุมจอเลื่อนมาตรงกลางแล้วขยายตัวออก มีรูปตัวเขาและคะแนนอื่นๆปรากฎขึ้น
“ดะ ดะ เดี๋ยว นี่มันBonus Stat กับสถานะอื่นๆ ตกลงมันเปิดได้ด้วยเหรอ แบบนี้ก็…”
รอนอ้าปากค้างกำลังเตรียมยิ้มออกมาแต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีที่มองเห็นตัวหนังสือสีเทาที่อยู่ด้านล่างสุด
เขาแหกปากออกมา
“เฮ้ย ไม่จริงน่า สัสสสสสสสสสสสสสส!”

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ … มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset