Midterm Fantasy – ตอนที่ 119

สมานรอยร้าวอย่างไม่ตั้งใจ
โดย
หมอแมว

สิ่งที่พระราชาลูเซียสเล่าให้รอนฟังอย่างคร่าวๆไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ อำนาจที่พระราชามีคืออำนาจทางการทหาร ทหารของแอสคาลอนมีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยและปกป้องคุ้มครองประชาชนจากมอนสเตอร์ ในขณะที่ขุนนางและชนชั้นสูงต่างดูแลบริหารให้สังคมเดินหน้าไปได้
ภาษีที่เก็บได้หมดไปกับค่าจ้าง ค่าอาวุธ ค่าชดเชยครอบครัวทหารที่ตายไป ค่าเสบียง รวมไปถึงค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมสิ่งก่อสร้าง ผลที่ตามมาก็คือทหารของแอสคาลอนอยู่ในสภาพที่ทำได้เพียงการตั้งรับหรือกำจัดมอนสเตอร์ที่โจมตี ไม่สามารถออกไปกำจัดหรือลาดตระเวนป้องกันได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติ โรคระบาด หรือเหตุร้ายตามเมือง เมืองหลวงก็ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะไปช่วยเหลือ ทุกอย่างขึ้นกับว่าเจ้าเมืองจะช่วยเหลือตนเองได้แค่ไหน
“แล้วไม่มีช่องทางหาเงินแบบอื่นเหรอครับ เช่นพวกการค้าของอาณาจักร สินค้าที่กองทัพผูกขาดการค้าขายไว้อย่างเช่นอาวุธ เกลือ เครื่องใช้เวทมนตร์อะไรแบบนี้” รอนถาม
“ไม่มีหรอก พวกอาวุธและเครื่องใช้เวทมนตร์ก็มีพวกช่างอาวุธและพวกคนแคระเป็นผู้ค้าขายหลัก สินค้าที่มาจากมอนสเตอร์ก็มีกิลด์นักผจญภัยผูกขาด เกลือ ถ่านหิน อาหาร ของใช้ที่จำเป็นก็มีตระกูลชนชั้นสูงแบ่งสรรกันค้าขาย” พระราชาบอก
รอนอึ้งไป เขาไม่นึกว่าอาณาจักรนี้จะจนกรอบขนาดนี้ แต่ก็แปลกนะ ถ้าการทหารอ่อนแอขนาดนี้แล้วทำไมอยู่มาได้ตั้งนานล่ะ
“แล้วไม่มีปัญหาการกบฏหรือแย่งอำนาจเหรอครับ”
“ไม่มีหรอก ใครจะมาแย่งอำนาจ” พระราชาบอก “ชนชั้นทหารของแอสคาลอนมีหน้าที่ป้องกันประชาชนจากมอนสเตอร์มาช้านาน ความลำบากแบบนี้ไม่มีใครเค้าแย่งกันหรอก”
“แต่คนที่มีอาวุธในมือน่าจะมีอำนาจไม่ใช่เหรอครับ”
“พ่อหนุ่ม ในอาณาจักรนี้ผู้ที่มีอาวุธไม่ได้มีแค่ทหารนะ กลุ่มชนชั้นสูงกับขุนนางต่างก็มีกองกำลังเป็นของตนเอง ยังมีพวกนักผจญภัยและทหารรับจ้างอีก”
รอนคิดขึ้นได้ จริงสินะ ถ้าจะแย่งอำนาจก็ต้องได้ประโยชน์
แต่ถ้าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีแต่ภาระ ไม่ได้มีอำนาจควบคุมอะไรได้มากมาย แถมไม่มีรายได้ผลประโยชน์อีก ใครจะมายึดอำนาจกัน
“ความจริงถ้าเป็นในรุ่นพ่อและปู่ของข้า ทุกอย่างก็ไม่ได้แย่ขนาดนี้หรอก ในตอนนั้นอำนาจการค้าขายสินค้าบางอย่างยังอยู่ในความควบคุมของทหาร แต่หลังจากสงครามใหญ่เมื่อ30ปีก่อนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป” พระราชาลูเซียสบอก “เจ้าเห็นสินะว่าขุนนางและชนชั้นสูง30คนนั้นล้วนดูคุ้นเคยกับข้า คนเหล่านั้นเมื่อ30ปีก่อนคือพวกพ้องที่ร่วมมือร่วมใจกันช่วยอาณาจักรนี้ให้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้ ข้าซึ่งไม่มีอะไรจะตอบแทนพวกเขา ทำได้เพียงแค่กระจายธุรกิจที่อยู่ในความควบคุมของทหารไปให้พวกเขาเท่านั้น”
“อย่าเพิ่งมองว่ามันคือเรื่องแปลกอะไร อาณาจักรของเราอยู่มานานเป็นพันๆปี ที่ผ่านมาเกิดวิกฤตหลายครั้ง และในแต่ละครั้งที่เผชิญวิกฤตและมีผู้ให้ความช่วยเหลือ เพรเตอร์ในรุ่นก่อนๆก็ให้รางวัลแก่ผู้ที่มีผลงานทุกครั้งไป”
รอนกุมขมับ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมกองทัพของแอสคาลอนถึงจนกรอบแบบนี้ ที่แท้พระราชาแต่ละรุ่นยกแหล่งรายได้ให้พวกขุนนางและชนชั้นสูงจนกระทั่งมาหมดในรุ่นนี้นี่เอง
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นมันปราศจากทางเลือกจริงๆ หากไม่ใช้ข้อเสนอที่มีผลประโยชน์เช่นนี้ก็ยากที่จะชักจูงให้บรรดาตระกูลต่างๆมาร่วมมือกันปกป้องอาณาจักรได้” พระราชาบอก “ในตอนนั้นที่บรรดาตระกูลต่างๆพยายามที่จะป้องกันแต่ผลประโยชน์และดินแดนของตนเอง ลำพังแค่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของข้าและพวกพ้อง ไม่เพียงพอที่จะให้เขาเหล่านั้นไปชักจูงคนในตระกูลของตนได้หรอก”
“แล้วท่านคิดจะทำยังไงต่อครับ” รอนถาม
“ข้าจะขอให้ร้านARMAMENTของเจ้าขายสินค้าภายใต้การดูแลของแอสคาลอนได้หรือไม่” พระราชาเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง
“ท่านหมายความว่า ท่านจะขอผมเหมือนกับที่จัสตินขอใช่ไหม”  รอนถาม
“ใช่”
“แล้วส่วนแบ่ง”
“ขอกำไร 30%”
“ตกลงครับ”
รอนตอบอย่างรวดเร็ว จนพระราชาลูเซียสผงะ
“ไม่คิดดีๆก่อนรึ”
“ไม่ล่ะครับ ถ้าหากขอแบ่งเพียงแค่ 30% จากกำไร ก็ถือเป็นระดับที่ผมยอมรับได้ ถือว่าเป็นการเสียภาษีให้กับอาณาจักร ว่าแต่ผมไม่ต้องเสียภาษีอะไรเพิ่มใช่ไหมครับ”
“เรื่องนั้น ไม่ต้องหรอก ก็เหมือนที่เธอว่า ถือซะว่าเป็นการเสียภาษีให้กับอาณาจักรโดยตรง”
พระราชาลูเซียสถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากลัวว่ารอนจะเข้าใจผิดว่าต้องการจะฮุบกำไรเหมือนกับที่จัสตินทำ
ขณะที่รอนเองก็โล่งอก เพราะส่วนแบ่งที่พระราชาเสนอมานั้นถือว่าไม่แพงเลย เพราะถ้าแบ่งที่กำไร 30% แต่แลกกับได้การคุ้มครองและได้Connectionในการค้าขายเพิ่มขึ้น
นี่ไม่นับว่าถ้าคิดว่ากำไรไม่พอ เขาก็แจ้งต้นทุนให้สูงขึ้นก็ได้
อย่างเช่น
“แล้วอีกเรื่องหนึ่ง เจ้าเครื่องมือที่ใช้บันทึกภาพและเล่นซ้ำของเจ้าน่ะ ข้าจะขอซื้อต่อได้หรือไม่” พระราชาบอก “ข้ามีความคิดว่าถ้าบันทึกภาพการฝึกใช้อาวุธและการต่อสู้ลงไป จากนั้นเราใช้เครื่องมือนี้เปิดให้พวกนายทหารศึกษาฝึกหัด ก็จะสามารถฝึกหัดได้โดยที่นักสู้ชั้นสูงไม่ต้องเปลืองแรงมาก ว่าแต่ราคาจริงๆมันคงไม่ใช่ 500 เหรียญทองใช่ไหม”
“ครับ ราคาจริงของมันไม่ใช่ 500 เหรียญทอง แต่อยู่ที่ 350 เหรียญทอง” รอนบอก “และนอกจากนี้ยังต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อชาร์จพลังงาน ถ้าคิดเฉพาะต้นทุนก็คงอยู่ที่400เหรียญทอง”
รอนพูดอย่างปกติที่สุดทั้งที่รู้แก่ใจว่าต้นทุน โทรศัพท์มือถือรุ่นธรรมดา + Power Bank + ที่ชาร์จมือหมุน + สาย แค่เหรียญทอง 1 เหรียญก็คืนทุนแล้ว  แต่ก็นั่นแหละ โลกนี้ไม่มีของพวกนี้นี่นา จะตั้งราคาทุนแค่ไหนก็ได้ไม่มีใครรู้หรอก
พระราชาซู้ดปาก 400 เหรียญทองนี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย แต่ถ้าคิดแล้วสามารถใช้มันเพื่อฝึกนายทหารรุ่นใหม่ๆก็คงคุ้มค่าอยู่
ความจริงอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ใช้บันทึกภาพเคลื่อนไหวมันก็มีอยู่ แต่ว่าเมื่อนึกถึงภาพที่ไม่คมชัด การบันทึกภาพที่ทำได้ไม่กี่นาที  และปริมาณมานาหรือแกนมอนสเตอร์ที่ต้องใช้มหาศาลแล้ว 400เหรียญทองถือเป็นราคาที่คุ้มอยู่
“ตกลง ข้าขอสั่งซื้อ 4 ชุด เจ้าจะขายในราคาไหน”
“เรื่องนั้น …”​ รอนคิดในใจก่อนจะตัดสินใจบอกออกไป “เอาอย่างนี้ครับ ผมจะขายทั้ง 4 ชุดให้ท่านในราคาทุนไม่เอากำไรใดๆ เพียงแต่ว่า 2 ชุดแรกจะเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 1 เดือน”
“ไม่เอากำไร!”
“ครับ คือนอกจากเครื่องที่เสียหายไป ผมเหลือเครื่องแบบนี้ติดตัวมาที่เมืองหลวงด้วย 2 ชุด ถ้าท่านตกลงที่จะยอมรับเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ท่านจะได้สามารถนำเครื่องไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องรอการขนส่งครับ”
“ตกลง! ฮ่าฮ่าต้องขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเหลือ”
“ไม่เป็นไรครับ”
รอนเขย่ามือกับพระราชา ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะได้ขายโทรศัพท์มือถือได้โดยที่อีกฝ่ายไม่มีเวลาเปลี่ยนใจ ส่วนอีก 2 เครื่องที่ว่าเขาคิดว่าจะรอเวลาอีกสัก 1 สัปดาห์แล้วค่อยส่งมอบ อีกฝ่ายจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมสั่งของแล้วได้เร็ว
ฮ่าฮ่าฮ่า เพียงแค่วันเดียวก็ทำเงินได้2100เหรียญทอง ฮ่าฮ่าฮ่า
หลังจากเซ็นสัญญาและคุยเรื่องความร่วมมือที่จะให้ต่อจากนี้จะให้ติดต่อผ่านพ่อค้ากลาส รอนก็เดินกลับออกมาจากห้องรับรอง ที่หน้าห้องนั้นมีขุนนางอีกหลายคนที่ยืนอยู่ รวมถึงวุฒิสมาชิกจัสตินซึ่งยืนหน้าบอกบุญไม่รับ
“นี่ เงิน 500 เหรียญทอง ค่าอุปกรณ์เวทที่ข้าทำเสียหายไป” จัสตินกัดฟันยื่นถุงเหรียญทอง 5 ถุงให้รอน
เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงหลายคนมองตรงมา
บ้างมองอย่างสงสาร
บ้างมองอย่างเยาะเย้ย
รอนมองไปที่วุฒิสมาชิกตรงหน้าแล้วรับถุงเหรียญทองมา 4 ถุง
“ผมขอรับไว้ 400 เหรียญทอง”
“ทำไม”
จัสตินถามกลับทันที ถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนมากแต่ว่าถ้าให้อีกฝ่ายคืนด้วยความสงสารล่ะก็เขาไม่มีทางยอมรับได้แน่
“ผมคุยกับพระราชาแล้ว และได้แจ้งราคาต้นทุนของเครื่องมือชิ้นนี่กับพระราชาไปแล้วว่าอยู่ที่ 400 เหรียญทอง” รอนบอก “ด้วยความสัมพันธ์ของท่านกับพระราชา และไม่นับว่าเราคงได้ร่วมงานกันในอนาคตอีก ผมคิดค่าเสียหายนี้ในราคาทุนก็พอแล้ว”
จัสตินเหลือบตามองไปรอบๆ สายตาที่มองมาของคนที่รายรอบเปลี่ยนจากเยาะเย้ยเป็นประหลาดใจ และเมื่อเขามองกลับไปที่รอนก็รับรู้ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จงใจพูด
เพื่ออะไรกัน? ทำแบบนี้เพื่อรักษาหน้าของเขาเรอะ?
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่ผ่านมาก็ถือว่าแล้วกันไป จะไม่คิดอะไรอีก”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”
รอนเดินจากไป จัสตินหย่อนถุงเหรียญทองลงในกระเป๋าก่อนจะหันไปมองรอบๆ ด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต ประโยคเมื่อครู่ของรอนที่ว่า ‘ด้วยความสัมพันธ์ของท่านกับพระราชา’ เป็นเหมือนการบอกกับทุกคนในห้องนี้ว่าเขายังคงสถานะเดิมกับพระราชาลูเซียสอยู่
จัสตินมองไปที่ห้องรับรองอีกครั้ง
“ท่านจัสตินครับ แล้วแผนที่วางไว้” คนสนิทของจัสตินกระซิบถาม
“เรื่องนั้น ….​ ยกเลิกไปซะ”
จัสตินตอบคนสนิท
ลูเซียส โซล่า บรูตัส เพื่อนพ้องทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนที่ร่วมฝ่าฝันสงครามกันมากับอันเดดเมื่อ 30 ปีก่อน
ตอนนั้นที่พวกเขายังหนุ่มแน่น เป็นชายหนุ่มวัย 20 ที่ไฟแรงของตระกูล ในยุคสมัยที่แต่ละตระกูลพยายามจะหนีเอาตัวรอด เหล่าชายหญิงในตระกูลชั้นสูงกว่า 60 คนของอาณาจักรที่รวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านราชาอันเดด
จริงสินะ ที่จริง มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เพื่อนรักที่ฝ่าฟันอันตรายกันมาเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบ่งฝักฝ่ายและดูถูกกันเองแบบนี้
“พวกเรากลับคฤหาสน์กัน ต่อจากนี้ข้าคงต้องเปลี่ยนแปลงอะไรกันอีกขนานใหญ่”
“แล้วคนที่เราจ้างมาจะให้สั่งสอนเจ้าหนุ่มนั่นล่ะครับ” คนสนิทถาม
“อืม ให้พวกมันไปจัดการหัวหน้าตระกูลเซเลนิคแทน มีแต่เจ้านั่นที่ยกโทษให้ไม่ได้”
จัสตินตอบแล้วเดินกลับออกไป
กิ๊งๆๆๆ
[Deception : Level 19 :  88/100 ]
“ฮ่าๆๆๆๆ เยี่ยม เยี่ยม กำไรสุดๆ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งSkill” รอนบอก “แล้วเลเวลนี่เพิ่งขึ้น แปลว่าที่หลอกเจ้าจัสตินนั่นเมื่อกี้ได้ผลสินะ”
รอนหัวเราะอย่างสบายใจ เขาจงใจพูดประโยคเมื่อครู่ด้วยจุดประสงค์ว่าจะให้จัสตินรู้สึกเกรงใจพระราชา จะได้ไม่คิดร้ายกับเขาในอนาคตแล้วหันไปจัดการกับหัวหน้าตระกูลเซเลนิคแทน รวมไปถึงคืนเงินเพื่อกะจะให้จัสตินเสียหน้าต่อหน้าขุนนางอื่นๆ
“ที่จริงมันก็เสี่ยงนิดนึงว่าจัสตินอาจจะมองว่าเรายอมโอนอ่อนให้ แต่สกิล Deceptionขึ้นแบบนี้แปลว่าหลอกสำเร็จสินะ” รอนรำพึง “อืม แต่จะว่าไป สายตาของขุนนางในห้องตอนนั้นก็ไม่ได้มองจัสตินแบบดูถูกตามที่กะไว้ …​แต่ช่างเถอะ คิดมากปวดหัว”
กิ๊ง!
“หืม”
Title Acquired : [Kingdom Protector]
“เห ทำไมจู่ๆได้ตำแหน่งนี้ได้ รึว่าเราขายอาวุธให้ทหารเหรอ …​แต่ว่านั่นมันก็เมื่อวานนี่นา”
เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า การกระทำในวันนี้ทำให้รอยร้าวที่อยู่ในใจระหว่างพระราชาและเหล่าขุนนางผู้เป็นพวกพ้องกันมาก่อน ได้รับการสมานกลับมาเป็นดังเดิมเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ … มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset