Midterm Fantasy – ตอนที่ 135

ก่อนการโจมตี
โดย
หมอแมว

แพทเดินออกมาจากที่พักชั่วคราวของทหารกลับไปทางหมู่บ้าน คุณโยฮันที่สัญญาว่าจะช่วยสอนการใช้ดาบสองมือ วันนี้ก็ติดภารกิจด่วนเพิ่งเดินทางออกไป
“แบบนี้วันนี้จะทำอะไรดีนะ” แพทเปรยกับตนเองแล้วนึกได้ “จริงสิ รอนไปวัดพื้นที่อยู่นี่นา  เห็นว่าอยู่ตรงข้างโบสถ์ ไปดูด้วยดีกว่า”
เด็กสาวเดินมุ่งหน้าไปอย่างร่าเริง โลกทั้งใบเหมือนมีสีชมพูจางๆเจืออยู่ในอากาศ
ความรู้สึกแบบนี้มันเริ่มมานานแล้ว ความรู้สึกที่มีให้กับเพื่อนคนนี้
แม้ว่ารอนจะออกจะทึ่มๆอยู่บ้าง บางเรื่องก็ดูไม่ทันคนเอาเสียเลย แต่ว่าพอถึงเวลาคับขันหรือจำเป็นขึ้นมา รอนก็ตัดสินใจอะไรได้อย่างไม่ลังเล เป็นที่พึ่งให้กับคนรอบข้างได้
ยิ่งเขาคนนี้มีส่วนทำให้เธอสามารถอ่านตัวหนังสือได้ เปิดโลกรอบตัวให้กว้างขึ้น ก็ยิ่งทำให้นับวันเธอรู้สึกดีกับเพื่อนชายคนนี้
ความจริงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอรู้สึกได้จากรอน เหมือนกับว่าเขาอาจจะทำอะไรบางอย่างเพื่อตัวเธอ ไม่ว่าเรื่องการพยายามหาเงิน การพยายามมุ่งมั่นเรื่องเรียนเรื่องสอบ หรือแม้แต่การสร้างบ้านที่นี่ …​แต่เธอเองก็ยังไม่กล้าถามออกไปว่าที่รอนทำไปนั้นเป็นเพราะเธอหรือเปล่า
แพทไม่กล้าถาม
เพราะกลัวว่าทั้งหมดจะเป็นการคิดไปเอง
แพทเดินไปเรื่อยๆ ทักทายผู้คนตามรายทาง เดินไปจนถึงโบสถ์ของหมู่บ้านอันเงียบสงบแล้วก็นึกได้
จะว่าไปตอนนี้ที่โบสถ์นี้ไม่มีนักบวชอยู่ จะมีก็แต่โรล่าที่เอาเสือดำมาเลี้ยงไว้นี่นะ
โรล่าคนนั้น …
แพทกำมือน้อยๆแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เพราะเธอสังเกตอะไรบางอย่างมาพักนึงแล้ว
อย่างวันนี้ตอนที่ต่อสู้กัน โรล่าก็จงใจออกไปต่อสู้กับออร์คเหมือนกับจะโชว์ออฟให้รอนดูโดยไม่เชื่อคำเตือนของเธอที่บอกว่าออร์คนั้นยังมีพลังชีวิตเต็ม
ดูเหมือนโรล่าเองก็จะรู้สึกอะไรบางอย่างกับรอนอยู่ และโรล่าก็คงจะพอรู้ว่าเธอเองรู้สึกยังไงกับรอน
นึกถึงตรงนี้ ในใจของแพทก็เริ่มรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ
“[Battle Map]”
อะไรไม่รู้ดลใจให้เด็กสาวเรียกแผนที่ขึ้นมา เธอมองไปที่แผนที่ตรงหน้า จุดของเธออยู่ตรงกลาง ขณะที่ข้างหน้าออกไป200เมตร มีจุดสีเขียวสองกลุ่ม กลุ่มแรกมี3-4จุดวิ่งไปมาซ้อนกันดูน่าจะเป็นแม่เสือดำและลูกๆ และใกล้ๆกันอีกกลุ่มมีสองจุดที่ซ้อนกัน
“รอนกับโรล่าคงคุยกันอยู่”
แพทปิดแผนที่แล้วมุ่งหน้าไปทางทิศนั้น
โรล่าถอนริมฝีปากออก บอกความในใจของตนออกไปและเดินกลับเข้าเรือนกระจก ทิ้งให้รอนยืนงงอยู่เพียงลำพัง เด็กหนุ่มลูบไปที่ริมฝีปากของตนอย่างใจลอย
“รอน”
“หืม อ้าว แพทเหรอ” รอนหันกลับไปดูเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง “แล้วไม่ได้ไปหาคุณโยฮันเหรอ”
“อ๋อ ไปมาแล้วแหละ แต่คุณโยฮันออกไปทำภารกิจด่วนก็เลยไม่ได้ซ้อมดาบด้วย” แพทตอบ “แล้วเจ้าเจนัวแม่เสือดำกับลูกๆล่ะ”
“อยู่ในเรือนกระจกมั้ง เรามาก็ไม่เจอแล้ว” รอนตอบไป “เมื่อกี้ก่อนแพทจะมาเราช่วยโรล่าเก็บวัชพืชอัดทำลายอยู่ เพิ่งคุยเสร็จแล้วเดินเข้าไปข้างในตะกี้นี้เอง คงจะเข้าไปดูเสือในนั้น จะเข้าไปดูไหม”
“ไม่ดีกว่า นี่เราว่าจะมาดูตรงที่เธอจะทำบ้านน่ะ พาเราไปดูหน่อยสิ”
“อือ”
ทั้งสองคนเดินลัดผ่านพื้นที่ออกไปจนถึงพื้นที่นอกเขตโบสถ์ ต้นไม้ขนาดย่อมๆขึ้นแผ่กิ่งก้านใบบดบังแดด ลมพัดมาวูบใหญ่ ใบไม้ร่วงหล่นตามแรงลม อากาศยามบ่ายในเงาไม้แบบนี้ประกอบกับแรงลมยิ่งทำให้รู้สึกเย็นเข้าไปอีก
“แพทหนาวเหรอ เห็นสั่นๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“อือ”
เด็กสาวตอบสั้นๆ ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงเสื้อคลุมที่ลงมาทับที่ด้านหลัง
“ห่มเอาไว้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเธอไปนั่งตรงที่มีแดดนั่นแล้วกันจะได้ไม่หนาว” รอนวางเสื้อคลุมตัวนอกทับลงไปให้กับแพทก่อนจะเดินไปที่พื้นที่ด้านหน้า เขาเอาเชือกวัดความยาวที่เตรียมมาจัดการขึงวัดไปที่พื้นแล้วปักหมุดเอาไว้เป็นช่วงๆ ทำเป็นบริเวณที่จะตั้งรั้ว จากนั้นก็วัดระยะเพื่อกะพื้นที่ของตัวบ้านที่จะให้คนสร้าง ส่วนแพทก็นั่งมองอย่างสงสัย
“มันจะไม่ใหญ่ไปเหรอรอน” เธอร้องถาม
“ตอนนี้มันอาจจะใหญ่หน่อย แต่ถ้าอีก10ปี15ปี ต่อไปจะขยับขยายจะได้ทำได้ง่ายๆไง”
เด็กหนุ่มร้องบอกพลางปักหมุดพื้นที่ลงไป พื้นที่บ้านที่เขาวางไว้ตอนนี้ใหญ่กว่าบ้านปัจจุบันของแพทสักสองเท่าได้ เด็กหนุ่มจัดการปักหมุดจนหมดสิ้นแล้วตรวจดูความเรียบร้อย  เขาไม่ได้ลงมือตัดถอนต้นไม้ปรับปรุงพื้นที่เอง หากแต่จะจ้างคนให้มาทำให้แทน และหมุดพวกนี้จะใช้เป็นสัญลักษณ์ว่าจะสร้างรั้วกำแพงรวมไปถึงตัวบ้านตรงไหนยังไงบ้าง
“โอเค เรียบร้อยแล้ว เธอว่าไงมั่ง” รอนถาม
“ก็ดูดีนะ ต้นไม้ครึ้มไปนิดนึงแต่บรรยากาศเงียบสงบดี” แพทตอบ
“ตอนนี้ต้นไม้อาจจะเยอะอยู่ แต่ถ้าต่อไปที่นี่ขยายตัวเป็นเมือง พื้นที่นี้จะกลายเป็นพื้นที่ชั้นในไป รอบๆอาจจะมีบ้านมาขึ้นอีก” รอนบอก “เราเลยให้ด้านนึงพิงกับกำแพงโบสถ์ อย่างน้อยจะได้มีด้านที่เงียบสงบสักหน่อย”
“อือ”
แล้วทั้งคู่ก็มองดูพื้นที่ข้างหน้ากันอย่างเงียบๆสองคน
5 .. 4 .. 3 .. 2 .. 1 วาร์ป!
ภาพรอบๆตัวเปลี่ยนไป ผนังไม้ในห้องมืดๆของหมู่บ้านโอลเซ่นเปลี่ยนไปเป็นผนังห้องนอนที่สว่างไปด้วยแสงไฟเพดาน แพทถอดชุดแล้วจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอน เธอเตรียมปิดไฟนอนแล้วก่อนจะพบว่าที่เบื้องนอกห้องนอนนั้นยังเปิดไฟสว่างอยู่และมีเสียงคนเดิน
“อ้าว คุณพ่อ ลุงบัวก็ด้วย ยังไม่นอนเหรอคะ” เด็กสาวโผล่หน้าออกมาจากห้อง
“ยังไม่นอนลูก ว่าแต่นี่ก็เที่ยงคืนครึ่งแล้วนะลูกยังไม่นอนอีกเหรอ” พ่อถามกลับยิ้มๆ แพทยิ้มแหยๆ ตามองไปที่กระเป๋าเอกสารในมือพ่อและของว่างในมือลุงบัว
“อ้าว แล้วลุงบัวกับพ่อไม่ให้ใครเตรียมของว่างล่ะคะ”
“พ่อให้ทุกคนกลับบ้านตัวเองกันไปก่อนน่ะลูก ตอนนี้เหลือแต่บัว”พ่อตอบสั้นๆ “ช่วงสงกรานต์ว่าจะจัดงานที่บ้านเราไม่ได้ให้ลากลับบ้านกัน พ่อเลยให้ทุกคนลากลับล่วงหน้ากันไปก่อน”
“ค่ะ งั้นพ่อก็อย่านอนดึกนะคะ”
“ได้ลูก” พ่อของแพทตอบรับก่อนจะนึกขึ้นได้ “อ้อ แพท เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะให้บัวไปรับแพทกลับบ้านเร็วหน่อยนะ ไม่มีใครอยู่บ้านเลย เดี๋ยวตากับยายจะเหงา”
“อ๋อ ได้ค่ะพ่อ”  
“แล้วพรุ่งนี้พ่ออาจจะกลับค่ำหน่อย มีธุระจะต้องไปต่างจังหวัดหน่อยนึง”
“ค่ะพ่อ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
เด็กสาวรับคำอย่างไม่ได้สงสัยอะไรก่อนจะกลับเข้าไปนอน ขณะที่วิทวัสและลุงบัวก็เข้าไปพูดคุยเรื่องสิ่งที่จะทำต่อในวันพรุ่งนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น  ลุงบัวพาเด็กสาวไปส่งที่โรงเรียนตามปกติก่อนจะกลับมาเตรียมรถให้กับวิทวัส ที่บ้าน วิทวัสกำลังคุยบรีฟแผนกับพ่อตาแม่ยายของตน
“หลังจากผมไปแล้วขอให้คุณพ่อคุณแม่ทำตัวตามปกตินะครับ รอจนบัวไปรับตัวแพทกลับมา ค่อยเตรียมตัวเข้าห้องใต้ดิน” วิทวัสบอก “แล้วช่วงที่บัวไปรับแพทยังไม่มา ผมอยากให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่พกปืนพกติดตัวไว้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ให้รีบหลบทันที”
“เข้าใจแล้ว”
“ห้องหลบภัยในบ้านเข้าได้จากห้องทำงานผมชั้นล่าง กับที่ห้องน้ำชั้นสอง พ่อจำได้นะครับ” วิทวัสสำทับ “และถ้าหลังเที่ยงคืนผมยังไม่ติดต่อกลับมา บัวจะพาทุกคนลงไปหลบในห้องใต้ดิน พ่อแม่จำทางออกได้ใช่ไหมครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง บ้านหลังนี้พ่อเป็นคนสั่งสร้างทางลับเอง แปลนทั้งหลายอยู่ในหัวหมดแล้ว” พ่อตาชี้ไปที่หัวตัวเอง
“งั้นคุณพ่อบอกคุณแม่ด้วยครับ เผื่อเกิดลุงบัวกับพ่อเป็นอะไรไป คุณแม่กับแพทจะได้รู้ทางออกด้วย” วิทวัสบอกตรงๆ
“เท็นสไควร์ … แกนี่นะ พูดอะไรขวานผ่าซากไม่เปลี่ยนเลย” ชายชราตอบก่อนจะกางแขนไปกอดลูกเขยเอาไว้ “รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”
“ครับ”
วิทวัสเดินออกมาแล้วตรงไปเช็คความเรียบร้อยกระเป่าเอาสาร ส่วนพ่อตาแม่ยายก็เดินไปนั่งกดดูทีวีตรงโซฟาข้างหน้าต่างห้องรับแขก
“ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม” วิทวัสถาม
“ครับ”​ลุงบัวตอบเสียงดังฟังชัด มือชงกาแฟไปเรื่อยๆช้าๆ
“ตอนนี้คฤหาสน์ถูกคนเฝ้าจับตาอยู่ ที่ปากซอยมีรถตู้2คัน ข้างในมีคนหลายคน ที่ตึกแถวร้างฝั่งตรงข้าม มีคนหลบอยู่ที่ชั้น2และชั้น3 ส่องกล้องมาทางนี้อยู่” ลุงบัวคีบน้ำตาลใส่ลงในแก้ว “​คุณผู้หญิงใส่น้ำตาล2ก้อนใช่ไหมครับ”
“สองก้อน ใช่” หญิงชรายิ้มและหันไปตอบ
“ตอนที่ผมออกจากบ้านไปส่งคุณแพท  มีพระกับเด็กวัดที่ไม่คุ้นหน้าผ่านไป และเมื่อครู่ตอนที่กลับมา เด็กวัดนั่นเปลี่ยนชุดเป็นชุดกีฬาใส่แว่นดำติดหนวดกำลังวิ่งออกกำลังกายผ่านหน้าบ้านไป”​ ลุงบัวเสิร์ฟกาแฟให้สองตายายที่นั่งยิ้มมองทีวี พลางพูดไปด้วย “ความจริงผมยังไม่ได้บอกคุณท่านทั้งสองไปว่าอันที่จริงคนพวกนี้เฝ้าสังเกตการณ์พวกเรามาสองวันแล้ว”
“หรือจะเปลี่ยนแผน พอบัวไปรับหลานแพทแล้วให้ไปที่อื่น ให้พ่อกับแม่อยู่ล่อที่บ้าน”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมนัดกับพวกนั้นตอนค่ำๆ ถ้าเราทำอะไรผิดปกติไปพวกนั้นต้องรู้ตัวก่อนแน่” วิทวัสปราม “อีกอย่าง เราไม่มีที่หลบภัยที่ดีกว่านี้แล้ว ถ้าบัวพาแพทหนีไปแล้วพวกนั้นไล่ติดตามล่ะก็จะยิ่งลำบากไปอีก”​
“จริงครับ” ลุงบัวเสริม “ที่โรงเรียน มีรถแปลกปลอมมาจอดอยู่หลายวันแล้ว คนในรถก็สังเกตความเคลื่อนไหวของผมและคุณแพทระหว่างเข้าออก และเช็คป้ายทะเบียนแล้วเป็นป้ายปลอม ถ้าเราออกนอกเส้นทางล่ะก็…. คุณแพทตั้งใจเรียน อาจารย์ชมใหญ่เลยครับว่าไม่นึกเลยว่าจะสามารถดึงเกรดจากแย่มาเป็นดีได้ขนาดนี้”
บัวเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างฉับพลันกลางประโยคจนทุกคนงงไปชั่วขณะหนึ่ง
“ดีแล้วบัว แล้วเดี๋ยววันนี้ไปรับลูกแพทเร็วขึ้นหน่อยนะ ชั้นให้ทุกคนลากลับบ้านไปหมด ให้แพทกลับมาเป็นเพื่อนคุณพ่อคุณแม่สักหน่อยจะได้ไม่เหงา” วิทวัสเปลี่ยนเรื่องตาม
หญิงชรากำลังงงและเตรียมจะเอ่ยปากถาม ขณะที่ชายชราผู้สามีหันมายิ้มให้แล้วพูดเบาๆ
“เลเซอร์ดักฟัง อยู่ตรงหน้าต่าง”
แสงสีแดงที่มองแทบไม่เห็นในเวลากลางวันส่องถูกที่ขอบหน้าต่าง ลำแสงนั้นยาวย้อนกลับไปยังตึกแถวที่ห่างออกไป
“ผมไปก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่”
“ไปเถอะ”
บัวเดินถือกระเป๋าใส่เงินตามวิทวัสไป พอเข้าโซนประตูบ้านที่ห่างจากหน้าต่างทั้งสองก็เริ่มคุยกัน
“ดูเหมือนพวกมันระมัดระวังตัวมากกว่าปกตินะครับ”
“ชั้นก็รู้สึกเหมือนกันแต่แผนมาถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” วิทวัสบอก “ฝากครอบครัวชั้นด้วย”
“ขอรับนายท่าน” ลุงบัวโค้งคำนับ “ไม่ต้องเป็นห่วงที่นี่ ผมจะปกป้องทุกคนที่นี่ด้วยชีวิตของผม และจะรอการกลับมาพร้อมชัยชนะของท่านครับ”
วิทวัสเดินออกประตูไปขึ้นรถแล้วขับออกจากบริเวณบ้านไป ส่วนลุงบัวก็ไปที่ข้างบ้าน หยิบอุปกรณ์ทำสวนและเข่งพลาสติกที่มีเศษใบไม้อยู่ออกมาที่สวน แล้วก็ลงมือขุดดินดายหญ้า ไม่ได้มองไปทางตึกแถวฝั่งตรงข้ามที่มีคนหลบอยู่
“มีอะไรผิดปกติไหม”
“ไม่มีครับ พวกในบ้านนั่นพูดคุยกันตามปกติ ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าเราเฝ้าดูอยู่ครับ”
“ดีมาก แล้วก็อย่าใช้เครื่องดักฟังเลเซอร์มากไป เดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัวเสียก่อน”
“ครับหัวหน้า”
เหล่าชายในตึกแถวขานรับคำสั่งกัน คนของแก็งค์เมษาเหล่านี้ท่าทางทะมัดทะแมงและสงบ ไม่ได้มีท่าทีลุกลี้ลุกลนแบบอันธพาลปลายแถวที่ผ่านๆมา
“กลุ่มมือปืนภาคใต้ติดต่อมา บอกว่าจะมาถึงในอีกสามชั่วโมงครับ”
“ดีมาก ถ้ารวมกับกลุ่มภาคกลางของเรา รวมกัน400กว่าคน งานนี้ไม่พลาดแน่นอน”
“ทุกคนรับคำสั่ง คืนนี้เราจะบุกโจมตีตอนห้าทุ่ม จับเป็นเด็กผู้หญิงในภาพให้ได้” ผู้หัวหน้าร้องสั่งออกมา “ส่วนคนที่เหลือ ฆ่าทิ้งให้หมด”
“รับทราบ!”

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ … มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset