Midterm Fantasy – ตอนที่ 174

อายุไม่ใช่อุปสรรค
โดย
หมอแมว

เจนัสค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างที่อยู่เหนือศีรษะ ไฟเพดานที่ไม่คุ้นเคยและความนุ่มของเตียงที่อยู่เบื้องล่าง นี่เธออยู่ที่ไหนกันนะ
“ตื่นแล้วเหรอพี่เจนัส” เสียงใสๆของเจนดังขึ้นทำให้หญิงสาวหันไปดู เจนนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง รินน้ำแล้วถือเอามาให้เธอ
“แล้วรอน” เจนัสถาม
“พ่อทึ่มนั่นน่ะเหรอ อยู่ข้างนอกน่ะพี่” เจนตอบ
“เค้าเป็นอะไรมากไหม”
“ก็ดูแย่อยู่ แต่ไม่น่าเป็นอะไรมากมั้ง เห็นลุกมากินนมได้อยู่ อ้าวพี่เจนัสจะลุกไปไหน”
“จะไปดูเขาหน่อย”
หญิงสาวลุกขึ้นและนึกได้ เธอสำรวจแผ่นหลังของเธอ เสื้อผ้าขาดเป็นรูเล็กๆหลายสิบรูจากรอยกระสุนปืนลูกซอง ขณะที่แผ่นหลังเนียนขาวนั้นปราศจากบาดแผล
“ไม่ต้องหาหรอกพี่เจนัส ไม่มีแผล” เจนบอก “หมอนั่นรักษาให้พี่เรียบร้อยแล้ว”
“รักษา?” เจนัสเอ่ยอย่างงงๆ
“ใช่ นี่ไง” เจนเปิดโทรศัพท์มือถือ เป็นภาพจากวงจรปิดของห้างที่ถ่ายตอนที่รอนร่ายเวทรักษาให้กับเจนัส แสงสว่างที่เรืองขึ้นเหนือร่างของหญิงสาวจนบาดแผลทั้งหลายหายไป ขณะที่รอนกระอักเลือดออกมาแล้วก็ล้มฟุบไปแทนก่อนที่คนของหลิวลี่จงจะมาถึง
“ดูเหมือนเขาจะใช้พลังคล้ายๆกับที่เคยใช้รักษาพวกเราในตอนนั้น” เจนบอก “แต่ไม่ต้องห่วงนะ เจนกับแจนจัดการทำลายข้อมูลคลิปนี้ทิ้งหมดแล้ว”
เจนัสมองภาพรอนที่กระอักเลือดจนล้มลงอย่างประหวั่น หญิงสาววางมือถือแล้วรีบเปิดประตูห้องออกไป
“รอน! เป็นยังไงบ้าง…” เจนัสร้องถามแล้วก็ต้องชะงัก ตรงหน้านี้ แจนนั่งอยู่ข้างๆรอน ส่วนเด็กหนุ่มที่ทำให้เธอเป็นกังวลกำลังนั่งอยู่บนเตียง ข้างตัวมีกล่องนมที่ดื่มแล้ววางอยู่ 5 กล่อง และกำลังดูดกล่องที่ 6 อยู่
[+1] [+1] [+1] [+0.9]
แม้ตอนนี้พลังชีวิตจะยังไม่เต็ม แต่แผลส่วนใหญ่ก็หายไปหมดแล้ว
เด็กหนุ่มวางกล่องนมลง
“ตื่นแล้วเหรอครับ เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า” รอนถาม
“ไม่แล้วล่ะ แล้วเธอล่ะ เป็นยังไงบ้างไหม มีไม่สบายตัวที่ไหนไม๊ เลือดออกขนาดนั้นไม่เป็นไรแน่นะ” เจนัสตอบแล้วลงไปนั่งข้างๆ จับศีรษะของรอนหันซ้ายขวาเช็คดู
“ เกือบเป็นปกติดีแล้วล่ะครับ” รอนตอบ
“แต่เมื่อกี้ ในวงจรปิดนั่น เลือดเธอออกเยอะแยะเลย” หญิงสาวถามอย่างกังวล
“อ๋อ นั่นน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ มันเกิดเพราะผมใช้พลังชีวิตของตัวเองแปลงเป็นพลังรักษาให้คุณก็เลยทำให้ตัวเองบาดเจ็บ” รอนตอบ “แต่อาการบาดเจ็บของผมน่ะรักษาได้ด้วยการกินอาหาร  ถึงตอนนี้ยังไม่หายดี แต่ถ้าได้กินอะไรอีกสักหน่อยก็หายแล้วล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรจริงๆนะ” เจนัสถามย้ำ
“ครับ ไม่เป็นไรแล้ว” รอนตอบพลางจับไหล่ของหญิงสาวบิดหมุนดูแผ่นหลัง  “คุณเจนัสเองก็ปกติทุกอย่างดีแล้วใช่ไหมครับ ไม่มีแผลตรงไหนแล้วใช่ไหม”
“อืมมมมมม”
เสียงในลำคอของเจนและแจนที่นั่งหรี่ตามองมาจากด้านข้างทำให้ทั้งรอนและเจนัสรู้สึกตัว
“ไม่มีอะไร๊นะ พี่ก็แค่กังวลว่าเค้าจะบาดเจ็บอะไรหรือเปล่าเท่านั้นเอง ทำไมต้องหรี่ตาทำท่าทางสงสัยอะไรแบบนั้นด้วย” เจนัสร้อง
“…” รอนไม่พูดอะไร
“ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร เอาเถอะ เดี๋ยวทั้งสองคนค่อยๆหลบแล้วกลับไปก่อนแล้วกัน” แจนบอก “แล้วเดี๋ยวทั้งสองคนก็เปลี่ยนชุดซะด้วย เลือดเต็มเสื้อแบบนี้ออกไปมีหวังคนแตกตื่นแน่ๆ”
แล้วเจนแจนก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้กับทั้งสองฟัง เพื่อปิดบังสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิป ตำรวจจะรู้แค่ว่าพอโจรสามคนไปถึงหน้าลิฟท์ก็เกิดปากเสียงกัน จากนั้นหัวหน้ากลุ่มที่คิดจะฮุบเงินไว้คนเดียวก็เลยต่อสู้กับลูกน้อง ก่อนจะออกไปที่ถนนแล้วยิงต่อสู้กับตำรวจจนตาย
โชคดีที่เหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจากหัวหน้าโจรแล้วก็ไม่มีใครตาย
“คลิปนี้จะไม่หลุดออกไปแน่ใช่ไหมครับ ทางห้างจะยอมทำลายข้อมูลวงจรปิดเหรอ” รอนถาม
“ไม่ต้องห่วงเลย เพราะตอนนี้บริษัทรุ่งโรจน์เข้าควบคุมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” เจนบอกยิ้มๆ “ตอนที่เกิดเหตุแล้วพวกมัน3คนวิ่งออกไปด้านนอก พี่แจนกับเจนก็ไปที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแล้วสั่งการจากที่นั่น ดังนั้นข้อมูลที่มีเจอเราสองคนทำลายหมดแล้ว”
“แล้วเจ้าของห้างกับตำรวจจะไม่มีปัญหาเหรอ” รอนถามอีก
“เรื่องนั้นน่ะเหรอ ก็ยุ่งยากนิดหน่อย แต่ตกลงกันได้แล้วล่ะ” แจนตอบ
บริษัทรุ่งโรจน์ ใช้เสื้อเกราะกันกระสุนโดยไม่มีหนังสืออนุญาต จริงๆผิดกฎหมาย
ห้าง ก็อยากให้ข่าวที่ออกไปซอฟท์ที่สุดไม่ให้เสียชื่อเสียง
ตำรวจก็ไม่อยากให้เรื่องใหญ่ เพราะโจรมาปล้นกลางกรุง
ดังนั้นทุกฝ่ายเลยตกลงว่า จะแถลงว่า โจรพกอาวุธจริงมาคนเดียว ส่วนคนที่เหลือใช้ปืนปลอม  พอเป็นปืนปลอมเลยยิงยามไม่เข้า มีแต่หัวหน้าโจรที่ใช้ปืนจริงยิงตำรวจ ตำรวจเลยวิสามัญฯ
คนร้ายสองคนที่รอด ก็Happyเพราะโทษปืนปลอมมันน้อยกว่า แลกกับแค่การปิดปากเงียบไม่เล่าเหตุการณ์จริงทั้งหมด
ซึ่งต่อให้เล่าไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก มีที่ไหนต่อสู้กับคู่หนุ่มสาว2คน ยิงใส่อีกฝ่ายจนเลือดสาดแต่ว่าอีกฝ่ายไม่มีบาดแผลอะไรเลย
“เอาล่ะ ทั้งสองคนใส่ชุดนี่ทับแล้วไปซื้อเสื้อผ้ากันได้แล้ว” เจนบอก“ส่วนพี่เจนัสกลับไปพักที่บ้านอาม่าก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเจนกับแจนยังต้องรับหน้าตำรวจกับประชุมลูกน้องอีก”
รอนและเจนัสสวมเสื้อคลุมทับเสื้อผ้าที่เป็นรูและเปื้อนเลือด จากนั้นก็พากันออกไปด้านนอกกัน  เจนและแจนมองแล้วถอนหายใจ
“สงสัยเราสองคนต้องถอยแล้วล่ะมั้ง” แจนบอก
“นั่นสิ” เจนเห็นด้วย
แม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะรู้สึกดีๆกับรอนบ้าง แต่ว่าอายุก็ต่างกันหลายปีจนเกินไป
และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเจนแจนก็รู้ตัวว่าไม่ได้ห่วงใยรอนเท่ากับเจนัส
แต่มันจะไม่มีปัญหาแน่เหรอ อายุห่างกันจะ 10 ปี แถมอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะมีแฟนอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มหญิงสาวเดินออกจากห้องพยาบาลไปในห้าง นอกจากตำแหน่งที่เกิดเรื่องซึ่งถูกกั้นบริเวณแล้ว ส่วนอื่นของห้างยังเปิดให้บริการตามปกติ รอนพาหญิงสาวไปเพื่อซื้อชุด ทั้งสองคนเปลี่ยนชุดใหม่จากนั้นออกจากร้าน
“เมื่อกี้เห็นเธอบอกว่าฟื้นพลังชีวิตได้ด้วยการกิน และเกือบเป็นปกติแล้ว” เจนัสเอ่ยขึ้น “แปลว่าตอนนี้ยังไม่เป็นปกติใช่ไหม”
“ครับ คงต้องกินอาหารอีกสักมื้อถึงจะปกติ”
“งั้นไปหาอะไรกินก่อนกลับแล้วกัน” เจนัสชวน
“ครับ งั้นผมขอเป็นไอติมแล้วกัน” รอนตอบก่อนจะอธิบายต่อ “การฟื้นพลังชีวิตของผมด้วยอาหารจะต้องสลับอาหารไปเรื่อยๆครับ ถ้ากินอย่างเดิมตลอดมันจะไม่ได้ผล”
รอนเลือกอาหารที่ไม่มีในโลกโน้น จะได้ไม่เสียชนิดอาหารฟื้นพลัง
ทั้งสองคนเดินเข้าร้านไอศกรีมใกล้ๆ สั่งเมนูไปแล้วก็นั่งรอ
“และแฟนเธอไม่ว่าเหรอที่พาผู้หญิงมานั่งกินอาหารกันแบบนี้” เจนัสหลุดปากถามออกไป คิดอีกทีก็แปลกใจตนเองที่ถามอะไรแบบนั้นออกไปได้
“ผมยังไม่ได้เป็นแฟนกับแพทครับ” รอนตอบ “แล้วที่จริงแค่พามากินเฉยๆ ถ้าอธิบายไปแพทคงไม่ว่าอะไรมั้งครับ”

“ชั้นนึกว่าเธอจะตอบว่า เราสองคนอายุห่างกันมากจนเป็นแฟนกันไม่ได้ซะอีก” หญิงสาวต่อ
“ไม่เกี่ยวกันนี่ครับ” รอนตอบอย่างงงๆ “อายุห่างกันทำไมจะเป็นแฟนกันไม่ได้ล่ะครับ”
“เดี๋ยวๆ นี่เธอน่ะเพิ่ง 15 ไม่ใช่เหรอ อายุเราสองคนก็ห่างกัน 10 ปีนะไม่ใช่ปีสองปี แถมคนที่อายุมากกว่าคือฝ่ายหญิงด้วย” เจนัสทำท่าหัวเราะ แต่ในใจเต้นตึกตักอยากฟังคำตอบจากเด็กหนุ่ม
“ผมทราบครับ แต่ผมคิดว่ามันไม่เกี่ยวกัน ความรักแบบคู่ครองไม่ควรถูกจำกัดด้วยเรื่องเพศหรืออายุ” รอนตอบ “คนเราที่ต้องการจะใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้าง คอยดูแลซึ่งกันและกัน เข้าใจกันและกัน ฝากชีวิตของตนไว้กันอีกคนได้ ความต้องการเหล่านี้มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะเป็นอย่างไรเลย”
“อย่างนี้เธอจะบอกว่า ต่อให้ผู้หญิงอายุมากกว่าเป็นสิบปีก็ไม่แปลกเหรอ” เจนัสถามต่อ
“ถ้าแปลกไหม ผมว่าแปลก เพราะคำว่าแปลกมันหมายความถึงมุมมองของคนอื่นในสังคม” รอนตอบ “แต่ถ้าผิดไหมหรือไม่เหมาะไหม ในสายตาของผม ผมคิดว่าไม่ครับ”
“เรามองว่าแปลก เพราะในสังคมที่เราอยู่กันผู้ชายเป็นใหญ่ เราซึมซับความรู้สึกว่าผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง มองไปว่าผู้ชายอายุมากกว่าผู้หญิงมากๆไม่ได้ผิดปกติ” รอนบอก “ในเมื่อเรายอมรับเรื่องพวกนี้ในผู้ชายได้ ทำไมเราจะต้องไปมองว่าถ้าผู้หญิงอายุมากกว่าจะทำไม่ได้ล่ะครับ”
“แต่นี่เรากำลังพูดถึงช่วงอายุ 10 ปีเลยนะ คิดดูสิ ตอนที่ฝ่ายหญิง 10 ขวบ อีกฝ่ายเพิ่งเกิดเป็นทารกยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เจนัสถามค้าน ค้านอย่างที่หวังจะให้รอนแย้งได้
“แต่ถ้าเป็นผู้ชายอายุ 80 กับผู้หญิงอายุ 90 ล่ะครับ ถ้าแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกอะไรเท่าไหร่ใช่ไหมครับ” รอนตอบ “ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนๆนั้น ไม่เห็นต้องไปแคร์สายตาคนอื่นเลย”
เจนัสใจเต้นตึกตัก แก้มทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นช้าๆ พนักงานเอาไอศกรีมมาเสิร์ฟ ทั้งสองเริ่มลงมือกิน
“แต่เธอคงไม่ไปไกลถึงขั้นว่ายอมรับเรื่องการมีแฟนมากกว่า1คนใช่ไหม” เจนัสตักไอศกรีมเข้าปาก
แต่แล้วก็ต้องสำลักแทบพ่นไอศกรีมออกมาเมื่อได้ยินที่รอนตอบ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” รอนตอบ “ถ้าหากทุกฝ่ายยอมรับในการอยู่ร่วมกันแบบนั้นได้มันก็โอเคไม่ใช่เหรอครับ ในบางสังคมเค้าก็ยอมรับกันได้เลย”
เจนัสเช็ดมุมปากแล้วจ้องมองรอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างตั้งใจ “แบบนี้แปลว่าเธอจะมีแฟนมากกว่า1คนเหรอ”
“ไม่หรอกครับ” รอนตอบ
“อ้าว ไหนเธอบอกว่ายอมรับได้” หญิงสาวตอบ
“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าทุกฝ่ายต้องยอมรับได้ แต่ผมมั่นใจว่าคนที่ผมชอบอยู่ … แพทนั่นแหละ แพทน่ะไม่มีทางยอมรับการมีแฟนมากกว่า1คนแน่นอน ดังนั้นผมจะไม่พาตัวเข้าไปอยู่ในสถานะที่จะรักใครเพิ่มอีกครับ”
“คุณเจนัสยังอายุไม่มาก หน้าตาดี ตอนนี้ได้เริ่มชีวิตใหม่เหมือนคนปกติอื่นๆ รับรองว่าต่อไปต้องมีคนมาชอบแน่ๆครับ”
ทั้งสองกินไอศกรีมจนหมด
“พลังชีวิตเธอเต็มแล้วหรือยัง” เจนัสถาม
รอนมองดูสถานะ “เต็มแล้วครับ เดี๋ยวพวกเรากลับกันเถอะครับ”
ทั้งคู่ขึ้นแท็กซี่แล้วเดินทางกลับ
รอนดูlogสถานะที่ผ่านมาแล้วอย่างครุ่นคิด
คำว่าCharm ที่ขึ้นเป็นระยะทำให้รอนรู้ว่าอีกฝ่ายคิดกับเขายังไง
รอนหวังว่าคำตอบที่ให้ออกไปจะบอกใบ้กับเจนัสได้ว่าเขาไม่ได้รังเกียจเรื่องอายุหรือสถานะ หากแต่เป็นเพราะเขายึดมั่นกับแพทเพียงคนเดียว และไม่คิดที่จะมีใครคนอื่นในระหว่างที่ตามจีบแพท
ส่วนเขาเองรู้สึกกับเจนัสอย่างไรน่ะรึ? เขาเองก็ไม่มั่นใจ แต่ดูจากที่เขาสามารถเข้าสู่สถานะ[Rage] นักรบคลั่งในชั่วขณะที่เจนัสบาดเจ็บ มันทำให้เขาชักหวั่นๆกับความรู้สึกของตนเองเสียแล้ว
แต่นั่นแหละ เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเสียใจ สู้บอกใบ้ไปแบบนี้แหละ อีกฝ่ายจะได้รู้ตัวและไม่มาเสียเวลากับเขา
ขณะเดียวกับหญิงสาวที่นั่งข้างๆก็ครุ่นคิดในใจ
‘เขาบอกแบบนี้ออกมาหมายความว่ายังไงนะ’
‘เขาไม่รังเกียจเรื่องอายุ ไม่คิดเรื่องสถานะหรือแม้แต่เรื่องการรักมากกว่า1คน’
‘หรือว่า!!!’
แล้วแท็กซี่ก็พาเด็กหนุ่มหญิงสาวที่คิดกันไปคนละเรื่องมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ … มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset