Monster Factory – ตอนที่ 16 ไม่มีทาง

ตอนที่ 16 ไม่มีทาง

 

เมื่อเลือกคนงานแล้วเย่ชิงก็กดปุ่มจ้างเจ็ดครั้งติดต่อกัน

 

เมื่อกลุ่มแก๊สกระจายหายไปคนงานใหม่ทั้งเจ็ดก็ปรากฏขึ้น เย่ชิงผู้ซึ่งเคยชินกับเอฟเฟกต์ในการเรียกมอนเตอร์เหล่านี้กำลังคำนวณขนาดรูปร่างพวกคนงานตรงหน้าเขา

 

มี 10 ตัว สูง 1.95 เมตร หนักมากกว่า 350 ปอนด์ กล้ามเนื้อแน่นแทบจะปริออกมา มอนสเตอร์ที่มีเขี้ยวยักษ์ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ สิ่งที่เขาเห็นนี้บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย

 

จริงๆแล้วเย่ชิงก็อยากจะพาพวกมันไปด้วยตอนที่เขาไปเก็บหนี้ แม้จะเป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่ไม่ว่าจะพยายามหนีเจ้าหนี้ขนาดไหนก็จะต้องรีบจ่ายหนี้ทุกอย่างที่ติดไว้รวมถึงดอกเบี้ยให้อย่างว่าง่ายทันที ต่อหน้ามอนสเตอร์ตัวเขียวที่มีเขี้ยวนี้คงเจรจาต่อรองอะไรไม่ได้แน่นอน

 

แม้ว่าจะนอกจากซางฉิงแล้วเย่ชิงก็ไม่ได้มีปัญหากับคนอื่นก็ตาม แต่เขาก็ยังเป็นหนี้เพื่อนๆร่วมชั้นอยู่ประมาณ 10,000 หยวนที่ยืมไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลเมื่อสองสามวันก่อน ตอนนี้เขามีเงินแล้วก็จะต้องจ่ายคืนให้ แต่ยังไม่จำเป็นต้องรีบเกินไปนัก แทนที่จะกังวลเรื่องการคืนเงิน ตอนนี้จะต้องรีบอัปเกรดก่อน

 

เมื่อจ้างงานคนงานทั้งหมด 10 ตัว เย่ชิงก็ได้ปลดล็อคความสามารถในการอัปเกรดโรงงาน เขากด ใช่ โดยไม่ลังเล

 

กำลังอัปเกรดระบบ …… 1% …… 2%……

 

ดูๆแล้วน่าจะต้องรออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ไม่มีหินเหลือให้แกะสลักแล้ว เย่ชิงจึงให้คนงานตัดเหล็กแผ่นเป็นชิ้นส่วนเครื่องจักรและประกอบเครื่องตัดหินขึ้นอีกสองเครื่อง เหล็กสต็อกในโรงงานมีเพียงพอที่จะสร้างเครื่องจักรเพิ่มได้อีกสองเครื่อง คนงานทั้ง 10 ตัวทำงานร่วมกันมันไม่ได้ง่ายเหมือน 1 + 1 + … = 10

 

นี่คือพวกมอนสเตอร์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ชักช้ารีรอ หากพวกมันแต่ละตัวได้รับค้อนขนาดใหญ่แล้วถูกส่งให้ออกไปรื้อถอนทำลายก็คงจะทำงานได้เร็วกว่ารถขุดดินที่มีคนบังคับเสียอีก แต่ว่าคนงานพวกนี้ไม่สามารถทำงานได้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเหมือนหุ่นยนต์ พวกมันยังต้องการการพักผ่อนหลังจากทำงานมาทั้งวันเพื่อฟื้นฟูค่าความเหนื่อยล้า ตอนนี้เย่ชิงมีคนงาน 10 ตัว ไม่มีปัญหาที่จะให้ทำงานเป็นกะสลับกัน

 

เย่ชิงใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ล็อกอินเข้า WeChat และคืนเงินที่เขายืมมาจากเพื่อนร่วมชั้น

 

สมัยเรียนเขามีคอนเนกชั่นที่ดี ก่อนหน้านี้เมื่อเขาโทรหาเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เพื่อนๆหลายคนก็โอนเงินผ่าน WeChat มาให้ อย่างไรก็ตามจำนวนเงินมันน้อยมากจนเอาไปใช้ทำอะไรไม่ได้เลย เขาจึงต้องถามในกลุ่มเพื่อนสมัยม.ต้น พวกเขาทั้งหมดแยกกันไปคนละห้องตอนเรียนม.ปลาย แล้วตอนม.6 มันก็น่าเบื่อมากจริงๆ เย่ชิงลืมชื่อและรูปร่างหน้าตาของพวกเขาไปเกือบหมดแล้ว แต่เขาก็ยังคงติดต่อกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมและทุกคนก็ยังติดต่อหากัน

 

ในกลุ่มเพื่อนสมัยม.ต้นมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ให้เขายืมเงิน คนหนึ่งให้ 800 ส่วนอีกคนให้ 3000 คนๆนี้คือเพื่อนร่วมชั้นที่ให้เขายืมมากที่สุด

 

คนที่ให้ยืมเงิน 3000 เป็นเพื่อนผู้หญิงชื่อจางจื่อตง เย่ชิงไม่สนิทกับจางจื่อตงโดยเฉพาะตั้งแต่ม.2 เพราะพวกเขาไม่เคยคุยกันตั้งแต่นั้นมา

 

จางจื่อตงมีรูปลักษณ์ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรผู้ชายก็มักจะให้อภัยเสมอ แต่เธอก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้กับผู้ชายคนไหนเลยในช่วงม.ต้นและม.ปลาย เพราะในตอนนั้นจางจื่อตงรักการอ่านนิยายโดยเฉพาะประเภทสืบสวนที่เด็กผู้ชายไม่ค่อยสนใจ เพื่อนร่วมชั้นของเธอรวมถึงครูทุกคนรู้ว่าโตขึ้นเธออยากทำอาชีพอะไร นั่นก็คือการเป็นตำรวจ ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวลือว่าเธอขอให้ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ชื่อดังในท้องถิ่นมาเป็นอาจารย์และสอนกังฟูให้เธอ

 

โดยปกติแล้วนักเรียนที่ชอบอ่านหนังสือนิยายมักจะเรียนไม่ค่อยเก่งแต่จางจื่อตงเป็นข้อยกเว้น เธอเป็นเด็กอัจฉริยะ ตอนม.3 เธอก็ยืมนวนิยายนักสืบภาษาอังกฤษจากห้องสมุดโรงเรียนมาอ่านได้แล้ว ตอนม.6 เย่ชิงได้ยินจากเพื่อนร่วมชั้นของเขาว่าเธอมีความใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยตำรวจแห่งชาติจีนก่อนเกณฑ์

 

มหาวิทยาลัยที่อนุญาตให้ลงทะเบียนก่อนเกณฑ์ได้ โดยทั่วไปเป็นสถาบันตำรวจที่มีความต้องการพิเศษ ผู้ที่มีความทะเยอทะยานในการลงทะเบียนก่อนเกณฑ์ล้วนเป็นคนที่กล้าหาญ เพราะมีโรงเรียนหลายแห่งถ้ากรอกแบบฟอร์มการลงทะเบียนก่อนเกณฑ์ก็จะได้รับการตอบรับจากสถาบันตราบใดที่มีเกรดผ่านเกณฑ์ แต่ผู้ผ่านเกณฑ์ก็แทบจะเลือกมหาวิทยาลัยอื่นหลังจากนั้นไม่ได้เลยแม้ว่าฮาร์วาร์ดจะอยู่ในลิสต์ก็ตาม

 

มหาวิทยาลัยตำรวจแห่งชาติจีนก่อตั้งขึ้นก่อนการก่อตั้งประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนที่ต้องการเป็นนักสืบส่วนใหญ่ในประเทศ ในขณะเดียวกันก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับสูงสุดในประเทศจีน

 

ในตอนนั้นเธอเป็นเพียงคนเดียวในจงหยุนที่ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยตำรวจแห่งชาติจีนในการลงทะเบียนเกณฑ์ คนที่สมาชิกหน่วย SWAT ต้องพบเจอนั้นล้วนแต่เป็นวายร้ายหรือโจรที่ร้ายกาจ เนื่องจากอันตรายจากการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษา ทางสถาบันตำรวจจึงมีมาตรฐานที่เข้มงวดอย่างมากในการรับนักเรียนใหม่โดยเฉพาะนักเรียนหญิง เข้มงวดมากจนเรียกได้ว่าจู้จี้จุกจิกเลยทีเดียว

 

จางจื่อตงได้รับการตอบรับจากสถาบันตำรวจแห่งชาติก่อนเกณฑ์เนื่องจากความแข็งแกร่งของร่างกายเธอที่แข็งแกร่งกว่าเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ หากสามารถผูกมิตรกับคนประเภทนี้ที่หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วจะมีอนาคตไกล ปกติแล้วมิตรภาพเหล่านี้ก็จะได้รับการดูแลรักษาดุจสมบัติล้ำค่า แต่เมื่อพูดตามจริงแล้วหากไม่ใช่เพราะเย่ชิงไม่มีที่ไปอีกแล้ว เมื่อสองสามวันก่อนเขาคงไม่อยากคุยกับจางจื่อตงอีกเลย

 

ความขุ่นเคืองนี้เริ่มขึ้นตอนม.2

 

ไม่นานหลังจากเริ่มขึ้นชั้นม.2 บรรดาจักรยานที่จอดอยู่ในที่จอดจักรยานของโรงเรียนก็ยางแบนโดยไม่มีสาเหตุ ผู้กระทำผิดมีไหวพริบมาก แม้ว่าจะมีคนในชั้นเรียนมาเฝ้ายามก็ยังสามารถหนีรอดไปได้ ในช่วงเวลานั้นนักเรียนหลายคนไม่สบายใจมากเสียจนหลายคนเอาเครื่องสูบยางจักรยานมาโรงเรียนด้วย

 

จางจื่อตงซึ่งอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขากล่าวหลังจากการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันของเธอว่าทั้งหมดความผิดเป็นของเย่ชิง

 

ทุกคนรู้ว่าจางจื่อตงชอบการใช้เหตุผลในการสืบและยังสามารถเข้าใจงานเขียนภาษาอังกฤษชิ้นสำคัญๆซึ่งแม้แต่ครูสอนภาษาอังกฤษของพวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ ทุกคนจึงเชื่อเธอ และยิ่งไปกว่านั้นรูปลักษณ์ของเธอก็ทำให้คำพูดอยู่เหนือเหตุผลจนถึงจุดที่เด็กวัยรุ่นที่กำลังร้อนใจหลายๆคนมองว่าคำพูดนั้นเป็นดังคำประกาศิตจากจักรพรรดิ

 

ในวันถัดไปเย่ชิงมาถึงห้องเรียนพร้อมรอยฟกช้ำทั่วใบหน้า คำพูดของเธอทำให้เขาเข้าไปร่วมในการทะเลาะอันรุนแรงกับเพื่อนร่วมชั้นหลายๆคน แม้ “ผู้กระทำผิด” จะถูกจับได้แล้วจักรยานก็ยังคงยางแบน สุดท้ายยามของโรงเรียนจำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยว และแล้วพวกโจรเกเรก็ถูกจับ

 

ความอยุติธรรมของเย่ชิงได้รับความกระจ่างและพวกคนที่ทะเลาะกับเขาก็เลี้ยงบาร์บีคิวเป็นค่าชดเชย แต่การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมที่เขาได้รับในเวลานั้นและการดูถูกเพื่อนร่วมชั้นล้วนเป็นสิ่งที่ลืมเลือนไปไม่ได้เลยแม้จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม หากไม่ใช่เพราะจางจื่อตงเป็นเด็กผู้หญิง เย่ชิงคงจะลากเธอไปชกต่อยที่สนามโรงเรียนแล้ว

 

ตั้งแต่นั้นมาจางจื่อตงก็อยู่ในบัญชีดำของเย่ชิงโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเธอจะขอโทษในชั้นเรียนต่อหน้าทุกคน เย่ชิงก็เพียงแค่พยักหน้าและไม่เคยคุยกับเธออีกเลย ในตอนนี้จางจื่อตงให้เย่ชิงยืมเงินอย่างคาดไม่ถึง แม้ว่าจะคาดไม่ถึงเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมัน

 

“ขอบคุณ!” นี่เป็นประโยคเดียวที่เขาพูดกับเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาและทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในข้อความ WeChat

 

เย่ชิงใช้เวลาในขณะที่คนงานกำลังพักผ่อนอยู่คืนเงินทั้งหมดที่ยืมมาและโทรกลับไปหาเพื่อนๆเพื่อขอบคุณ ในที่สุดก็ถึงคราวของจางจื่อตง หลังจากโอนเงินเย่ชิงก็ยังลังเลว่าควรจะโทรหาเธอเพื่อพูดขอบคุณดีหรือไม่

 

“อ่า ช่างเถอะ ฉันโทรหาคนอื่นๆไปแล้ว แล้วเธอก็ยังเป็นคนที่ให้เงินฉันมากที่สุดด้วย อย่างนั้นก็โทรไปดีกว่า”

 

เย่ชิงหายใจลึกๆและซ้อมพูดนับครั้งไม่ถ้วนก่อนจะเลื่อนรายชื่อผู้ติดต่อของเขา

 

ในที่สุด ……

 

เย่ชิงเลื่อนรายชื่อผู้ติดต่อของเขาขึ้นลงก่อนที่จะรู้ตัวว่าเขาไม่เคยมีเบอร์โทรของจางจื่อตงเลย จางจื่อตงยังไม่ได้กดรับเงินดังนั้นเย่ชิงจึงต้องการรอให้เธอมาออนไลน์และพูดขอบคุณตามมารยาทสักสองสามประโยค

 

เมื่อดูกระบวนการอัปเกรดของโรงงานมอนสเตอร์ที่ถึง 68% แล้วไอโฟน 4 ก็ดังขึ้น ดูเหมือนว่ามีคนโทรมา เป็นเบอร์แปลกสำหรับเขา เย่ชิงสงสัยว่านี่อาจเป็นเบอร์ของจางจื่อตง จางจื่อตงคงจะจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจแห่งชาติ หากเธอต้องการเบอร์ของเขาเธอก็สามารถถามเพื่อนร่วมชั้นสักคนหนึ่งได้

 

เย่ชิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วรับสายแบบเกร็งๆ “สวัสดี นี่ใครครับ?”

 

“นี่ผมเองครับ คุณเย่” น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนคนทรยศหลอกลวงดังขึ้น “ผมหลิวเฟิ่งจิน ผู้อำนวยสำนักงานการก่อสร้างเมือง แผนกการออกแบบสถาปัตยกรรมเทศบาล เราเคยพบกันในห้องประชุมนั้นตอนที่คุณแสดงให้ทุกคนเห็นขอบถนนแกะสลัก”

 

เย่ชิงสะดุ้งตกใจ เขารู้ว่าหลิวเฟิ่งจินคือใคร เขาถูกแนะนำให้รู้จักตอนที่อยู่ในห้องประชุม เย่ชิงให้นามบัตรแก่พวกเขา แต่ทำไมเขาถึงโทรมาตอนนี้?

 

“จำได้สิครับ ผมจะลืมผู้อำนวยการหลิวได้ยังไง”

 

จากข่าวลือที่ได้ยินมาผู้ชายคนนี้ค่อนข้างสนิทกับซางฉิง หากไม่ใช่เพราะข้อตกลงเย่ชิงก็คงจะไม่เต็มใจยอมรับเขา

 

“คืนนี้คุณเย่ว่างไหมครับ ผมจัดงานเลี้ยงที่ภัตตาคารเทียนหรันจูแล้วผมก็อยากจะพบปะกับคุณเย่ ไม่รู้ว่าคุณจะว่างหรือเปล่า”

 

ชวนฉันไปทานอาหารเย็น?

 

เย่ชิงเหมือนเป็นพระภิกษุตาบอด เขาหลงทางอย่างสมบูรณ์ ธุรกิจของเขาเพิ่งเริ่มต้น มันยังไม่ถึงจุดที่องค์กรที่มีอำนาจมากเช่นสำนักงานการก่อสร้างเมืองจำเป็นจะต้องเชิญเขาไปเพื่อประจบประแจงไม่ใช่หรือ?

 

“คือว่า …… ผู้อำนวยการหลิว คืนนี้ผมมีนัดกับเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว” เย่ชิงพูดข้ออ้างไปมั่วๆเพื่อที่จะไม่ไปเข้าร่วม มื้อเย็นนี้คงไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิดไว้แน่นอน

 

“คุณต้องมา คุณต้องมานะคุณเย่ คุณพาเพื่อนร่วมชั้นมาด้วยก็ได้ แล้วผมก็จะแนะนำคุณให้รู้จักกับหัวหน้าโรงงานคนสำคัญ”

 

หลิวเฟิ่งจินทำตัวสุภาพจนถึงจุดที่คนอื่นทนไม่ได้ “ปลาเก๋าทะเลของเทียนหรันจูไม่ได้มีทุกวันนะครับ คุณเย่ถ้าคุณไม่มาแล้วปลาเก๋าจะสูญเปล่านะ”

 

ช่างเป็นเรื่องที่ซีเรียสจริงๆ จงหยุนตั้งอยู่ติดทะเลดังนั้นทุกคนที่นี่รักการกินอาหารทะเล จะกินปลาเก๋าในร้านอาหารนั้นต้องเสียเงินอย่างน้อยหลายพัน หากเป็นของหายากด้วยแล้ว ไม่ต้องถามเลยว่ามันจะแพงมากขนาดไหน

 

หลิวเฟิ่งจินบอกว่าอยากแนะนำใครบางคนให้เขารู้จัก เย่ชิงเดาได้เลยว่าเป็นใคร

 

“ครับผู้อำนวยการหลิว แล้วผมจะไปที่นั่นนะครับ” การหลบหนีไม่ใช่สไตล์ของเย่ชิง แม้ว่าครั้งนี้เขาจะหนีได้ ครั้งต่อๆไปก็คงจะได้รับคำเชิญจากหลิวเฟิ่งจินอีกแน่

 

แน่นอนว่าอาหารเย็นมื้อนี้คงจะไม่ได้จบลงด้วยดี เย่ชิงจึงต้องเตรียมการบางอย่างในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาอาหารเย็นที่จองไว้คือ 19.00 น. เขายังมีเวลาเตรียมตัวอีก 2 ชั่วโมง

 

“ฮัลค์หนึ่ง ฮัลค์สอง มานี่เร็ว” เย่ชิงรีบเดินไปหาคนงานทั้งสองตัวที่ยังคงทำงานกับเครื่องจักรอยู่ ในขณะเดียวกันเขาก็ให้อีกแปดตัวกลับไปพักผ่อนในไพ่ของพวกมัน ฮัลค์หนึ่งและฮัลค์สองเดินวางท่าแกว่งแขนไปมา เย่ชิงมอบเครื่องเจียรแบบใช้มือถือให้กับทั้งสองแล้วบอกให้พวกมันตัดเขี้ยวออก

 

มอนสเตอร์สองตัวมองหน้ากันด้วยความลังเล เมื่อหัวหน้าสั่งแล้วพวกมันก็ขัดไม่ได้ เขี้ยวของพวกมันกระจายออกไปเหมือนกระโจมเช่นเดียวกับออร์คใน World of Warcraft ทำให้คนสงสัยว่าจะสามารถเจาะทะลุเกราะได้หรือไม่

 

เครื่องเจียรหมุนด้วยความเร็วสูงตอนที่มันตัดเขี้ยวออกอย่างช้าๆ

 

10 นาทีต่อมาคนงานไร้เขี้ยวสองตัวจ้องมองกันเหมือนจะร้องไห้ จริงหรือนี่ เมื่อพวกมันสูญเสียเขี้ยวก็ดูเหมือนมนุษย์มาก เพียงแต่ว่าสีผิวนั้นแตกต่างไป พวกมันดูน่าเกลียดและมีกล้ามเต็มไปหมดเหมือนนักเพาะกายที่ฉีดสเตียรอยด์มากเกินไป

 

เย่ชิงให้พวกมันยัดตัวลงในรถตู้พาณิชย์ของเขาจากนั้นก็พาไปที่ตลาดค้าส่งบนถนนกงเหริน กระจกรถตู้นั้นติดฟิล์มดำ เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าผู้คนจะเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน แม้ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเขาก็สามารถส่งทั้งสองตัวกลับไปที่โรงงานได้

 

เมื่อมาถึงตลาดค้าส่งบนถนนกงเหรินเย่ชิงก็พบจุดที่เงียบสงบสำหรับจอดรถตู้ เขาล็อครถอย่างระมัดระวังแล้วตรงไปยังร้านค้าส่งที่ใกล้ที่สุดที่ขายอุปกรณ์ทำผมและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

Monster Factory

Monster Factory

ชื่อภาษาจีน : 超級怪獸工廠 ผู้แต่ง : 匣中藏剑 ประเภท: แอ็คชั่น – แฟนตาซี – คอมเมดี้ – อภินิหาร เรื่องย่อ ผมชื่อเย่ชิง โชคดีจริงๆที่ผมไปเจอแอปพลิเคชัน [โรงงานมอนสเตอร์] มอนสเตอร์ที่แข็งแรงสุดๆพวกนี้เทียบได้กับคนกว่าร้อยคนเลยทีเดียวแถมยังใช้ทักษะได้ทุกชนิดเลยล่ะ! ประสิทธิภาพเหรอ? ด้วยความเร็วของทักษะในการทำงาน +300 ยังอยากจะแข่งกับมันไหมล่ะ? ความแม่นยำเหรอ? *แค่ก แค่ก* เอาไดอัลคาลิปเปอร์ระดับตำนานมาซิ แสดงให้พวกเขาเห็นหน่อยว่าความแม่นยำอย่างสมบูรณ์แบบน่ะมันเป็นยังไง เย่ชิง: เมื่อเรา ผมหมายถึงมนุษย์น่ะ อยากจะประสบความสำเร็จเราจะหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา เหล่ามอนเตอร์: อย่ามาเล่นแง่กับพวกข้า การสร้างสรรค์เครื่องจักรที่สุดยอดคือความรักและชีวิตของพวกข้า ร่างกายที่แกร่งกล้านี้คือเครื่องมือทำมาหากินของข้า เหล่ามอนสเตอร์สูง 20 เมตร ร่างเปลือยดูป่าเถื่อนถือเครื่องตัดอันทรงพลังแล้วตะโกนก้องใส่ฟ้า: “ข้าไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น! พวกมันล้วนเป็นขยะทั้งสิ้น!”

Options

not work with dark mode
Reset