My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 102

“ท่านอาจารย์! ” ศิษย์ทั้งสามคนของฝานเชียวได้ตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน สีหน้าของพวกเขาทั้งสามต่างก็ตกตะลึง ฝานเชียวชายผู้ใช้พลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบได้ตอนนี้ถูกยิงร่วงลงมาด้วยธนู!

 

‘ช่างเป็นฝีมือการยิงที่ร้ายกาจอะไรขนาดนี้! ‘

 

‘ยอดฝีมือจากพระราชวังอยู่ที่นี่แล้วอย่างงั้นหรอ? ‘

 

ทุกคนมองไปรอบๆ ตัวเพื่อที่จะหาผู้มาเยือนคนใหม่

 

ลู่โจวมองไปยังทิศทางที่ลูกธนูลอยมา แม้ว่าการมองเห็นของเขาจะยังถูกบดบังอยู่ แต่เขาก็สามารถมองเห็นรถม้าคันหนึ่งที่ลอยอยู่บนขอบฟ้าได้

 

รถม้าบินได้สีแดงกำลังลอยล่องเหนือท้องฟ้า รูปทรงของมันดูคล้ายกับนกนางแอ่น แต่ละมุมของรถม้าได้รับการสนับสนุนมาจากเด็กหญิงชุดแดง ใบหน้าของพวกเธอถูกแต่งหน้าอย่างหนักจนไม่สามารถที่จะมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน

 

‘นั่นมันจะต้องเป็นกองกำลังเสริมจากพระราชวังแน่ ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นจะมีมากกว่าหนึ่ง การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตใบเดียวคงไม่พอสำหรับเจ้าพวกนี้’

 

ในตอนนั้นเองมือธนูคนเดียวกันก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาคนนั้นสวมเสื้อคลุมและหมวกไม้ไผ่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ ชายคนนั้นได้กระโดดลงจากรถม้าก่อนที่จะถึงพื้นดินอย่างรวดเร็ว

 

นี่จะต้องเป็นมือธนูผู้มีพลังร่างอวตารดอกบัวหกกลีบเป็นอย่างน้อยแน่! ชายคนนี้จะต้องเป็นเฉินซู่ ชายผู้ที่เป็นหนึ่งในสามเทพมือธนูจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์!

 

“ท่านเฉิน! “

 

มือธนูผู้มีพลังวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้เหลือบมองไปที่ลู่โจวและคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะสนใจเหล่าทหาร เฉินซู่ได้เดินมาหาลู่โจว เมื่อเฉินซู่เดินมาใกล้มากขึ้น ในตอนนั้นลู่โจวก็สามารถมองเห็นชายคนนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่ออยู่ห่างกันหลายสิบเมตร เฉินซู่ก็ได้ถอดหมวกไม้ไผ่ของเขาออกมาก่อนจะโยนทิ้งไป ใบหน้าของเฉินซู่เต็มไปด้วยพลังไอแห่งความความเย็นชา

 

ชื่อ: เฉินซู่

 

เผ่า: ไตรเวอร์โซ่

[หมายเหตุนักแปล: ไตรเวอร์โซ่ / Triverso ในที่นี่คือชื่อเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่ได้บอกลักษณะ รูปร่าง ผู้แปลจึงขอใช้คำทับศัพท์ไปก่อน ถ้าหากเจอคำที่เหมาะสมหรือความหมายจะเปลี่ยนให้ทันทีนะครับ]

 

วรยุทธ: มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์

 

‘ไตรเวอร์โซ่? ‘ ลู่โจวประหลาดใจเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นสีหน้าของเขาก็ยังคงไร้อารมณ์เช่นเคย เขาเหลือบมองไปที่รถม้าสีแดงสดอีกครั้งก่อนที่จะมองดูเด็กสาวทั้งสี่ที่กำลังพยุงมัน บางทีด้วยระยะทางที่ไกลเกินไปอาจจะทำให้ลู่โจวมองเห็นร่างของเด็กสาวพวกนั้นเล็กก็เป็นได้ แต่ถึงแบบนั้นเมื่ออ่านพลังของเด็กสาวทั้งหมดจะต้องมีเด็กสาวต่ำๆ สองคนที่มีพลังยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่ แต่ถึงแบบนั้นทั้งสองคนยังไม่มีพลังร่างอวตารที่ผลิกลีบ เพราะแบบนั้นผู้ฝึกยุทธพวกนั้นยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง!

 

‘ฉันประเมินสถานการณ์ตรงหน้าประมาทไปอย่างงั้นหรอ? ฉันจะต้องใช้การ์ดป้องกันไร้ที่ติดเพื่อที่จะหนีเลยดีไหม? ‘

 

ลู่โจวกำลังคิดหาวิธีทางหนีอยู่ ในตอนนั้นเองน้ำเสียงของเฉินซู่ก็ได้ดังขึ้น “ทหารทั้งหลายข้าขอสั่งให้พวกเจ้าจับกุมคนเหล่านี้รวมไปถึงคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ”

 

ทหารและเหล่าผู้ฝึกยุทธที่ได้ยินแบบนั้นได้โค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับไปในทันที “รับทราบ! “

 

สาวกสามคนของฝานเชียวหน้าซีดไปในทันที พวกเขาที่หมดหนทางแล้วได้ทยอยพูดออกมาทีละคน

 

“พวกเราไม่ใช่คนของศาลาปีศาจลอยฟ้า! พวกเจ้าผิดแล้ว! “

 

“พวกเรามันก็แค่ตัวปลอม! “

 

แต่ถึงแบบนั้นเฉินซู่ที่ได้ฟังก็ไม่ได้มีท่าทีตอบกลับอะไร ตัวเขาได้หยิบคันธนูรวมไปถึงลูกธนูออกมาก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง “และเพราะพวกเจ้าเป็น ตัวปลอม ดังนั้นพวกเราจะจัดการกับพวกเจ้าตรงนี้! “

 

“…”

 

พระราชวังอาจจะเก็บตัวพวกเขาไว้ถ้าหากมาจากศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ถึงแบบนั้นเนื่องจากพวกเขาเป็นตัวปลอม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยจะต้องเก็บตัวผู้แอบอ้างเอาไว้แบบนี้

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นสาวกทั้งสามของฝานเชียวก็ล้มลงกับพื้น

 

อาวุธที่เฉินซู่กำลังใช้อยู่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธระดับโลก มันคล้ายกับธนูของลี่ฉิงมาก เฉินซู่ที่หยิบธนูขึ้นมาไม่ได้ง้างลูกธนูขึ้น เขายิ้มก่อนที่จะเก็บลูกธนูที่มีไป เฉินซี่เริ่มง้างธนูอีกครั้ง ในตอนนั้นเองพลังลมปราณของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นลูกธนู

 

เสียงของพลังลมปราณที่รวมตัวกันเป็นลูกธนูฟังดูฉวัดเฉวียนไปในอากาศ ในตอนนั้นเองสายธนูก็ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง

 

เป้าหมาย: สาวกหญิงเพียงคนเดียวของฝานเชียว

 

พรึ๊บ!

 

ลูกธนูพลังลมปราณได้พุ่งลอยไปตรงใจกลางของเป้าหมาย สาวกหญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะมีเวลาอ้อนวอนหรือต่อต้าน เธอถูกลูกธนูแทงเข้ากลางอก ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นก่อนที่จะตายจากไป พลังทั้งหมดในร่างกายของเธอหายไปอย่างสมบูรณ์แบบ

 

“น้องหญิง! “

 

“น้องหญิง! “

 

สาวกอีกสองคนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองคนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเลย

 

จะเป็นไปได้ยังไงกันที่ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์จะถูกจัดการไปโดยใช้การโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 

ฝานเชียวยังคงมองดูเหตุการณ์อยู๋ เขาได้พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “เจ้า…”

 

เฉินซู่หัวเราะเยาะก่อนที่จะใช้มือขวาง้างธนูขึ้นมาอีกครั้ง

 

ในตอนนั้นเองลูกธนูพลังลมปราณก็ได้ปรากฏขึ้นบนสายธนู

 

ทุกคนเข้าใจแผนของเฉินซู่แล้ว เขาจะฆ่าสาวกของฝานเชียวทีละคนด้วยลูกธนูพลังลมปราณ เฉินซู่ได้จ้องไปที่ฝานเชียวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “จีเทียนเด๋า? “

 

ฝานเชียวไอออกมาอย่างรุนแรง ตัวเขาได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะหักธนูที่ถูกฝังอยู่ภายในร่างกายส่วนนอกออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้เอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เจ้า…เจ้าคือเฉินซู่ หนึ่งในเทพทั้งสามมือธนูผู้ที่ไม่เคยยิงธนูพลาดอย่างงั้นสินะ? “

 

เฉินซู่ที่ได้ฟังแบบนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นเป็นแค่ชื่อเสียงของข้าเท่านั้น อันที่จริงแล้วข้าเฉินซู่ได้ล่วงเกินท่านไป ข้าหวังว่าท่าจะไม่ถือสา…”

 

ฝานเชียวปัดผมสีขาวของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “นี่คือวิถีพวกเราชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ายึดถือมาโดยตลอด”

 

เฉินซู่ส่ายหัวก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “พอได้แล้ว เจ้าน่ะอาจจะหลอกพวกโง่คนอื่นจากการกระทำได้ แต่เจ้าน่ะไม่สามารถหลอกลวงนายท่านของข้าได้หรอก วรยุทธของเจ้าน่ะมันยังต่ำจนเกินไป! “

 

ฝานเชียวถึงกับตกตะลึง เขาเหลือบมองรถม้าสีแดงสดที่กำลังลอยอยู๋บนท้องฟ้า หลังจากนั้นสีหน้าของฝานเชียวก็ได้เปลี่ยนไป

 

เฉินซู่ได้พูดต่ออย่างมั่นใจ “ถ้าหากเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายตัวจริงก็จะต้องยอมรับให้กับความพ่ายแพ้ในวันนี้ นับประสาอะไรกับตัวปลอมอย่างเจ้า เวทมนตร์คาถาน่ะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับคนหยิ่งผยองตาบอดกับเจ้ายังไงล่ะ เจ้าน่ะทำตัวเองทั้งนั้น” ระหว่างที่พูดอยู่เฉินซู่ไม่ได้ปล่อยมือออกจากสายธนูเลย เขามองไปทางซ้ายขวาก่อนที่จะหาเป้าหมายเป้าอื่น ท่าทีของเฉินซู่ดูทะมัดทะแมงเป็นอย่างมาก ต่างจากฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเหมือนกับลูกไก่ในกำมือ

 

นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเฉินซู่ เขาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์และเป็นถึงมือธนูชั้นยอด เฉินซู่สามารถยิงลูกธนูพลังลมปราณออกมาได้ 3 ดอกในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้ไม่มีใครบอกได้เลยว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือใคร แม้แต่ดวงตาก็ยังไม่อาจจะจ้องความเร็วของลูกธนูที่ถูกยิงออกไปไม่ทัน

 

ในที่สุดลู่โจวก็เริ่มพูดขึ้น “มือธนูเทพทั้งสามจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นหรอ? ” เสียงของเข้านุ่มลึกและฟังดูมีพลังมาก

 

“เอ๊ะ? ” เฉินซี่เหลือบมองลู่โจวแทนฝานเชียว ตัวเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาไม่ได้สังเกตเห็นลู่โจวเลยก่อนหน้านี้!

 

สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย มือขวาของเขาไขว้อยู่ด้านหลัง ส่วนมือซ้ายเองก็กำลังลูบเคราอยู่ ดูเหมือนว่าลู่โจวจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเวทมนตร์คาถาเลย

 

เฉินซู่ที่เห็นแบบนั้นตกใจมาก ตัวเขาได้ถามออกไปอย่างสงสัย “เจ้าไม่ได้โดนสุดยอดเวทมนตร์คาถาไปอย่างงั้นหรอ? “

 

ลู่โจวตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าน่ะ กำลังคุยกับข้าอยู่อย่างงั้นหรอ? “

 

เฉินซู่ได้เล็งธนูมาที่ลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าไม่รู้อย่างงั้นหรอว่ากำลังคุยอยู่กับใคร? “

 

ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าน่ะขอปรบมือให้กับความกล้าของเจ้าเลย”

 

“เจ้าแก่…เจ้าเป็นใครกัน? ” เฉินซู่ถามออกไปอย่างหยิ่งผยอง

 

หยวนเอ๋อไม่สามารถเก็บความรู้สึกโกรธได้อีกต่อไป ก่อนที่ลู่โจวจะได้ตอบกลับไปเสียงของเธอก็ได้ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน “คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเจ้าก็คือเจ้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าไงล่ะ! ” เสียงของหยวนเอ๋อเต็มไปด้วยพลังลมปราณ

 

ฝานเชียว “…”

 

ศิษย์ทั้งสอง “…”

 

เฉินซู่ “…”

 

ฝานเชียวในตอนนี้กำลังสั่นไปทั้งตัว ตัวเขาเริ่มพยายามปะติดปะต่อปริศนาทุกอย่างเข้าด้วยกัน

 

หลังจากนั้นสีหน้าของฝานเชียวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “มิน่า! ข้าเคยคิดมาตลอดว่าสาวน้อยคนนี้เหมือนกับศิษย์คนที่เก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่มีผิด! ” ในตอนนี้ฝานเชียวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ออกมาดี ทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ฝานเชียวพยายามคิดมาตลอดว่าจะชักชนหยวนเอ๋อให้มาเป็นสาวกของเขา ใครจะไปรู้กันว่าชายชราที่พาเธอมาที่นี่จะเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้น คนที่ตัวเขากำลังแอบอ้างถึง

 

‘ข้าต้องตายแน่ ข้าต้องตายแน่! ‘

 

แต่ถึงแบบนั้นเฉินซู่กลับไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ตัวเขารู้สึกว่ากำลังฟังเรื่องตลกร้ายครั้งใหญ่ในวันนี้อีกครั้ง

 

“นายท่านของข้าได้สั่งเอาไว้ ถ้าหากข้าพบผู้ที่แอบอ้างเป็นจีเทียนเด๋าให้จัดการมันทิ้งซะ” เฉินซู่ได้ดึงแขนขวากลับและควบคุมพลังลูกธนูลมปราณ

 

ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพูดขึ้น “ถ้าหากเจ้าตอบคำถามของข้ามาสามข้อ ข้าก็จะทำเป็นไม่เห็นเรื่องในวันนี้ก็แล้วกัน”

 

เฉินซู่กำลังจะปะทุด้วยความโกรธ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นมาซะก่อน มันเป็นเสียงระฆังถ่ายทอดคำสั่งนั่นเอง ตัวเขาที่ได้ยินแบบนั้นจึงได้ถามลู่โจวออกไปด้วยความรำคาญ “มีอะไรบ้าง? “

 

“ประการแรกเจ้านายของเจ้าเป็นใครกัน? ประการที่สองจุดประสงค์ในการขนศพออกจากแม่น้ำคืออะไรกัน? และประการที่สามใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์กวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์? ถ้าหากเจ้าตอบคำถามทั้งสามข้อมาในวันนี้จะไม่มีคนต้องตาย”

 

“ท่านอาจารย์! ” ศิษย์ทั้งสามคนของฝานเชียวได้ตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน สีหน้าของพวกเขาทั้งสามต่างก็ตกตะลึง ฝานเชียวชายผู้ใช้พลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบได้ตอนนี้ถูกยิงร่วงลงมาด้วยธนู!

 

‘ช่างเป็นฝีมือการยิงที่ร้ายกาจอะไรขนาดนี้! ‘

 

‘ยอดฝีมือจากพระราชวังอยู่ที่นี่แล้วอย่างงั้นหรอ? ‘

 

ทุกคนมองไปรอบๆ ตัวเพื่อที่จะหาผู้มาเยือนคนใหม่

 

ลู่โจวมองไปยังทิศทางที่ลูกธนูลอยมา แม้ว่าการมองเห็นของเขาจะยังถูกบดบังอยู่ แต่เขาก็สามารถมองเห็นรถม้าคันหนึ่งที่ลอยอยู่บนขอบฟ้าได้

 

รถม้าบินได้สีแดงกำลังลอยล่องเหนือท้องฟ้า รูปทรงของมันดูคล้ายกับนกนางแอ่น แต่ละมุมของรถม้าได้รับการสนับสนุนมาจากเด็กหญิงชุดแดง ใบหน้าของพวกเธอถูกแต่งหน้าอย่างหนักจนไม่สามารถที่จะมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน

 

‘นั่นมันจะต้องเป็นกองกำลังเสริมจากพระราชวังแน่ ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นจะมีมากกว่าหนึ่ง การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตใบเดียวคงไม่พอสำหรับเจ้าพวกนี้’

 

ในตอนนั้นเองมือธนูคนเดียวกันก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาคนนั้นสวมเสื้อคลุมและหมวกไม้ไผ่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ ชายคนนั้นได้กระโดดลงจากรถม้าก่อนที่จะถึงพื้นดินอย่างรวดเร็ว

 

นี่จะต้องเป็นมือธนูผู้มีพลังร่างอวตารดอกบัวหกกลีบเป็นอย่างน้อยแน่! ชายคนนี้จะต้องเป็นเฉินซู่ ชายผู้ที่เป็นหนึ่งในสามเทพมือธนูจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์!

 

“ท่านเฉิน! “

 

มือธนูผู้มีพลังวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้เหลือบมองไปที่ลู่โจวและคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะสนใจเหล่าทหาร เฉินซู่ได้เดินมาหาลู่โจว เมื่อเฉินซู่เดินมาใกล้มากขึ้น ในตอนนั้นลู่โจวก็สามารถมองเห็นชายคนนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่ออยู่ห่างกันหลายสิบเมตร เฉินซู่ก็ได้ถอดหมวกไม้ไผ่ของเขาออกมาก่อนจะโยนทิ้งไป ใบหน้าของเฉินซู่เต็มไปด้วยพลังไอแห่งความความเย็นชา

 

ชื่อ: เฉินซู่

 

เผ่า: ไตรเวอร์โซ่

[หมายเหตุนักแปล: ไตรเวอร์โซ่ / Triverso ในที่นี่คือชื่อเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่ได้บอกลักษณะ รูปร่าง ผู้แปลจึงขอใช้คำทับศัพท์ไปก่อน ถ้าหากเจอคำที่เหมาะสมหรือความหมายจะเปลี่ยนให้ทันทีนะครับ]

 

วรยุทธ: มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์

 

‘ไตรเวอร์โซ่? ‘ ลู่โจวประหลาดใจเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นสีหน้าของเขาก็ยังคงไร้อารมณ์เช่นเคย เขาเหลือบมองไปที่รถม้าสีแดงสดอีกครั้งก่อนที่จะมองดูเด็กสาวทั้งสี่ที่กำลังพยุงมัน บางทีด้วยระยะทางที่ไกลเกินไปอาจจะทำให้ลู่โจวมองเห็นร่างของเด็กสาวพวกนั้นเล็กก็เป็นได้ แต่ถึงแบบนั้นเมื่ออ่านพลังของเด็กสาวทั้งหมดจะต้องมีเด็กสาวต่ำๆ สองคนที่มีพลังยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่ แต่ถึงแบบนั้นทั้งสองคนยังไม่มีพลังร่างอวตารที่ผลิกลีบ เพราะแบบนั้นผู้ฝึกยุทธพวกนั้นยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง!

 

‘ฉันประเมินสถานการณ์ตรงหน้าประมาทไปอย่างงั้นหรอ? ฉันจะต้องใช้การ์ดป้องกันไร้ที่ติดเพื่อที่จะหนีเลยดีไหม? ‘

 

ลู่โจวกำลังคิดหาวิธีทางหนีอยู่ ในตอนนั้นเองน้ำเสียงของเฉินซู่ก็ได้ดังขึ้น “ทหารทั้งหลายข้าขอสั่งให้พวกเจ้าจับกุมคนเหล่านี้รวมไปถึงคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ”

 

ทหารและเหล่าผู้ฝึกยุทธที่ได้ยินแบบนั้นได้โค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับไปในทันที “รับทราบ! “

 

สาวกสามคนของฝานเชียวหน้าซีดไปในทันที พวกเขาที่หมดหนทางแล้วได้ทยอยพูดออกมาทีละคน

 

“พวกเราไม่ใช่คนของศาลาปีศาจลอยฟ้า! พวกเจ้าผิดแล้ว! “

 

“พวกเรามันก็แค่ตัวปลอม! “

 

แต่ถึงแบบนั้นเฉินซู่ที่ได้ฟังก็ไม่ได้มีท่าทีตอบกลับอะไร ตัวเขาได้หยิบคันธนูรวมไปถึงลูกธนูออกมาก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง “และเพราะพวกเจ้าเป็น ตัวปลอม ดังนั้นพวกเราจะจัดการกับพวกเจ้าตรงนี้! “

 

“…”

 

พระราชวังอาจจะเก็บตัวพวกเขาไว้ถ้าหากมาจากศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ถึงแบบนั้นเนื่องจากพวกเขาเป็นตัวปลอม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยจะต้องเก็บตัวผู้แอบอ้างเอาไว้แบบนี้

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นสาวกทั้งสามของฝานเชียวก็ล้มลงกับพื้น

 

อาวุธที่เฉินซู่กำลังใช้อยู่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธระดับโลก มันคล้ายกับธนูของลี่ฉิงมาก เฉินซู่ที่หยิบธนูขึ้นมาไม่ได้ง้างลูกธนูขึ้น เขายิ้มก่อนที่จะเก็บลูกธนูที่มีไป เฉินซี่เริ่มง้างธนูอีกครั้ง ในตอนนั้นเองพลังลมปราณของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นลูกธนู

 

เสียงของพลังลมปราณที่รวมตัวกันเป็นลูกธนูฟังดูฉวัดเฉวียนไปในอากาศ ในตอนนั้นเองสายธนูก็ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง

 

เป้าหมาย: สาวกหญิงเพียงคนเดียวของฝานเชียว

 

พรึ๊บ!

 

ลูกธนูพลังลมปราณได้พุ่งลอยไปตรงใจกลางของเป้าหมาย สาวกหญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะมีเวลาอ้อนวอนหรือต่อต้าน เธอถูกลูกธนูแทงเข้ากลางอก ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นก่อนที่จะตายจากไป พลังทั้งหมดในร่างกายของเธอหายไปอย่างสมบูรณ์แบบ

 

“น้องหญิง! “

 

“น้องหญิง! “

 

สาวกอีกสองคนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองคนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเลย

 

จะเป็นไปได้ยังไงกันที่ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์จะถูกจัดการไปโดยใช้การโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 

ฝานเชียวยังคงมองดูเหตุการณ์อยู๋ เขาได้พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “เจ้า…”

 

เฉินซู่หัวเราะเยาะก่อนที่จะใช้มือขวาง้างธนูขึ้นมาอีกครั้ง

 

ในตอนนั้นเองลูกธนูพลังลมปราณก็ได้ปรากฏขึ้นบนสายธนู

 

ทุกคนเข้าใจแผนของเฉินซู่แล้ว เขาจะฆ่าสาวกของฝานเชียวทีละคนด้วยลูกธนูพลังลมปราณ เฉินซู่ได้จ้องไปที่ฝานเชียวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “จีเทียนเด๋า? “

 

ฝานเชียวไอออกมาอย่างรุนแรง ตัวเขาได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะหักธนูที่ถูกฝังอยู่ภายในร่างกายส่วนนอกออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้เอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เจ้า…เจ้าคือเฉินซู่ หนึ่งในเทพทั้งสามมือธนูผู้ที่ไม่เคยยิงธนูพลาดอย่างงั้นสินะ? “

 

เฉินซู่ที่ได้ฟังแบบนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นเป็นแค่ชื่อเสียงของข้าเท่านั้น อันที่จริงแล้วข้าเฉินซู่ได้ล่วงเกินท่านไป ข้าหวังว่าท่าจะไม่ถือสา…”

 

ฝานเชียวปัดผมสีขาวของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “นี่คือวิถีพวกเราชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ายึดถือมาโดยตลอด”

 

เฉินซู่ส่ายหัวก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “พอได้แล้ว เจ้าน่ะอาจจะหลอกพวกโง่คนอื่นจากการกระทำได้ แต่เจ้าน่ะไม่สามารถหลอกลวงนายท่านของข้าได้หรอก วรยุทธของเจ้าน่ะมันยังต่ำจนเกินไป! “

 

ฝานเชียวถึงกับตกตะลึง เขาเหลือบมองรถม้าสีแดงสดที่กำลังลอยอยู๋บนท้องฟ้า หลังจากนั้นสีหน้าของฝานเชียวก็ได้เปลี่ยนไป

 

เฉินซู่ได้พูดต่ออย่างมั่นใจ “ถ้าหากเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายตัวจริงก็จะต้องยอมรับให้กับความพ่ายแพ้ในวันนี้ นับประสาอะไรกับตัวปลอมอย่างเจ้า เวทมนตร์คาถาน่ะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับคนหยิ่งผยองตาบอดกับเจ้ายังไงล่ะ เจ้าน่ะทำตัวเองทั้งนั้น” ระหว่างที่พูดอยู่เฉินซู่ไม่ได้ปล่อยมือออกจากสายธนูเลย เขามองไปทางซ้ายขวาก่อนที่จะหาเป้าหมายเป้าอื่น ท่าทีของเฉินซู่ดูทะมัดทะแมงเป็นอย่างมาก ต่างจากฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเหมือนกับลูกไก่ในกำมือ

 

นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเฉินซู่ เขาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์และเป็นถึงมือธนูชั้นยอด เฉินซู่สามารถยิงลูกธนูพลังลมปราณออกมาได้ 3 ดอกในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้ไม่มีใครบอกได้เลยว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือใคร แม้แต่ดวงตาก็ยังไม่อาจจะจ้องความเร็วของลูกธนูที่ถูกยิงออกไปไม่ทัน

 

ในที่สุดลู่โจวก็เริ่มพูดขึ้น “มือธนูเทพทั้งสามจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นหรอ? ” เสียงของเข้านุ่มลึกและฟังดูมีพลังมาก

 

“เอ๊ะ? ” เฉินซี่เหลือบมองลู่โจวแทนฝานเชียว ตัวเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาไม่ได้สังเกตเห็นลู่โจวเลยก่อนหน้านี้!

 

สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย มือขวาของเขาไขว้อยู่ด้านหลัง ส่วนมือซ้ายเองก็กำลังลูบเคราอยู่ ดูเหมือนว่าลู่โจวจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเวทมนตร์คาถาเลย

 

เฉินซู่ที่เห็นแบบนั้นตกใจมาก ตัวเขาได้ถามออกไปอย่างสงสัย “เจ้าไม่ได้โดนสุดยอดเวทมนตร์คาถาไปอย่างงั้นหรอ? “

 

ลู่โจวตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าน่ะ กำลังคุยกับข้าอยู่อย่างงั้นหรอ? “

 

เฉินซู่ได้เล็งธนูมาที่ลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าไม่รู้อย่างงั้นหรอว่ากำลังคุยอยู่กับใคร? “

 

ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าน่ะขอปรบมือให้กับความกล้าของเจ้าเลย”

 

“เจ้าแก่…เจ้าเป็นใครกัน? ” เฉินซู่ถามออกไปอย่างหยิ่งผยอง

 

หยวนเอ๋อไม่สามารถเก็บความรู้สึกโกรธได้อีกต่อไป ก่อนที่ลู่โจวจะได้ตอบกลับไปเสียงของเธอก็ได้ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน “คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเจ้าก็คือเจ้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าไงล่ะ! ” เสียงของหยวนเอ๋อเต็มไปด้วยพลังลมปราณ

 

ฝานเชียว “…”

 

ศิษย์ทั้งสอง “…”

 

เฉินซู่ “…”

 

ฝานเชียวในตอนนี้กำลังสั่นไปทั้งตัว ตัวเขาเริ่มพยายามปะติดปะต่อปริศนาทุกอย่างเข้าด้วยกัน

 

หลังจากนั้นสีหน้าของฝานเชียวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “มิน่า! ข้าเคยคิดมาตลอดว่าสาวน้อยคนนี้เหมือนกับศิษย์คนที่เก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่มีผิด! ” ในตอนนี้ฝานเชียวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ออกมาดี ทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ฝานเชียวพยายามคิดมาตลอดว่าจะชักชนหยวนเอ๋อให้มาเป็นสาวกของเขา ใครจะไปรู้กันว่าชายชราที่พาเธอมาที่นี่จะเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้น คนที่ตัวเขากำลังแอบอ้างถึง

 

‘ข้าต้องตายแน่ ข้าต้องตายแน่! ‘

 

แต่ถึงแบบนั้นเฉินซู่กลับไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ตัวเขารู้สึกว่ากำลังฟังเรื่องตลกร้ายครั้งใหญ่ในวันนี้อีกครั้ง

 

“นายท่านของข้าได้สั่งเอาไว้ ถ้าหากข้าพบผู้ที่แอบอ้างเป็นจีเทียนเด๋าให้จัดการมันทิ้งซะ” เฉินซู่ได้ดึงแขนขวากลับและควบคุมพลังลูกธนูลมปราณ

 

ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพูดขึ้น “ถ้าหากเจ้าตอบคำถามของข้ามาสามข้อ ข้าก็จะทำเป็นไม่เห็นเรื่องในวันนี้ก็แล้วกัน”

 

เฉินซู่กำลังจะปะทุด้วยความโกรธ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นมาซะก่อน มันเป็นเสียงระฆังถ่ายทอดคำสั่งนั่นเอง ตัวเขาที่ได้ยินแบบนั้นจึงได้ถามลู่โจวออกไปด้วยความรำคาญ “มีอะไรบ้าง? “

 

“ประการแรกเจ้านายของเจ้าเป็นใครกัน? ประการที่สองจุดประสงค์ในการขนศพออกจากแม่น้ำคืออะไรกัน? และประการที่สามใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์กวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์? ถ้าหากเจ้าตอบคำถามทั้งสามข้อมาในวันนี้จะไม่มีคนต้องตาย”

 

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains
Score 4.0
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง My Disciples Are All Villains ลู่โจวตื่นขึ้นมาเพื่อเป็นผู้เฒ่าผู้ชั่วร้ายที่ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดในโลก และพบว่าเขามีสาวกเก้าคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ศิษย์คนโตของเขาเป็นผู้นำนิกาย Nether ที่มีลูกน้องนับพัน และศิษย์คนที่สองของเขาคือ Sword Devil มักจะเข่นฆ่าผู้อื่นด้วยความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย…หากไม่มีฐานการฝึกฝนของเขา เขาจะจัดการกับสาวกที่ชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร ศิษย์คนโตของเขา Yu Zhenghai เล่าว่า “ชีวิตข้าไม่เคยมีคู่แข่ง และไม่มีใครนอกจากอาจารย์ที่สามารถทำให้ข้าก้มหัวได้” ศิษย์คนที่เจ็ดของเขา Si Wuya กล่าวว่า “เราจะกินหรือนอนอย่างสงบสุขไม่ได้ตราบเท่าที่ อาจารย์ยังไม่ตาย!”…หยวนเอ๋อศิษย์ที่เก้าของเขากล่าวว่า “ฉันจะจำสิ่งที่อาจารย์พูดและเป็นคนดี”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset