My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 192

ลู่โจวที่มองออกไปเห็นฝานซงกำลังถูกสายสะพายนิพพานพันธนาการเอาไว้ และเพราะแบบนั้นลู่โจวจึงได้ตะโกนออกไป “หยุดเล่นซนได้แล้ว”

 

หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนเจ็บปวดเล็กน้อย “ค่ะ…”

 

ลู่โจวได้ส่ายหัว หลังจากนั้นเขาก็กลับไปยังห้องลับเพื่อที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อไป

 

 

ภายนอกห้องโถงใหญ่

 

ใบหน้าของฝานซงในตอนนี้ฟกช้ำและบวมเปล่งหลังจากที่ถูกสายสะพายแห่งนิพพานเข้าทำร้าย

 

ภายใต้การควบคุมของหยวนเอ๋อ สายสะพายชิ้นนี้ได้ปลดปล่อยฝานซงออกจากพันธนาการก่อนที่จะคืนตัวเขาสู่อิสรภาพ

 

สายสะพายได้กลับมาพันรอบตัวของหยวนเอ๋ออีกครั้งก่อนที่จะหายไปในเสื้อคลุมสีดำที่นางใส่

 

หยวนเอ๋อได้แต่เกาหัวก่อนที่จะพูดออกไป “พวกเรา…มาประลองกันที่หลังภูเขาเถอะ ข้าน่ะยังไม่คุ้นชินกับการใช้อาวุธชิ้นใหม่เลย”

 

ฝานซงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้โบกมืออย่างลนลานก่อนที่จะตอบกลับไป “ท่านหยวนเอ๋อ ข้าในตอนนี้สู้ท่านไม่ได้หรอก…” ฝานซงได้แต่ร้องขอความเมตตาออกไป ตัวเขาไม่ได้เต็มใจเลยที่จะประมือกับหยวนเอ๋อ ถึงแม้ว่าหยวนเอ๋อจะไม่ได้พัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดแต่ถึงแบบนั้นฝานซงก็ยังไม่อาจที่จะสู้กับหยวนเอ๋อได้อยู่ดี

 

“เจ้านี่มันน่าเบื่อซะจริง” หยวนเอ๋อได้วางมือบนเอวก่อนที่จะปริปากบ่นออกมา

 

เมื่อฝานซงได้ฟังแบบนั้นเขาก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “ท่านหยวนเอ๋อ…พี่โจวจี้เฟิงกำลังจะฝึกดาบในเร็วๆ นี้ ดูเหมือนว่าฝีมือดาบของเขาจะรุดหน้าเป็นอย่างมาก เขาเป็นถึงกับศิษย์คนแรกของสำนักดาบสวรรค์ แน่นอนว่าเขาเป็นหนึ่งในอัจริยะเช่นเดียวกับท่านอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“เจ้านั่นอยู่ไหนกัน? “

 

“ที่หลังภูเขา” ฝานซงได้ชี้ไปยังหลังภูเขาอย่างไม่ลังเล ตัวเขาตั้งใจที่จะพูดชื่นชมโจวจี้เฟิงให้มากกว่านี้ แต่เมื่อหันกลับมาหยวนเอ๋อก็ได้จากไปซะแล้ว นางรีบไปที่ด้านหลังภูเขาอย่างรวดเร็ว

 

ฝานซงได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะส่ายหัว ตัวเขาอดที่จะพึมพำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าต้องขอโทษด้วยนะพี่โจว” หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้แต่สัมผัสบาดแผลที่มีอยู่บนใบหน้า ‘โชคดีแค่ไหนที่นางไม่ได้เอาจริง’

 

ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้บินผ่านมา ตัวเขาได้สังเกตเห็นใบหน้าของฝานซงเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ “ฝานซง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน? “

 

ฝานซงได้โค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับไป “ศิษย์พี่สี่…ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่สะดุดล้มในระหว่างที่กำลังเดินอยู่ก็เท่านั้น”

 

หมิงซี่หยินไม่ใช่คนโง่แต่อย่างใด ไม่มีใครที่จะหกล้มจนทำร้ายตัวเองได้เท่ากับฝานซงในตอนนี้ “ศิษย์น้องเล็กของข้าอยู่ไหนกัน? “

 

ฝานซงได้มองไปที่ด้านหลังภูเขาก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่เก้าได้รับอาวุธระดับสรวงสวรรค์สายสะพายแห่งนิพพานมา ในตอนนี้นางกำลังหาใครสักคนที่จะมาประมือด้วยอยู่ ข้าคิดว่านางคงจะไปหาโจวจี้เฟิงแล้ว”

 

“อะไรนะ? อาวุธระดับสรวงสวรรค์ สายสะพายแห่งนิพพาน? ” หมิงซี่หยินได้พูดซ้ำออกมาอย่างงงงวย

 

“ข้าลืมเรื่องของศิษย์พี่สามศิษย์พี่สี่ได้ยังไงกัน…พลังวรยุทธที่พวกศิษย์พี่มีลึกล้ำและยังมีอาวุธระดับสรวงสวรรค์ด้วย ศิษย์พี่ทั้งสองคนคงเหมาะที่จะประมือกับศิษย์พี่เก้ามากที่สุดแล้ว” ฝานซงได้พูดออกมาในขณะที่เอามือก่ายหน้าผากตัวเอง

 

หมิงซี่หยินได้ร่อนลงบนพื้นก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเฉยเมย “มันจะดีกว่าถ้าหากเจ้าบอกให้ศิษย์น้องเล็กไปหาศิษย์พี่สาม…ถ้าหากเจอนางก็บอกว่าข้ายุ่งมาก” ทันทีที่พูดจบหมิงซี่หยินก็ได้หายตัวไปด้วยความไวแสง

 

ฝานซงได้แต่เกาหัวของตัวเอง ‘ยุ่งมากอย่างงั้นหรอ? ท่านไม่ได้ตามหาศิษย์พี่เก้าอยู่หรอไงกัน? ‘

 

ในตอนนั้นเองเสียงครวญครางก็ได้ดังมาจากหลังภูเขา เสียงอันแสนโหยหวนได้ทำให้ฝานซงตัวสั่นไปทั้งตัว และเพราะความสำนึกผิดจึงทำให้ตัวเขาได้คิดอะไรขึ้นมาได้ ‘ข้าจะต้องรีบไปซะแล้ว’

 

 

ห้าวันผ่านไป

 

ภูเขาทองทั้งลูกตกอยู่ในความวุ่นวาย ทุกๆ ที่ของภูเขาทองมักจะมีภาพของสายสะพายแห่งนิพพานอยู่ทั่วทุกที่

 

 

ภายในห้องลับของศาลาปีศาจลอยฟ้า

 

ลู่โจวที่กำลังทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อยู่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอกกันแน่

 

ในตอนนี้พลังวรยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับพื้นฐานแห่งเต๋าของลู่โจวมั่นคงแล้ว

 

และเพราะแบบนั้นเองตัวเขาจึงได้เปิดเมนูของระบบขึ้นมา

 

ชื่อ: ลู่โจว

 

เผ่า: มนุษย์

 

พลังวรยุทธ: ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ระดับพื้นฐานแห่งเต๋า

 

แต้มบุญ: 12,820

 

พลังอวตาร: สัตตะดวงดาวแห่งวิญญาณ

 

อายุขัย: 6,249 วัน

 

ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพรชฆาต x1, การ์ดป้องกันไร้ที่ติ x1, การ์ดประกันชีวิต x7, ผนึกกรงกักขัง x4, เครื่องรางขัดเกลา x2, การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x1, วิซซาร์ด (พักผ่อนเสร็จสิ้น) , บี่เอี๊ยน, เศษเสี้ยวฟากฟ้า x1

 

อาวุธ: อาวุธนิรนาม, กระบี่ตัดชีวา, ถุงมือนักสู้

 

เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์

 

ลู่โจวได้สังเกตเห็นว่าวิซซาร์ดพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ตัวเขาได้ทำการคำนวณอะไรบางอย่างก่อนที่จะพบว่าวิซซาร์ดได้ใช้เวลาพักผ่อนไปกว่า 5 วันด้วยกันหลังจากที่ปล่อยพลังช่วยเหลือตัวเขาในครั้งนั้นมา นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับลู่โจว

 

ลู่โจวตัดสินใจที่จะดูร้านค้า ตัวเขาอยากที่จะมองหาการ์ดวิเศษใบใหม่ๆ แต่น่าเสียดาย…การ์ดทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

 

ไม่ว่าจะยังไงตราบใดที่ราคาของการ์ดไม่ได้สูงขึ้น ลู่โจวก็รู้สึกพอใจมากแล้ว

 

“เศษเสี้ยวฟากฟ้า…” ลู่โจวได้ตรวจสอบภารกิจอีกครั้ง

 

ภารกิจในการฝึกฝนเหล่าลูกศิษย์ยังคงอยู่เช่นเดิม ถึงแม้ว่ามันจะปรากฏในภารกิจแต่ลู่โจวก็ไม่รู้ว่าจะต้องฝึกฝนและสั่งสอนยังไงถึงจะได้แต้มบุญ ตัวเขาไม่สามารถมองหาข้อผิดพลาดได้ถ้าหากไม่มีเหตุผลที่ดีมากพอ ยิ่งไปกว่านั้นระบบที่ลู่โจวมีก็คงจะไม่ปล่อยให้ตัวเขาอาศัยข้อผิดพลาดนี้ในการหาแต้มบุญเพิ่มได้แน่

 

ลู่โจวได้พยายามนึกย้อนกลับไปเพื่อหาเศษเสี้ยวฟากฟ้าจากในความทรงจำ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็น่าเสียดาย จีเทียนเด๋าไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเศษเสี้ยวฟากฟ้านี้ เพราะแบบนั้นมันจึงไม่มีเบาะแสเลยนั่นเอง

 

“บางทีผู้อาวุโสฮั๊วอาจจะรู้อะไรบางอย่างก็เป็นได้” ลู่โจวที่คิดแบบนั้นได้ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

ทันใดนั้นเองลู่โจวก็ได้คิดอะไรขึ้นมาในใจ ตัวเขาได้โบกมือขวาของตัวเองออกมาก่อนที่อาวุธนิรนามจะปรากฏขึ้นในมือของเขา หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้โบกมือซ้ายขึ้นมาเช่นกัน เศษเสี้ยวฟากฟ้าได้ปรากฏขึ้นที่มือซ้ายของตัวเขา

 

‘เศษเสี้ยวฟากฟ้าเป็นของที่ภารกิจให้ตามหา ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงอาวุธนิรนามจะทำลายมันได้ไหม? ‘

 

ลู่โจวเองก็ไม่สามารถอธิบายความต้องการนี้ออกมาได้ ตัวเขากำลังพยายามที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของอาวุธนิรนามอยู่นั่นเอง

 

ลู่โจวได้ยกมือขึ้นมา ในตอนนั้นเองประกายอันเย็นยะเยือกก็ได้ฉายผ่านตัวเขาไป

 

แคล๊ง!

 

ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจ เศษเสี้ยวฟากฟ้าในตอนนี้ได้แตกก่อนจะตกลงสู่พื้น

 

อาวุธนิรนามไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่อย่างน้อย

 

“นี่มันก็แค่ขยะจริงๆ สินะ” ลู่โจวได้มองไปที่เศษเสี้ยวฟากฟ้าอย่างสงสัย แม้ว่าตัวเขาจะเก็บรวบรวมเศษเสี้ยวทั้งหมดให้ครบ 8 ชิ้น แต่ถึงแบบนั้นมันก็คงจะเป็นแค่กองขยะเท่านั้น

 

‘แล้วจะรวบรวมมันไปเพื่ออะไรล่ะ? ‘ ลู่โจวกำลังคิดล้อเลียนอยู่ภายในใจ แต่ในตอนนั้นเองเศษเสี้ยวฟากฟ้าที่แตกหักออกค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม

 

‘นี่มันอะไรกัน? ซ่อมแซมตัวเองอย่างงั้นหรอ? ‘

 

ลู่โจวได้ใช้พลังของตัวเองเพื่อที่จะหยิบเศษเสี้ยวฟากฟ้าขึ้นมา ตัวเขาได้พินิจพิเคราะห์มันอย่างละเอียดจนพบว่าที่เศษเสี้ยวฟากฟ้าไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของความเสียหาย

 

‘น่าสนใจจริงๆ ‘

 

ลู่โจวได้เก็บเศษเสี้ยวฟากฟ้าไปก่อนที่จะเดินออกจากห้องลับไป ตัวเขาได้มุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่

 

ทันทีที่เดินเข้าไป ในตอนนั้นเองตัวเขาก็เห็นหมิงซี่หยินกำลังเดินอยู่รอบๆ ห้องโถงใหญ่อยู่ก่อนแล้ว

 

เมื่อหมิงซี่หยินสังเกตเห็นผู้ที่เป็นอาจารย์ ในตอนนั้นเขาก็ได้โค้งคำนับอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ ขอให้ท่านมีชีวิตยืนยาวเป็นพันเป็นหมื่นปี! “

 

“…”

 

‘หมิงซี่หยินเลียนแบบสิ่งนี้มาจากเจ้าแปดสินะ’ ลู่โจวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกไปอีกครั้ง “มีอะไรอย่างงั้นหรอ? “

 

หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ตอบกลับไป “มีสองเรื่องที่ศิษย์อยากที่จะรายงาน เรื่องแรกฝานซงจะกลับไปที่บ้านเกิดก็เพื่อที่จะไหว้บรรพบุรุษ ศิษย์เห็นท่านอาจารย์กำลังพักผ่อนอยู่ก็เลยให้เขาไปได้”

 

“ไหว้บรรพบุรุษอย่างงั้นหรอ? “

 

“นับตั้งแต่ฝานซงฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินทั้งสามเขาดูมีสภาพที่แย่มาก ด้วยเหตุนี้เองตัวเขาจึงไม่ได้กลับบ้านมานานกว่า 3 ปีแล้ว ในตอนนี้ฝานซงได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาหยางทั้งหก ตัวเขาในตอนนี้จึงมีสภาพร่างกายที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก” หมิงซี่หยินได้พูดต่อไป “อย่างไรก็ตามตัวเขาก็มาจากสำนักแห่งความบริสุทธิ์ ศิษย์ได้แต่กังวลว่าสำนักแห่งความบริสุทธิ์จะไม่ปล่อยให้ฝานซงกลับมาง่ายๆ “

 

ตั้งแต่ที่ฝานซงเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเขาก็ถูกคนทั้งโลกมองว่าเป็นวายร้ายไปแล้ว สำนักแห่งความบริสุทธิ์เองที่ไม่สามารถจับศิษย์คนที่แปดในก่อนหน้านี้ได้ ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะยอมปล่อยให้ตัวของฝานซงหลุดมือไปไหน

 

ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พยักหน้าก่อนจะตอบกลับมา “สำนักแห่งความบริสุทธิ์ได้ร่วมมือกับสำนักเที่ยงธรรมแล้ว ไม่มีอะไรเกินความคาดหมาย…สำนักแห่งความบริสุทธิ์ทำงานให้กับองค์ชายคนที่สอง ข้าคิดว่าม่อหลี่จะต้องเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แน่”

 

“ท่านอาจารย์…ม่อหลี่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับพวกเรามาโดยตลอด…ทำไมท่านถึงไม่ไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะจัดการนางทิ้งโดยตรงเลยล่ะ? “

 

“เหล่าราชวงศ์ไม่ใช่พวกกระจอกอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ” ลู่โจวได้ตอบกลับไป “แล้วเรื่องที่สองล่ะ? “

 

“เป็นเรื่องของศิษย์น้องเล็ก” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ในอีกสามวันข้างหน้านี้นางจะมีอายุ 16 ปี ในช่วงอายุ 16 ปีเป็นช่วงเวลาที่ศิษย์คิดว่าน่าจดจำมาก ศิษย์ได้พูดคุยกับศิษย์พี่สาม, ศิษย์น้องห้า และศิษย์น้องแปดแล้ว พวกเราจะทำอะไรบางอย่างกันเพื่อให้ศิษย์น้องเล็กมีความสุข”

 

ลู่โจวได้ถอนหายใจออกมา ‘เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวหยวนเอ๋อก็ได้กลายเป็นวัยรุ่นแล้วสินะ’

 

ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้เข้ามายังศาลาปีศาจลอยฟ้าพร้อมกับคนอื่นๆ

 

“ท่านอาจารย์”

 

“ท่านปรมาจารย์”

 

ลู่โจวได้เหลือบมองพวกเขาทั้งหมด ตัวเขาได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นโจวจี้เฟิง “เจ้าไปทำอะไรมากันถึงได้บาดเจ็บแบบนั้น? “

 

โจวจี้เฟิงรีบโค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับมา “ข้าล้มลง”

 

ลู่โจวมองไปที่ต้วนมู่เฉิง ตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงแบบนั้นเสื้อผ้าที่ตัวเขาใส่อยู่กับฉีกขาดเสียหาย

 

ผู้ฝึกยุทธหญิงคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ก็กลัวกว่าที่จะพูดอะไรออกมา

 

หยวนเอ๋อได้ก้มหัวลงก่อนที่จะยักไหล่และแลบลิ้นออกมาชั่วครู่

 

“เจ้าเองอย่างงั้นสินะ เจ้าตัวปัญหา! “

 

หยวนเอ๋อรีบพูดออกมาอย่างหวาดกลัว “ศิษย์ผิดไปแล้วท่านอาจารย์”

 

ลู่โจวได้แต่ส่ายหัว ‘นางจะอายุ 16 ในอีกในไม่ช้านี้ ทำไมนางถึงไม่เคารพผู้ที่มีอายุมากกว่ากัน…เรื่องแบบนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่ได้อาวุธไปนางก็ทำตัวอุกอาจไม่สนใจอะไร หยวนเอ๋อทั้งขาดความยับยั้งชั่งใจและระเบียบวินัย แม้ว่าพลังวรยุทธที่นางมีจะเอาชนะต้วนมู่เฉิงไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่ได้เคารพพวกศิษย์พี่เลย ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปหยวนเอ๋ออาจที่จะไม่เคารพตัวฉันด้วยก็เป็นได้! ‘

 

“คุกเข่าลงซะ” ลู่โจวได้พูดออกมา

 

พรึ๊บ!

 

โจวจี้เฟิงเป็นผู้ที่คุกเข่าคนแรก เขาได้หันไปทางหยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่…ข้า ข้าขอโทษจริงๆ “

 

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains
Score 4.0
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง My Disciples Are All Villains ลู่โจวตื่นขึ้นมาเพื่อเป็นผู้เฒ่าผู้ชั่วร้ายที่ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดในโลก และพบว่าเขามีสาวกเก้าคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ศิษย์คนโตของเขาเป็นผู้นำนิกาย Nether ที่มีลูกน้องนับพัน และศิษย์คนที่สองของเขาคือ Sword Devil มักจะเข่นฆ่าผู้อื่นด้วยความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย…หากไม่มีฐานการฝึกฝนของเขา เขาจะจัดการกับสาวกที่ชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร ศิษย์คนโตของเขา Yu Zhenghai เล่าว่า “ชีวิตข้าไม่เคยมีคู่แข่ง และไม่มีใครนอกจากอาจารย์ที่สามารถทำให้ข้าก้มหัวได้” ศิษย์คนที่เจ็ดของเขา Si Wuya กล่าวว่า “เราจะกินหรือนอนอย่างสงบสุขไม่ได้ตราบเท่าที่ อาจารย์ยังไม่ตาย!”…หยวนเอ๋อศิษย์ที่เก้าของเขากล่าวว่า “ฉันจะจำสิ่งที่อาจารย์พูดและเป็นคนดี”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset