My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 410

ยู่ฉางตงรู้ได้ทันทีว่าหัวใจของเขากำลังเต้นรั่ว ตัวเขากลั้นหายใจเอาไว้ก่อนที่จะจ้องมองดอกบัวทองคำ ขั้นตอนการผลิกลีบดอกบัวแม้ว่ามันจะฟังดูง่าย แต่มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดได้เช่นเดียวกัน และเนื่องจากประสบการณ์อันยาวนานที่ยู่ฉางตงเคยมีทำให้ตัวเขาไม่พบกับอุปสรรคใดๆ เหมือนกับในตอนที่ยอดฝีมือหน้าใหม่ได้พบเจอ ส่วนที่ยากที่สุดก็คือการที่ยู่ฉางตงจะต้องทำทุกอย่างในขณะที่ตัวเขาบาดเจ็บอยู่ นอกจากนี้นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ตัวเขาจะต้องสร้างดอกบัวขึ้นมาอีกครั้ง ระหว่างดอกบัวทองคำกับใบของมันอะไรจะเกิดก่อนกัน? แล้วดอกบัวทองคำที่ไม่มีรากมันเกิดขึ้นมาก่อนใบได้ยังไง?

 

หวืออ!

 

พลังอวตารของยู่ฉางตงสั่นสะเทือน ในตอนนั้นเองเสียงสะท้อนก็ได้ดังขึ้น กลีบดอกบัวเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในเวลาไม่นาน มันเริ่มที่จะผลิใบอย่างสมบูรณ์แบบ ยู่ฉางตงสามารถผลิกลีบดอกบัวได้สำเร็จอีกครั้ง เท่ากับว่าในตอนนี้ตัวเขากลับไปเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวหนึ่งกลีบอีกครั้ง มันไม่ได้เป็นพลังอวตารที่มีความสูงเท่ากับพลังอวตารอันเก่า ตัวเขาสัมผัสได้พลังอวตารที่มีเป็นพลังอวตารกลีบดอกบัวใบเดียวโดยแท้จริง

 

พลังดอกบัวทองคำของตัวเขายังคงสั่นไหว แสงที่อยู่ทางด้านล่างก็ยังคงส่องประกายออกมา จากการคาดการของตัวเขา ดอกบัวทองคำสามารถที่จะก่อตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ น่าเสียดายที่พลังลมปราณที่ยู่ฉางตงมีใกล้จะหมดลงแล้ว ตัวเขายังไม่ทันที่จะได้เห็นดอกบัวทองคำของตัวเองซะด้วยซ้ำ การรักษารูปลักษณ์พลังอวตารได้ทำให้ยู่ฉางตงสูญเสียพลังลมปราณไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาในตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

 

‘หืม?’ ยู่ฉางตงยกฝ่ามือขึ้นมา ตัวเขาได้กางแขนออกไปข้างหน้าก่อนที่จะจ้องมองไปที่พลังอวตารของตน

 

แสงที่อยู่ทางด้านล่างได้หายจางไป มีเพียงกลีบดอกบัวเพียงแค่กลีบเดียวลอยอยู่ ในตอนนี้พลังอวตารไม่มีดอกบัวทองคำอีกต่อไป! นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับยู่ฉางตง ตัวเขาเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่สามารถดูดถูกผู้ฝึกยุทธทุกคนได้อย่างเย่อหยิ่ง ฉายาของเขาก็คือดาบปีศาจ เพียงแค่นามของเขามันก็มากพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนต้องหวาดกลัว แต่ถึงแบบนั้นยู่ฉางตงก็ยากที่จะยอมรับในสิ่งที่ได้เห็น “พลังอวตารที่ไม่มีดอกบัวทองคำ”

 

ยู่ฉางตงกำหมัดแน่นก่อนที่พลังอวตารจะหายจางไป

 

ดวงตาของยู่ฉางตงเปล่งประกาย ตัวเขาได้หลับตาลงก่อนที่จะเริ่มเดินพลังลมปรารอีกครั้ง ยู่ฉางตงยังคงโคจรพลังต่อไปเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน

 

พลังลมปราณที่เคยถูกใช้ไปบางส่วนได้รับการเติมเต็มกลับมา สภาพจิตใจของตัวเขาก็ยังดีขึ้นมาก ยู่ฉางตงเริ่มเรียกพลังอวตารขึ้นมาอีกครั้ง ยังไม่มีดอกบัวทองคำอยู่ที่ใต้เท้าของตัวเขาเช่นเคย มันมีเพียงกลีบดอกบัวเพียงแค่กลีบเดียวเท่านั้น

 

ยู่ฉางตงได้รวบรวมพลังลมปราณทั้งหมดไว้ที่ใต้เท้าของพลังอวตารก่อนที่จะเริ่มพยายามอีกครั้ง ตัวเขาต้องการที่จะสร้างดอกบัวทองคำใหม่ แต่พลังอวตารของตัวเขาก็ยังเป็นเช่นเดิม ในตอนนี้พลังลมปราณของยู่ฉางตงเริ่มที่จะหมดลงแล้ว…

 

ตู๊ม!

 

พลังอวตารของยู่ฉางตงสลายหายไป

 

ตัวเขาได้นั่งลงกับพื้นอย่างกะทันหัน

 

ยู่ฉางตงล้มลงก่อนที่จะจมอยู่กับความมืด ตัวเขามองไม่เห็นอะไรเลย ลมหนาวได้พัดมาที่ลำตัว ใบหน้าของยู่ฉางตงขาวซีดไปก็เพราะความหนาวเย็น แต่ถึงแบบนั้นยู่ฉางตงก็ยังสงบนิ่ง ยู่ฉางตงพบว่าพลังลมปราณของตัวเขาได้สลายตัวเองไปรอบๆ ตัว

 

ยู่ฉางตงพยายามที่จะใช้ฝ่ามือของตัวเองโคจรพลังอีกครั้ง ในตอนนั้นเองก็มีแสงสว่างสีทองส่องประกายอยู่รอบตัวยู่ฉางตง มันได้นำทางไปสู่ด้านบนศีรษะของตัวเขา

 

“เมลิล็อตอย่างงั้นหรอ?” ยู่ฉางตงมองเห็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยเมลิล็อต

 

หวืออ!

 

เมื่อเห็นแบบนั้นยู่ฉางตงก็เสียสมาธิไปชั่วครู่ จู่ๆ พลังแสงสีทองก็ได้เปิดผนึกที่อยู่เหนือตัวเขาเอาไว้

 

ยู่ฉางตงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะบินขึ้นไปตามทาง

 

ตู๊ม!

 

ยู่ฉางตงกำลังติดกับอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายกับตาข่าย ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงตัดสินใจที่จะใช้พลังฝ่ามือเปิดทาง

 

ตาข่ายที่ว่ายังไม่ขยับ

 

ตู๊ม!

 

ยู่ฉางตงได้ใช้พลังฝ่ามือเปิดทางอีกครั้ง แต่มันก็ยังไม่ขยับ

 

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

 

หลังจากที่ใช้พลังฝ่ามือเปิดทางถึง 3 ครั้ง ตาข่ายที่ว่าก็ยังไม่มีวี่แววที่จะเคลื่อนไหว

 

“นี่มันเหล็กหิมะพันปีอย่างงั้นหรอ?” ยู่ฉางตงส่ายหัวของตัวเองเล็กน้อย

 

“ดาบยืนยาว!” ยู่ฉางตงค่อยๆ เรียกดาบยืนยาวออกมา

 

‘ไม่มีทาง’ ดูเหมือนว่าความสามารถในการควบคุมวัตถุจากทางระยะไกลของยู่ฉางตงจะลดลงเป็นอย่างมาก

 

ยู่ฉางตงได้บินไปสัมผัสที่ตาข่าย และในตอนนั้นเองตัวเขาก็พบกับลวดลายของเขตแดนพลังบางอย่าง…

 

“ลวดลายเขตแดนพลัง?” ยู่ฉางตงส่ายหัวอีกครั้ง ลวดลายเขตแดนได้ถูกออกแบบมาอย่างละเอียดอ่อน การที่ผู้คนจากดินแดนชนชั้นสูงรอดมาได้อย่างยืนยาวก็เพราะของสิ่งนี้

 

แม้ว่ามันจะเป็นเขตแดนพลังที่อ่อนแอจนเกินกว่าจะพูดขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังอยู่มาได้นานเกินกว่าความคาดหมายของตัวเขา

 

ยู่ฉางตงถอนหายใจออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าตัวเขาจะต้องการพลังวรยุทธขั้นที่สูงมากกว่านี้เพื่อที่จะเรียกดาบยืนยาวที่อยู่บนพื้นได้ ในตอนนี้การควบคุมอาวุธจากระยะไกลยังอยู่เหนือความคาดหมายของตัวเขา

 

ยู่ฉางตงร่อนลงมาอย่างช้าๆ ตัวเขาได้ปล่อยพลังฝ่ามือสีทองออกมาก่อนที่จะจ้องมองรอบตัว

 

ที่แห่งนี้มันเป็นเหมือนกับกับดัก แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังคล้ายกับที่พักพิงเช่นกัน

 

หลังจากที่สังเกตมาระยะหนึ่ง ยู่ฉางตงก็ได้หลับตาลงก่อนที่จะทำสมาธิ ตัวเขาตัดสินใจที่จะคิดทบทวนตัวเองใหม่ ของบางอย่างก็ต้องปฏิบัติต่อมันอย่างนุ่มนวล…

 

แม้ว่าจะเป็นพลังอวตารดอกบัวกลีบเดียวแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นพลังอวตาร ยู่ฉางตงไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาพลังดอกบัวอีกต่อไป

 

 

ศาลาปีศาจลอยฟ้า

 

หลังจากที่เดินทางมาตลอดทั้งวันทั้งคืนลู่โจว สีวู่หยา และหยวนเอ๋อก็เดินทางกลับมาถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าบนภูเขาทองได้ ทุกๆ คนได้ร่อนลงสู่ศาลาใหญ่

 

“นั่นใครกัน?”

 

“ผู้มาเยือนคนใหม่อีกคน!”

 

“เจ้าน่ะเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองแล้วรึยัง? มันอาจจะเป็นศิษย์คนที่หนึ่งก็ได้ที่จะกลับมาในเวลาเช่นนี้น่ะ” ฝานซงได้พูดออกมาในขณะที่กอดอก

 

“ศิษย์คนที่หนึ่งของศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นคนที่ใจดีไหม? หรือเขาอาจจะเป็นศิษย์คนที่เจ็ดกัน?” โจวจี้เฟิงกำลังใช้ความคิด

 

“มีบางอย่างที่เจ้ายังไม่รู้ ข้าได้ยินมาว่าศิษย์คนที่เจ็ดฉลาดหลักแหลมมาก ตัวเขามีเครือข่ายข้อมูลกระจายไปทั่วทั้งดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ ถ้าหากเขาไม่ได้เต็มใจที่จะกลับมา…ก็คงจะไม่มีใครจับตัวเขาได้แน่” ฝานซงได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ

 

“เจ้าพูดมีเหตุผล…ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าศิษย์สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งเก้าคนไม่ใช่คนที่สามารถตัดสินได้จากรูปลักษณ์อีกด้วย”

 

ดูเหมือนทั้งคู่จะตกลงกันแล้ว หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปหาลู่โจวและคนอื่นๆ

 

“สวัสดีท่านปรมาจารย์! สวัสดีท่านศิษย์คนที่เก้า…” ฝานซงและโจวจี้เฟิงคุ้นเคยกับพวกเขาทั้งคู่ดี แต่สำหรับศิษย์คนแรก เขาไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการทักทาย สำหรับศิษย์คนแรกในตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่คนทรยศเท่านั้น อย่างน้อยที่สุดพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่อาจทักทายคนทรยศต่อหน้าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าได้

 

“ในช่วงไม่กี่วันมานี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในศาลาปีศาจลอยฟ้าไหม?” ลู่โจวได้ถามในขณะที่ลูบเคราของตัวเอง

 

ฝานซงได้ตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ท่านศิษย์คนที่สามดูแลศาลาปีศาจลอยฟ้าในแต่ละวันเป็นอย่างดี ทุกอย่างยังคงราบรื่นเช่นเดิม ในทางกลับกันสำนักฝ่ายธรรมะทั้งหลายกำลังแพร่เรื่องโกหกเกี่ยวกับศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่ทุกคนทุกแห่ง”

 

“โกหก?”

 

“มันเป็นข่าวลือเกี่ยวกับการตายของศิษย์คนที่สองและข่าวลือเกี่ยวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉารอบหุบเขาทองครับ พวกเขากำลังพูดกันว่า…ว่า…” ฝานซงพูดตะกุกตะกัก

 

“พูดออกมาตามตรงเถอะ” ลู่โจวพูดออกมา

 

“พวกเขาลือกันว่าขีดจำกัดของท่านกำลังอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม…” ฝานซงทำหน้ากระวนกระวายในขณะที่ตัวเขาเปิดเผยสิ่งที่ได้ยินออกมา

 

ลู่โจวพยักหน้าตอบรับ มันเป็นสิ่งที่เกินกว่าที่ตัวเขาคาดหวังเอาไว้มาก หลายครั้งที่ลู่โจวสงสัยว่าคนจากสำนักฝ่ายธรรมะจะต้องถูกบดขยี้สักกี่ครั้งก่อนที่พวกเขาจะรู้ถึงความโง่เขลาของตัวเอง?

 

‘ขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่? ฉันดูเหมือนคนที่ใกล้ตายในเร็วๆ อย่างงั้นมากสินะ?’ การคิดถึงเรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรอีกต่อไป

 

ลู่โจวได้หันไปมองสีวู่หยาที่ยังคงนิ่งเงียบ ตัวเขากำลังอุ้มองค์หญิงหย่งหนิงเอาไว้ในอ้อมแขน ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมา “หยวนเอ๋อ พาองค์หญิงไปพักผ่อนที่ศาลาทางใต้ซะ”

 

“ค่ะ ท่านอาจารย์” หยวนเอ๋อรีบน้อมรับคำสั่ง

 

“ส่วนเจ้า…” ลู่โจวหันมามองสีวู่หยา “ไปไตร่ตรองถึงความผิดของตัวเองในถ้ำแห่งเงาสะท้อนเจ็ดวันเจ็ดคืนซะ”

 

สีหน้าของสีวู่หยายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป ตัวเขาได้คารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ขอบคุณครับท่านอาจารย์”

 

แม้ว่าทัศนคติที่สีวู่หยามีต่อลู่โจวยังคงเป็นความเคารพนับถือ แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็สัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจ แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะกลับไปยังศาลาทางตะวันออก เวลาเจ็ดวันที่ลู่โจวเคยพูดจะเป็นเวลาที่ตัวเขาเติมเต็มพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์จนเต็มเปี่ยม ถ้าหากไม่มีพลังวิเศษเป็นทางออกสำรอง ลู่โจวก็รู้สึกว่าตัวเขากำลังมีอะไรบางอย่างขาดหายไป

 

หลังจากที่ลู่โจวเดินจากไป ฝานซงและโจวจี้เฟิงก็รีบทำความเคารพสีวู่หยาอย่างพร้อมเพรียงกัน “สวัสดีท่านศิษย์คนที่หนึ่ง”

 

สีวู่หยาเหลือบมองพวกเขาเท่านั้นก่อนที่จะเดินจากไป

 

ทั้งสองคนรีบเดินตามไปเช่นกัน

 

“ท่านศิษย์คนที่หนึ่งให้ข้าเก็บเสื้อคลุมของท่านให้ไหม?”

 

“ท่านศิษย์คนที่หนึ่ง…ท่านดูหล่อกว่าที่ข้าเคยจินตนาการเอาไว้ซะอีก…”

 

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains
Score 4.0
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง My Disciples Are All Villains ลู่โจวตื่นขึ้นมาเพื่อเป็นผู้เฒ่าผู้ชั่วร้ายที่ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดในโลก และพบว่าเขามีสาวกเก้าคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ศิษย์คนโตของเขาเป็นผู้นำนิกาย Nether ที่มีลูกน้องนับพัน และศิษย์คนที่สองของเขาคือ Sword Devil มักจะเข่นฆ่าผู้อื่นด้วยความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย…หากไม่มีฐานการฝึกฝนของเขา เขาจะจัดการกับสาวกที่ชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร ศิษย์คนโตของเขา Yu Zhenghai เล่าว่า “ชีวิตข้าไม่เคยมีคู่แข่ง และไม่มีใครนอกจากอาจารย์ที่สามารถทำให้ข้าก้มหัวได้” ศิษย์คนที่เจ็ดของเขา Si Wuya กล่าวว่า “เราจะกินหรือนอนอย่างสงบสุขไม่ได้ตราบเท่าที่ อาจารย์ยังไม่ตาย!”…หยวนเอ๋อศิษย์ที่เก้าของเขากล่าวว่า “ฉันจะจำสิ่งที่อาจารย์พูดและเป็นคนดี”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset