My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 527

ตอนที่ 527 เจ้าเต็มใจที่จะฝึกฝนวรยุทธกับข้ารึเปล่า?

 

สู่โจวยกมือขึ้นก่อนที่จะตบหลังจีเหลียงเบาๆ

 

ฮี้!

 

จีเหลียงได้ร้องเสียงดังด้วยความยินดี

 

ธิดาหอยสังข์เข้าใจสิ่งที่จีเหลียงร้องดี นางพูดออกมาอย่างมีความสุข “มันกำลังทักทายพวกเราด้วย!”

 

ฮัวยู่จิงและคนอื่นๆ ไม่อาจเข้าใจเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นได้เลย จีเหลียงมันกำลังทักทายทุกคนได้ยังไงกัน? สำหรับทุกคน เขี้ยวของจีเหลียงที่โผล่ออกมามันดูเหมือนกับพยายามข่มขู่พวกเขาซะมากกว่า จีเหลียงมันดูดุร้ายมากกว่าที่จะดูเป็นมิตร ทุกๆ คนได้ถอยหลังตามสัญชาตญาณ มันคงจะดีกว่าถ้าหากระมัดระวังตัวเอาไว้ ยังไงซะสัตว์ร้ายก็ยังเป็นสัตว์ร้ายอยู่วันยังค่ำ

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน ลูโจวก็ได้ตบหลังจีเหลียงเบาๆ อีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวไป”

 

จีเหลียงยืนขึ้น ทุกคนที่กำลังระวังตัวอยู่เมื่อได้เห็นแบบนั้นได้แต่ถอยกลับอีกครั้ง จีเหลียงวิ่งเข้าไปใกล้ทุกคนก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองอย่างหยิ่งผยอง

 

ผู้คนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือของศาลาปีศาจลอยฟ้า เพียงแค่เอ่ยนามเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัว แต่ดูเหมือนว่าทุกคนที่ว่าแข็งแกร่งเมื่ออยู่ต่อหน้าม้าตัวนี้ยังต้องหวาดกลัวมัน

 

หลังจากที่มั่นใจว่าจีเหลี่ยงไม่ได้ดุร้ายอย่างที่คิดไว้ ในที่สุดทุกคนก็เริ่มผ่อนคลาย ทุกคนเริ่มเข้าไปใกล้จีเหลียงก่อนที่จะเฝ้ามองมัน

 

ฝานซงที่ยืนอยู่ต่อหน้าจีเหลียงได้พูดขึ้น “เจ้านี่มันวางท่าซะจริง! เฮ้ เจ้าคิดว่ากำลังมองใครอยู่กัน?”

 

จีเหลียงตอบกลับมา

 

ฝานซงที่เห็นมันตอบโต้มาได้คิดเข้าข้างตัวเอง “เจ้าคงจะไม่กล้าซื้อต่อหน้าข้าแล้วสินะ?”

 

ธิดาหอยสังข์พยายามกั้นหัวเราะก่อนที่จะพูดออกมา “มันบอกว่าท่านเตี้ย!”

 

ทุกๆ คนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างหัวเราะออกมา ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิมันอีก

 

ซูยู่ชูเฝ้ามองจีเหลียงได้พักหนึ่ง หลังจากนั้นนางก็หันไปหาลูโจว “พี่ใหญ่ ท่านไปพาม้าตัวนี้มาจากไหนกัน?”

 

สู่โจวได้ลอยลงมาจากบนฟ้า ตัวเขาเอามือไขว้หลังก่อนที่จะตอบคำถาม “ข้าเคยไปที่ดินแดนวู่หวังที่อยู่ทางตอนเหนือในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ที่นั่นมีสัตว์ร้ายมากมายอาศัยอยู่ เรื่องต่อจากนั้นไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงอีก สัตว์ร้ายตัวนี้ฉลาดหลักแหลมมาก ในตอนที่ข้าได้พบกับมัน มันได้ยอมจำนนต่อข้าในทันที ข้าแน่ใจว่ามันจะต้องเดินทางมายังศาลาปีศาจลอยฟ้าเพื่อรับใช้ข้า” สู่โจวไม่ได้สนใจว่าคนอื่นๆ จะเชื่อตัวเขาไหม สิ่งที่ตัวเขาได้พูดออกมาก็คือข้อแก้ตัวเท่านั้น การได้จีเหลียงมายังไงมันไม่ได้สำคัญอะไร สิ่งสำคัญก็คือสิ่งที่ต้องทำมากกว่า

 

จีเหลียงยกศีรษะขึ้นก่อนที่จะร้องออกมา

 

ธิดาหอยสังข์ชี้ไปที่จีเหลียงก่อนจะพูดขึ้น “จีเหลียงบอกว่าเป็นความจริง”

 

“ข้ารู้สึกประทับใจในพลังของท่านจริงๆ ” ฮั่ววูเด้าคารวะลูโจวด้วยความชื่นชม

 

“เพื่อที่จะควบคุมม้าที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ ข้าแน่ใจเลยว่าท่านปรมาจารย์จะต้องแสดงพลังอันแข็งแกร่งที่ดินแดนขู่หวัง ข้าชื่นชมท่านจริงๆ”

 

สู่โจวได้รับคำชื่นชมจากหลายๆ คน ไม่นานนักตัวเขาก็โบกแขนเสื้อและเรียกสัตว์ขี่ตัวใหม่ “จี เหลียง”

 

จีเหลียงเข้าใจสิ่งที่ลูโจวต้องการดี มันได้วิ่งไปในปาของภูเขาทองก่อนที่จะหายตัวไป

 

สู่โจวมองไปที่ขลุ่ยหยกหลานเทียนที่ห้อยอยู่บนเอวธิดาหอยสังข์ก่อนจะพูดขึ้น “หอยสังข์ ส่งมือเจ้ามา”

 

“ค่ะ” ดูเหมือนว่าหอยสังข์จะคุ้นเคยกับการทำอะไรแบบนี้แล้ว นางรีบยื่นข้อมือออกมา

 

สู่โจววางนิ้วทั้งสองลงบนข้อมือของนาง ตัวเขากำลังตรวจสอบเส้นพลังลมปราณทั้งแปดนั้นเอง นับตั้งแต่ที่ลูโจวกลับบมาจากเกาะเพิ่งไหล ตัวเขาก็ไม่เคยให้ความสนใจกับการฝึกฝนของนางเลย มันเป็นไปตามที่ตัวเขาคาดไว้ หลังจากที่อยู่ร่วมกับหยกหลานเทียนมาได้สักพัก เส้นพลังลมปราณทั้งแปดของนางดูราบรื่นและแข็งแกร่งขึ้นมาก ในตอนนี้นางได้กลายเป็นผู้มีพลังขั้นสังหรณ์หยั่งรู้อย่างแท้จริงแล้ว นางเป็นผู้ที่มีพลังถึงขั้นสังหรณ์หยั่งรู้โดยไม่ต้องผ่านการฝึกฝนอะไร ใครกันจะสามารถทำแบบนั้นได้? ในที่สุดจู่โจวก็ดึงนิ้วออกจากข้อมือ “มากับข้า”

 

“ค่ะ”

 

ลูโจวไม่ได้พูดคุยกับคนอื่นๆ อีกต่อไป ตัวเขาหันหลังกลับก่อนที่จะเดินไปยังศาลาตะวันออก

 

ธิดาหอยสังข์เดินตามลูโจวไปอย่างเชื่อฟัง

 

ผู้อาวุโสทั้งสี่ได้แต่ถอนหายใจในขณะที่ส่ายหัว

 

หมิงหยินที่เห็นแบบนั้นจึงถามออกมา “ทำไมผู้อาวุโสทั้งหลายถึงต้องถอนหายใจกันด้วยล่ะ?”

 

“ข้าก็แค่รู้สึกอิ่มเอมใจที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะสร้างอัจฉริยะอีกคนขึ้นมาน่ะ” ผ่านสี่เทียนตอบกลับ

 

ซูยู่ชูเองก็ถือเป็นอัจฉริยะ นางเป็นอัจฉริยะแห่งลัทธิขงจื้อก็ว่าได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า เด็กสาวที่สามารถมีพลังขั้นสังหรณ์หยั่งรู้โดยตรงได้ ซูยู่ชูก็ทำได้เพียงยอมรับให้กับความพ่ายแพ้ นางมองดูทั้งสองคนจากไปก่อนจะพูดออกมา “ถ้าหากไม่ใช่พี่ใหญ่ ข้าก็คงจะสู้เพื่อศิษย์อย่างนางแน่”

 

“ผู้อาวุโสซู ถ้าหากข้าได้นางเป็นศิษย์จริง ข้าจะมอบน้ำเต้าของข้าให้กับนางแน่” ฝานลี่เทียนพูดต่อ

 

เล้งถั่วเหลือบมองไปที่ฝานลี่เทียนและซูยู่ชูก่อนจะพูดออกมา “ถ้าหากเป็นในอดีต ข้าก็คงจะทำลายทุกอย่างเพื่อชิงตัวนางมาเป็นศิษย์ แต่เป็นเพราะท่านปรมาจารย์ต้องการ เพราะแบบนั้นข้าถึงได้ยอม”

 

ฮั่ววูเด่นิ่งเงียบ ตัวเขาตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมการโอ้อวดในครั้งนี้

 

เมื่อทั้งสองคนเดินจากไป ซูยู่ชูก็หันมาหาหยวนเอ๋อแทน “สาวน้อย เจ้าฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ?”

 

หยวนเอ๋อก้มหน้าลงก่อนจะนับนิ้ว หลังจากนั้นนางก็พูดออกมาอย่างเขินอาย “ข้าฝึกฝนจนตัวเองมีพลังอวตารดอกบัวสามกลีบเพียงเท่านั้น”

 

คำว่า “เท่านั้น” ของหยวนเอ๋อได้เสียบแทงใจดำของฝานซงและโจวจี้เฟิงเป็นอย่างดี พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้สึกเจ็บปวดทั้งๆ ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

 

ผู้อาวุโสทั้งสี่ได้ตัดดอกบัวทองคำของตัวเองและทำการฝึกฝนตัวเองใหม่อีกครั้ง ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังอวตารดอกบัวเพียงแค่สองกลีบเท่านั้น ถ้าหากพิจารณาจากจำนวนกลีบดอกบัว ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็คงจะอ่อนแอกว่าหยวนเอ๋ออยู่เล็กน้อย

 

หมิงซี่หยินพูดต่อ “ศิษย์น้องเล็ก ให้ข้าช่วยเจ้าไหมล่ะ…”

 

“ไม่!” หยวนเอ๋อตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ข้าจะจัดการกับทุกคนที่พยายามทำอะไรกับดอกบัวทองคำของข้า!” หยวนเอ๋อตอบกลับมาพร้อมโบกมืออย่างรุนแรง

 

ทุกๆ คนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็ถอยออกไป สาวน้อยที่เคยดูสุภาพได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ณ ศาลาตะวันออก

 

ลูโจวพาหยวนเอ๋อเข้ามายังห้องโถงศาลา

 

“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเรียกเจ้ามาทำไม?” สู่โจวถาม

 

สาวน้อยส่ายหัว

 

ลูโจวนั่งลงอย่างช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าเต็มใจที่จะฝึกวรยุทธไหม?”

 

“ฝึกวรยุทธ?”

 

“แบบนี้ไงล่ะ” ลูโจวยกมือขึ้นมา ในตอนนั้นเองบนฝ่ามือของเขาก็เริ่มมีพลังลมปราณผันผวนมากยิ่งขึ้น ไม่นานนักพลังลมปราณก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นกระบี่ หอก ไม้เท้า และไม้ง่าม

 

ดวงตาของธิดาหอยสังข์เป็นประกายเมื่อได้เห็นแบบนั้น นางชี้ไปยังดาบพลังงานก่อนจะพูดออกมา “น่าสนุกจัง! ข้าอยากจะฝึกทำบ้าง”

 

สนุก?

 

สู่โจวรู้สึกสิ้นหวังนิดหน่อย แต่เมื่อตัวเขาคิดทบทวนถึงเหตุผล ผู้ฝึกยุทธหลายคนที่เริ่มฝึกฝนตัวเองตั้งแต่เด็กล้วนแต่มีเหตุผลมาจากความต้องการส่วนตัว บางคนก็อยากเหาะเหินเดินอากาศ บางคนก็อยากจะบินด้วยดาบ บ้างก็อยากที่จะท่องไปยังโลกกว้าง หรือบ้างก็อยากจะฝึกฝนสัตว์ร้ายให้เชื่อง ทุกคนต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง “ข้าจะทดสอบความเข้าใจของเจ้าก่อน”

 

พรสวรรค์ที่ดีถือเป็นรากฐานสำคัญ แต่แน่นอนว่าความรู้เองก็สำคัญเช่นกัน

 

สาวน้อยพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปนั่งบนเบาะนั่ง

 

“กำหนดลมหายใจและตั้งสมาธิให้มั่น ควบคุมความคิดทั้งหมดไปที่จุดพลังลมปราณของเจ้า เมื่อเจ้าทำเช่นนั้นได้เจ้าก็จะสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณ พลังลมปราณของเจ้าที่ไหลเวียนไม่ได้ต่างอะไรจากน้ำทะเล ด้วยการชี้นำการไหลเวียนที่ถูกต้อง…เจ้าจะสามารถปล่อยพลังลมปราณเหล่านั้นไปตามเส้นพลังลมปราณและผลักมันออกมาจากร่างกายได้ มันเป็นพื้นฐานในการใช้พลังนั่นเองสุดท้ายแล้วเจ้าก็จะสามารถควบแน่นพลังลมปราณเจ้าให้กลายเป็นพลังงานได้อย่างอิสระ” ลูโจวไม่เคยต้องสอนใครอย่างละเอียดจนถึงขนาดนี้ บางที่ตัวเขาก็รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวเขายอมสอนนางก็เป็นได้

 

“ดีมาก” ลูโจวพูดชมเชยเมื่อเห็นสาวน้อยสามารถใช้พลังลมปราณได้สำเร็จ

 

พลังลมปราณก็คือพลังลมปราณ เมื่อธิดาสาวน้อยสามารถเปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าและเข้าสู่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้ แม้ว่านางจะมีพลังลมปราณเก็บสะสมไม่มากนัก แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะวางรากฐานอันสำคัญให้กับนางได้ฝึกฝนต่อ

 

ธิดาหอยสังข์ที่ฝึกใช้พลังมองไปทางสู่โจว นางได้ถามออกมาอย่างมั่นใจ “แบบนี้ถูกต้องแล้วสินะ?”

 

พลังงานที่เสียดสีกับอากาศได้ส่งเสียงขึ้นมาจากบนฝ่ามือขวาของธิดาหอยสังข์ พลังของธิดาหอยสังข์ได้รวมตัวกันจนดูคล้ายกับไข่ไก่อยู่บนเหนือศีรษะนางเอง

 

ลูโจวเบิกตามอง

 

การฝึกฝนร่างกายเป็นขั้นตอนที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดพลังลมปราณ ด้วยการฝึกฝนร่างกายจะทำให้จุดพลังลมปราณสามารถจุพลังลมปราณได้มากขึ้น

 

ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้จะเป็นขั้นที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธสามารถสัมผัสกับพลังลมปราณและสามารถชี้นำพลังที่ตัวเองมีได้

 

ขั้นสัมผัสแห่งการควบคุม จะเป็นขั้นที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธสามารถใช้พลังลมปราณได้ตามเจตจำนงของผู้ฝึก เมื่อเจตจำนงของผู้ฝึกแข็งแกร่งไปจนถึงระดับหนึ่ง คนคนนั้นก็จะสามารถหลอมรวมพลังลมปราณให้กลายเป็นพลังในการโจมตีได้ ยิ่งมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำมากเท่าไหร่ การใช้พลังก็จะเสถียรและมั่นคงกว่าเดิมเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับเจตจำนงของผู้ฝึกยุทธ

 

แต่กับสาวน้อยอย่างธิดาหอยสังข์ นางเข้าสู่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้โดยตรงโดยไม่ได้ผ่านการฝึกใด หนำซ้ำนางยังสามารถรวบรวมพลังลมปราณจนเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังงานได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ลูโจวที่เห็นแบบนั้นตกตะลึง

 

สาวน้อยที่เห็นท่าทางของลูโจวเปลี่ยนแปลงไปสับสน นางคิดว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอ “ข้าผิดไปแล้ว ข้าเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบไม่ได้”

 

สู่โจวได้แต่ใช้ความคิดอยู่ภายในใจ “สาวน้อยคนนี้กำลังคิดจะสร้างดาบพลังงานตั้งแต่แรกเริ่ม? มันดีแค่ไหนแล้วที่นางสามารถใช้พลังลมปราณของตัวเองควบแน่นมันจนเปลี่ยนกลายเป็นไข่ไก่ได้แบบนี้ ถ้าหากสาวน้อยคนนี้มีพรสวรรค์ถึงขั้นนี้ แล้วฉันจะไปสอนอะไรนางได้กัน?”

 

สู่โจวได้จ้องไปที่สาวน้อยก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง “ข้าจะยืนยันอีกครั้ง เจ้าเต็มใจที่จะฝึกฝนวรยุทธกับข้ารึเปล่า?”

 

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains
Score 4.0
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง My Disciples Are All Villains ลู่โจวตื่นขึ้นมาเพื่อเป็นผู้เฒ่าผู้ชั่วร้ายที่ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดในโลก และพบว่าเขามีสาวกเก้าคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ศิษย์คนโตของเขาเป็นผู้นำนิกาย Nether ที่มีลูกน้องนับพัน และศิษย์คนที่สองของเขาคือ Sword Devil มักจะเข่นฆ่าผู้อื่นด้วยความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย…หากไม่มีฐานการฝึกฝนของเขา เขาจะจัดการกับสาวกที่ชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร ศิษย์คนโตของเขา Yu Zhenghai เล่าว่า “ชีวิตข้าไม่เคยมีคู่แข่ง และไม่มีใครนอกจากอาจารย์ที่สามารถทำให้ข้าก้มหัวได้” ศิษย์คนที่เจ็ดของเขา Si Wuya กล่าวว่า “เราจะกินหรือนอนอย่างสงบสุขไม่ได้ตราบเท่าที่ อาจารย์ยังไม่ตาย!”…หยวนเอ๋อศิษย์ที่เก้าของเขากล่าวว่า “ฉันจะจำสิ่งที่อาจารย์พูดและเป็นคนดี”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset