NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 1277 ประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนเร้น

เมื่อนึกได้ว่าตนเองสามารถเปลี่ยนเป็นเทพอ้านได้ตลอดเวลา หลี่ฝางเองก็ทุกข์ใจอย่างมาก แถมตอนนี้เป้าหมายของเทพอ้านคือลูกของเขา ไม่ว่ายังไงหลี่ฝางก็ปล่อยเขาออกมาไม่ได้
เมื่อได้ยินประโยคของหลี่ฝาง ท่านผู้อาวุโสพิจารณาหลี่ฝาง ก่อนที่จะส่งสัญญาณมือให้กับหลี่ฝางและคนอื่นๆ “ไปเถอะ ฉันจะพาพวกแกไปดูอะไรบางอย่าง”
แม้จะไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่หลี่ฝางและคนอื่นๆ ก็ยังคงเดินตามขึ้นรถไป
ไม่นานท่านผู้อาวุโสก็พาพวกเขามาที่องค์กรใหญ่ของต้าเซี่ยหลงเช่ว การปรากฏตัวของหลี่ฝางทำให้ผู้คนต่างพิพากษ์พิจารณ์ กู่ยี่เทียนและคนอื่นๆ เมื่อได้ยินข่าวคราวของเขาจึงรีบตามมาทันที
“หลี่ฝาง! ไอ้บ้าแกยังรู้อีกหรือว่าต้องกลับมา! แกรู้ไหมว่าเราลำบากแค่ไหนในการตามหาตัวแก? !”
กู่ยี่เทียนไปอยู่ตรงหน้าของเขาคว้าเขาเข้ามากอด พร้อมตบหลังของหลี่ฝางอย่างแรงหลายที กล่าวอย่างตื่นเต้น
“แกนี่มันดวงแข็งเป็นบ้า ระเบิดใหญ่ขนาดนั้นก็ยังทำอะไรแกไม่ได้” หงส์แดงเสือขาว และคนอื่นๆ แม้จะพูดจาถากถาง แต่ในสายตาแอบแฝงไปด้วยความยินดี
หลังผ่านความตายมา เป็นอีกครั้งที่หลี่ฝางได้เห็นคุณค่าความสำคัญของพวกพ้อง แม้แต่สายตาที่มองเสือขาวหงส์แดงและคนอื่นๆ ก็ราบรื่นขึ้นเยอะ
“ฉันดวงดีแกก็รู้นี่” หลี่ฝางตบบ่าของกู่ยี่เทียน พร้อมหยอกล้อ
“เพ้อเจ้อ ดวงดีแล้วทำไมถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ล่ะ ใช่สิ เรื่องของเทพอ้านมันยังไงกัน? ทำไมเขาถึงได้อยู่ในร่างของแกได้?”
ระหว่างทางที่เดินทางมาที่องค์กรต้าเซี่ยหลงเช่ว หลี่ฝางได้เล่าเรื่องราวให้กับท่านผู้อาวุโสฟังอย่างละเอียดแล้ว
หลังจากนั้นท่านผู้อาวุโสติดต่อกู่ยี่เทียน ก็ได้อธิบายให้เขาฟังเช่นเดียวกัน และได้กำชับให้กู่ยี่เทียนไปที่ห้องลับเพื่อหยิบเอกสารบางอย่าง เพราะงั้นกู่ยี่เทียนถึงได้รู้เรื่องราวของหลี่ฝางบ้าง แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนนัก
“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนแรกคิดว่าตัดความจำที่เทพอ้านกลับชาติมาเกิดก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายก็เสร็จเขาจนได้ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะตอนนี้ต่อสู้กับอาซาโทส ได้ปล่อยจุดที่สกัดเอาไว้ ถึงได้ทำให้เทพอ้านมีโอกาส”
เมื่อนึกถึงร่างของเขายังมีอีกดวงจิตแฝงอยู่ หลี่ฝางเป็นกังวลอย่างมาก
“วางใจเถอะ เราจะหาทางขับไล่เทพอ้านที่น่ารังเกียจในร่างของแกไปให้พ้นเอง”
กู่ยี่เทียนจับแขนของหลี่ฝาง กล่าวด้วยน้ำใจเต็มเปี่ยม
“ยี่เทียน เอกสารที่ฉันให้แกหาเอามาด้วยไหม?” เมื่อเห็นทั้งสองลำลึกความหลังพอสมควรแล้ว ท่านผู้อาวุโสถึงได้กล่าวถามกู่ยี่เทียน
“นี่เอกสารของผู้อาวุโส” กู่ยี่เทียนไม่ตอบรับ แต่เป็นมังกรฟ้าที่อยู่ด้านหลังของเขายื่นซองเอกสารที่ดูเก่ามากฉบับหนึ่งให้กับของ
ท่านผู้อาวุโสไม่ได้รับซองเอกสารนั้นมาไว้ ทว่าส่งสัญญาณให้หลี่ฝางรับไป หลี่ฝางรับซองเอกสารนั้นมาไว้อย่างนึกสงสัย พลันมีความรู้สึกว่าของด้านในมีความเกี่ยวข้องกับเทพหมิงเทพอ้าน
ในขณะที่เปิดซองเอกสารออก รูปถ่ายขาวดำตกหล่นจากซอง หลี่ฝางก้มลงเก็บขึ้นมาไว้ ทว่าก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อเห็นภาพถ่ายนั้น
ภาพถ่ายนั้นเป็นถ่ายจิตรกรรมฝาผนังโบราณ บนฝาผนังมีอยู่สามคน คนที่อยู่ตรงกลางที่สูงใหญ่กว่าก็คือเทพไท่จี๋ที่หลี่ฝางได้พบเจอ และซ้ายขวามีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่
ชายหนุ่มสองคนสวมชุดสีขาวและสีดำ มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน และสิ่งที่ทำให้หลี่ฝางต้องตกตะลึง ชายหนุ่มทางซ้ายมือมีความคล้ายกับเขามาก
“ท่านผู้อาวุโส นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หลี่ฝางเก็บภาพถ่ายมาไว้ ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับเขาพร้อมกล่าวถาม
“เอกสารฉบับนี้เป็นความลับที่สูงสุดขององค์กรต้าเซี่ยหลงเช่ว นอกจากฉันและเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่ได้เห็น ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นอีกเลย ทีแรกเราคิดจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไป แต่ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันถึงไม่เปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้”
ท่านผู้อาวุโสจ้องมองภาพถ่ายขาวดำใบนั้น สายตาของเขาเกิดร่องรอยเล็กน้อย น้ำเสียงปนไปด้วยความอ่อนล้า
“ในประเทศจีนของเรา มีอยู่ที่หนึ่งที่ลึกลับกว่าซากปรักหักพัง สถานที่นั้นเราเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ เป็นแหล่งที่มาของยุทธภพ”
“ในประวัติศาสตร์ข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบมีน้อยมาก เหมือนว่ามีคนตั้งใจปิดบังข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แปดสิบปีก่อน ฉันกับเพื่อนนักโบราณคดีอีกหลายคนได้หลงเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบโดยบังเอิญ ภาพนี้ถ่ายจากที่นั่น”
“ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบได้จารึกข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาและการพัฒนาเกี่ยวกับนักรบมากมาย และได้บอกอีกว่าเหนือแดนเทพยังมีแดนที่สูงกว่านั้น เมื่อได้เป็นเทพแล้วจะไม่สามารถข้องเกี่ยวกับเรื่องราวของโลกมนุษย์ทุกอย่าง ไม่อย่างงั้นจะได้รับบทลงโทษจากสวรรค์”
“ในนั้นได้บันทึกเรื่องราวของเทพอ้านและเทพหมิงเอาไว้ด้วย อันที่จริงเรื่องราวที่จารึกในซากปรักหักพังมีความคลาดเคลื่อนไปจากประวัติศาสตร์ จะพูดให้ถูกคือจารึกเพียงแค่เรื่องราวการจากไปของเทพไท่จี๋ ตอนที่เทพไท่จี๋ยังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ของเทพอ้านเทพหมิงดีมาก ถึงขนาดแยกจากกันไม่ได้แม้แต่วันเดียว”
“หลังจากเทพไท่จี๋ดับสลาย เทพหมิงและเทพอ้านมีความเห็นต่างกันในเรื่องการปกครองโลกมนุษย์ เทพหมิงคิดว่าควรจะให้อิสระแก่โลกมนุษย์ จะสามารถฝึกยุทธได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ส่วนเทพอ้านหวังให้มนุษย์ทุกคนได้ฝึกยุทธ ได้เป็นนักรบทุกคน”
“เพราะงั้นถึงได้มีเรื่องราวที่จารึกไว้ในซากปรักหักพัง เรื่องที่เทพอ้านทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนยีนมนุษย์ แม้เทพอ้านจะมีเจตนาที่ดี แต่สิ่งที่เขาทำผิดกฎสวรรค์ เทพหมิงถึงจำเป็นต้องสังหารเขา”
ทุกคนเดินไปด้วยพร้อมกับฟังเรื่องราวที่อยู่ในเอกสาร หากไม่ใช่เพราะได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากของท่านผู้อาวุโสละก็ พวกเขาไม่มีทางเชื่อเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่
ยังไงซะเรื่องราวที่หลุดออกจากปากของท่านผู้อาวุโสนั้นแฟนตาซีอย่างมาก หากคนธรรมดามาได้ยินเข้า คงจะคิดว่ามีโรคประสาท
“ท่านผู้อาวุโส ตามหลักแล้วเรื่องราวเหล่านี้ต้องถูกจารึกถึงจะถูก แต่ทำไมวงการนักรบทั้งหมดในตอนนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องราวการมีอยู่ของเทพไท่จี๋และเทพหมิงเทพอ้านเลยล่ะ?”
เมื่อนึกได้ว่าตนเองสามารถเปลี่ยนเป็นเทพอ้านได้ตลอดเวลา หลี่ฝางเองก็ทุกข์ใจอย่างมาก แถมตอนนี้เป้าหมายของเทพอ้านคือลูกของเขา ไม่ว่ายังไงหลี่ฝางก็ปล่อยเขาออกมาไม่ได้
เมื่อได้ยินประโยคของหลี่ฝาง ท่านผู้อาวุโสพิจารณาหลี่ฝาง ก่อนที่จะส่งสัญญาณมือให้กับหลี่ฝางและคนอื่นๆ “ไปเถอะ ฉันจะพาพวกแกไปดูอะไรบางอย่าง”
แม้จะไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่หลี่ฝางและคนอื่นๆ ก็ยังคงเดินตามขึ้นรถไป
ไม่นานท่านผู้อาวุโสก็พาพวกเขามาที่องค์กรใหญ่ของต้าเซี่ยหลงเช่ว การปรากฏตัวของหลี่ฝางทำให้ผู้คนต่างพิพากษ์พิจารณ์ กู่ยี่เทียนและคนอื่นๆ เมื่อได้ยินข่าวคราวของเขาจึงรีบตามมาทันที
“หลี่ฝาง! ไอ้บ้าแกยังรู้อีกหรือว่าต้องกลับมา! แกรู้ไหมว่าเราลำบากแค่ไหนในการตามหาตัวแก? !”
กู่ยี่เทียนไปอยู่ตรงหน้าของเขาคว้าเขาเข้ามากอด พร้อมตบหลังของหลี่ฝางอย่างแรงหลายที กล่าวอย่างตื่นเต้น
“แกนี่มันดวงแข็งเป็นบ้า ระเบิดใหญ่ขนาดนั้นก็ยังทำอะไรแกไม่ได้” หงส์แดงเสือขาว และคนอื่นๆ แม้จะพูดจาถากถาง แต่ในสายตาแอบแฝงไปด้วยความยินดี
หลังผ่านความตายมา เป็นอีกครั้งที่หลี่ฝางได้เห็นคุณค่าความสำคัญของพวกพ้อง แม้แต่สายตาที่มองเสือขาวหงส์แดงและคนอื่นๆ ก็ราบรื่นขึ้นเยอะ
“ฉันดวงดีแกก็รู้นี่” หลี่ฝางตบบ่าของกู่ยี่เทียน พร้อมหยอกล้อ
“เพ้อเจ้อ ดวงดีแล้วทำไมถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ล่ะ ใช่สิ เรื่องของเทพอ้านมันยังไงกัน? ทำไมเขาถึงได้อยู่ในร่างของแกได้?”
ระหว่างทางที่เดินทางมาที่องค์กรต้าเซี่ยหลงเช่ว หลี่ฝางได้เล่าเรื่องราวให้กับท่านผู้อาวุโสฟังอย่างละเอียดแล้ว
หลังจากนั้นท่านผู้อาวุโสติดต่อกู่ยี่เทียน ก็ได้อธิบายให้เขาฟังเช่นเดียวกัน และได้กำชับให้กู่ยี่เทียนไปที่ห้องลับเพื่อหยิบเอกสารบางอย่าง เพราะงั้นกู่ยี่เทียนถึงได้รู้เรื่องราวของหลี่ฝางบ้าง แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนนัก
“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนแรกคิดว่าตัดความจำที่เทพอ้านกลับชาติมาเกิดก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายก็เสร็จเขาจนได้ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะตอนนี้ต่อสู้กับอาซาโทส ได้ปล่อยจุดที่สกัดเอาไว้ ถึงได้ทำให้เทพอ้านมีโอกาส”
เมื่อนึกถึงร่างของเขายังมีอีกดวงจิตแฝงอยู่ หลี่ฝางเป็นกังวลอย่างมาก
“วางใจเถอะ เราจะหาทางขับไล่เทพอ้านที่น่ารังเกียจในร่างของแกไปให้พ้นเอง”
กู่ยี่เทียนจับแขนของหลี่ฝาง กล่าวด้วยน้ำใจเต็มเปี่ยม
“ยี่เทียน เอกสารที่ฉันให้แกหาเอามาด้วยไหม?” เมื่อเห็นทั้งสองลำลึกความหลังพอสมควรแล้ว ท่านผู้อาวุโสถึงได้กล่าวถามกู่ยี่เทียน
“นี่เอกสารของผู้อาวุโส” กู่ยี่เทียนไม่ตอบรับ แต่เป็นมังกรฟ้าที่อยู่ด้านหลังของเขายื่นซองเอกสารที่ดูเก่ามากฉบับหนึ่งให้กับของ
ท่านผู้อาวุโสไม่ได้รับซองเอกสารนั้นมาไว้ ทว่าส่งสัญญาณให้หลี่ฝางรับไป หลี่ฝางรับซองเอกสารนั้นมาไว้อย่างนึกสงสัย พลันมีความรู้สึกว่าของด้านในมีความเกี่ยวข้องกับเทพหมิงเทพอ้าน
ในขณะที่เปิดซองเอกสารออก รูปถ่ายขาวดำตกหล่นจากซอง หลี่ฝางก้มลงเก็บขึ้นมาไว้ ทว่าก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อเห็นภาพถ่ายนั้น
ภาพถ่ายนั้นเป็นถ่ายจิตรกรรมฝาผนังโบราณ บนฝาผนังมีอยู่สามคน คนที่อยู่ตรงกลางที่สูงใหญ่กว่าก็คือเทพไท่จี๋ที่หลี่ฝางได้พบเจอ และซ้ายขวามีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่
ชายหนุ่มสองคนสวมชุดสีขาวและสีดำ มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน และสิ่งที่ทำให้หลี่ฝางต้องตกตะลึง ชายหนุ่มทางซ้ายมือมีความคล้ายกับเขามาก
“ท่านผู้อาวุโส นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หลี่ฝางเก็บภาพถ่ายมาไว้ ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับเขาพร้อมกล่าวถาม
“เอกสารฉบับนี้เป็นความลับที่สูงสุดขององค์กรต้าเซี่ยหลงเช่ว นอกจากฉันและเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่ได้เห็น ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นอีกเลย ทีแรกเราคิดจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไป แต่ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันถึงไม่เปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้”
ท่านผู้อาวุโสจ้องมองภาพถ่ายขาวดำใบนั้น สายตาของเขาเกิดร่องรอยเล็กน้อย น้ำเสียงปนไปด้วยความอ่อนล้า
“ในประเทศจีนของเรา มีอยู่ที่หนึ่งที่ลึกลับกว่าซากปรักหักพัง สถานที่นั้นเราเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ เป็นแหล่งที่มาของยุทธภพ”
“ในประวัติศาสตร์ข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบมีน้อยมาก เหมือนว่ามีคนตั้งใจปิดบังข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แปดสิบปีก่อน ฉันกับเพื่อนนักโบราณคดีอีกหลายคนได้หลงเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบโดยบังเอิญ ภาพนี้ถ่ายจากที่นั่น”
“ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบได้จารึกข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาและการพัฒนาเกี่ยวกับนักรบมากมาย และได้บอกอีกว่าเหนือแดนเทพยังมีแดนที่สูงกว่านั้น เมื่อได้เป็นเทพแล้วจะไม่สามารถข้องเกี่ยวกับเรื่องราวของโลกมนุษย์ทุกอย่าง ไม่อย่างงั้นจะได้รับบทลงโทษจากสวรรค์”
“ในนั้นได้บันทึกเรื่องราวของเทพอ้านและเทพหมิงเอาไว้ด้วย อันที่จริงเรื่องราวที่จารึกในซากปรักหักพังมีความคลาดเคลื่อนไปจากประวัติศาสตร์ จะพูดให้ถูกคือจารึกเพียงแค่เรื่องราวการจากไปของเทพไท่จี๋ ตอนที่เทพไท่จี๋ยังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ของเทพอ้านเทพหมิงดีมาก ถึงขนาดแยกจากกันไม่ได้แม้แต่วันเดียว”
“หลังจากเทพไท่จี๋ดับสลาย เทพหมิงและเทพอ้านมีความเห็นต่างกันในเรื่องการปกครองโลกมนุษย์ เทพหมิงคิดว่าควรจะให้อิสระแก่โลกมนุษย์ จะสามารถฝึกยุทธได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ส่วนเทพอ้านหวังให้มนุษย์ทุกคนได้ฝึกยุทธ ได้เป็นนักรบทุกคน”
“เพราะงั้นถึงได้มีเรื่องราวที่จารึกไว้ในซากปรักหักพัง เรื่องที่เทพอ้านทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนยีนมนุษย์ แม้เทพอ้านจะมีเจตนาที่ดี แต่สิ่งที่เขาทำผิดกฎสวรรค์ เทพหมิงถึงจำเป็นต้องสังหารเขา”
ทุกคนเดินไปด้วยพร้อมกับฟังเรื่องราวที่อยู่ในเอกสาร หากไม่ใช่เพราะได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากของท่านผู้อาวุโสละก็ พวกเขาไม่มีทางเชื่อเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่
ยังไงซะเรื่องราวที่หลุดออกจากปากของท่านผู้อาวุโสนั้นแฟนตาซีอย่างมาก หากคนธรรมดามาได้ยินเข้า คงจะคิดว่ามีโรคประสาท
“ท่านผู้อาวุโส ตามหลักแล้วเรื่องราวเหล่านี้ต้องถูกจารึกถึงจะถูก แต่ทำไมวงการนักรบทั้งหมดในตอนนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องราวการมีอยู่ของเทพไท่จี๋และเทพหมิงเทพอ้านเลยล่ะ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset