NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 144 หยกเขียวจักรพรรดิให้กันเหมือนของตลาดนัด?

บทที่ 144 หยกเขียวจักรพรรดิให้กันเหมือนของตลาดนัด?
สวีเถิงเฟย?!
ทุกคนล้วนอึ้งกันไปหมด คนนี้เป็นสวีเถิงเฟย ลูกมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของเมืองเอก พ่อของเขาสวีเจิ้งหรุงเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง
เมื่อสวีเถิงเฟยเดินเข้ามา กลุ่มของส้งเสียงก็กรูกันเข้ามา
ลูกมหาเศรษฐีแบบนี้ พวกเขาต้องตีสนิทสักหน่อย
แต่สวีเถิงเฟยก็เพียงตอบรับตามมารยาท จากนั้นก็จ้องมองไปที่ตัวของลู่หลุ่ย แล้วถามอีกครั้ง: “คนสวย ฉันขอดูจี้ที่อยู่บนคอของเธอหน่อยได้มั้ย?”
“หืม?” ลู่หลุ่ยไม่รู้จะยังไงดี ก็เลยมองไปที่หลี่ฝาง เห็นได้ชัดว่าจะให้หลี่ฝางตัดสินใจแทนเธอ
หลี่ฝางส่ายหัว มองไปที่สวีเถิงเฟยแล้วกล่าว: “ไม่ได้”
“หลี่ฝาง นายบ้าไปแล้วเหรอ? นายรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?” โจวเจ๋กัดฟันมองหลี่ฝาง
หลี่ฝางกล่าวอย่างไม่แยแส: “เขาเป็นใครแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันละ?”
โจวเจ๋อึ้งไปชั่วขณะ เขาเกือบจะลืมไปแล้ว หลี่ฝางคนนี้ ขึ้นชื่อเรื่องดื้อรั้น เขาเคยไว้หน้าใครที่ไหนกันละ?
สองสามวันก่อนได้ยินมาว่า หลี่ฝางยังได้ทำร้ายมู่เสี่ยวไป๋ คิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ โจวเจ๋ก็รู้สึกว่า หลี่ฝางปฏิเสธสวีเถิงเฟย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างใจเย็น: “นายเป็นแฟนของเธอเหรอ?”
หลี่ฝางพยักหน้า: “ใช่”
“ฉันขอดูแค่แวบเดียวเอง สีหน้าของสวีเถิงเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย: “ทำไม่ขี้เหนียวจัง?”
“หลี่ฝาง นายก็ให้คุณชายสวีดูหน่อยเถอะ มองดูแค่แวบเดียวมันไม่สึกหรอหรอก” ส้งเสียงเดินมาข้างหน้า พูดเกลี้ยกล่อม
“คุณปู่ของคุณชายสวีเป็นนักสะสมของเก่าที่มีชื่อเสียงของเมืองเอก คุณชายสวีติดตามท่านปู่สวีมาตั้งแต่เด็ก ก็ต้องมีความรู้อยู่บ้าง ในเมื่อคุณชายสวีอยากดูจี้ของแฟนนาย ไม่แน่จี้นี้อาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าก็ได้นะ” ส้งเสียงกล่าว
เมื่อส้งเสียงพูดจบ โจวเจ๋ก็ได้พูดเสริมขึ้นอีกประโยค
หลี่ฝางคิดในใจ: จี้นี้เป็นสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว ยังต้องให้คนอื่นมายืนยันอีกเหรอ? นี่มันเป็นของที่ซูเปอร์สตาร์ที่หลี่อะไรสักอย่างมอบให้พ่อของเขา พ่อของตัวเองได้มอบมันให้กับลู่หลุ่ย จะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน
หลี่ฝางเดินไปตรงหน้าลู่หลุ่ย แล้วตบที่บ่าของเขา: “เราไปดูทางโน้นกันเถอะ”
สวีเถิงเฟยขมวดคิ้ว โมโหอย่างอดไม่ได้: “ต่อให้นายเป็นแฟนของเธอ นายก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเธอมั้ง?”
สวีเถิงเฟยรีบเดินไปข้างหน้า ไปขวางทางของลู่หลุ่ยกับหลี่ฝางไว้ ยิ้มให้กับลู่หลุ่ยอย่างสุภาพ สวัสดี ฉันชื่อสวีเถิงเฟย คุณปู่ของฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญและชื่นชอบของเก่าของเมืองเอกแห่งนี้ ฉันติดตามปู่มาหลายปี ก็พอมีความรู้และชื่นชมหยกโบราณเป็นอยู่บ้าง สามารถให้ฉันชื่นชมจี้บนคอของเธอหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ขอโทษด้วยนะคะ การตัดสินใจของเขา ก็ได้แทนการตัดสินใจของฉันแล้ว” ลู่หลุ่ยกล่าวอย่างยิ้มๆ มองไปที่หลี่ฝาง
สีหน้าของสวีเถิงเฟยมืดมนลงทันที จ้องมองคอของลู่หลุ่ยโดยไม่ขยับ
“มองอะไรละ? อันธพาลเหรอ?!” หลี่ฝางใช้มือปิดหน้าอกของลู่หลุ่ยเอาไว้ จ้องมองสวีเถิงเฟยอย่างดุดัน
สวีเถิงเฟยหน้าแดงทันที แล้วกล่าว: “ขอโทษด้วย สิ่งที่ฉันดูคือจี้ คุณอย่าเข้าใจผิด”
“หลีกไป!” หลี่ฝางกล่าวอย่างเย็นชา
สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝาง ตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่มีใครกล้าพูดกับตัวเองแบบนี้ นายคนนี้เป็นใคร?
“ฉันบอกให้นายหลีกไป นายหูหนวกหรือไง?” หลี่ฝางกล่าวขึ้นอีกครั้ง
สวีเถิงเฟยลังเลไปสักพัก ก็หลีกทาง
สวีเถิงเฟยคิดว่า จี้นี้หลี่ฝางต้องเป็นคนให้เธออย่างแน่นอน และหยกเขียวจักรพรรดิที่ดูดีขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องหลายสิบล้าน สามารถที่จะมอบจี้หลายสิบล้านให้คนอื่น จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
ดังนั้น สวีเถิงเฟยไม่อยากที่จะล่วงเกินนายคนนี้
“เขาชื่ออะไรนะ?” หลังจากที่หลี่ฝางจากไป สวีเถิงเฟยก็กลับมาถาม
“เขาชื่อหลี่ฝาง”
หลี่ฝาง? สวีเถิงเฟยขมวดคิ้วเข้าหากัน คิดไปสักพัก จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น: “หรือว่าเขาจะเป็นหลานของคุณท่านหลี่เจียเฉิน?”
“คุณชายสวี คุณเข้าใจผิดแล้ว เขาก็เป็นแค่คนนอกคอกคนหนึ่งเท่านั้น” ส้งเสียงกับโจวเจ๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“คนนอกคอกเหรอ?” คนนอกคอกทำไมถึงมาที่นี่ได้ละ?” สวีเถิงเฟยอดไม่ได้ที่จะถาม
“ผมเป็นคนพาเขามาเอง พาเขามาเปิดหูเปิดตาหน่อย” โจวเจ๋พูดจบ ก็นึกถึงเรื่องที่หลี่ฝางล่วงเกินสวีเถิงเฟยเมื่อกี้ เขากลัวว่าสวีเถิงเฟยจะโกรธเขาไปด้วย ก็รีบพูดเสริมขึ้น: “คุณชายสวี แต่ผมกับเขานั้นไม่สนิทกัน”
สวีเถิงเฟยหัวเราะ คิดในใจ: เย็ดแม่โกหกผีเหรอวะ พวกนายไม่สนิทกัน แล้วจะพาเขามาที่รีสอร์ตเหรอ?
“ใช่แล้ว คุณชายสวี ทำไมคุณถึงได้สนใจจี้ที่อยู่บนคอของผู้หญิงคนนั้นละ ผู้หญิงคนนั้นถึงแม้หน้าตาจะดี แต่ดูจากการแต่งตัวก็สามารถดูออกว่า เธอเป็นสาวชาวบ้านจนๆ คนหนึ่ง โดยเฉพาะชุดกีฬาที่เธอใส่ ยังเป็นอดิดาสของก็อปอีกต่างหาก ฉันจะหัวเราะตายแล้ว”
“ใช่ เสื้อผ้าของเธอตลกมากเลย adidas พิมพ์เป็น abibas” จางเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลังจากที่โจวเจ๋เห็น ก็จ้องมองเธออย่างตาขวาง หัวเราะน่ะได้ แต่ไม่ต้องหัวเราะจนตัวงอขนาดนี้มั้ง?
สวีเถิงเฟยไม่ได้สนใจเสื้อกีฬาบนตัวเธอ จะใช่ของก็อปหรือไม่ เขาก็ไม่ได้สนใจ เขาเพียงแต่รู้สึกว่าจี้บนคอของลู่หลุ่ยนั้น คล้ายหยกเขียวจักรพรรดิ
สวีเถิงเฟยยิ้มเจื่อนๆ : “หรือเป็นเพราะฉันดูผิดไปมั้ง”
“ฉันยังนึกว่าจี้หยกของผู้หญิงคนนั้นเป็นหยกเขียวจักรพรรดิอีก” สวีเถิงเฟยส่ายหัว ถอนหายใจกล่าว
“คุณชายสวี คุณต้องดูผิดอย่างแน่นอน บ้านของผู้หญิงคนนั้นอยู่บนเขา จะใส่หยกเขียวจักรพรรดิได้ยังไง?” โจวเจ๋กล่าว
วันนี้โจวเจ๋ได้ไปบ้านของลู่หลุ่ยด้วยตัวเองมาแล้ว เขาเห็นฐานะทางบ้านของลู่หลุ่ยเป็นยังไง ผู้หญิงที่มีฐานะทางบ้านแบบนั้น จะใส่จี้หยกเขียวจักรพรรดิได้อย่างไร
แค่หยกเขียวจักรพรรดิธรรมดาราคาก็ไม่ถูกเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น สามารถเข้าตาของสวีเถิงเฟยได้ มันต้องไม่ใช่หยกเขียวจักรพรรดิธรรมดาแล้ว ต้องเป็นหยกเขียวจักรพรรดิอย่างดีแน่เลย!
สวีเถิงเฟยได้มองไปทางลู่หลุ่ยอีกครั้ง เขายังไม่ตายใจ
แม้ว่าพ่อของสวีเถิงเฟยจะเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจ แต่ตัวเขาตั้งแต่เด็กก็ไม่ชอบเรื่องการค้า กลับชอบศึกษาวัตถุโบราณ เครื่องหยก เหมือนกับคุณปู่ ในหลายๆ กรณี ระดับความสามารถในการประเมินหินหยกของเขา ถึงขั้นเหนือกว่าคุณปู่ของตัวเอง
ดังนั้น สวีเถิงเฟยไม่เชื่อว่าตัวเองจะดูผิดไป
หลี่ฝางจูงมือของลู่หลุ่ย มาถึงยังสถานที่ที่ไม่มีคน นั่งไปสักพัก
ลู่หลุ่ยก็ได้แกะจี้บนคอของตัวเองลงมา: “หลี่ฝาง จี้นี้ราคาแพงมากใช่มั้ย?”
เวลานี้ ลู่หลุ่ยเริ่มสงสัยเล็กน้อย เขาคิดว่าจี้นี้ต้องไม่ใช่ของตามตลาดนัดอย่างแน่นอน
ลู่หลุ่ยคิดในใจ บ้านของหลี่ฝางรวยขนาดนั้น แล้วพ่อของหลี่ฝาง จะมอบของตามตลาดนัดให้เธอได้อย่างไร?
บวกกับเรื่องเมื่อกี้ ทำให้ลู่หลุ่ยมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิด จี้หยกบนคอ ราคาต้องแพงมากใช่หรือเปล่า
“ฉันก็ไม่รู้ แต่พ่อฉันพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเป็นของตามตลาดนัด ก็ซื้อมาในราคาไม่กี่สิบหยวน” หลี่ฝางกล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ถ้าหากแค่ไม่กี่สิบหยวน แล้วนายตื่นเต้นทำไมกัน? แค่ให้คนอื่นเขาดูหน่อยก็ไม่ได้” ลู่หลุ่ยจี้ถาม
“เธอโง่หรือเปล่า นี่มันของตลาดนัดราคาแค่ไม่กี่สิบหยวน หากถูกพวกเขารู้เข้า มันจะขายหน้ามากแค่ไหน หลี่ฝางกลอกตาใส่ลู่หลุ่ย แล้วกล่าว ชุดกีฬาที่เธอใส่อยู่ ตัวอักษรผิด นี่มันก็น่าอายพอแล้วนะ หากเรื่องจี้ถูกรู้เข้าอีก มันก็จะยิ่งไปกันใหญ่”
ลู่หลุ่ยหน้าแดงทันที เรื่องเมื่อกี้ ก็น่าขายหน้าอยู่ไม่น้อย
“หากรู้แต่แรกก็คงไม่มาแล้ว” ลู่หลุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่ดี: “ที่ตรงนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ฉันควรจะมา ตรงนี้ล้วนแต่เป็นคนรวย ไม่มีทางเห็นคนจนอย่างฉันอยู่ในสายตา”
“จนแล้วทำไม? เราไม่ได้ไปปล้นขโมยใครเขาสักหน่อย เราก็ไม่ได้กินของพวกเขา ใช้ของพวกเขา พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกพวกเรา? พวกเขาดูถูกพวกเรา แสดงว่าตัวของพวกเขานั้นมีปัญหา” หลี่ฝางกล่าว
“เอาไว้วันหลัง ฉันจะพาเธอไปห้าง ไปซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมสักสองสามชุด” นิ่งไปสักพัก หลี่ฝางก็กล่าวขึ้น
“ไม่เอา ฉันติดค้างนายมากไปแล้ว อีกอย่างเสื้อผ้าแบรนด์เนม ฉันก็ใส่ไม่สบาย ฉันมันก็แค่คนที่ใช้แรงงานคนหนึ่ง” ลู่หลุ่ยหัวเราะเยาะตัวเอง
“หลี่ฝาง เราไปกินอะไรหน่อยดีกว่า”
ลู่หลุ่ยราวกับว่าได้ค้นพบเขตแดนใหม่ ชี้ไปพื้นที่ที่ตั้งขนมหวานต่างๆ เอาไว้: “ตรงนี้มีขนมเค้กหลายอย่าง ดูแล้วน่าอร่อยจัง”
“ไป”
หลี่ฝางพยักหน้า จูงมือของลู่หลุ่ย ลุกขึ้นเดินไปที่พื้นที่ที่ตั้งวางขนมเค้กต่างๆ
หลี่ฝางกับลู่หลุ่ยเพิ่งลุกเดินไป สวีเถิงเฟยที่แอบอยู่ข้างเสาได้เดินออกมา เขาขมวดคิ้วอย่างแน่น ครั้งนี้ เขาเห็นอย่างชัดเจน จี้หยกที่อยู่ในมือลู่หลุ่ย ร้อยละเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เป็นหยกเขียวจักรพรรดิ
ตัวเองไม่ได้ดูผิดไป เพียงแต่………
ใครนะที่นำหยกเขียวจักรพรรดิมอบให้กันเหมือนกับเป็นของตลาดนัด?
นี่มันคือหยกเขียวจักรพรรดิเลยนะ!
สวีเถิงเฟยคิดในใจ หากพ่อของตัวเองเห็นเข้า ต้องเห็นมันเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่มีทางให้คนอื่นอย่างแน่นอน
แต่พ่อของหลี่ฝาง กลับมอบให้เหมือนเป็นของตลาดนัด?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset