NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 365 หลี่ฝางรู้สึกสับสน

บทที่ 365 หลี่ฝางรู้สึกสับสน
ครึ่งชั่วโมง ลุงเฉียนก็ขับรถมาถึงบ้านตระกูลเฉียน
“เห้อ สามปีแล้ว”
ยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของบ้านตระกูลเฉียน แต่ละก้าวของลุงเฉียน นั้นลังเลอยู่นานมากๆ
สามปีที่แล้ว เขาโมโหแล้วออกจากบ้านไป บอกว่าจากนี้จะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่วันนี้เพื่อหลี่ฝาง เขาต้องกลับคำสาบานของตนเอง
พอดีที่ ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนของตระกูลเฉียนเดินออกมาพอดี
เขาคือพ่อของเฉียนเฟิง เมื่อเห็นลุงเฉียน สีหน้าเขาก็ชะงักไปเลย เหมือนกับยืนโง่
“ลุงสอง?” พ่อของเฉียนเฟิงมองลุงเฉียน แล้วก็ขยี้ตาตัวเอง นึกว่าตัวเองตาฝาดไป
เมื่อเขาเข้าใกล้ เขาจึงรู้ ว่าตนไม่ได้มองผิดไป
นี่คือลุงสองของเขา คุณท่านรองเฉียนในปีนั้น
“พ่อ ลุงสองกลับมาแล้ว” เมื่อเห็นลุงเฉียน พ่อของเฉียนเฟิงก็รู้สึกตื่นเต้น แล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน ไปเรียกพอของตนออกมา
“น้องสอง” หัวหน้าตระกูลเฉียนเฉียนโตโตเมื่อเห็นลุงเฉียน ริมฝีปากก็สั่นเล็กน้อย
ในตอนนั้นเพราะความเห็นไม่ตรงกัน หลังจากลุงเฉียนจึงโมโหแล้วออกจากบ้านไป ตระกูลเฉียนก็แย่ลงทุกวัน
คนในตระกูลเฉียน ล้วนแต่อยากให้ลุงเฉียนกลับบ้าน
และในวันนี้ ในที่สุดก็กลับมา
“พี่ใหญ่ ฉันมาที่นี่เพราะเสี่ยวเฟิง” ลุงเฉียนเดินเข้าไป แล้วตบไปที่บ่าของพี่ใหญ่ และพูด: “ไปเถอะ พวกเราไปคุยกันหน่อย”
……
หลี่ฝางในตอนนี้ ถูกหูเฟยพามายังห้องเล็กๆ ห้องนึง: “หลี่ฝาง ไม่กี่วันก่อนภรรยาของฉันไปเป็นแขกที่บ้านพักตากอากาศของนาย ถูกนายตบหน้าอย่างแรง ใช่มั้ย?”
หูเฟยพูด พลางส่งลำแสงพิฆาตออกมาทางสายตา
ต่อมา หูเฟยก็ยกมือขึ้น แล้วตบไปที่หน้าของหลี่ฝางอย่างจัง
ไม่พูดก็ไม่ได้ ครั้งนี้ หูเฟยตบแรงมากจริงๆ
จนปากของหลี่ฝาง มีเลือดไหล
หลี่ฝางกัดฟัน แล้วมองหูเฟยอย่างโมโห: “นี่นาย ใช่อำนาจหน้าที่ล้างแค้นส่วนตัวนี่”
หูเฟยเหลือบมองหลี่ฝาง: “นายลืมไปแล้วเหรอว่านายทำอะไรลงไปบ้าง ยังต้องให้ฉันย้ำนายมั้ย?”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่ ไหนนายลองย้ำให้ฉันฟังสิ?” หลี่ฝางไม่กลัวหูเฟยเลยสักนิด
“ฉันถามนาย เอาปืนมาจากไหน?” หูเฟยมองหลี่ฝางอย่างเข้มงวด และถามขึ้น
“ปืน ปืนอะไร? ปืนของเล่นหรือว่าปืนฉีดน้ำ ขอโทษด้วยนะ บนตัวฉันไม่มีอะไรเลย นายก็ให้คนมาค้นตัวฉันแล้วนี่?” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะเหอะๆ
“นายคิดว่านายทิ้งปืนไปแล้ว เรื่องจะจบงั้นเหรอ?”
“บนร่างของเฉียนเฟิงมีกระสุนอยู่” หูเฟยมองหลี่ฝาง แล้วพูดอย่างเย็นชา: “ยังไงนายก็หนีไม่รอด”
หลี่ฝางหัวเราะเหอๆ และไม่ได้สนใจ
หลี่ฝางเชื่อใจส้าวส้วย ส้าวส้วยบอกว่าตนจะไม่เป็นไร งั้นตน จะต้องไม่เป็นไรแน่ๆ
แล้วก็ ในตอนนั้นซือถูเฟยก็คิดแบบนั้น
ถึงแม้ตอนนี้หลี่ฝางจะไม่รู้ว่าทำไม……
“ทำไมนายต้องยิงเฉียนเฟิง? หรือว่าเพราะเฉียนเฟิงแย่งแฟนของนายไป?” หูเฟยพูดต่อ
“หูเฟย นายล้อเล่นอะไรเหนี่ย? เมื่อกี้ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันไม่มีปืน นายอย่ามาปรักปรำฉันสิ แล้วเรื่องที่สอง อย่างเฉียนเฟิง เขาแย่งแฟนฉันได้ด้วยเหรอ? เขามีความสามารถนี้ด้วยเหรอ?”
“จะให้พูด คุณชายที่มีเงินหลายแสนล้านอย่างฉัน แฟนเยอะอย่างกับขนวัว เฉียนเฟิงแย่งแฟนฉันคนไหนไปเหรอ? บอกฉันหน่อยได้มั้ย? เป็นฮวนฮวน หยวนหยวน หรือว่าฟางฟาง? หรือว่าสวีจื่อเม่ย??” หลี่ฝางทำหน้าเย็นชาพูดพลางยิ้ม
“นายพูดอีกทีสิ?”
“อย่าใจร้อน ฉันมีแฟนชื่อสวีจื่อเม่ย แต่ไม่ใช่ภรรยานาย ก็แค่ชื่อซ้ำกันเฉยๆ เท่านั้น”
“หูเฟย ฉันว่าที่นายกล่าวหาฉันเหนี่ย เพราะว่าฉันตบภรรยานายใช่มั้ย?” หลี่ฝางถาม
“แน่นอนว่าไม่ใช่ พวกเราได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลจึงออกปฏิบัติงาน อีกอย่าง ในมือของพวกเรา มีข้อมูลมากพอ”
เมื่อหูเฟยพูดจบ ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู และเสียงเคาะประตูก็ดังมากด้วย
หูเฟยเดินไปเปิดประตู หลี่ฝางก็เห็นผู้หญิงที่ชื่อว่าเย่นจื่อ ด้านหลังของเธอมีส้าวส้วยกับชายวัยกลางคนที่สวมแว่นอยู่คนนึง
“ผู้บัญชาการหู ปล่อยคนเถอะ” เย่นจื่อพูดกับหูเฟย
“ปล่อยคน? เธอล้อเล่นอะไรเหนี่ย ไอ้หมอนี่มันยิงคนนะ จะปล่อยมันไปได้ยังไง” หูเฟยมองเย่นจื่อ แล้วตำหนิอย่างรุนแรง
สีหน้าของเย่นจื่อดูลำบากใจเล็กน้อย เธอกดเสียงให้เบาแล้วพูด: “แต่โจทก์ถอนฟ้องแล้วนะคะ”
“เฉียนเฟิงถอนฟ้องแล้ว?”
หลังจากที่หูเฟยได้ยิน ก็มองหลี่ฝาง: “ไม่เลวนี่ จริงตามที่เขาว่าไว้ มีเงินจะทำอะไรก็ได้ เห็นทีแบบนี้ พวกนายคงซื้อตระกูลเฉียนหมดแล้วสินะ ยอมใจ”
หูเฟยมองเย่นจื่อแล้วถามขึ้น: “เฉียนเฟิงล่ะ”
ในขณะนั้น เย่นจื่อก็พูดขึ้นอย่างช้าๆ : “ผู้บัญชาการหู เฉียนเฟิงย้ายโรงพยาบาลแล้วค่ะ พวกเราหาเขาไม่เจอแล้วค่ะ”
“อะไรนะ? มีตำรวจคอยเฝ้าเขาไว้ไม่ใช่เหรอ?”
“เฝ้าอยู่ค่ะ แต่ว่าเขาถูกพาออกไปทางหน้าต่างค่ะ” เย่นจื่อขมวดคิ้ว: “พวกเขาประมาทไปแล้ว” รอยยิ้มบนหน้าของส้าวส้วยกว้างขึ้น
“งั้นลูกกระสุนที่โรงพยาบาลผ่าออกมาล่ะ?” หูเฟยหน้าซีด
“ทางโรงพยาบาลบอกว่า ไม่เคยรับเคสของเฉียนเฟิงค่ะ ไม่ต้องพูดถึงกระสุนที่นำออกจากร่างของเฉียนเฟิงเลยค่ะ” สีหน้าของเย่นจื่อดูลำบากใจเข้าไปทุกที
“ไร้สาระน่า เป็นพวกเขาที่แจ้งความมา บอกว่ามีคนถูกยิง”
“ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ทางโรงพยาบาลอธิบายว่า ที่โทรแจ้งความเมื่อครู่ เป็นแค่เด็กฝึกงาน สติก็ไม่ค่อยจะดี เพราะงั้นที่เขาโทรมาแจ้งความ ไม่น่าเชื่อถือค่ะ”
“แล้วก็ กล้องวงจรปิดในตอนนั้นก็ซ่อมอยู่ ตอนนี้ในมือเรา ไม่เหลือหลักฐานอะไรเลย” เย่นจื่อส่งสายตาให้หูเฟย แล้วพูด: “ปล่อยคนเถอะ ผู้บัญชาการหู”
พอหูเฟยได้ยินดังนั้น สีหน้าก็กลายเป็นซีดเผือด
“ทำงานดีนี่ สมบูรณ์แบบมากๆ ไม่มีช่องโหว่เลย”
หูเฟยมองส้าวส้วย: “นายทำเหรอ?”
“ฉันทำอะไร? คุณตำรวจ หลักธงหลักฐานอะไรก็ไม่มี คุณจะกล่าวหาคนบริสุทธิ์มั่วๆ ไม่ได้นะ พวกคุณทำงาน ยึดหลักฐานเป็นหลักไม่ใช่เหรอ? นี่ไม่มีหลักฐาน นี่มันใส่ความกันนี่” ส้าวส้วยพูด
“ไม่ใช่ใส่ความ เป็นใส่ร้าย คุณส้าว คุณมีสิทธิ์จะฟ้องเขาได้ครับ” ทนายคนนั้นเอ่ยปากพูด
“ผมว่านะคุณตำรวจ คุณรีบปล่อยคนเถอะ”
“ทนายใช่มั้ย? พวกเรามีสิทธิ์กักขังผู้ต้องสงสัยเป็นเวลาสิบแปดชั่วโมง เรื่องนี้นายน่าจะรู้นะ?” หูเฟยดูเหมือนจะดิ้นรนสุดชีวิต
“เรื่องนี้แน่นอนว่าผมต้องรู้อยู่แล้ว แต่ว่าฐานะของคุณชายหลี่นั้นพิเศษ อีกอย่างคุณพ่อท่าน กำลังเตรียมทุ่มทุนจำนวนหมื่นล้านให้กับเมืองเอกนะ เพื่อสร้างและพัฒนาเมืองเอก เขายังสัญญาว่าจะสร้างบ้านพักคนชรา สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โรงเรียน……”
หูเฟยกลืนน้ำลาย เขาเริ่มกลัวแล้ว
ถ้าหากขังหลี่ฝางไว้จริงๆ งั้นเขาคงต้องเผชิญกับคำประณามและแรงกดดันทุกรูปแบบเลย
ผ่านไปสักพัก หูเฟยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และพูดอย่างไม่เต็มใจ: “หลี่ฝาง นายชนะแล้ว”
ในตอนนี้ ทนายวัยกลางคนมองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างลนลาน: “คุณชายหลี่ ที่ปากท่าน ทำไมถึงมีเลือดล่ะ?”
“หรือว่าท่านถูกใช้ศาลเตี้ย?”
หลี่ฝางพยักหน้า ไม่ได้ปิดบัง แล้วชี้ไปทางหูเฟยและพูด: “ใช่แล้ว เขาตบฉัน”
“นี่ถือว่าเป็นการบังคับให้สารภาพมั้ย? ฉันไม่ค่อยเข้าใจกฎหมาย ถ้าหากใช่ ก็ฟ้องเขาหน่อยนะ” หลี่ฝางยกยิ้มอย่างเยือกเย็น พลางพูด
“แน่นอนว่า หากนายกล้าจะขอโทษฉัน ฉันก็ใจกว้าง ไม่ฟ้องก็ได้” ครู่นึง หลี่ฝางก็มองหูเฟยและพูดขึ้น
ที่หลี่ฝางยอม นั่นก็เพราะว่าหลี่ฝางคิดว่า หูเฟยยังเป็นคนดีคนนึง
ที่เขาตบตนครั้งนี้ เป็นเพราะแค้นที่ไปตบภรรยาเขาแค่นั้น
เมื่อเทียบกับตนที่ยิงเฉียนเฟิงไปสองนัด นั้นเบากว่าเยอะ
หูเฟยหน้าซีด นานแล้วก็ไม่ได้พูดขอโทษ
“คุณชายหลี่ วางใจได้ครับ ผมจะไม่ให้ท่านถูกตบฟรีๆ แน่” ทนายวัยกลางคนพูดขึ้น
หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ช่างเถอะ เขาก็ไม่ง่ายเลย”
ที่จริงแล้วตอนที่หลี่ฝางเจอหูเฟย คิดว่าตนจะต้องถูกบีบเค้นให้สารภาพแน่ๆ ใครจะรู้ เขาแค่ตบหน้าไปครั้งเดียวแค่นั้น
หูเฟยมองหลี่ฝางอย่างแปลกใจ: “ทำไมนายถึงปล่อยฉันไป?”
“เพราะว่าฉันรู้สึก ว่านายยังเป็นคนดีอยู่” สองมือของหลี่ฝางตบไปที่บ่าของหูเฟย: “ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ฉันก็ไม่ทำร้ายคนดีหรอกนะ”
“ถอดกุญแจมือให้ฉันเถอะ?” หลี่ฝางยกมือสองข้างขึ้นต่อหน้าหูเฟย
หูเฟยมองหลี่ฝางอยู่นาน: “นายไม่ใช่คนดี นายทำผิดกฎหมาย”
“หลักฐานล่ะ?” คำพูดของหลี่ฝาง ทำเอาหูเฟยพูดไม่ออก
หูเฟยส่ายหน้า และล้วงกุญแจขึ้นมาอย่างเอือมๆ จากนั้นก็ถอดกุญแจมือให้หลี่ฝาง
หลี่ฝางออกมาจากห้องสอบปากคำ ก็พบหลินชิงชิง
“พี่ฉิงฉิง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรพี่ใช่มั้ย?” หลี่ฝางรีบพูดขึ้น
“เปล่า” หลินชิงชิงส่ายหน้า แล้วใช้มือเช็ดเลือดที่ปากของหลี่ฝาง: “นายต่างหาก เหมือนจะโดนต่อยมานะ”
หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร จับมือหลินชิงชิง แล้วเดินออกไป
จากนั้นก็ขึ้นรถเบนซ์G-Classของตน หลี่ฝางมองไปที่ปืนที่อยู่บนรถ แล้วพูดกับส้าวส้วย: “นายนี่กล้าจริงๆ ไม่รู้จักเก็บๆ หน่อย?”
ส้าวส้วยจึงเก็บปืนไป
“เจ้านาย พวกเราจะไปดื่มเหล้าหรือว่า?” ส้าวส้วยถามหลี่ฝาง
“ไปโรงพยาบาลเถอะ ไปดูว่าลู่หลุ่ยอาการเป็นไงบ้าง แล้วก็ ถือโอกาสไปอธิบาย” หลี่ฝางหัวเราะอย่างไม่เต็มใจ: “ถึงแม้จะเลิกกัน ก็จะเลิกกันแบบค้างคาไม่ได้”
หลี่ฝางพูดถึงตรงนี้ ก็มองไปที่หลินชิงชิง
หลี่ฝางคิดว่า ถ้าหากเลิกกับลู่หลุ่ยจริงๆ ควรจะคบกับใครดี

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset