NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 631 จับฉินเสี่ยวหู่

ด้านในรถMaserati ฉินวี่เฟยเดินออกมาอย่างกลัวจนใจเต้นรัว
“ขอบคุณนะ หลี่ฝาง” ฉินวี่เฟยพูดอย่างรู้สึกขอบคุณ
วินาทีเมื่อครู่นี้ วัดได้ถึงความเป็นความตายเลย แต่หลี่ฝางก็ยังเข้ามาโอบฉินวี่เฟยไว้
ฉากนี้ ทำไมฉินวี่เฟยจะไม่รู้สึกขอบคุณล่ะ?
วินาทีนี้ ฉินวี่เฟยรู้สึกว่าเกิดมาคุ้มค่าแล้ว ผู้ชายในดวงใจของตน กล้าตายเพื่อตน ชีวิตนี้ ยังจะต้องการอะไรอีก?
“หรือว่าเธอลืมไปแล้วเหรอ? เธอเคยช่วยรับมีดแทนฉันนะ” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะ
“นั่นมันไม่เหมือนกัน ในตอนนั้นฉันทำเพื่อผลประโยชน์” ฉินวี่เฟยพูด
หลี่ฝางยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
ที่จริงแล้วไอ้เด็กเมื่อกี้นี้ ไม่ได้ต้องการจะชนฉินวี่เฟยให้ตาย ถ้าไม่อย่างนั้น เขาต้องเหยียบคันเร่งจนมิดไปแล้ว
“อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหาเธอนะ” หลี่ฝางมองฉินวี่เฟยพลางพูด
ฉินวี่เฟยขมวดคิ้วจนเกิดรอยย่น: “เป็นฉินเสี่ยวหู่ วันนี้เขาเตือนฉัน บอกว่าตอนฉันขับรถ ให้ระวังตัวไว้ ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ามากขนาดนี้”
“ก่อนที่จะลงมือกับฉัน ยังมาเตือนฉัน” ฉินวี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เขาจงใจ เป้าหมายของเขาคือต้องการบอกเธอ ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขา แต่เธอก็ไม่มีหลักฐาน”
“เขาให้เธอถอยตัวไป ถอยจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วพูด: “เห็นที่ฉินเสี่ยวหู่คนนี้ จำเป็นต้องกำจัดทิ้งซะแล้ว สิ่งที่เขาทำ นับวันยิ่งเกินไป”
ที่จริงแล้วหลี่ฝางอยากให้ฉินวี่เฟยยกตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทให้กับคุณพ่อของเธอ แต่คิดไปคิดมา ที่จริงแล้วก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าหากฉินวี่เฟยยกตำแหน่งให้คุณพ่อของเธอ เป้าหมายของไอ้ฉินเสี่ยวหู่นั้นก็จะเบนไปหาเขาแทนเท่านั้น
มันไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
หลี่ฝางพูด: “ฉันมีวิธีจัดการฉินเสี่ยวหู่”
ดวงตาสองข้างของฉินวี่เฟยมองไปที่หลี่ฝาง: “วิธีอะไร?”
“แผนซ้อนแผน ไป พวกเรากลับไปที่โรงพยาบาลกันเถอะ จากนั้นทำท่าว่าเธอได้รับบาดเจ็บหนัก” หลี่ฝางจับแขนของฉินวี่เฟยไว้ แล้ววิ่งไปทางโรงพยาบาล
เมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล ฉินวี่เฟยก็ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ: “ทำอะไรเหนี่ย?”
“ง่ายๆ อีกแป๊บนึงเธอก็พันแผลเหมือนได้รับบาดเจ็บหนัก แล้วก็โทรหาที่บ้าน บอกว่าประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ข้างสองข้างพิการแล้ว” หลี่ฝางพูดขึ้น: “ฉันคิดว่า ฉินเสี่ยวหู่ต้องมาแน่ๆ ”
“แต่ถ้าเขามาแล้ว จะยังไงล่ะ?” ฉินวี่เฟยถาม
“พวกเราไม่มีหลักฐาน ได้ตัวเขาก็ไม่มีวิธีอะไรอยู่ดี” ฉินวี่เฟยพูดอย่างหมดหนทาง
“ยัยโง่ ตำรวจถึงจะต้องการหลักฐาน พวกเราต้องการเหรอ? พวกเราต้องการแค่ฉินเสี่ยวหู่เป็นคนทำก็โอเคแล้ว” หลี่ฝางพูด: “เอาล่ะ เธอเข้าไปหาพยาบาลสักคน ยัดซองแดงไปสักซอง จากนั้นก็ให้นางพันขาให้ แล้วไปหาเตียงผู้ป่วยนอนเถอะ”
“ที่เหลือ ไว้เป็นหน้าที่ฉัน” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม
หลังจากที่ฉินวี่เฟยเดินเข้าไปในโรงพยาบาล หลี่ฝางก็ควักโทรศัพท์ออกมา
บนโทรศัพท์ ก็เห็นว่าเฉินฝูเซิงโทรมาหาตนนับครั้งไม่ถ้วน ที่จริงแล้วหลี่ฝางตกลงกับเฉินฝูเซิง ว่าจะให้เขาเข้าร่วมการเจรจาต่อรองก็ตนกับมู่เสี่ยวไป๋ แต่สุดท้ายหลี่ฝางก็กลัวเฉินฝูเซิงจะเผยไต๋ตน เลยไม่ได้พาเขาไป
วันนี้ คิดไปก็เลยทำให้เขาเกิดความไม่พอใจทั้งหมดนี้ขึ้น
หลี่ฝางคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจโทรหาโหจื่อ เพราะว่าโรงพยาบาลนี้ อยู่ใกล้กับตงไห่
เมื่อโหจื่อรับสาย ก็มีเสียงในบาร์ดังลั่นผ่านสาย
“ฮัลโหล เจ้านาย ทำไมจู่ๆ ถึงโทรหาผม?” โหจื่อถาม
หลี่ฝางพูดต่อ: “ส้าวส้วยไปแล้ว นายรู้มั้ย?”
“เร็วขนาดนี้เลย?” โหจื่อชะงักอยู่ครู่ เห็นได้ชัดว่าเขารู้แล้วว่าส้าวส้วยจะจากไป แต่แค่ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เท่านั้น
“อืม ฝั่งฉันเจอปัญหาเล็กน้อย นายมาหาหน่อยได้มั้ย?” หลี่ฝางถาม
“ไม่น่านะ ตอนอาจารย์ผมจากไป ก็น่าจะแก้ความปัญหาของเจ้านายไปได้มากแล้วนะ ทำไม ยังมีคนกล้ามาหาเรื่องเจ้านายอีกเหรอ? ใครมันไม่แหกตาดูเหนี่ย”
โหจื่อพูด: “ช่างเถอะ ส่งโลเคชั่นมา ไว้ผมไปถึงค่อยว่ากัน”
หลี่ฝางส่งโลเคชั่นให้โหจื่อ จากนั้นก็ส่งข้อความให้เขาว่า: “เร็วหน่อย”
หลังจากนั้น หลี่ฝางก็ไปที่มุมๆ นึง ที่ๆ ไม่มีคน และสูบบุหรี่
คนที่ฉินเสี่ยวหู่จะชน เป็นฉินวี่เฟย
เป้าหมายของพวกมัน ไม่ใช่ตนเลย
หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที หน้าประตูโรงพยาบาล ก็มีรถหรูปรากฏขึ้นเป็นแถว
คนทั้งหมดมาเพื่อหาฉินวี่เฟย
วันนี้ ฉินวี่เฟยเป็นประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป มีอำนาจสูงสุด หล่อนเกิดเรื่อง จึงทำให้คนมากมายสนใจ ไม่ใช่แค่คนตระกูลฉิน ยังมีคนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป รวมถึงนักธุรกิจที่อยู่ต่างมณฑลอีกด้วย
หลี่ฝางยังเห็นเฝิงจื่อหลินด้วย
หลี่ฝางรีบเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าไหล่ของเฝิงจื่อหลินจากทางด้านหลัง และพูด: “เชี่ย นายมาได้ไงเหนี่ย?”
“เมื่อกี้ฉันได้รับข่าวมา บอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉินเกิดเรื่องแล้ว เพราะงั้นเลยมาดู” เฝิงจื่อหลินพูด
“ทำไมนายถึงได้ใส่ใจเบอร์นั้น” หลี่ฝางพูดแล้วยิ้มเจื่อนๆ พลางมองเฝิงจื่อหลิน
เฝิงจื่อหลินรีบพูดขึ้น: “คุณชายหลี่ฝางอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันรู้ว่าคุณหนูใหญ่ฉินเป็นคนของคุณ ครั้งนี้ที่มา ก็เพราะพวกผู้ใหญ่ที่บ้าน นั่นเป็นความต้องการของพวกเขา ฉันไม่กล้าแย่งผู้หญิงของคุณชายหลี่หรอก”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ และไม่ได้เอาไปใส่ใจ
ถึงแม้เฝิงจื่อหลินจะแย่งตน ก็ไม่ค่อยมีโอกาสนั้นเท่าไหร่
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “ฉันแค่สงสัย ทำไมนายถึงได้รู้?”
“คุณชายคนอื่นไม่เห็นมาเลย ทำไมมีนายมาอยู่คนเดียว?” หลี่ฝางถาม
“คุณอาซานของตระกูลฉิน โทรมาหาฉันน่ะสิ” เฝิงจื่อหลินพูด: “ช่างเถอะ คุณชายหลี่ พวกนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้ วางใจได้ คุณหนูใหญ่ฉินไม่มีเรื่องอะไรกันแน่ๆ ”
หลี่ฝางอืม และเข้าใจความหมายของเฝิงจื่อหลิน
ที่เฝิงจื่อหลินอธิบายกับตนมาทั้งหมด ก็กลัวว่าตนจะไปจัดการกับคุณอาซานตระกูลฉิน
เฝิงจื่อหลินทำท่าว่าให้หลี่ฝางไปด้วยกัน จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไป
ด้านนอกห้องผู้ป่วย คนระดับสูงในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยืนเรียงรายกันเป็นแถว ส่วนคนในตระกูลฉิน ก็เข้าไปอยู่ในห้องผู้ป่วยของฉินวี่เฟย
“ทำไมไม่เห็นฉินเสี่ยวหู่?”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจ
เป้าหมายครั้งนี้ของหลี่ฝาง ก็เพื่อจะล่อฉินเสี่ยวหู่ ถ้าหากฉินเสี่ยวหู่ไม่ปรากฏตัว งั้นเรื่องคืนนี้ ก็สูญเปล่าเลย
หลี่ฝางไม่ได้เข้าไป แต่อยู่กับเฝิงจื่อหลิน พูดอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย
ในตอนนั้น จู่ๆ หลี่ฝางก็เห็นเงาที่คุ้นเคยเดินเข้าไปในห้องพักของฉินวี่เฟย
“คุณชายฉินตื่นแล้วเหรอ” เฝิงจื่อหลินพูดอย่างประหลาดใจ: “เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเห็นมึนๆ อยู่เลย คิดไม่ถึงเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ก็สามารถลงมาเดินได้แล้ว”
“คนหนุ่ม ฟื้นตัวเร็ว” หลี่ฝางพูดขึ้น
“ก็ว่านะพี่น้องคู่นี้ก็น่าสงสาร ตั้งแต่หลังจากที่นายท่านฉินเกิดเรื่อง พวกเราก็เกิดแต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันได้ยินมาว่า ไม่กี่วันก่อน คุณหนูใหญ่ฉินก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาครั้งนึงแล้วนะ”
เฝิงจื่อหลินเม้มปากแล้วพูด: “เรื่องนี้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องมีคนจงใจ”
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรและถาม: “นายรู้ว่าเป็นใครมั้ย?”
เฝิงจื่อหลินมองไปรอบๆ ตัว หลี่ฝางตบไปที่บ่าของเฝิงจื่อหลิน: “ใช่ฉินเสี่ยวหู่หรือเปล่า?”
เฝิงจื่อหลินเบิกตากว้าง แล้วมองหลี่ฝาง: “นายรู้ได้ไง?”
“เดาเอา” หลี่ฝางพูด
“เป็นฉินเสี่ยวหู่ไอ้หมอนั่นจริง ฉันได้ยินคุณอาซานพูด ว่าฉินเสี่ยวหู่อยากจะได้ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท ดังนั้นจึงอยากจะชนฉินวี่เฟยให้เข้าโรงพยาบาล แล้วก็นะ ลับหลังฉินเสี่ยวหู่ ก็ยังชักชวนคุณอาซาน ให้ท่านไปอยู่ฝ่ายเดียวกับมัน” เฝิงจื่อหลินพูด
“คุณอาซานตกลงไปยัง?” หลี่ฝางถามลองเชิง
“แน่แหละว่าไม่ ใครก็รู้ เบื้องหลังของคุณหนูใหญ่ฉิน มีนายคอยผลักดันอยู่” เฝิงจื่อหลินพูดเลียแข้งเลียขา
“คุณชายหลี่ คำพูดพวกนี้ ที่จริงฉันก็ไม่ควรพูดหรอก เพราะว่าถ้าหากไปเข้าหูฉินเสี่ยวหู่เข้า ฉันคงก็อันตรายถึงชีวิต และก็อาจจะนำความลำบากมาให้ตระกูลก็ได้ แต่ฉันเชื่อว่าคุณชายหลี่จะช่วยเก็บความลับของฉัน ที่จะบอกต่อไปนี้ ก็เพื่อให้นายช่วยคุณหนูใหญ่ฉิน ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าระหว่างฉันกับคุณหนูใหญ่ฉินมันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ตอนเด็กๆ พวกเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เธอเป็นคนจิตใจดี แถมยังไร้เดียงสา ไม่ใช่ศัตรูของฉินเสี่ยวหู่ด้วยซ้ำ” เฝิงจื่อหลินพูด
หลี่ฝางเข้าใจความหมายของเฝิงจื่อหลิน
“วางใจเถอะ ฉินเสี่ยวหู่ ฉันจะจัดการเอง” หลี่ฝางพยักหน้าอย่างแรงๆ
“แต่แค่ ทำไมคืนนี้เขาไม่เกิดเรื่องล่ะ?”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “ตามปกติ เขาควรจะมาผยอง ถ้าเขาไม่มา นั่นก็แสดงว่าเขาร้อนตัวใช่มั้ยล่ะ?”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็จากไป เหลือแค่พ่อกับแม่ของฉินวี่เฟย
โหจื่อก็มาถึงได้สักพักนึงแล้ว หลี่ฝางบอกให้เขารออยู่ด้านนอกก่อน
เฝิงจื่อหลินก็บอกลา แล้วก็กลับไป เมื่อเฝิงจื่อหลินเพิ่งออกไป ฉินเสี่ยวหู่ก็พาบอดี้การ์ดมาสองนาย เข้ามาในโรงพยาบาล
เมื่อหาห้องพักของฉินวี่เฟยเจอ ฉินเสี่ยวหู่ก็เดินเข้าไป
“เห้อน้องสาว บอกทีทำไมถึงขับรถไม่ระวังเลย ฉันเพิ่งจะเตือนเธอไปเองนะ ว่าตอนกลางคืน ต้องขับรถระวังๆ ระวังความปลอดภัย ทำไมเธอถึงไม่กันเหนี่ย?” ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มร้ายๆ
เมื่อพ่อของฉินวี่เฟยเห็นฉินเสี่ยวหู่ ก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชา: “ฉินเสี่ยวหู่ ไอ้ชาติชั่ว เธอเป็นน้องสาวแกนะ!”
เบื้องหลังเรื่องนี้ ใครก็รู้ ว่าเป็นฉินเสี่ยวหู่
ดังนั้นหลังจากพ่อของฉินวี่เฟยเห็นฉินเสี่ยวหู่ ก็พุ่งเข้าไป ชกฉินเสี่ยวหู่ไปหนึ่งที
ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มเยาะ จากนั้นก็ค่อยๆ ยิ้มอย่างเย็นชา: “คุณอา อาไม่มีหลักฐาน อย่ามากล่าวหากันพล่อยๆ สิครับ”
“ถึงแม้คุณอาจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของผม แต่อาก็ไม่แยกแยะเอะอะก็ลงไม้ลงมือกับผม อย่ามาโทษว่าผมไม่เกรงใจนะ” ฉินเสี่ยวหู่ข่มขู่อย่างเย็นชา
“ฉันก็อยากจะเห็น ว่าแกจะไม่เกรงใจฉันยังไง” พ่อของฉินวี่เฟยก็พุ่งเข้าไปอีกครั้ง
แต่เขาจะใช่คู่ต่อสู้ของฉินเสี่ยวหู่ได้ยังไง?
แค่วิชาเล็กๆ น้อย ฉินวี่เฟยก็สามารถกดเขาลงกับพื้นได้แล้ว: “คุณอา ร่างกายของอา จะอ่อนไปมั้ยเหนี่ย”
“เหอะๆ อาบอกว่า น้องสาวคนนี้ของผมประสบอุบัติเหตุ ข้าสองข้างเดี้ยงไปแล้ว เห็นทีเธอคงจะเป็นประธานกรรมการบริษัทต่อไปไม่ได้แล้วสินะ? คงจะให้เธอเอาแต่นั่งรถเข็นไปกลับบริษัทไม่ได้หรอกมั้ง?”
“ส่วนคุณอา? ร่างกายกระเดี้ยวอ่อนแบบนี้ ผมแนะนำให้ไปฝึกฝนร่างกายหน่อยเถอะครับ คุณอา”
ฉินจื่อยี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นภาพนี้ ก็พุ่งเข้ามา แต่เขาก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อกรของฉินเสี่ยวหู่
“พวกนายพ่อลูกมาพร้อมหน้าเลยนะ เหอะๆ พี่ใหญ่ คุณอา ผมแนะนำว่าอย่าพยายามเลย พวกนายสองคนไม่ใช่คู่ต่อกรของฉันเลยด้วยซ้ำ แล้วก็ ฉันก็ไม่ได้ผิดอะไร ทำไมพวกนายต้องต่อยฉันด้วย?”
ฉินเสี่ยวหู่พูดด้วยสีหน้าพอใจ: “เอาล่ะ ฉันไม่อยากเสียเวลากับพวกนายแล้ว ยังมีสาวๆ ต่างชาติหลายคน กำลังรอฉันอยู่”
“ฉันปลีกตัวจากการดื่มด่ำมาเยี่ยม น้องสาวก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต งั้นฉันก็วางใจแล้ว”
“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”
ฉินเสี่ยวหู่มองฉินวี่เฟย แล้วถามขึ้นนิ่งๆ : “น้องสาว ฉันอยากจะขึ้นเป็นประธานกรรมการบริษัทแทนเธอ เธอยินดีมั้ย?”
“ฉินเสี่ยวหู่ นายฝันไปเถอะ ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทนี่ วี่เฟยยอมยกให้หมา ยังไม่ก็ไม่ยกให้นาย” พ่อของฉินวี่เฟยพูดขึ้น
“คุณอา แบบนี้ก็เหมือนกับด่าผมว่าดีไม่เท่าหมาตัวนึงน่ะสิ” ฉินเสี่ยวหู่ทำสีหน้าเย็นชา แล้วเข้ามาบีบแขนของพ่อฉินวี่เฟย
“ปล่อยพ่อฉัน”
ฉินวี่เฟยที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยพูดขึ้น: “ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทชั่วคราว ฉันให้นายเป็น รอให้ฉันออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ นายค่อยคืนตำแหน่งให้ฉัน”
เมื่อเห็นฉินวี่เฟยใจกว้าง ฉินเสี่ยวหู่ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“รู้จักกลัวแล้วเหรอ? ถ้าเธอทำแบบนี้ตั้งแต่แรก วันนี้จะได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมั้ย?” ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มชั่ว แล้วก็ทำหน้าด้าน
ประโยคนี้ของเขา หมายความว่าเรื่องอุบัติเหตุของฉินวี่เฟย เป็นฝีมือของเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ส่วนด้านคุณพ่อของฉินวี่เฟย เมื่อได้ยินประโยคนี้ของฉินวี่เฟย ใบหน้าก็แสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset