NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 706 หลี่ฝางถูกคนดูถูก

รอคุณพ่อกลับมา คนพวกนั้น ก็จะถูกกำจัดให้พ้นไป……
คำพูดประโยคนี้ของลุงเฉียน หลี่ฝางเชื่อแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า คุณพ่อของตัวเอง จะกลับมาเมื่อไหร่ จะกลับมาได้ไหม นี่ถึงจะเป็นจุดสำคัญ
ไม่นานนัก หลี่ฝางก็วางโทรศัพท์ หยุดการติดต่อกับลุงเฉียน
ในเมื่อแมงป่องไม่ใช่ตระกูลหยิ่นส่งมา งั้นก็จะต้องมีคนอื่น เพียงแต่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร หลี่ฝางก็ยังไม่รู้
ที่สามารถตัดออกไปก่อนได้ นั่นก็คือสี่ตระกูลใหญ่ เพราะว่าถ้าหากเป็นพวกเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ
ความสัมพันธ์ของตระกูลหลี่และสี่ตระกูลใหญ่ ถึงขั้นไม่ตายไม่วางมือไปนานแล้ว
ส่วนมู่เสี่ยวไป๋ เมื่อก่อนหลี่ฝางคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเขา แต่พอคิดไปคิดมา ในเมื่อเขากับมู่หรงฉางเฟิงเป็นพวกกันแล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ
โดยเฉพาะตามที่หวางซีกางกล่าว คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง ปิดใบหน้าเอาไว้ และเมื่อแมงป่องเห็นเขา ก็จะเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเป็นผู้ติดตามไม่มีผิด
นี่ทำให้หลี่ฝางอดที่จะสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ใครกันแน่ที่มีความสามารถมากขนาดนั้น
พอกลับมาถึงโฮสเทลของตาแก่นั่น เหยนเสี่ยวน่าและหวางเสี่ยวโก๋จัดการเก็บของอยู่สักพัก จากนั้นก็เดินออกมา
“ในที่สุดก็กลับมาสักที”
เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝางอย่างไม่พอใจ กล่าว: “รถของนายยังไม่เอามาส่งอีกเหรอ?”
หลี่ฝางพยักหน้าอย่างเก้อเขิน: “ใช่แล้ว”
“งั้นฉันเตรียมจะออกไปช็อปปิ้ง นายจะให้ฉันเรียกแท็กซี่ไปเหรอ?” เหยนเสี่ยวน่ากล่าวอย่างกับว่ากำลังล้อเล่น
หลี่ฝางรีบกล่าวขึ้นมาทันที: “ในเมื่อฉันก็ไม่มีธุระอะไร เดี๋ยวฉันไปกับพวกเธอด้วยแล้วกัน เพื่อเป็นการชดเชยคำขอโทษ ฉันจะเป็นคนขับรถให้เอง”
“ไม่เพียงต้องเป็นคนขับรถให้ฉัน ยังต้องเป็นคนจ่ายเงินให้พวกเราด้วย” เหยนเสี่ยวน่ากล่าว: “มาอย่างรีบร้อนเกินไป ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย ชุดนั่นของฉันใส่มาหลายวัน จนเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว ดังนั้นก็เลยยืมเสื้อผ้าของเหมิงเหมิงชุดหนึ่ง ใส่แก้ขัดไปก่อน นี่ก็ว่าจะไปซื้อที่ในเมืองสักสองสามชุด”
หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “ได้ พอดีฉันก็จะต้องซื้อเหมือนกัน”
หลี่ฝางมองดูเสื้อผ้าบนตัวของตัวเอง ยังมีรอยเลือดอยู่ด้วยแน่ะ
ตอนที่มา หลี่ฝางเองก็ตัดสินใจอย่างฉุกละหุก ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้า ดังนั้น เขาก็เลยจะต้องซื้อเหมือนกัน
หลี่ฝางขับรถ พาเหยนเสี่ยวน่าและหวางเสี่ยวโก๋ไปที่ในตัวเมือง
มาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
หลี่ฝางจอดรถเสร็จแล้วกล่าว: “ฉันได้ค้นหาจากไป่ตู้แล้ว ที่นี่เป็นถนนที่คึกคักที่สุดของอำเภอหลิน และเสื้อผ้าของที่นี่ก็แพงที่สุด เข้าไปดูกัน?”
“ได้สิ ยังไงซะนายก็เป็นคนจ่ายเงิน ยิ่งแพงยิ่งดี” เหยนเสี่ยวน่ากล่าวอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
ไม่นาน พวกหลี่ฝาง ก็มาถึงร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
“คนเยอะจริง ๆ เลย”
ในห้างสรรพสินค้ามีลูกค้าเยอะมาก แต่ในร้านเสื้อนี้มีเพียงไม่กี่คน แต่พนักงานบริการก็มีเพียงแค่สองคน หนึ่งในนั้นกำลังต้อนรับลูกค้า ส่วนอีกคน เตรียมที่จะลุกขึ้นมาต้อนรับพวกหลี่ฝาง สุดท้ายพอเห็นท่าทางไม่มีเงินของพวกหลี่ฝาง ก็นั่งกลับลงอีกครั้ง แล้วนั่งไขว่ห้างกล่าว: “เลือกดูตามสบาย ด้านซ้ายเป็นพวกลดราคาตามฤดูกาล ลดสูงสุดห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
เหยนเสี่ยวน่าเบ้ปาก และกล่าวอย่างไม่เกรงใจ: “ใครจะซื้อพวกลดราคาเปลี่ยนซีซั่นกัน”
ฐานะทางครอบครัวของเหยนเสี่ยวน่าไม่เลว ต่อให้ไม่ให้หลี่ฝางเป็นคนจ่าย เธอเองก็สามารถซื้อพวกของแบรนด์เนมเองได้เหมือนกัน
เด็กสาวคนหนึ่ง มีรถออดี้ เอ4 นั่นก็สามารถอธิบายได้ว่าเงินค่าขนมของเธอไม่ใช่น้อย ๆ เลย
แต่ว่า วันนี้ทั้งตัวของเหยนเสี่ยวน่าเป็นเสื้อผ้าที่ซื้อจากตลาด ถูกพนักงานที่อยู่ตรงหน้ามองออกได้ทันที พนักงานคนนั้นแอบหัวเราะ จากนั้นก็ชี้ไปที่โลโก้บนเสื้อผ้าของเหยนเสี่ยวน่าแล้วกล่าว: “โลโก้นี้ของเธอ คุ้นตาจังเลยนะ เหมือนจะเป็นอาดิดาส?”
“แต่ว่า ตัวอักษรเหมือนจะผิดไปตัวหนึ่งนะ”
เหยนเสี่ยวน่าก้มลงมอง ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูมากขึ้นกว่าเดิม
เธอเพิ่งสังเกตเห็น ตัวอักษรบนเสื้อ ได้พิมพ์ผิดจริง ๆ
ทันใดนั้นเองหลี่ฝางก็นึกขึ้นมาได้ เสื้อตัวนี้ เหมือนว่าลู่หลุ่ยจะเคยใส่
ลู่หลุ่ยมาครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางมาด้วย ดังนั้นเสื้อผ้าส่วนมาก เลยเอาไว้ที่บ้านของเหมิงเหมิง เห็นได้ชัด เหยนเสี่ยวน่าบังเอิญสวมตัวนั้น
สีหน้าของเหยนเสี่ยวน่าค่อนข้างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะถึงยังไง เสื้อก๊อบปี้แบบนี้ จะปรากฏได้แค่ในโรงงานแปรรูปส่วนตัวเท่านั้น และเสื้อผ้าแบบนี้ มีเพียงตามตลาดข้างทางถึงจะขาย
จากนั้น พนักงานคนนั้นก็ยิ้มกล่าว: “ร้านของเรา เป็นแบรนด์แท้ทั้งหมดเลยนะ ก่อนที่เธอจะลองเสื้อผ้า ทางที่ดีดูราคาให้ชัดเจนก่อน จะได้ไม่เลือกแล้วแต่ไม่มีเงินซื้อ ทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย”
เหยนเสี่ยวน่าขมวดคิ้ว จ้องมองพนักงานแล้วกล่าว: “ขอถามหน่อยนะ เธอได้เงินเดือนเดือนละเท่าไหร่?”
“เธอถามเงินเดือนของฉันทำไม? ตอนนี้ที่นี่ไม่รับคนหรอกนะ หรือต่อให้รับ ก็ไม่รับคนที่ไม่มีระดับแบบเธอหรอก” พนักงานคนนั้นทำตามองบนใส่เหยนเสี่ยวน่า
“เหอะ ๆ ฉันไม่มีระดับก็จริง แต่ฉันอยากจะถามเธอหน่อย เธอได้เงินเดือนเดือนละเท่าไหร่?” เหยนเสี่ยวน่าขมวดคิ้ว ซักถามต่อ
“ไม่เยอะหรอก รับประกันที่สามพัน แต่ว่าผลงานการขายฉันไม่เลว เงินที่ได้รับจริง ๆ ในแต่ละเดือน อยู่ที่ห้าพันขึ้น” พนักงานคนนั้นยิ้มอย่างได้ใจเล็กน้อย
ความจริงแล้วเงินที่พนักงานคนนี้ได้รับจริงในแต่ละเดือน ไม่ใช่เพียงแค่เงินเดือนห้าพันกว่า รายรับที่มากกว่านั้นของเธอ มาจากเสี่ยที่รับเลี้ยงเธอ
เธอมาทำงานที่ร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ไม่นาน ก็ได้รู้จักลูกค้าที่มีเงินอยู่หลายคน หลังจากคัดกรองแล้ว เธอก็จับเสี่ยคนหนึ่งได้สำเร็จ
เสี่ยคนนั้นดีกับเธอไม่น้อย จะให้เงินค่าขนมจำนวนหมื่นกว่า ๆ กับเธอทุกเดือน
ดังนั้น อยู่ที่อำเภอหลินแห่งนี้ เธอก็นับว่าจัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีรายได้สูงคนหนึ่ง
ตอนนี้ เธอไม่ต้องการเป็นพนักงานขายเพื่อหารายได้แล้ว เป็นธรรมดาที่น้ำเสียงของเธอจะเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับลูกค้าที่แต่งตัวดูไม่ได้ เธอไม่อยากจะสนใจเลยด้วยซ้ำ”
“ห้าพัน?”
เหยนเสี่ยวน่าเผยให้เห็นกำไลข้อมือคาร์เทียร์ของตัวเองออกมา กล่าว: “ก็เยอะเหมือนกันนี่”
“ทำสักหนึ่งปี ก็สามารถซื้อกำไลข้อมือสักอันได้แล้ว”
หลังจากที่เหยนเสี่ยวน่ากล่าวจบ พนักงานขายคนนั้นก็ลุกยืนขึ้นมา จากนั้นที่แขนของเธอก็ปรากฏกำไลข้อมือคาร์เทียร์ออกมา ดูเผิน ๆ ทั้งสองแทบจะเหมือนกันไม่มีผิด ในความจริงแล้ว กลับเป็นของปลอม
จุดนี้ เหยนเสี่ยวน่าดูออกตั้งแต่แรกแล้ว
เหยนเสี่ยวน่าหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “ถึงแม้เสื้อผ้าที่ฉันใส่จะไม่ใช่ของแท้ แต่เธอก็ไม่ได้ดีกว่าอะไรมาก กำไลข้อมือของเธอน่ะ ก็เป็นงานก๊อบปี้เกรดเอ เราสองคนก็พอ ๆ กัน ใครก็อย่าคิดหัวเราะเยาะอีกฝ่าย”
“เอาละ แนะนำเสื้อผ้าให้ฉันสักสองสามชุด แบบไหนสไตล์ไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ราคา ต่ำกว่าห้าพัน ก็ไม่ต้องเอามาแนะนำให้ฉันแล้ว มันถูกเกินไปน่ะ”
เหยนเสี่ยวน่ามองไปที่พนักงานคนนั้น แล้วกล่าว: “ถ้าในร้านของพวกหล่อนไม่มีที่แพงแบบนั้น งั้นฉันก็คงต้องเปลี่ยนร้านแล้วล่ะ”
“ในร้านของพวกเราไม่มีก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในห้องของเราจะไม่มี”
พนักงานคนนั้นมองเหยนเสี่ยวน่า กล่าว: “เธอก็แค่อยากทำเป็นหน้าใหญ่ใจโตไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ดี เดี๋ยวฉันจะสนองเธอเอง ร้านที่อยู่ข้าง ๆ เป็นร้านของเวอร์ซาเช ถ้าเธอมีเงิน ก็ไปซื้อที่ร้านข้าง ๆ ได้ อีกอย่างฉันคุ้นเคยกับร้านของพวกเขามาก ฉันจะพาเธอไปก็ได้ และบอกให้พวกเขาลดราคาให้เธอหน่อย”
“ไม่จำเป็นต้องลดราคาหรอก แต่ว่าไปด้วยกันหน่อยแล้ววกัน”
เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝาง เธอยิ้ม แล้วกล่าว: “คุณชายหลี่ ดูเหมือนว่าวันนี้นายจะต้องเสียเลือดมากแล้วแหละ”
เมื่อพนักงานคนนั้นได้ยินชื่อคุณชายหลี่ ก็รีบมองไปที่หลี่ฝางทันที หลังจากที่เธอได้พินิจพิจารณาหลี่ฝางอย่างละเอียดแล้ว เธอก็ส่ายหัว กล่าว: “คุณชายหลี่? เหอะ ๆ พวกเธอที่มันคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากจริง ๆ คนท่าทางอยากจนอย่างเขานี่นะ ยังกล้าเรียกคุณชายอีก มาสาวน้อย ฉันดูเธอก็หน้าตาไม่เลว ก็แค่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกสักเท่าไหร่ ฉันจะแนะนำพวกคุณชายผู้ดีมีเงิน ให้เธอรู้จักสักหน่อยเอาไหม รูปร่างหน้าตาอย่างเธอ ต่อให้เป็นแฟนตัวจริงของพวกเขาไม่ได้ เป็นแฟนเก็บ ฉันคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
“ที่สำคัญก็คือ ติดตามพวกคุณชายเพลย์บอยพวกนั้น เธอก็จะไม่ต้องใส่สินค้าข้างถนน สวมกำไลข้อมือปลอมแบบนี้อีกแล้ว”
พนักงานคนนั้นกล่าวอย่างเย้ยหยัน พอพูดจบ เธอก็มองไปที่หลี่ฝาง แล้วเอ่ยถาม: “นี่พ่อหนุ่มน้อย ที่บ้านของนายขายหมูหรือไง ดูบนเสื้อผ้าของนายสิ ทำไมถึงมีเลือดเต็มไปหมด?”
“ไม่ใช่เลือดหมู” หลี่ฝางส่วยหัว พลางกล่าว
“ไม่ใช่เลือดหมู งั้นก็คงเป็นเลือดคน” พนักงานคนนั้นหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา
ตอนนี้หลี่ฝางถึงพยักหน้ากล่าว: “ก็ได้ ที่บ้านฉันฆ่าหมู”
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูของเวอร์ซาเช หลี่ฝางก็มองเห็นหยิ่นเหล่ยจากไกล ๆ และพนักงานคนนั้นก็มองตามสายตาของหลี่ฝางไป และรีบพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น: “ดูอะไร อย่างเขาถึงเป็นคุณชายที่แท้จริง คุณชายผู้ดีอันดับหนี่งแห่งอำเภอหลิน คุณชายหยิ่น” ”
“ดูเสื้อผ้าที่เขาใส่สิ นั่นถึงเป็นแบบที่คุณชายผู้ดีควรจะแต่ง”
พนักงานส่ายหน้ากล่าวเย้ยหยัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset