NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 768 คิดบัญชีกับมู่เสี่ยวไป๋

มู่เสี่ยวไป๋สีหน้าตกตะลึง……..
การกระทำของหลี่ฝางนั้น มันเป็นการบีบให้เขาเดินไปสู่เส้นทางมรณะ………
แต่ว่าตัวเอง เดิมทีไม่ใช่เดินอยู่บนเส้นทางมรณะหรอกเหรอ?
หลี่ฝางมองดูสีหน้ามู่เสี่ยวไป๋ เขายิ้มเล็กน้อย ภายในรอยยิ้มแฝงไปด้วยจิตสังหาร “เป็นไงล่ะ ไม่กล้าเหรอ? หรือว่าไม่อยากจะไป?”
มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า “เรื่องที่คุณชายหลี่สั่งมา ผู้น้อยจะทำตามก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ใบหน้าหลี่ฝางแสดงรอยยิ้มที่พอใจ “ไม่เลวเลย แกสามารถที่จะถอดหัวโขนของคุณชายมู่ออกได้อย่างรวดเร็ว รู้ว่าฐานะตัวเองตอนนี้เป็นอย่างไร ฉันชื่นชมมาก”
“ได้ ไปสิ แสดงฝีมือให้เต็มที่ อย่างน้อย นี่เป็นเรื่องแรกที่แกทำให้ฉัน ทางที่ดีที่สุด แกอย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน”
หลี่ฝางพูดพลางทำตาหรี่แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่เช่นนั้นแล้วล่ะก็ สิ่งที่จะสูญเสียไปไม่เพียงแค่ขาสองข้างเท่านั้น”
กลิ่นอายพิฆาตแผ่ซ่านตรงมา ทำให้มู่เสี่ยวไป๋สั่นสะท้านไปทั้งตัว
นาทีนี้เอง มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเหมือนกำลังถูกหลี่ฝางบีบรัดอยู่ หลี่ฝางต้องการจะให้เขาตายตอนเวลาไหนก็ย่อมได้
มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า มองไปยังหลี่ฝางอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพูดว่า “วางใจเถอะครับคุณชายหลี่”
หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋จากไปแล้ว ซินปาก็เดินมาตรงหน้าหลี่ฝาง ถามอย่างสงสัยว่า “คุณชาย คุณเชื่อใจเขาจริงเหรอ?”
“นั่นน่ะสิ เสี่ยวฝาง มู่เสี่ยวไป๋ไอ้เวรตะไลนี้ ปลิ้นปล้อนตลบตะแลงมาหลายครั้งหลายหนแล้ว คุณจะปล่อยเขาไปอย่างนี้เลยเหรอ? หากเขาพลิกลิ้นไม่รักษาคำพูดแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?”
ถังหยู่ซวนก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน “เกรงว่าจะเป็นการปล่อยเสือกลับเข้าป่านะสิ”
มู่เสี่ยวไป๋หนีรอดจากเงื้อมมือของหลี่ฝางแล้ว ถ้าคิดจะจับเขากลับมาอีกครั้งก็คงยากแล้ว
มู่เสี่ยวไป๋สามารถที่จะฉวยโอกาสนี้กลับไปหามู่หรงฉางเฟิงท่านจวนและตระกูลตงฟางก็ได้ แล้วลืมข้อตกลงสามข้อที่สัญญากับหลี่ฝางไว้จนหมดสิ้น
แต่ว่าหลี่ฝางยิ้มด้วยความมั่นใจว่า “เขาไม่กล้าหรอก”
“อย่าลืมนะว่า ก่อนที่ส้าวส้วยจะจากไป เคยยื่นคำขาดกับคนบ้านตระกูลมู่ทุกคนแล้ว ฉันเชื่อว่า มู่เสี่ยวไป๋น่าจะยังจำเรื่องนี้ได้”
หลี่ฝางแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ ยังจะมีคุณค่าอะไรที่ให้ตระกูลตงฟางเห็นความสำคัญอีก?”
“จางกงหมิงจากไปแล้ว หมาจื่อก็ถูกจับไปแล้ว ชางสู่ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ส่วนคนพวกนั้นของเขา ส่วนใหญ่ก็ถูกพวกเราซื้อมาหมดแล้ว ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ ยังเหลืออะไรอีก? ตระกูลมู่ยังมีทรัพย์สมบัติอะไรบ้างล่ะ?”
หลี่ฝางพูดอย่างดูถูกว่า “มู่เสี่ยวไป๋หมดสิทธิ์ที่จะกลับไปซุกปีกตระกูลตงฟางแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทรยศพวกเราอย่างแน่นอน”
ขอเพียงมู่เสี่ยวไป๋ไม่โง่เขลาเบาปัญญา งั้นเขาก็จะไม่ทรยศอย่างแน่นอน
แสงจันทร์สาดส่อง…….
ในยามค่ำคืน เป็นเวลาสำราญของพวกนักท่องราตรีทั้งหลาย ในเวลานั้นเองกลับมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด
“อาหาวเหรอ? แกทำอะไรอ่ะ? พาคนมามากมายอย่างนั้น?”
อาหาวถือกระบองไว้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ถ้าหากเป็นเพียงแค่รอยยิ้มที่แปลกประหลาด ยามรักษาความปลอดภัยของบาร์เบียร์ คงจะไม่พบความผิดปกติอะไร แต่ว่ากระบองในมือของเขา และยังมีคนที่อยู่ข้างหลัง ก็เปิดเผยถึงจุดเป้าหมายของอาหาวออกมาทันที
อาหาวหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันก็มากินเหล้าสิ หรือจะให้มาบาร์เบียร์กินข้าวต้มรอบดึกล่ะ”
อาหาว ก็คือคนในจำนวนกลุ่มคนที่พึ่งออกมาจากไนต์คลับเมื่อครู่นี่เอง
“งั้นแกถือกระบองมาทำอะไร?”
ยามเฝ้าหน้าประตูก็ถามต่อว่า “บริษัทก็ดีต่อแกไม่เบาเลย แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
คนที่อยู่ข้างหลังคนหนึ่ง ยกกระบองขึ้นมา แล้วฟาดลงตรงศีรษะของยามเฝ้าประตูคนนั้น
“แม้ง มัวพูดไร้สาระกับเขาทำไมกัน จัดการให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย”
มีคนที่ทนรอไม่ไหว้แล้ว จึงลงมือวิ่งเข้าไปข้างในบาร์เหล้า
คนที่ตามหลังอาหาวนั้น มีประมาณ 20-30 คนได้
“แม้ง ข้างในอาจมีกล้องวงจรปิดด้วย ไอ้บื้อเอ๊ย ไม่รู้จักปิดหน้าก่อนหรือไง?” หลังจากที่อาหาวพูดคำด่าออกมาแล้ว ทุกคนที่อยู่ข้างหลังก็รีบใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ จากนั้นก็บุกเข้าไปโดยพร้อมเพรียงกัน
การกระทำคนพวกนี้ว่องไวมาก และแลดูสนุกสนานมาก มือข้างหนึ่งถือมือถือคอยถ่ายรูป มืออีกข้างหนึ่งก็คอยทุบทำลายข้าวของ
……
หลังจากห้านาทีผ่านไป ภายในห้องจองพิเศษ ไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางกำลังนั่งดื่มเหล้าแก้เซ็งกันอยู่ ทันใดนั้น มีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“ชายน้อย แย่แล้ว มีคนมาทุบทำลายแหล่งบาร์เหล้า”
คนที่บุกเข้ามา พูดอย่างร้อนรนว่า “มู่เสี่ยวไป๋พาคนมาทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกเราไปสิบกว่าแห่งแล้ว”
“อะไรนะ?”
ไอ้เด็กซนได้ยินคำพูดนี้แล้ว กระโดดลุกขึ้นยืนจากโซฟา เขามองหน้าคนนั้น แล้วถามอย่างเยือกเย็นว่า “แกพูดอีกทีสิ”
ที่จริงแล้ว ไอ้เด็กซนก็ได้ยินชัดเจนแล้ว เพียงแต่ว่า เขาไม่อยากจะเชื่อเท่านั้นเอง
มู่เสี่ยวไป๋จะกล้าหาญชาญชัยมาจากไหนกัน กล้าที่จะมาต่อกลอนกับท่านจวนเชียวเหรอ?
อีกอย่าง มู่เสี่ยวไป๋ในวันนี้ ไม่ใช่เหมือนกับตัวเองที่มีศัตรูเดียวกัน ก็คือหลี่ฝางเหรอ ?
หลังจากที่รอให้ลูกน้องพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งแล้ว ไอ้เด็กซนก็เชื่ออย่างสนิท อย่างน้อย นี่ก็เป็นลูกน้องคนสนิทของเขาเอง ติดตามตัวเองมาตั้งหลายปีแล้ว และไม่เคยพูดโกหกเลย
อย่างน้อยก็ไม่เคยพูดโกหกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? คืนนี้มู่เสี่ยวไป๋ไม่ใช่จะไปฆ่าหลี่ฝางเหรอ? เขาทำไมถึงกลับมาบุกทำลายที่ทำมาหากินของพวกเราได้ล่ะ?”
ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางขมวดคิ้ว ก็ไม่ค่อยเชื่อเหมือนกัน
ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางมองไปยังคนที่เดินเข้ามาด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “แกบอกว่ามู่เสี่ยวไป๋ทุบทำลายที่ทำกินของพวกเราหลายที่แล้วเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ข้างกายของมู่เสี่ยวไป๋ ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น จางกงหมิงก็หนีไปแล้ว หมาจื่อก็ถูกจับแล้ว นับไปนับมา ก็ไม่ถึงร้อยคนเท่านั้นเอง อาศัยคนแค่หยิบมือเดียว ก็ทุบทำลายแหล่งทำมาหากินของพวกเราไปได้ถึงสิบกว่าแห่งเลย แล้วพวกยามเฝ้าประตูพวกเราล่ะ? แม้งตายไปไหนกันหมดแล้ววะ?”
“นั่นสิ มู่เสี่ยวไป๋มีคนมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน?” ได้เด็กซนก็สงสัยขึ้นมา “แกถูกคนอื่นอำเล่นรึเปล่า?”
“ไม่มี จริงแท้แน่นอน มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนที่บัญชาการอยู่เบื้องหลังจริงๆ คนของพวกเราก็เห็นกับตากันทั้งนั้น”
“พวกนั้นที่ตามมู่เสี่ยวไป๋มาทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกเรา ไม่เพียงแต่เป็นคนของมู่เสี่ยวไป๋ ยังมีกลุ่มคนที่พวกเราเพิ่งจ้างมาใหม่ด้วย พวกเขาก็แปรพักตร์ไปหมดแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามู่เสี่ยวไป๋ให้ยาเสน่ห์อะไรพวกเขากิน พวกเขาฟังคำสั่งมู่เสี่ยวไป๋อย่างไม่ขัดขืนเลย”
“ต่อให้นับรวมพวกเศษสวะพวกนี้แล้ว ก็ไม่น่าเป็นไปได้นะ”
ไอ้เด็กซนก็ถามต่อไปว่า “พวกเขายังมีพรรคพวกที่อื่นช่วยอีกหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว อีกทั้งคนยังเยอะมากด้วย พวกเขาเข้ามาในแหล่งทำกินของพวกเรา ก็ลงมือทุบทำลายสิ่งของทั้งหมด อีกทั้งยังทำร้ายแขกประจำของเราไปด้วย ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนพวกนี้ไร้มนุษยธรรมจริงๆ เห็นของอะไรที่มีค่า เขาก็ทุบทำลายอันนั้นเลย ฉันได้ยินมาว่า ตอนที่พวกเขาทุบทำลายข้าวของ ยังใช้มือถือของตัวเองถ่ายรูปที่ตัวเองทุบทำลายไว้ด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเล่นอะไรกันแน่”
ไอ้เด็กซนได้ฟังดังนั้นแล้วก็ขมวดคิ้ว
ไอ้เด็กซนมองดูผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง แล้วถามว่า “มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่นะ?”
ไอ้เด็กซนคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ
ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็รีบถามว่า “ฉันถามแกหน่อย งั้นตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋อยู่ที่ไหน?”
“ก็อยู่ที่จัตุรัสเย่หมิงจูแหละ คนส่วนใหญ่ที่ทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกเราเสร็จแล้ว ต่างก็วิ่งไปรวมตัวอยู่ที่จัตุรัสเย่หมิงจู เข้าไปรายงานผลกับมู่เสี่ยวไป๋”
“ไป ไปหามู่เสี่ยวไป๋กัน”
ไอ้เด็กซนพูดว่า “แกกลับไปรวบรวมไพร่พล แล้วไปรวมตัวที่จัตุรัสเย่หมิงจู”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset