NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 795 ท่านจวนไปแล้ว

หลายวันที่ผ่านมานี้ หลี่ฝางฝึกฝนกับส้าวส้วยมาโดยตลอด น้อยครั้งที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนฉินวี่เฟย
มีแค่ตอนกลางดึกเท่านั้น หลี่ฝางจึงจะมาหาเธอ
แต่ครั้งนี้ น่าจะเป็นเวลาที่กำลังฝึกซ้อม ทว่าหลี่ฝาง กลับแต่งตัวทางการ ทั้งยังแต่งองค์ทรงเครื่องมาด้วยความตั้งใจ
เมื่อเห็นแบบนี้ หลี่ฝางมาเพราะมีธุระ
ฉินวี่เฟยมองหลี่ฝาง:“คุณเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกใช่ไหมคะ?”
แววตาของฉินวี่เฟย มีประกายแวววับ ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ฉินวี่เฟยอยู่ในสถานตากอากาศ เธอแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
แต่ว่า เธอก็ไม่กล้าที่จะออกไป
เพราะถึงอย่างไร ที่นี่ก็มีหลี่ฝาง
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด:“ใช่แล้ว”
“พาฉันไปด้วยได้ไหมคะ?” ฉินวี่เฟยเผยความปรารถนาของตนเองแล้วเอ่ยถาม
ทว่าเพิ่งพูดจบ เธอก็ปฏิเสธเอง:“ช่างเถอะ ฉันไม่ทำให้คุณลำบากใจแล้ว ออกเดินทางครั้งนี้ ต้องเป็นเพราะมีเรื่องที่สำคัญมากๆใช่ไหมคะ ฉันไปกับคุณ ช่วยอะไรคุณไม่ได้ แล้วยังทำให้คุณต้องลำบากอีก”
“ผมส่งคุณกลับตระกูลฉินดีกว่า หลายวันที่ผ่านมานี้ คุณคงคิดถึงพ่อกับแม่คุณมาก และก็คิดถึงพี่สาวคุณมากด้วยใช่ไหม?”
หลี่ฝางมองฉินวี่เฟยแล้วเอ่ยถาม:“พวกเขาน่าจะคิดถึงคุณมากเหมือนกัน”
ฉินวี่เฟยยิ้มแล้วเอ่ยถาม:“ฉันกลับบ้านได้แล้วเหรอคะ?”
วันนี้ ฉินวี่เฟยกลายเป็นผู้หญิงของหลี่ฝางแล้ว ศัตรูที่อยู่รอบตัวหลี่ฝาง มีมากมายนับไม่ถ้วน
ถ้ามีคนเอาเธอไปข่มขู่หลี่ฝาง หลี่ฝางจะต้องตัดสินใจยากมาก
ดังนั้น ฉินวี่เฟยยอมที่จะไม่กลับบ้าน อยู่ที่สถานตากอากาศตามลำพัง เพราะไม่อยากให้หลี่ฝางต้องตกที่นั่งลำบากแบบนี้
หลี่ฝางยิ้ม:“แน่นอนว่าได้สิครับ”
“ตระกูลตงฟาง คงไม่ถึงขั้นมาทำอะไรผู้หญิงคนหนึ่ง” หลี่ฝางพูด
พูดจบ หลี่ฝางจับมือฉินวี่เฟย ออกไปจากสถานตากอากาศ
หลังจากส่งฉินวี่เฟยเสร็จ หลี่ฝางเตรียมขับรถมุ่งหน้าไปยังอำเภอหลิน ทว่าตอนที่หลี่ฝางเดินออกมาจากบ้านตระกูลฉิน หลี่ฝางเห็นร่างที่คุ้นเคย
ฉินเสี่ยวหู่หลบอยู่ในมุมหนึ่ง โบกมือให้หลี่ฝางไม่หยุด
หลี่ฝางมองดูรอบๆ หลังจากพบว่าไม่มีใครมองดูตน ก็รีบเดินไปตรงหน้าฉินเสี่ยวหู่
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วเอ่ยถาม
ฉินเสี่ยวหู่ เป็นจารชนที่หลี่ฝางส่งไปแฝงตัวข้างมู่หรงฉางเฟิง แต่จารชนคนนี้ หลี่ฝางไม่ได้ใช้งานเท่าไหร่
มีแค่ในสถานการณ์ใหญ่เท่านั้น เขาจึงจะปรากฏตัว
เพราะถึงอย่างไร การที่ฉินเสี่ยวหู่ทำแบบนี้ ต้องเสี่ยงชีวิต
ฉินเสี่ยวหู่พยักหน้า แล้วพูด:“เป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านจวน แต่ว่า ตอนนี้คุณน่าจะต้องเรียกเขาว่าคุณท่านตงฟางแล้วครับ”
สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่สับสน:“ท่านจวนคนนี้ แสดงละครตบตาเก่งจริงๆ ก่อนหน้านี้ ตอนอยู่ต่อหน้ามู่หรงฉางเฟิง ไม่ได้มีอำนาจอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ ทั่วทั้งตระกูลมู่หรงเมื่อเห็นเขา ก็เหมือนเด็กไปเลย ไม่รู้ว่าเขามีอะไรเก่งกาจ”
หลังจากฉินเสี่ยวหู่ทอดถอนหายใจ ก็พูดต่อ:“ผมคิดว่า ท่านจวนคนนี้ มีสองบุคลิก”
“สองบุคลิกอะไรกัน” หลี่ฝางเอ่ยถาม
“ผมเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง บนโลกใบนี้มีกลุ่มคนพิเศษอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่มีหลากหลายบุคลิก ถึงแม้เขาจะเป็นแค่คนๆเดียว แต่การใช้ชีวิต กลับแสดงเป็นหลากหลายบทบาท ซึ่งก็คือคนหนึ่งคน สามารถแบ่งเป็นหลายคนได้ แต่ว่าท่านจวน เขาสามารถแบ่งเป็นสองบุคลิกได้อย่างอิสระ ตอนที่เขาเป็นท่านจวน เขาเป็นคน แต่ตอนที่เขาเป็นคุณท่านตงฟาง เขากลับเปลี่ยนเป็นคนละคน”
ฉินเสี่ยวหูพูด:“กล่าวโดยสรุป คนๆนี้ซับซ้อนมาก ตอนนี้มองดูเขา ไม่เหมือนตอนแรกแม้แต่น้อย เป็นคนละคนกันไปเลย”
“นายเสี่ยงชีวิตมาหาฉัน เพื่อที่จะบอกเรื่องพวกนี้กับฉันอย่างนั้นเหรอ?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ผมมีเรื่องสำคัญจะรายงานให้คุณ” ฉินเสี่ยวหู่พูด
หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ พูดด้วยความรำคาญเล็กน้อย:“นายพูดมาสิ”
“ผมไม่เห็นคุณท่านตงฟางมาหลายวันแล้ว เหมือนว่าเขาจะไปจากเมืองเอกแล้ว” จู่ๆฉินเสี่ยวหูก็พูดขึ้น
“นายบอกว่าอะไรนะ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม:“นายบอกว่าท่านจวนไปแล้ว?”
“เขาไปที่ไหน?” หลี่ฝางเอ่ยถาม
ฉินเสี่ยวหู่ส่ายหน้า แล้วพูด:“ไปที่ไหน ผมเองก็ไม่รู้ แต่ว่า เมื่อคืนมู่หรงฉางเฟิงดื่มหนักจนเมาแล้วบอกผม คุณท่านตงฟางไปในที่ที่ไกลมากๆ เหมือนว่าเขาไปแก้แค้นให้กับหลานสาวของตนเอง”
“แต่รายละเอียดเป็นยังไงมู่หรงฉางเฟิงไม่ได้พูด เขาพูดแค่คำเดียว ก็สร้างเมาทันที แต่ว่าผมในตอนนั้น แกล้งทำเป็นเมา ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ไม่อย่างนั้น เขาต้องฆ่าผมทิ้งแล้วแน่ๆ”
ฉินเสี่ยวหู่พูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว:“สำหรับมู่หรงฉางเฟิง ตอนนี้ผมยิ่งอยู่ก็ยิ่งไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้ เขาเลี้ยงผมเอาไว้เพื่อสู้กับคุณ แต่คุณในตอนนี้ ใช่คนที่ผมจะสู้ด้วยได้ยังไง? ผมในตอนนี้ เป็นแค่สุนัขรับใช้ที่อยู่ข้างกายมู่หรงฉางเฟิงเท่านั้น ผมต้องคอยส่ายหางทำตัวน่าสงสารเวลาอยู่ต่อหน้ามู่หรงฉางเฟิงทุกวัน คอยประจบเขา ทำให้เขามีความสุข”
“ตอนนี้ สี่ตระกูลใหญ่เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ชีวิตที่รุ่งโรจน์ของพวกเขา ไม่มีแล้ว ดังนั้น นิสัยของมู่หรงฉางเฟิง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเกรี้ยวกราด มีหลายครั้ง ที่เขาทุบตีผมด้วย”
ฉินเสี่ยวหู่เบ้ปาก พูด:“คุณชายหลี่ คุณช่วยดำเนินการให้ผม ไปจากมู่หรงฉางเฟิงหน่อยได้ไหม”
หลี่ฝางพยักหน้า พูด:“ถ้านายมีโอกาส ก็หนีไปเองเถอะ”
“ทำแบบนั้นไม่ได้ ผมรู้ความลับของมู่หรงฉางเฟิงมากเกินไปแล้ว ถ้าผมหนี เขาต้องไม่มีวันปล่อยผมไปอย่างแน่นอน ถ้าเขาหาผมไม่เจอ ต้องจัดการพ่อแม่ของผม และลงมือกับคนตระกูลฉินอย่างแน่นอน” ฉินเสี่ยวหูพูดด้วยความรู้สึกหลัว
หลี่ฝางหัวเราะ มองไปที่ฉินเสี่ยวหู่:“คนอย่างนาย รู้จักสนใจคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่ เผยรอยยิ้มมีเลศนัย:“พูดตามความจริง คุณชายหลี่ ผมคนเดิม เป็นคนเห็นแก่ตัว ทำตัวเกเรตั้งแต่เด็ก เพราะผมเป็นคนตระกูลฉิน เป็นคนรวย ตั้งแต่เล็กจนโตจึงรู้สึกว่าตนเองสูงกว่าคนอื่นหนึ่งขั้น ทำเรื่องเลวทรามทุกอย่าง เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ค่อยๆกลายเป็นอสูรร้าย กลายเป็นคนไม่มีหัวใจ แม้แต่ญาติมิตร ผมก็ไม่สนใจ”
“ผมมักจะรู้สึกว่า ทั่วทั้งตระกูลฉิน ล้วนดูถูกผม เราถึงเจ้าเด็กเปรตฉินจื่อยี่ด้วย”
“แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว ผมฉินเสี่ยวหูก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่คอยปกป้องผมเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลฉินคอยให้ท้ายอยู่เบื้องหลัง ผมฉินเสี่ยวหู่คนนี้ คงจะตายไปแปดร้อยครั้งตั้งนานแล้ว”
“ตอนที่ผมไปรับใช้มู่หรงฉางเฟิง ผมก็ยิ่งรู้สึก คิดถึงคนตระกูลฉิน สำหรับเรื่องเลวร้ายในอดีต ผมก็รู้สึกผิดอย่างมาก โดยเฉพาะวันนั้น ผมเกือบทำให้คุณปู่ไม่ได้ฝังตามฤกษ์ยาม พูดมาแล้ว ผมมันไม่ใช่คนเลยจริงๆ เพราะคุณแท้ๆ คุณชายหลี่ ไม่อย่างนั้น……”
“ต่อให้ผมตายไปแล้ว ก็ไม่มีหน้าไปเจอคุณปู่”
ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มแห้งๆแล้วพูด:“ผมไม่อยากทำให้คนในตระกูลต้องเดือดร้อน ดังนั้นจึงอยากให้คุณชายหลี่คิดหาวิธี ช่วยให้ผมหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน”
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด:“ได้ สองสามวันนี้ ฉันจะวางแผนให้เรียบร้อย นายกลับไปก่อนเถอะ”
หลังจากรอให้ฉินเสี่ยวหู่กลับไป หลี่ฝางครุ่นคิดถึงคำพูดของฉินเสี่ยวหู่ ท่านจวนจากไปแล้ว ไปแก้แค้นให้หลานสาวของตนเองแล้ว
ฟีนิกซ์?
ใครเป็นคนฆ่าฟีนิกซ์?
โหจื่อ?
หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม ครุ่นคิดในใจ วันนั้นถึงแม้โหจื่อจะเอาชนะฟีนิกซ์ได้ ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ แต่โหจื่อไม่ใช่คนฆ่าฟีนิกซ์
ฟีนิกซ์ ฆ่าตัวตาย
อีกทั้ง ถ้าหากท่านจวนคิดบัญชีถึงการตายของฟีนิกซ์ ไปที่โหจื่อ เช่นนั้น ท่านจวนก็ต้องบุกไปฆ่าที่สถานตากอากาศต่างหากถึงจะถูก ทำไมถึงไปที่อื่นได้ละ
หลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นมากะทันหัน หรือว่า ท่านจวนไปเจอแม่ของตนแล้ว?
ฟีนิกซ์ฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกผิดกับแม่ของตน ส่วนท่านจวน มีความเป็นไปได้สูงว่า จะคิดบัญชีเรื่องการตายของฟีนิกซ์ไปที่แม่ของตน
เมื่อคิดได้แบบนี้ อารมณ์ของหลี่ฝาง มีหมอกควันก่อตัวขึ้นมาบางๆ
ตอนนี้ ทางด้านพ่อของตน ยังคงไม่ส่งข่าวอะไรมา แต่ทุกครั้งที่หลี่ฝางถามเรื่องทางนั้นกับส้าวส้วย ส้าวส้วยก็ไม่บอกกับตน
ตอนนี้ ท่านจวนไปกะทันหัน ถ้าอย่างนั้นแม่ของตน……สามารถรับมือได้ไหม?
เพราะถึงอย่างไรท่านจวน เป็นคนที่แม้แต่พ่อของตน ยังรู้สึกหวาดกลัว
หลังจากหลี่ฝางคิดถึงตรงนี้ ก็รีบโทรศัพท์ติดต่อส้าวส้วย ส่วนส้าวส้วยหลังจากได้รับสาย เพียงแค่ตอบกลับเสียงเรียบ:“ผมเข้าใจแล้ว”
“นายไม่เป็นกังวลเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม
นั่นคือแม่ของตน ทั้งยังมีพ่อของตนด้วย
เมื่อเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของพวกเขา หลี่ฝางกระวนกระวายยิ่งกว่าใคร แต่น้ำเสียงของส้าวส้วย นิ่งสงบเกินไปแล้ว
เหมือนว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
ส้าวส้วยพูดเสียงเรียบ:“เรื่องนี้ พวกเรารู้ช้าไปแล้ว อีกทั้ง ตอนที่ผมกลับมา แม่ของคุณบอกให้ผมกลับมา เธอเองก็เข้าไปยังพื้นที่ปีศาจแล้ว”
“หลังจากพิสูจน์ข่าวแล้ว เราค่อยตัดสินใจ คุณทำงานของคุณไปก่อน ทางด้านท่านจวน ผมไปจัดการเอง”
ส้าวส้วยพูดจบ ก็วางสาย
ตามด้วย ส้าวส้วยรีบกดติดต่อไปอีกเบอร์หนึ่ง หลังจากติดต่อได้แล้ว ส้าวส้วยก็ทำด้วยความกระวนกระวาย:“ได้ข่าวอะไรรึยัง?”
“ไม่ครับ”
ปลายสาย ความเป็นจริงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่ชายของโก่เอ๋อ
พี่ชายของโก่เอ๋อพูด:“ถ้าได้ข่าวอะไรคืบหน้า ผมจะบอกคุณทันที”
“แล้วช่วงนี้คุณเห็นอะไรผิดปกติรึเปล่า ผมได้ยินว่า ทางนี้มีคนไปแล้ว” ส้าวส้วยถาม
ทุกทางเข้าออกของพื้นที่ปีศาจ พี่ชายของโก่เอ๋อ พาคนไปล้อมเอาไว้หมดแล้ว ทันทีที่มีคนเข้าหรือออก พี่ชายของโก่เอ๋อ จะรู้ทันที
และจะบอกส้าวส้วยทันที
พี่ชายของโก่เอ๋อส่ายหน้า แล้วพูด:“ก็ไม่มีเหมือนกันครับ ผมเพิ่มการค้นหาแล้ว แต่ว่า ดูเหมือนข้างในจะใหญ่มาก ผมใช้โดรนที่ยืมมาได้ ส่งออกไปหมดแล้ว โดรนพวกนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าสัญญาณขาดหาย ก็หายสาบสูญไปเลย ส่วนที่เหลือ ก็ถ่ายไม่โดนอะไรเลย”
“ตามหลักการแล้ว พื้นที่ตรงนั้นก็ใหญ่แค่นั้น ผมไม่เข้าใจ ทำไม ถึงถ่ายแม้แต่คนไม่ได้” พี่ชายของโก่เอ๋อพูด
ส้าวส้วยขานตอบอื้ม แล้วพูด:“รบกวนนายด้วย มีอะไรคืบหน้า บอกฉันทันที”
“มีอะไรให้รบกวนครับ พวกคุณช่วยผมเอาไว้มาก ผมต้องขอบคุณพวกคุณต่างหาก คุณปู่ของผมโทรศัพท์มาหาผมแล้ว เรื่องในครั้งนี้ คุณงามความดีทั้งหมด ล้วนตกเป็นของผม ขอแค่ผมกลับไป ก็จะเก่งมากเลย ท่ามกลางคนหนุ่มสาวในรุ่น เกรงว่าจะไม่มีใครเทียบผมได้”
น้ำเสียงของพี่ชายโก่เอ๋อ เผยความดีใจอย่างมาก:“พูดตามความจริง ถ้าไม่ใช่พวกคุณ……”
“แค่นี้นะ มีข่าวอะไรแจ้งบอกด้วย” ส้าวส้วยไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้ จึงวางสายทันที
จากนั้น ส้าวส้วยเข้าไปในห้อง มองบาดแผลของโหจื่อ แล้วพูด :“ดีขึ้นหน่อยไหม?”
“พี่ใหญ่เขา……”
โหจื่อขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้าดูแย่มาก เขามองหลิงหลงครู่หนึ่ง แล้วมองลุงเฉียนครู่หนึ่ง พูด:“ในห้องไม่คนนอก นายบอกความจริงกับทุกคนเถอะ พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้าง ฉันไม่เชื่อว่าพี่ใหญ่จะตาย เขาเก่งขนาดนั้น ตอนนั้นที่อยู่ต่างประเทศ อันตรายมากขนาดนั้น เขาก็สามารถผ่านมันมาได้ แต่ทำไมแค่ที่เล็กๆ ถึงติดอยู่ในนั้นได้?”
“ใช่ ส้าวส้วย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไม การที่นายปิดปิงเสี่ยวฝางพวกเราเข้าใจได้ แต่นายจะปิดบังพวกเราทำไม?”
หลิงหลงเองก็พูดด้วย
คิ้วของส้าวส้วย ขมวดเป็นปม พูดด้วยสีหน้าที่สับสนเล็กน้อย:“ความเป็นจริงพี่ใหญ่ไม่ได้ถูกบีบให้เข้าไปในพื้นที่ปีศาจ เขาเข้าไปด้วยตนเอง เขาบอกว่า ด้านในนั้นมีของบางอย่าง ร้องเรียกเขา พี่ใหญ่ในวินาทีนั้น เหมือนธาตุไฟเข้าแทรก”
“หลังจากเขาช่วยให้ฉันบรรลุกำลังภายใน ก็เข้าไปคนเดียว เขาบอกให้ฉันไม่ต้องตามเข้าไป”
ส้าวส้วยพูด:“พื้นที่ตรงนั้นอันตรายมาก แต่พี่ใหญ่บอกว่า ท่านจวนเคยเข้าไปหนึ่งครั้ง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset