NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 814 หลี่ฝางสิที่เป็นลูกพี่

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ: “ทำไม ฉันไม่สั่ง ยังจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกไง?”
“คุณว่าไงล่ะครับ?”
พนักงานหัวเราะหึ: “คุณนั่งอยู่ที่นี่ ดื่มน้ำไปสองเหยือกแล้ว แม้แต่ชายังไม่สั่งสักเหยือก หมายความว่าไง? คุณคอแห้งแล้ว มาเพื่อดื่มน้ำหรือไง?”
“เพื่อนฉันยังไม่มา ฉันจะสั่งอาหารได้ยังไง?” หลี่ฝางพูดตอกกลับไป
“คุณครับ ผมแนะนำ ให้ไปร้านอื่นเถอะครับ ดูสภาพแล้วนายแล้ว ก็ไม่เหมือนคนที่จ่ายค่าอาหารของเราไหว อายุอย่างนายเหนี่ย ควรจะไปร้านอาหารเล็กๆ หรือว่าร้านข้างทางนะ เข้าถึงได้ แถมยังใช้เงินน้อย นายได้กินอย่างแฮปปี้ จ่ายก็แฮปปี้ พูดอย่างไม่ปิดบังเลยนะ อาหารที่นี่ ไม่ถือว่าอร่อยจริงๆ หรอก แถมยังแพงด้วย” พนักงานพูดด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา
“แพง? แพงขนาดไหน?” หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูก
ตอนแรกที่อยู่ที่โรงแรมว่างโก๋ หลี่ฝางเอาเหล้าLafiteบ้วนปากมาแล้ว
อาหารมื้อละหนึ่งล้านยังจ่ายมาแล้ว มาถึงอำเภอเล็กๆ แห่งนึง ทำไมจะจ่ายไม่ไหว?
“โดยรวมแล้ว ตกอยู่คนละร้อยสองร้อย เหมือนกับเล่น ถ้าคุณยังอยากจะดื่มเหล้าอีก งั้นก็แพงขึ้นอีกเยอะเลย” เมื่อพนักงานเพิ่งพูดจบ ด้านหลังเขาก็มีคนอ้วนบวมเหล้าคนนึง แตะไปที่พนักงานทีนึง: “ไอ้หมอนี่เรียบร้อยหรือยังห้ะ พวกฉันยืนอยู่เป็นครึ่งวันแล้ว เร็วๆ หน่อย”
“ไอ้หนุ่ม ถ้านายไม่สั่งอาหาร งั้นก็รีบไปเถอะ หรือว่าถ้าเพื่อนนายไม่มา ก็จะไม่สั่งอาหารเลยงั้นเหรอ? อย่ามาลีลาที่นี่ เอาแบบนี้ ฉันเห็นนายเรียกรถมา ใช่มั้ย นี่ยี่สิบเหรียญ เบิกค่ารถไปกลับของนายได้แล้ว”
พนักงานคนนั้นควักเงินสดยี่สิบเหรียญออกมาอย่างใจกว้าง แล้ววางมันลงบนโต๊ะข้างหลี่ฝาง
ในตอนนั้นหลี่ฝางก็รู้สึกสนุกขึ้นมา แล้วยิ้มฮี่ๆ แล้วชี้ไปที่คนด้านหลังพนักงานพลางถาม: “ไอ้หมอนั่นเป็นใครกัน? กล้าลงไม้ลงมือกับนาย”
“นายไม่ต้องถามว่าเขาเป็นใครแล้ว เอาเป็นว่า นายทำให้เขาไม่พอใจไม่ไหวหรอก”
พนักงานคนนั้นไม่ได้พูดกับหลี่ฝางเลย
หลี่ฝางรู้ พนักงานคนนี้ได้เงินเดือนตายตัว ถึงแม้จะเป็นโรงแรมกึ่งห้าดาว พนักงานต้อนรับที่นี่ ก็ไม่น่าจะมีเงินเดือนมาสักเท่าไหร่
วันนี้ เขากับควักเงินตัวเองมาให้หลี่ฝางไป เห็นได้ชัดว่าเขากลัวคนที่อยู่ด้านหลังเขา
“ถ้าหากฉันบอกว่า ฉันไม่ไปล่ะ”
หลี่ฝางมองเงินยี่สิบเหรียญบนโต๊ะนั่น แล้วยิ้มอย่างดูถูก
ไม่รอให้พนักงานพูดอะไร เจ้าคนที่ไว้พุงบวมเหล้า ก็เดินเข้ามาทันที: “เฮ้ย ไอ้เด็กน้อย นายแม่งกล้าดีนี่หว่า รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?”
หลี่ฝางขี้เกียจจะมอง ถ้าหากเขาเป็นบุคคลที่เก่งกาจจริงๆ ทำไมถึงมากินข้าวที่ห้องอาหารกันล่ะ?
คงเข้าห้องส่วนตัวไปนานแล้ว
เห็นที คงเป็นพวกไม่ได้เรื่อง
และในตอนนั้น แมงป่องก็เดินเข้ามาด้านใน เห็นหลี่ฝาง จึงเดินเข้ามาหา
“ฉันถามแกอยู่นะ แกหูหนวกหรือไงวะ?” ไอ้อ้วนบวมเหล้าถามขึ้นต่อ แต่แค่น้ำเสียงในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าโมโหกว่าคราวที่แล้วมาก
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วยิงคำถามต่อ: “งั้นนายเป็นใคร? มา พูดออกมาให้ฉันตกใจหน่อย”
“รู้จักแมงป่องมั้ย?” บนหน้าของไอ้อ้วนบวมเหล้า ก็แสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่ง
หลี่ฝางก็หัวเราะตาม น่าขำจริงๆ คิดไม่ถึง ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนของแมงป่อง
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “รู้จักสิ ทั้งอำเภอหลินนี้ มีใครไม่รู้จักบ้างล่ะ นายว่างั้นมั้ย? พี่ชาย”
“รู้จักก็ดี พี่น้องฉัน พี่น้องซี้ปึ้ก เคยร่วมติดคุกมาด้วยกันแบบนั้น เขาก็คอยติดตามแมงป่องอยู่ กลัวเลยใช่มั้ยล่ะ?”
ไอ้อ้วนบวมเหล้าคนนั้นหัวเราะหึขึ้นมา: “ถ้ากลัวแล้ว ยังไม่รีบไสหัวไป แล้วให้แฟนฉันนั่งอีก?”
หลี่ฝางมองผู้หญิงของไอ้อ้วนบวมเหล้า ถึงแม้จะแต่งหน้าหนาเตอะ แต่ว่าหุ่นก็ไม่เลว
หลี่ฝางยื่นมือออกไป แล้วดึงเธอเข้ามา: “ทำไมฉันต้องไปด้วยล่ะ ถึงแม้ฉันจะไม่ไป แฟนของนายก็นั่งได้ไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของไอ้อ้วนบวมเหล้า ก็ดำคล้ำขึ้นมาทันที
ส่วนพนักงานคนนั้น ก็ตกใจจนกลืนน้ำลาย
พนักงานคิดว่าหลี่ฝางกล้าเกินไปแล้ว ต่อหน้าต่อตาไอ้อ้วนบวมเหล้า ยังเอาเปรียบแฟนคนอื่นอย่างเปิดเผย แบบนี้ไม่ใช่แส่หาเรื่องเหรอ?
รูปร่างของไอ้อ้วนบวมเหล้า มองดูแล้วเหมือนเท่าหลี่ฝางสามคนได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา
แน่นอนว่า ไอ้อ้วนบวมเหล้าลุกขึ้น จากนั้นก็ชูหมัดขึ้น
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธที่สุดก็คือ ผู้หญิงของตน กลับไม่ยอมลุกจากตัวของหลี่ฝาง
เมื่อเทียบกับการนอกใจเขา ยังทำให้เขาโมโหกว่าอีก
ไอ้อ้วนบวมเหล้าคนนั้นกระชากผู้หญิงของตน แล้วเหวี่ยงไปด้านข้าง จากนั้นก็ตบเข้าไปที่หน้าเธออย่างจัง: “นังแพศยา เธอนี่มันแรดจริงๆ เขาดึงเธอไป เธอก็ไปนั่งอยู่บนตัวเขาอ่ะนะ เธอปฏิเสธไม่เป็นเหรอ?”
“ชอบตี๋หน้าขาวสินะ แม่งเอ๊ย”
ไอ้อ้วนบวมเหล้าพูด พลางยกมือขึ้นอีกครั้ง และยื่นมือจะไปตบผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
แต่ว่า ครั้งนี้หลี่ฝางห้ามเอาไว้ แล้วผลักไอ้อ้วนบวมเหล้านั่นไปด้านข้าง: “ตัวเองไม่มีความสามารถ ก็อย่ามาลงที่ผู้หญิงสิ น่าขายหน้ามั้ยเหนี่ย?”
นั้นตอนนั้น แมงป่องก็เดินเข้ามา
พนักงานคนนั้น เห็นได้ชัดว่ารู้จักแมงป่อง ถึงยังไง เขาก็เป็นพนักงานมานาน บุคคลในอำเภอหลินนี่ มีใครบ้างที่เขาไม่เคยต้อนรับ?
ปกติแมงป่องกินข้าว ก็มักจะมากินที่นี่ พนักงานคนนี้เคยเจอไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
“คุณชายหลี่ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้ลงไม้ลงมือกัน?”
แมงป่องยืนอยู่ข้างหลี่ฝาง แล้วถามเสียงเบา
“เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม จากนั้นก็ชี้ไปที่เก้าอี้ แล้วพูด: “นายก็มาแล้ว งั้นรีบนั่งลงเถอะ”
สีหน้าของแมงป่อง จู่ๆ ก็หม่นลงอยู่ครู่
กินที่ห้องโถง?
แมงป่องมากินข้าวที่โรงแรมจุนเยว่นับครั้งไม่ถ้วน ยังไม่เคยนั่งกินที่โถงใหญ่เลยสักครั้ง
ถึงยังไง แมงป่องก็เป็นลูกพี่ของอำเภอหลิน ให้เขานั่งกินที่โถงใหญ่ นั่นเท่ากับตบหน้าเขาไม่ใช่เหรอ?
แมงป่องกำลังจะเอ่ยปากแสดงความไม่พอใจ แต่ไอ้อ้วนบวมเหล้านั่นก็วิ่งเข้ามา: “กินแม่พวกมึงสิ มากวนส้นตีนกูไว้ พวกมึงยังอยากจะกินข้าวกันอีก เดี๋ยวกูจะเล่นพวกมึงให้ตายเลยเ**ดแม่ง”
ไม่รอให้หลี่ฝางลงมือ แมงป่องเสี่ยงกับการที่บาดแผลตามร่างกายเปิด แล้วเตะไอ้อ้วนบวมเหล้าจนกระเด็น
หลังจากไอ้อ้วนบวมเหล้านั่งคลานขึ้นมา ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมสุดๆ ทันที: “พวกมึง……พวกมึงถ้าเตะกู ฉันจะโทรหาลูกพี่ฉันเดี๋ยวนี้ ให้เขาพาคนมารุมพวกมึงให้ตาย”
แมงป่องไม่ได้สนใจไอ้อ้วนบวมเหล้า ถึงยังไงนักเลงในอำเภอหลิน มีใครกล้าหือกับเขา?
แมงป่องมองพนักงาน แล้วขมวดคิ้ว: “ทำไม ไม่มีห้องส่วนตัวแล้ว? ถ้าไม่มีแล้ว ก็เรียกคนแซ่หลิวเอาออฟฟิศของเขามาให้ฉัน”
เจ้าของโรงแรมจุนเยว่ แซ่หลิว
พนักงานเห็นว่าแมงป่องมาแล้ว จะกล้าบอกว่าไม่มีได้ยังไง
ที่จริง ห้องส่วนตัว ถูกคนจองเต็มแล้วจริงๆ แต่ว่า ยังมีแขกที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้น พนักงานคนนี้จึงทำได้แค่พาแมงป่องกับหลี่ฝางไปที่ห้องนั้นแล้ว
“แม่งเอ๊ย อย่าไปสิ อีกแป๊บลูกพี่ฉันก็มาแล้ว” ไอ้อ้วนบวมเหล้างอตัว ใช้มือกุมท้องไว้ แล้วตะโกนด่าหลี่ฝางกับแมงป่อง
ถ้าหากไม่ใช่ว่าแมงป่องไม่อยากก่อเรื่อง เกรงว่าได้ยินคำดูถูกแบบนี้ คงจะฆ่าเขาตายไปนานแล้ว
เมื่อหลี่ฝางมาถึงหน้าห้องส่วนตัว โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของหยิ่นเจิ้ง
หลี่ฝางรับสาย แล้วพูด: “ห้องโบตั๋น นายเข้ามาได้เลย”
“คุณชายหลี่ นายนัดใครมากัน?” แมงป่องยิ้มหยี๋ๆ แล้วถามขึ้น
ตอนนี้แมงป่อง ยังไม่รู้เลยว่าต้องกินข้าวกับใคร
หลี่ฝางอุบไว้ แล้วพูด: “อีกแป๊บนายเจอ ก็รู้แล้วว่าเป็นใครมั้ย? ถามไรเรื่อยเปื่อย”
หลี่ฝางตอบแมงป่องอย่างไม่สบอารมณ์ นั่นทำเอาพนักงานถึงกับตกใจ เขาต้อนรับแมงป่องมาหลายครั้งแล้ว ยังไม่เคยเจอคนอะไร ที่กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้ พูดกับแมงป่อง
ประเด็นคือ น้ำเสียงของแมงป่อง ยิ่งเหมือนกับลูกน้องอย่างนั้นแหละ
ทัศนคติของพนักงานคนนี้ ถูกทำลายหมดแล้ว
คนต่อหน้าตนคนนี้เด็กกว่าตนหลายปี สรุปแล้วเป็นใครกันแน่นะ ถึงกับทำให้ลูกพี่ใหญ่อย่างแมงป่อง ยอมจำนนได้?
หรือว่าจะเป็น?
พนักงานคาดเดาฐานะของหลี่ฝาง ต้องเป็นลูกชายของบุคคลยิ่งใหญ่สักคนแน่เลย
ถ้าไม่อย่างนั้น แมงป่องคงไม่ปฏิบัติแบบนี้
ไม่นาน หยิ่นเจิ้งก็พาลูกชายของตน มาถึงหน้าห้องโบตั๋น หลังจากเห็นหลี่ฝาง ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายหลี่ ขออภัยด้วย พวกเราพ่อลูกมาสายแล้ว พวกเราต้องลงโทษตัวเองสามแก้วแน่ๆ”
เมื่อหยิ่นเจิ้งพูดจบ สีหน้าก็หม่นหมองลงทันที เพราะว่าเห็นแมงป่องก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
หยิ่นเจิ้งกับแมงป่อง เป็นคู่กัดกันจนตาย โดยเฉพาะหลายวันมานี้ ราวกับน้ำไม่เข้ากับไฟ
ลมหายใจของพนักงานคนนั้น เปลี่ยนเป็นเร็วเล็กน้อย ในอำเภอหลินนี้มีใครไม่รู้บ้าง ว่าหยิ่นเจิ้งกับแมงป่อง กำลังทำสงครามกันอยู่
ทั้งสองสู้กันไม่ปล่อย
ที่ของแมงป่อง ถูกคนของหยิ่นเจิ้งพังหมด แถมยังโดนตรวจสอบจนปิดไปหลายแห่ง
ส่วนหยิ่นเจิ้ง นั้นก็ยิ่งหนักเลย ทั้งบริษัทกำลังเผชิญกับภาวะหยุดชะงัก
ทั้งสองคนนี้ มาเจอกัน ไม่ตายกันไปข้างเหรอ?
แน่นอนว่า แมงป่องกับหยิ่นเจิ้งทั้งสองจ้องตาซึ่งกันและกัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโมโห จนกลายเป็นสีแดงก่ำ
โดยเฉพาะแมงป่อง สีหน้าเขาเย็นชาลงทันที: “คุณชายหลี่ ไม่ใช่มั้ง? แขกในคืนนี้ที่คุณพูด เป็นไอ้สารเลวนี่เหรอ”
“ถ้ารู้ก่อนว่าเป็นนาย ฉันก็ไม่มาหรอก” หยิ่นเจิ้งก็พูดกระแทกกลับไป
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ประตูอยู่นู่น ถ้าหากพวกนายไม่อยากกินข้าว งั้นออกไปได้ ฉันไม่ถือสาอะไร”
หลี่ฝางพูดจบ ก็นั่งลง
แมงป่องกับหยิ่นเจิ้งยืนอยู่ครึ่งค่อนวัน ไม่มีใครพูดอะไร และยิ่งไม่กล้าเดินออกจากประตูไป
“จะกินไม่กิน? ไม่กินก็ไสหัวไป อย่ามายืนจ้องตากันตรงนี้ ถ้าจะกิน ก็นั่งลงให้หมด พนักงาน เอาเมนูมา ฉันจะสั่งอาหารแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
พูดตามตรง ไม่ว่าจะเป็นแมงป่อง หรือว่าหยิ่นเจิ้ง
ในสายตาของหลี่ฝางทั้งสอง ล้วนเป็นคนกากเหมือนลูกน้องของลูกน้องอีกที หลี่ฝางไม่ต้องไว้หน้าเลยสักนิด
และเมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแมงป่องหรือหยิ่นเจิ้ง ใครก็ไม่กล้าไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว
พนักงานคนนั้น เอ๋อไปโดยปริยาย ที่ตนเองต้อนรับวันนี้ สรุปแล้วเป็นคนแบบไหนกันแน่
คนนึงนักธุรกิจที่รวยที่สุดของอำเภอหลิน อีกคนก็เป็นลูกพี่ใหญ่ที่มีอำนาจที่สุดในธุรกิจสีเทา
ทั้งสองคนนี้รวมกัน เหมือนกับว่าจะทำให้คนในอำเภอหลินเกือบทุกคนสั่นสะเทือนได้เลย
แต่มาอยู่หน้าหลี่ฝาง ทั้งหมดแม้แต่ตดยังไม่กล้า
หลังจากทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็นั่งลงอย่างเชื่องๆ หลี่ฝางยิ้มอย่างพอใจ แล้วพูด: “ต้องแบบนี้สิ พวกนายสองคน ตอนนี้ถือว่าเป็นคนของฉันแล้ว ความแค้นอะไรเมื่อก่อนนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็ให้มันแล้วไปนะ ฉันจะไปแล้ว หลังจากฉันไปแล้ว ฉันไม่อยากเห็นพวกนายสองคนมีปัญหาอะไรกันอีก ถ้าหากมีปัญหาหรือใครลงไม้ลงมือกัน หลังจากฉันกลับมา จะต้องลงโทษคนที่ลงมือก่อนแน่ๆ ฟังชัดเจนแล้วหรือยัง?”
หลี่ฝางพูดจบ แมงป่องกับหยิ่นเจิ้ง เหมือนกับจะพยักหน้าพร้อมกัน
บุคคลฉลาดอย่างสองคนนี้ ในเวลานี้ก็เข้าใจความหมายของหลี่ฝาง
หลี่ฝางต้องการจับคู่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน แต่ว่าหลายวันมานี้พวกเขาสองคนต่อสู้กัน สู้กันหนักมาก ความแค้นที่สะสมไวของพวกเขาทั้งสอง ก็มาถึงจุดพีคแล้วด้วย
อยากให้พวกเขาละทิ้งอคติ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้สุดๆ แต่ว่า ต่อหน้าหลี่ฝางพวกเขาสองคน ไม่สามารถแกล้งตบตาว่าเชื่อฟังได้ เพราะว่า ตอนนี้คำพูดของหลี่ฝางประโยคเดียว ก็สามารถเป่าดับความคิดพวกเขาได้
หัวใจของพนักงานคนนั้นก็เต้นเร็วขึ้น ความหมายของคำพูดประโยคเมื่อกี้คือ บุคคลสองคนนี้ของอำเภอหลิน กลับกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหลี่ฝางงั้นสิ
ถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คาดว่าจะทำให้คนทั้งอำเภอหลินตกตะลึงกันทั้งอำเภอเลยมั้ง?
พูดตามตรง ถ้าหากไม่ได้ยินกับหู เห็นด้วยตาของตัวเอง ยังไงเขาก็ไม่เชื่อหรอก
ยังไงก็ไร้สาระเกินไปแล้ว เด็กหนุ่มคนนึง กลับยึดอำเภอหลินไปทั้งอำเภอ
แบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไปแล้วมั้ย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset