OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF – ตอนที่ 24 การรักษาที่ระทึกขวัญ

บทที่ 24 การรักษาที่ระทึกขวัญ

 

ผู้หญิงสวมชุดมืออาชีพชุดรัดรูปที่แสดงให้เห็นเส้นโค้งเว้าของหน้าอกเต็มๆ และเอวผอมของเธอพร้อมกับกระโปรงมาตรฐาน มันยิ่งทำให้ขายาวของเธอดูเหมือนดินสอสีขาวสองอัน เธอมีใบหน้าที่สวยงามและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจแต่ก็ยังคงแสดงความเย็นชาออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาของเธอมีสีดำเหมือนกับแสงสว่างดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

ที่หน้าอกของผู้หญิงคนนี้ยังมีบัตรประจำตัวที่อ่านว่า “หลินชิงวู่ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ” ป้าย ID ซึ่งห้อยอยู่ระหว่างหน้าอกขนาดใหญ่ของเธอทำให้หน้าอกของเธอดูโดดเด่นกว่าตำแหน่งของเธอเสียอีก

ทันทีที่ผู้หญิงที่กำลังจะจ่ายค่ารักษาให้กับหนิงเถาได้เห็นว่าผู้มาคือหลินชิงวู่ เธอก็ได้จากไปโดยไม่พูดอะไรเลย เมื่อเธอเดินผ่านตัวของอีกฝ่ายเธอยังตั้งพยายามทำตัวรีบๆและวิ่งออกไป

หนิงเถาพยายามเตือนเธอเรื่องการจ่ายเงินเป็นครั้งที่สอง แต่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ การเตือนความจำของเขาจะทำให้เขาดูเป็นคนตระหนี่ถี่ถ้วนเกินไป ซึ่งมันจะไม่สอดคล้องกับตัวละครที่เขาพยายามจะแสดงหรือตัวตนของเขาในฐานะเจ้าของคลินิกนภา

หลินชิงวู่ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่มาขอให้หนิงเถารักษาโรคจมูกอักเสบของเธอ หลินชิงวู่ทำเพียงจ้องมองหนิงเถาแทนตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเดินเข้ามาในประตู

หนิงเถามองไปที่เธอโดยไม่พูดอะไรแล้ว ก่อนที่จะก้มลงเก็บของของตัวเองและวางแผนที่จะเดินจากไป

“คุณเข้ามาที่นี้ได้ยังไง?” หลินชิงวู่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ

“แน่นอนผมต้องเดินเข้ามา “หนิงเถาตอบกลับไป

หลินชิงวู่ยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อเธอได้ยินคำตอบนี้ “ คุณเดินเข้ามาข้างในด้วยตัวเองหรือ? คุณรู้ไหมว่าสถานที่ที่คุณอยู่ตอนนี้คือที่ไหน? มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนนอกเข้ามาได้ ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้ายคุณเข้ามาที่นี้ได้ยังไง?”

เมื่อมาถึงจุดนี้หนิงเถาอาจจะรอดจากปัญหาถ้าเกิดว่าเขาปากสว่างเกี่ยวกับคนที่พาเขาเข้ามา แต่เขาจะไม่ทำแบบ เขารู้สึกขอบคุณความช่วยเหลือของหม่ายิงเค่ยด้วยซ้ำที่ทำให้เขาได้รับเงินมากกว่า 2,000 หยวน เขาจะไม่มีทางเผาสะพานของเขาหลังจากที่ข้ามมันไปเด็ดขาด ดังนั้นเพื่อจะหนีออกจากปัญหาที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาจึงรีบเก็บของที่ตัวเองนำมา

“คุณคิดว่าการที่คุณเงียบอยู่แบบนี้ปัญหาจะถูกแก้ไขใช้ไหม?” หลินชิงวู่ถามออกมา

หนิงเถายังคงเงียบเขาทำเพียงปิดหีบยาและลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินจากไป

ทันใดนั้นหลินชิงวู่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าหนิงเถาและพูดว่า “คุณไม่สามารถออกไปได้หากไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ!”

หนิงเถาก้าวไปข้างหนึ่งก้าวและพยายามที่จะหลบหลินชิงวู่ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้น ทันทีที่เขาก้าวท้าวหลบออกไป เธอก็ได้เดินมาบังเขาอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อไม่มีทางเลือกเขาจึงคิดจะเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะกันเธอให้ออกไปพ้นทาง

“ ถ้าคุณกล้าแตะฉันละก็ ฉันจะกรีดร้องออกมาทันที” หลินชิงวู่ได้เตือนหนิงเถาล่วงหน้า ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร

หนิงเถาหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะแสดงร้อยยิ้มออกมาและพูดว่า “ผมไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนั้น”

“ทำไม?”

“เพราะคุณเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพแห่งนี้ คุณจะข่มขู่ผู้ชายด้วยวิธีนี้ได้ยังไงกัน? และผมยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าคุณกรีดร้องขึ้นมาจริงๆและเมื่อตำรวจมาผมจะบอกให้พวกเขาไปดูกล้องวงจรปิด เพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น “หนิงเถาพูดออกมาพร้อมกับร้อยยิ้มบนใบหน้า

เมื่อหนิงเถาพูดจบก็เขาสังเกตเห็นว่ามีแสงประหลาดส่องประกายผ่านดวงตาของหลินชิงวู่ เธอได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า “จริงๆแล้วฉันถามเจ้าหน้าที่หลายคนที่ได้รับการรักษาจากคุณมาแล้ว เดิมฉันคิดจะเรียกตำรวจมาจับกุมตัวคุณ แต่ด้วยการที่พวกนั้นต่างก็บอกว่าคุณนั้นมีความสามารถจริง ฉันก็เลยไม่ได้เรียกตัวตำรวจมา “

“งั้นคุณหยุดผมทำไม?” หนิงเถาพยายามคาดเดาแรงจูงใจที่อีกฝ่ายมี แต่เขาก็ไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย

“มากับฉัน! เราจะคุยกันที่อื่น” หลินชิงวู่พูดขณะที่เธอเดินไปที่ทางเข้าห้องรับรอง

หนิงเถาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตามเธอไป เขาสงสัยว่าผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้าคนนี้ต้องการคุยกับเขาเรื่องอะไร

หลินชิงวู่ได้นำหนิงเต่าผ่านสำนักงานทั่วไปก่อนจะเข้าไปยังห้องทำงานของเธอ

เมื่อประตูสำนักงานของผู้จัดการทั่วไปปิดตัวลง ก็มีเสียงพูดคุยของพนักงานทั่วไปดังขึ้นมาอย่างไม่อาจจะหยุดได้

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมผู้จัดการแม่ชีของเราถึงพาหมอหนิงเข้าห้องทำงานของเธอ?”

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆคือหมอเร่ร่อนนั้นแปลกมาก เขาให้เข็มกับฉันแค่สองเข็มและภายในไม่กี่นาทีโรคที่ฉันเป็นอยู่ก็หายเป็นปกติเลย”

“ หรือว่าผู้จัดการของเรากำลังป่วยเป็นโรคที่ไม่อาจจะบอกใครได้?”

“เงียบไปเลย! มันจะไม่ดีถ้าผู้จัดการได้ยินนายพูด … “

หนิงเถาไม่ได้ยินเสียงกระซิบเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหลินชิงวู่ หญิงสาวผู้งดงามผู้นี้มีชื่อเล่นว่า “แม่ชี“

ห้องทำงานของหลินชิงวู่กว้างขวางและดูสะอาดตาเป็นอย่างมาก มันมีเพียงโต๊ะทำงาน ชั้นหนังสือ โซฟาหนังหนังสีดำและภาพวาดสมัยใหม่บางชิ้นบนผนังเท่านั้น  ภาพรวมแล้วห้องนี้ดูเหมาะสมกับการทำงานจริงๆ

“คุณนั่งลงก่อน “ หลินชิงวู่ได้นั่งลงบนโซฟาแล้วชี้ไปที่โซฟาตรงข้ามกับตัวเธอ

หนิงเถาไม่ปฏิเสธและนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับหลินชิงวู่ทันที จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะถามว่า “คุณหลิน! ผมขอเรียกคุณแบบนี้ก็แล้วกัน ทำไมคุณหลิวถึงไม่บอกผมว่าทำไมคุณถึงพาผมมาที่นี้กัน?”

หลินชิงวู่วางขาคู่สวยของตัวเองลงบนพื้นก่อนที่เธอจะเอนตัวพิงหลังพิงโซฟา ท่าทางของเธอนั้นทั้งสง่างามและน่าดึงดูดอย่างมาก อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอก็ไม่ทำอะไรอีกนอกจากจ้องมองหนิงเตาโดยไม่พูดอะไร

การแสดงท่าทางร่างกายก็ถือว่าเป็นการพูดเช่นกัน แต่หนิงเถาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเธอพยายามจะพูดอะไร ขาคู่สวยของเธอพร้อมกับกระโปรงสีดำที่ปกคลุมเพียงต้นขา มันทำให้การขยับตัวแต่ละครั้งของเธอนั้นเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ไม่อาจจะต้านทานได้

หลินชิงวู่รู้ดีว่าตอนนี้สายตาของอีกฝ่ายกำลังมองส่วนไหนของเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน เธอนั้นดูสงบและมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก และเธอยังมีกลิ่นอายที่ดูห่างไกลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ

เมื่อทั้งคู่ไม่พูดกัน มันก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องเริ่มที่จะค่อนข้างอึดอัด

อีกสิบวินาทีต่อมาหนิงเถาก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว เขาได้พูดขึ้นว่า “คุณต้องการอะไรกันแน่?”

“พนักงานของฉันบอกว่าคุณสามารถรักษาโรคด้วยเข็มเงินสองเล่มและมันใช้เวลาไม่กี่นาที” หลินชิงวู่เองก็เริ่มเช่นกัน “ฉันไม่เชื่อมัน แต่ถ้าคุณสามารถรักษาโรคกระดูกสันหลังส่วนเอวของฉันได้ ฉันจะถือว่าเรื่องทั้งหมดที่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น “

“แค่นี้เหรอ?” หนิงเถาถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

หลินชิงวู่พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่.” จากนั้นเธอได้พูดต่อว่า “คุณกล้าไหม? ถ้าคุณกลัวว่าจะรักษาฉันไม่ได้ คุณก็ควรจะขอโทษฉันและฉันจะไม่แจ้งความ”

หนิงเถาเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังพยายามทดสอบเขา

เขาจึงแสดงรอยยิ้มออกมาและพูดว่า “เมื่อคุณต้องการรักษา งั้นผมก็จะต้องแสดงทักษะเล็กๆน้อยๆที่ตัวเองมีต่อหน้าคุณแล้ว “

หนิงเถาพูดจบก็ได้ใช้ความสามารถของตัวเองทันที ก่อนที่เขาจะเห็นว่ารอบๆตัวของหลินชิงวู่นั้นเต็มไปด้วยสีสันต่างๆมากมาย เพื่อที่จะรู้รายละเอียดที่มากขึ้น เขาก็ได้สูดดมกลิ่นรอบๆตัวเธอเขาไปเพิ่ม

หลินชิงวู่รอและไม่เห็นว่าอีกฝ่ายคิดจะลงมือทำ เธอจึงได้พูดขึ้นว่า “คุณดูเหมือนจะไม่กล้าจริงๆ คุณอาจเป็นนักต้มตุ๋นจริงๆก็ได้”

“ ถอดเสื้อโค้ทและเสื้อเชิ้ตของคุณออกมา แล้วคุณก็ควรจะนอนไปบนโซฟาหลังจากนั้น” หนิงเถาได้ขัดจังหวะของหลินชิงวู่ และพูดในสิ่งที่เขาต้องการแทน

หลินชิงวู่ตัวแข็งไปครู่หนึ่ง และในเวลาต่อมาคิ้วของเธอก็แต่งแต้มไปด้วยความโกรธ “คุณพูดว่าอะไร?”

“คุณไม่ได้ขอให้ผมช่วยรักษากระดูกสันหลังส่วนเอวของคุณหรือไง? ถ้าคุณไม่ถอดเสื้อออกแล้วผมจะรักษาด้วยการฝังเข็มได้ยังไง? ” หนิงเถาเองก็พึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองพูดฮ้วนเกินไป ดังนั้นเขาจึงได้ขยายความประโยคก่อนหน้านี้

หลินชิงวู่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็หยุดไปเช่นกัน เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เธอขอให้เขารักษากระดูกสันหลังส่วนเอวของเธอเอง เมื่อมาถึงตอนนี้มันก็ไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว เธอจึงได้ทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายอย่างการถอดเสื้อผ้าออก ผู้ป่วยไม่ควรอายเมื่ออยู่ต่อหน้าแพทย์ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าหมอ แต่เมื่อเผชิญกับหนิงเถาแพทย์ชายผู้กระตือรือร้นและหล่อเหลา เธอก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะถอดเสื้อผ้าของเธอได้

หนิงเถาพูดเพิ่มเติมว่า “คุณมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังส่วนเอวของคุณ แต่มันไม่ได้สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับตัวคุณ ที่ผมกังวลมันมากกว่าคือระบบประสาทของคุณมากกว่า กระดูกสันหลังส่วนเอวคุณเกิดขึ้นเพราะมัน มันเริ่มจากการที่คุณนั้นเป็นโรคนอนไม่หลับและฝันร้ายตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้การนอนต่อวันของคุณเหลือเพียงแค่สามหรือสี่ชั่วโมงเท่า และแน่นอนว่าเมื่อคุณพักผ่อนไม่เพียงพอมันจะส่งผลต่อสภาพร่างกายโดยรวม “

หลินชิงวู่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตาโตขึ้นมาทันที “คุณรู้ได้ไงว่าฉันนอนไม่หลับ?”

หนิงเถาพูดออกมาอย่างสุภาพว่า “ผมเป็นหมอ มันจึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่ผมจะมีวิธีตรวจโรคใช้ไหม? และที่สำคัญกว่านั้นเรื่องนี้มันไม่สำคัญเลยเมื่อเทียบกับการรักษาโรคของคุณ ผมสามารถรักษาโรคที่เกิดจากกระดูกสันหลังส่วนเอวของคุณได้ในเวลาไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น ถ้าคุณอยากหายจากโรคนี้จริงๆคุณจะต้องเลิกนอนดึกและต้องไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ผมจะทำการฝังเข็มที่หัวของคุณในภายหลังและให้ใบสั่งยาคุณไปที่ร้านขายยาและรับ ยาตามใบสั่งแพทย์อย่างเคร่งคัด “ เขาหยุดพูดไปเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อว่า “คุณได้ยินแบบนี้แล้วยังอยากจะรักษาอยู่ไหม?”

“แน่นอน! ทำไมจะไม่ละ?”

“แล้วทำไมคุณยังไม่ถอดเสื้อผ้าของคุณอีก?” หนิงเถาได้พูดขึ้นว่า “ผมจะฝังเข็มคุณได้ยังไงเมื่อคุณไม่ถอดเสื้อผ้า?”

“คุณ … ” หลินชิงวู่นั้นรู้สึกว่าตัวเองได้ตกหลุมพางที่อีกฝ่ายวางเอาไว้ แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้

“เอาละ! ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ต้องการผมอีกแล้ว ดังนั้นผมคงต้องขอตัวกลับก่อน” หนิงเถาไม่พูดเปล่าแต่เขายังได้เตรียมที่จะลุกขึ้นและเดินจากไปพร้อมกับหีบยาของเขาอีกด้วย

“รอก่อน!” หลินชิงวู่ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกัดริมฝีปากอันน่าดึงดูดของเธอ ดูเหมือนว่านี้จะเป็นช่วงเวลาตัดสินใจแล้ว

หนิงเถาหยุดตามที่อีกฝ่ายพูด และก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรออกมา เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังถอดเสื้อผ้าดังออกมา

“โอเค! ฉันถอดเสือผ้าแล้วนายก็มารักษาฉันได้แล้ว” หลินชิงวู่รู้สึกอายกับการกระทำของตัวเองอย่างมาก แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกมากนัก

หนิงเถาหันกลับมาและภาพที่เขาเห็นมันก็ทำให้ตัวของเขาแข็งไปทันที

หลินชิงวู่ได้นอนอยู่บนโซฟาและเหลือเพียงชุดชั้นในสีดำเท่านั้น ผิวของเธอที่เผยให้เห็นนั้นทั้งขาวและนุ่มนวลเหมือนเนเฟอร์ไตต์ สะโพกของเธอโป่งเหมือนเนินเขาก่อให้เกิดเส้นโค้งที่เย้ายวนด้วยเอวเรียวของเธอ ขายาวของเธอประกอบเข้าด้วยกันแล้วมันดูไร้ที่ติเหมือนงานศิลปะหยกสีขาวชิ้นหนึ่ง ถึงว่าหนิงเถาจะเป็นผู้ฝึกตนแต่เขาก็ยังเป็นผู้ชายเหมือนกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากอย่างมากที่เขาจะไม่รู้สึกอะไร

“คุณกำลังรออะไรอยู่?” หลินชิงวู่มองหนิงเถา แม้ว่าเธอจะทำท่าสงบและไม่แยแสอะไร แต่แก้มของเธอได้ทรยศไปแล้ว ซึ่งตอนนี้มันกำลังมีอาการแดงและร้อนขึ้น

หนิงเถาพยายามปรับลมหายใจของตัวเอง และเดินไปด้านข้างโซฟาทันที เขาได้วางหีบยาไว้บนโต๊ะน้ำชา ก่อนที่จะเปิดมันแล้วหยิบเข็มศักดิ์สิทธิ์สี่เล่มออกมา โดยมีสองอันติดอยู่ในกระดูกสันหลังของหลินชิงวู่และอีกสองเล่มติดอยู่บนหัวของเธอ เข็มสองเล่มแรกถูกฝังแบบสุ่มและเขาไม่พบจุดฝังเข็มบนกระดูกสันหลัง เข็มสองเล่มสุดท้ายถูกฝั่งอย่างระมัดระวัง

“ ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย” หลินชิงวู่พูดขึ้นมาหลังจากที่เธอเห็นว่าการฝังเข็มนั้นเสร็จแล้ว

“ไม่ต้องห่วง” หนิงเถาพูดตอบกลับมาอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็จับเข็มศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเล่มที่ฝังอยู่บริเวณกระดูกสันหลังของเธอ จากนั้นก็ทำการหมุนมันเบาๆพร้อมกับการส่งพลังจิตวิญญาณของตัวเองผ่านเข้าไป

“อ่า!” หลินชิงวู่อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคร่ำครวญออกมา

แต่เสียงที่เธอเปล่งออกมานั้น มันฟังดูเหมือน …

มือของหนิงเถาถึงกับสั่นไปเล็กน้อยและเขายังรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาอีกด้วย ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังคงรักษาเอาไว้ด้วยความไร้อารมณ์สงบเหมือนกระจก แต่ข้างในกับไม่ได้เป็นแบบนั้น “ มันเป็นเพียงแค่การฝังเข็มเท่านั้น ทำคุณถึงมีปฏิกิริยาอะไรพวกนี้กัน?”

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

บทนำ นักศึกษาแพทย์ที่ยากจนคนหนึ่งได้เข้าไปช่วยชีวิตสุนัขสีดำที่ได้รับบาดเจ็บจากบนถนนโดยไม่ตั้งใจ แต่เขาไม่คิดว่านั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมหัศจรรย์พันธ์ลึก และทำให้เขาได้รู้จักกับคลินิกลึกลับอย่างคลินิกนภา ตัวคลินิกเองยังมีกฎที่เป็นข้อบังคับที่ว่าถ้าหากเขาไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา จำนวนชีวิตน้อยๆของเขาจะต้องถูกหักออกไปทดแทนในส่วนที่ขาดไป เพื่อความอยู่รอดหนิงเถาผู้ที่พึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นผู้ฝึกตนมือใหม่และโลกใบใหม่นี้ จะต้องพยายามหาความดีและความชั่วเพื่อนำมาเป็นค่าเช่า นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นทั้งนักบุญและปีศาจ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset