OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF – ตอนที่ 35 ไม่ใช่คนที่เขาเคยเป็น

บทที่ 35 ไม่ใช่คนที่เขาเคยเป็น

 

หนิงเถามองหน้าเฉินจุนด้วยสีหน้าที่สงบและไม่มีสัญญาณของความรู้สึกอะไร

“นายคิดจะทำร้ายเพื่อนฉันหรือเปล่า?” เฉินจุนได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ใช่” หนิงเถาตอบไป “นายต้องการต่อสู้ไหมละ?”

“ต่อสู้กับนาย?” เฉินจุนที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเยาะออกมา “ฮึ! นายคิดว่าฉันอยู่ระดับไหนกัน? ทำไมฉันต้องลงตัวไปมีเรื่องกับนายด้วย? “

“หนิงเถา! นายรู้ไหมว่าชายที่ยืนตรงหน้าของนายนั้นเป็นใคร” หยางไห่พยายามราดน้ำมันลงไปกองไฟ   “นายกล้าพูดกับเขาแบบนี้ได้ยังไง?”

“ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” หนิงเถาส่ายหัวไปมา “แต่ฉันรู้ว่าคนที่สามารถเป็นเพื่อนกับนายได้จะต้องเป็นพวกต่ำๆแน่นอน”

“ดีมาก! หนิงเถา! ตอนนี้ฉันต้องการให้นายคุกเข่าและขอโทษเพื่อนของฉันและฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นนายเตรียมตัวรับปัญหาที่จะตามมาได้เลย” เฉินจุนเองก็ถึงจุดระเบิดแล้วเช่นกัน เขาถึงกับหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง ทันทีที่โทรศัพท์เชื่อมต่อได้พูดว่า “หัวหน้าเฉิน! มีอาชญากรที่เคยทำร้ายใครซักคนมาที่นี่? คุณควรจะส่งใครสักคนให้รีบมาจัดการเขาโดยเร็วที่สุด”

หยางไห่มองหนิงเถาด้วยสายตายินดีที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

แต่หนิงเถาก็ยังคงไม่ไหวติงอะไรกับเรื่องนี้

“นายกลัวไหม? นายเริ่มที่จะเสียใจแล้วไหม? แต่มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว นายต้องเจอดีแน่นอน” เหลียงติงเทียนตีความความสงบของหนิงเถาว่าเป็นความกลัว

หนิงเถายิ้มและพูดว่า “เธอคิดว่าฉันดูกลัวหรือเสียใจตรงไหนกัน?”

เหลียงติงเทียนยังได้เยาะเย้ยเขาและพูดต่อว่า “หนิงเถา! นายนี้เป็นคนดื้อรั้นที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาจริงๆ มาตอนนี้ฉันชักจะสงสัยว่าใครบางคนที่นายนัดมาทานอาหารค่ำด้วยคงจะเป็นผู้หญิงวัน 50 ปี เพราะไม่อย่างนั้นจะมีใครสนใจมากับนายกัน? เห็นแก่ความเป็นเพื่อนกัน ฉันแนะนำว่าให้นายรีบออกไปจากที่นี้จะดีกว่า อย่าทำให้ตัวเองขายหน้าไปมากกว่านี้เลย”

เมื่อเหลียงติงเทียนพูดจบลง ใบหน้าของเหมิงเจียวก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นตกใจ “จริงเหรอ! เขา … เขาเองเคยสนใจฉันในช่วงสีปีมานี้เหมือนกัน” เธอเริ่มร้องไห้ปลอมๆออกมา ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า “พระเจ้าช่วย! ฉันคิดว่าฉันเคยพูดกับเขาตั้ง 20 ประโยคด้วยในสี่ปีที่ผ่าน ยี้! แค่คิดเรื่องนี้มันก็ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง!”

หนิงเถาทำเพียงแสดงยิ้มบนใบหน้าของตัวเอง สำหรับเขาแล้วผู้หญิงสองคนนี้เป็นพวกผู้หญิงที่เขาเกลียดที่สุด พวกเธอไม่มีอะไรดีนอกจากใช้ร่างกายของตัวเองเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่เสียเปล่ากับการเสียเวลาไปทะเลาะกับพวกเธอ

เมื่อมาถึงจุดนี้ผู้หญิงคนหนึ่งได้เดินมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็วและหยุดด้านข้างของหนิงเถาพอดี

เธอสวมชุดราตรีสีดำซึ่งออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบ ชุดเดรสถูกตัดอย่างดีและเปลือยช่วงหลังเพื่อโชว์ความโค้งมนของร่างกายทำให้ผู้สวมนั้นดูร้อนแรงและสง่างาม ที่คอของเธอยังสวมสร้อยคอไพลินที่มีค่าและจี้ของมันเป็นเพชรที่มีมูลค่าอย่างน้อย 30 กะรัต แน่นอนว่าเพียงแค่ของสิ่งนี้มันก็ดึงดูดผู้ชายและผู้หญิงในร้านอาหารเกือบทั้งหมดให้เข้ามาหาเธอ ทุกคนมองเธอและเธอก็กลายเป็นแขกที่สำคัญที่สุดในร้านอาหารไป

เธอคือหลินชิงวู่นั้นเอง

เหลียงติงเทียนและเหมิงเจียวทั้งคู่เองก็ดูดี แต่ในตอนนี้พวกเธอกับถูกบดบังโดยหลินชิงวู่อย่างสมบูรณ์

“ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องรอ คุณหนิง!” หลินชิงวู่ได้ขอโทษออกมาด้วยความจริงใจ ในโอกาสพิเศษนี้เองเธอได้เปลี่ยนสถานะของหนิงเถาให้สูงขึ้น

หนิงเถาตอบกับด้วยรอยยิ้มที่สุภาพและพูดว่า “ไม่เป็นไร! ผมเองก็พึ่งจะมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน แค่เห็นการแต่งตัวของคุณหลินในครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยแล้ว”

ตาของหลินชิงวู่หันไปทางคนสี่คนที่อยู่ด้านตรงข้ามหนิงเถาและถามว่า “พวกเขาคือ?”

ตอนนี้ใบหน้าของเหลียงติงเทียนและเหมิงเจียวได้กลายเป็นสีแดงไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเธอพึ่งจะพูดจาล้อเลียนหนิงเถาว่าหลอกผู้หญิงอายุ 50 ปีมา พร้อมกับพูดจาดูถูกมากมายก่อนหน้านี้ ทำให้เมื่อตอนนี้ความจริงปรากฏออกมา พวกเธอรู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ที่นี้ต่อไปได้อีกแล้ว

หยางไห่ซึ่งเป็นแขกประจำของงานปาร์ตี้ระดับไฮเอนด์มากมายได้ก้าวเข้ามาและตอบอย่างสง่างามว่า “พวกเราคือกลุ่มเพื่อนที่เรียนในคลาสเดียวกันกับหนิงเถา ผมชื่อหยางไห่ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ?”

หลินชิงวู่ไม่ได้ตอบกลับ เธอทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร

เฉินจุนที่เห็นแบบนั้นก็ได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มและยื่นมือขวาของเขาออกไปอย่างสง่างามและพูดว่า “สวัสดีครับ! ผมขอใช้เกียรติที่มีรู้จักชื่อของคุณได้ไหม? โอ้! ผมนี้เสียมารยาทจริงๆผมชื่อว่าเฉินจุนครับ“

หลินชิงวู่ยังคงนิ่งเงียบ แต่ทันใดนั้นเธอได้พูดขึ้นว่า “ขอโทษ! พอดีว่าฉันไม่คุ้นเคยกับการจับมือกับคนแปลกหน้า”

รอยยิ้มของเฉินจุนได้หายไป ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะมืดลงไป

เหลียงติงเทียนที่เห็นแบบนั้นโกรธมาก เธอถึงกับตะโกนออกมาว่า “แล้วเธอละเป็นใคร? มันเป็นเกียรติอย่างมากที่เธอได้จับมือกับพี่ชายเฉินจุน! เรื่องแค่นี้เธอยังไม่รู้อีกเหรอ? เธอเองก็เป็นพวกชั้นต่ำเหมือนกันหนิงเถาละสิ! ถึงไม่รู้ว่าอะไรที่ดีต่อตัวเอง”

หลินชิงวู่ที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้เลือกที่จะทะเลาะกับอีกฝ่าย

เหมิงเจียวเองก็พูดขึ้นว่า “เธออาจยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนิงเถามากใช่ไหม? งั้นฉันในฐานะเพื่อนกับเขามาสี่ปี ฉันจะบอกว่าตลอดเวลาฉันไม่เคยเห็นเขาซื้อเสื้อผ้าหรือรองเท้าที่มีมูลค่ามากกว่า 100 หยวนเลย แต่ในวันนี้เขากับชวนเธอมาทานอาหารในร้านอาหารหรูๆแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการล่อลวงเธอ ถ้าเธอไม่อยากถูกเขาหลอกทางที่ดีก็ควรจะมาอยู่กับเรา”

คิ้วของหลินชิงวู่ยิ่งยับมากขึ้น “ฉันไม่ต้องการการเตือนของคุณ! แต่คุณรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นคนน่ารำคาญมากขนาดไหน? มันจะเป็นอะไรไหมถ้าฉันอยากให้คุณช่วยหุบปากลง?”

“เธอ!” เหมิงเจียวรู้สึกทั้งเสียหน้าและโกรธในเวลาเดียวกัน

หลินชิงวู่หันไปหาหนิงเถาและถามว่า “คุณหนิง! คุณต้องการให้พวกเขาจากไปไหม?”

หนิงเถาเองก็เบื่อที่จะต้องพูดกับคนพวกนี้แล้วเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย

เฉินจุนที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับหัวเราะเยาะออกมา “ช่างเป็นน้ำเสียงที่หยิ่ง! มันไม่เป็นไรที่ก่อนหน้านี้นายไม่เชื่อคำเตือนของฉัน แล้วมาตอนนี้เพื่อนของนายคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาไล่คนออกไปได้? พวกนายคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้านนี้หรือไง? “

“ เธออาจคิดว่าเธอเป็นราชินีหรือเจ้าหญิงจริงๆ? อย่าบอกนะว่าสารอาหารไม่ขึ้นไปเลี้ยงสมองเลยจึงทำให้เธอกลายเป็นคนโง่แบบนี้?”

ทันใดนั้นหลินชิงวู่ก็กระดิกนิ้วของเธอหนึ่งที

จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็มาถามอย่างสุภาพว่า “ผมจะช่วยอะไรคุณหลินได้ครับ?”

“ คนเหล่านี้รบกวนคุณหนิงกับฉันในมื้ออาหารนี้ ดังนั้นฉันอยากจะให้พวกเขาออกไปจากที่นี้” หลินชิงวู่พูดออกมาเรียบๆ

พนักงานที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปทางคนทั้งสี่ทันที “ผมต้องขออภัยคุณลูกค้าด้วยครับ! แต่เราคงไม่สามารถให้บริการคุณที่นี่ในคืนนี้ได้ พวกคุณโปรดออกไปจากที่นี่ด้วยครับ”

มาถึงจุดนี้เฉินจุนได้หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะดวงตกจริงๆ ขนาดพนักงานตัวเล็กๆก็ยังกล้าไล่ฉันออกไป? ดี! ฉันจะโทรเรียกผู้จัดการมาที่นี้ และฉันจะบอกให้เขาไล่นายออกไปแทน!”

ก่อนที่เฉินจุนจะทันเรียกผู้จัดการออกมา ก็ได้มีชายวัยกลางคนในชุดสูทและสวมแว่นตาที่ดูภูมิฐานเดินเข้ามา

ก่อนที่ผู้จัดการจะพูดอะไรนั้น เฉินจุนก็ได้พูดขึ้นมาก่อนว่า “เพื่อน! พนักงานของคุณได้ขอให้ฉันออกไปข้างนอก คุณจะว่ายังไงกับเรื่องนี้?”

เหลียงติงเทียนและเหมิงเจียวมองหนิงเถาและหลินชิงวู่ด้วยความเบิกบานตาใจ ในขณะที่พวกเธอก็ได้จินตนาการถึงสถานที่แย่ที่สุด พวกเขาอาจจะถูกโยนออกจากร้านอาหารไป

“นายทำตัวเอง!” หยางไห่เองก็ได้พูดจาสาปแช่งออกมา

ทันใดนั้นผู้จัดการของร้านอาหารก็ก้มหัวให้หลินชิงวู่และพูดว่า “สวัสดีครับเจ้านาย! มันเป็นความผิดของผมที่จัดการได้ไม่ได้ ทำให้คุณไม่สามารถเพลิดเพลินกับมื้ออาหารนี้ได้”

เฉินจุน, หยางไห่, เหลียงติงเทียนและเหมิงเจียว ต่างก็ตัวแข็งขึ้นมาโดยเฉพาะเฉินจุนที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นความอับอาย เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เขายังได้พูดจาขู่ว่าจะขอให้ผู้จัดการไล่พวกนั้นออกไปอยู่เลย แต่ใครจะไปคิดว่าร้านอาหารนี้จะเป็นของอีกฝ่าย!

มันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจจริงๆ

“นำพวกเขาออกไป” หลินชิงวู่สั่งต่อว่า “ร้านอาหารของฉันไม่ต้อนรับลูกค้าที่มีนิสัยแบบนี้”

ผู้จัดการพยักหน้าแล้วมองไปยังทั้งสี่คน พร้อมกับพูดว่า “ผมต้องขอโทษ…”

“ฮัม! เราไม่ต้องการให้คุณบอกให้เราออกไปเราจะออกไปจากที่นี่! มันเป็นแค่ร้านอาหารเล็กๆเท่านั้น! มันมีอะไรแตกต่างจากร้านอาหารอื่นกัน??” เหมิงเจียวรู้สึกอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงพยายามตะโกนออกมาเพื่อปิดบังมัน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เธอได้บอกหนิงเถาเกี่ยวกับร้านนี้ว่าหรูหรามากขนาดไหนและข้อดีต่างๆของมัน

“ดีมาก! ฉันคิดว่าเราคงจะได้เจอกันอีกเร็วๆนี้” เฉินจุนพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่หนิงเถา

เจ้าตัวที่ตกเป็นเป้าอย่างหนิงเถาก็ยังไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่สนใจคำขู่ของอีกฝ่าย

“ฮึ!” เฉินจุนที่เห็นแบบนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก เขาจึงได้หันหลังเดินจากไป

หยางไห่ เหลียงติง และเทียนเหมิงเจียวก็เดินตามเขาไป

ทำให้ร้านอาหารกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง

“ ฉันเสียใจจริงๆที่หมอหนิงต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ทั้งๆที่ฉันเป็นคุณเชิญคุณมาทานอาหารค่ำมื้อนี้แท้ๆ แต่กับไม่สามารถดูแลคุณได้ มันช่างเป็นอะไรที่หน้าละอายจริงๆ” หลินชิงวู่ได้พูดขอโทษเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

หนิงเถาทำเพียงยิ้มออกมา ก่อนที่จะเดินไปที่หลินชิงวู่แล้วดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอ “คุณหลินนั่งลงก่อน” หนิงเถาพูดออกมาอย่างสุภาพ

อันที่จริงแล้วเขาไม่ควรจะรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารเหล่านี้ แต่เจียงเฮาได้สอนบทเรียนเร่งรัดภายในสิบนาทีให้เขาก่อนที่เขาจะมาที่ร้านอาหาร มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละคน แต่พอดีว่าตัวเขานั้นไม่ใช้คนธรรมดาทำให้เขาสามารถเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้เร็วเพียงแค่ฟังและดูเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

หลินชิงวู่นั่งลงและหนิงเถาเองก็นั่งลงบนเก้าอี้ของเขาเช่นกัน “ ผมไม่คิดว่าร้านอาหารนี้จะเป็นของคุณ? ก่อนหน้านี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าจะเป็นพวกเราหรือเปล่าที่ถูกจับโยนออกไป แต่มันก็เปล่า! คุณนี้ทำให้ผมประหลาดใจได้ตลอดเวลาจริงๆ” หนิงเถาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“ฉันแค่ลงทุนไปเยอะมากในช่วงก่อนหน้านี้ และร้านอาหารแห่งนี้ถือเป็นเพียงหนึ่งในนั้น” หลินชิงวู่ได้ตอบกลับมาแบบยิ้มเช่นกัน

“งั้นเราเลิกพูดถึงพวกนั้นกัน และเปลี่ยนมาพูดถึงอาการของพี่ชายคุณดีไหม?”

เมื่อพูดถึงหลินชิงหัว หลินชิงวู่ก็ดูเศร้าขึ้นทันที “ เขาไม่ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้วในตอนนี้ ฉันเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับเขามากขึ้น หมอเองก็เคยเห็นอาการของเขามาแล้ว เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันๆหนึ่งเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางครั้งเขาก็จะเงียบขรึมตลอดทั้งวัน บางครั้งเขาก็มักจะคิดว่าตัวเองคือจักรพรรดิซวนจงของถังทั้งวัน หรือไม่เขาก็มักจะเรียกหาแต่คนที่ชื่อน้ำผึ้งในจันทร์เต็มดวง ซึ่งนี้เป็นชื่อจริงหรือไม่ก็ไม่รู้? ตอนนี้มันทำให้ฉันกังวลเกี่ยวกับพี่ชายของฉันมาก … “

หนิงเถายังคงนิ่งเงียบก่อนที่เขาจะพูดว่า “พี่ชายของคุณต้องการการรักษาแบบแยกตัว ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขาถ้าคุณเชื่อผมพาผมไปที่ห้องแล็บของเขาแล้วผมจะรักษาพี่ชายของคุณ”

“ฉันไม่ได้บอกคุณหรือว่าฉันได้ตรวจสอบงานวิจัยของพี่ชายแล้ว แต่ฉันก็ไม่พบอะไรเลยเกี่ยวกับโครงการต้นกำเนิดบรรพบุรุษ ฉันแค่ได้ยินเขาพูดขึ้นมาโดยบังเอิญเท่านั้น”

“ถ้าคุณต้องการให้ผมรักษาพี่ชายของคุณ คุณก็ต้องทำสิ่งที่ผมขอให้คุณทำ” หนิงเถาพูดต่อว่า “ใครก็ตามที่ขอให้ผมรักษาผู้ป่วย พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามกฎของผม”

เมื่อมาถึงจุดนี้บริกรก็ได้นำอาหารทานเล่นสองอย่างเข้ามา

ในขณะที่บริกรออกไปหลินชิงวู่ก็ได้พูดขึ้นต่อ “เอาล่ะ! ฉันสัญญาว่าจะพาคุณไปที่ห้องแล็บของพี่ชายของฉัน แต่ฉันต้องการความยินยอมจากพ่อแม่ของฉันในการแยกพี่ชายของฉันเพื่อทำการรับการรักษา” พูดมาถึงตรงนี้เธอก็ได้ถอนหายใจอย่างหนัก “บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจพวกเขาเหมือนกัน ทั้งๆที่โรงพยาบาลในประเทศที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถตรวจสอบสาเหตุของความเจ็บป่วยของพี่ชายของฉันได้ แล้วทำไมถึงคิดว่าการไปรักษาที่สหรัฐอเมริกาจะช่วยได้ ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าของเรา แต่มันก็ไม่มากนัก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันเป็นกังวลมากกว่าคือจนถึงตอนนี้ทำไมทางโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาถึงยังไม่ได้ยืนยันวันตรวจและรักษาของพี่ชายฉันมา? “

“ ผมคิดว่าโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาต้องได้อ่านรายงานการตรวจสอบจากโรงพยาบาลในประเทศมาแล้ว และพวกเขาคงคิดว่าพวกเขาไม่สามารถรักษาพี่ชายของคุณได้ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเขาไม่ได้ทำการนัดหมาย” หนิงเถาพูดในสิ่งที่เขาคิดออกมา

“แต่หมอหนิงรักษาพี่ชายของฉันได้ไหม?”

“แน่นอนว่าผมทำได้.” หนิงเถาไม่ได้บอกว่าเขาจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาพี่ชายของเธอ “แต่ต้องทำตามวิธีของผมและคุณต้องทำตามกฎของผม”

“ได้! ฉันเห็นด้วยที่จะพาหมอไปที่ห้องแล็บของพี่ชายของฉัน” หลินชิงวู่พูดต่อว่า “แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันจะสามารถโน้มน้าวให้พ่อแม่ของฉันเห็นด้วยที่จะแยกการรักษาสำหรับพี่ชายของฉันไหม?”

“ ไปบอกพ่อของคุณว่าเขาจะได้ที่ดินที่เขาต้องการตราบเท่าที่เขาเห็นด้วยกับเรื่องนี้” หนิงเถาพูดขึ้นมา

หลินชิงวู่หยุดพักครู่หนึ่งจากนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเธอ “ด้วยวิธีนี้ฉันสามารถมั่นใจได้ว่าจะสามารถโน้มน้าวพวกเขามาได้ งั้นเรารับประทานอาหารพวกนี้เสร็จก่อนแล้วฉันจะพาคุณไปที่ห้องแล็บของพี่ชาย ฉันหวังว่าคุณจะรู้ว่าทำไมเขาถึงป่วย”

เธอไม่ต้องการปล่อยเวลาให้ผ่านไปสูญเปล่าอีกหนึ่งคืน

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF

บทนำ นักศึกษาแพทย์ที่ยากจนคนหนึ่งได้เข้าไปช่วยชีวิตสุนัขสีดำที่ได้รับบาดเจ็บจากบนถนนโดยไม่ตั้งใจ แต่เขาไม่คิดว่านั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมหัศจรรย์พันธ์ลึก และทำให้เขาได้รู้จักกับคลินิกลึกลับอย่างคลินิกนภา ตัวคลินิกเองยังมีกฎที่เป็นข้อบังคับที่ว่าถ้าหากเขาไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา จำนวนชีวิตน้อยๆของเขาจะต้องถูกหักออกไปทดแทนในส่วนที่ขาดไป เพื่อความอยู่รอดหนิงเถาผู้ที่พึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นผู้ฝึกตนมือใหม่และโลกใบใหม่นี้ จะต้องพยายามหาความดีและความชั่วเพื่อนำมาเป็นค่าเช่า นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นทั้งนักบุญและปีศาจ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset