Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – ตอนที่ 16 เมืองหลวงมังกรไฟ พวกพ้อง 3 คน

บทที่ 16 เมืองหลวงมังกรไฟ พวกพ้อง 3 คน
ในอีกหลายวันต่อมา ทั้ง 5 คนก็เริ่มออกเดินทางฝึกฝนกันต่อ พวกเขาออกเดินทางสำรวจป่าบริเวณรอบนอกด้วยความไม่เร่งรีบมากแล้วฆ่าสัตว์เวทมนตร์ระดับ 2 ไปได้ 3-4ตัวต่อวัน
ทั้งตะขาบพิษ 6 หาง มดแดงกระหายเลือด ค้างคาวปีศาจตาทอง จระเข้ยักษ์หนองน้ำ…
เหมิงเหล่ยเก็บของที่ดรอปออกมาแล้วทำการลาสชอตในทุกๆวัน ส่วนตอนกลางคืน เขาก็เพิ่มค่าวิญญาณและค่าเวทมนตร์ของตัวเองด้วยการตั้งจิตสมาธิ ทำให้ความสามารถทางการต่อสู้ของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในแต่ละวัน
แต่ถึงอย่างนั้น วันเวลาดี ๆ ก็ถึงจุดสิ้นสุด
อาทิตย์ต่อมา การเดินทางของเอริสันและพรรคพวกก็ได้ถึงจุดสิ้นสุดลง วันหยุดหมดลงแล้วและพวกเขาก็ต้องกลับไปที่สถาบัน ส่วนเหมิงเหล่ยเองก็ต้องกลับไปที่หมู่บ้านสัตว์เวทมนตร์ ทุกๆคนนั้นร่ำลากันอย่างดีก่อนจะแยกย้ายจากกัน
“เหมิงเหล่ย ในที่สุดก็เจอตัวซักที!”
ตอนที่เหมิงเหล่ยกลับมา ความกังวลของกัปตันฮัดเดอร์ก็โล่งอกขึ้นมา เหมิงเหล่ยนั้นไม่ได้กลับบ้านมา 20 กว่าวันแล้ว ทำให้กัปตันเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ตอนนี้เขาได้กลับมาแล้ว
“ข้าไปสำรวจในชายขอบป่าสัตว์วิเศษมาหน่ะ มันไม่ได้มีอันตรายอย่างที่ท่านกังวลหรอก” เหมิงเหล่ยหัวเราะก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “กัปตัน เราจะไปทันการสอบเวทมนตร์ไหมถ้าเราออกไปตอนนี้เลยหน่ะ”
“อีกแค่ไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมใหม่ของสถาบันเวทมนตร์แล้วนะ” กัปตันฮัดเดอร์ส่ายหัวพูด “โชคยังดีที่หมู่บ้านของเราไม่ได้ไกลจากเมืองหลวงมากนัก จากนี่ก็ใช้เวลาแค่ 5 วันเท่านั้น โชคดีไปนะเจ้าหนูเหม่งเหล่ย ไม่งั้นเจ้าคงได้ไปสอบอีกทีปีหน้าแน่ๆ”
“ขอแค่ได้สอบก็พอแล้วละ!”
เหมิงเหล่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก อาณาจักรมังกรไฟนั้นเป็นอาณาจักรที่อยู่ใกล้กับภูเขาสัตว์เวทมนตร์มากที่สุดในจักรวรรดิเทพมังกร อาณาจักรนั้นตั้งอยู่เปรียบเสมือนเป็นโล่กำบังทิศตะวันตกของจักรวรรดิ และเพื่อที่จะป้องกันการโจมตีของสัตว์เวทมนตร์และการบุกของพวกโจรหรือเมืองอื่นทำให้เมืองหลวงของอาณาจักรมังกรไฟนั้น ตั้งอยู่แทบจะริมขอบของภูเขาสัตว์เวทมนตร์เลย
ดังนั้นมันจึงไม่ไกลมากจากหมู่บ้าน
“คืนนี้พักผ่อนให้เพียงพอเถอะเหมิงเหล่ย เราจะออกจากที่นี้เช้าตรู่ในวันพรุ่งนี้”
“ได้เลยครับกัปตันฮัดเดอร์”

ค่ำคืนอันสงบสุขผ่านไป
เหมิงเหล่ยตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าของวันต่อมา หลังจากที่เก็บของอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็เดินที่หน้าบ้านของกัปตันฮัดเดอร์ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือเขาเจอทั้ง โจน่าห์ โจเซฟแล้วก็แอนดริว รวมไปถถึงพ่อแม่ของพวกเขามาอยู่ที่นี้ด้วย
“โจน่าห์ ทำไมมาอยู่กันที่นี้ได้เนี่ย”เหมิงเหล่ยถามความในใจของเขาออกไป
ทั้ง 3 คนนี้เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับเขา พวกเขาโตมาด้วยกันเล่นโคลนมาด้วยกันจนแทบจะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน
“หะหะ พวกข้าก็จะตามลุงฮัดเดอร์ไปที่เมืองหลวงด้วยน่ะซิ พวกเราน่ะจะไปเข้ารับการสอบเวทมนตร์ด้วยรู้เปล่า!”
โจน่าห์ที่ใส่กระโปรงยาวดูก๋ากั่น ยิ้มออกมาจนเห็นเขี้ยวเล็กๆตอนที่เธอตอบ เธอนั้นเป็นผู้หญิงเดียงคนเดียวของกลุ่ม ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าที่เธอใส่นั้นจะดูยับเยินและดูเก่ามอซอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยลดหรือซ่อนความงามของใบหน้าเธอไว้เลย ถ้าเกิดเธอเปลี่ยนไปใส่ชุดยาวอันสวยงามแบบที่สาวขุนนางเขาใส่กันละก็ ไม่ว่าใครก็คงต่างคิดว่านางเป็นเจ้าหญิงสูงส่งลูกคนมีตังแน่นอน
เหมิงเหล่ยพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง!”
“พี่ใหญ่เหมิงเหล่ย ข้าได้ยินมาจากท่านลุงฮัดเดอร์ว่าเจ้าเข้าไปในป่าสัตว์วิเศษคนเดียว เจ้าไม่ได้เจออันตรายอะไรใช่ไหม”โจน่าห์ถามด้วยความกังวล
“ข้าแค่ไปเดินเล่นอยู่แถวชายขอบป่าเอง จะไปเจออันตรายอะไรละ”
เหมิงเหล่ยหัวเราะแล้วส่ายหัว จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย “ตอนแรกข้าคิดว่าข้าจะเป็นคนเดียวที่ไปเมืองหลวงซะอีก แต่ตอนนี้พวกเจ้าไปด้วยกันกับข้า ข้าเองก็จะได้ไม่เหงาตลอดทางแล้วละ เยี่ยมไปเลยใช่ไหมละ”
“ใช่แล้วใช่เลย ในเมื่อพวกเราไปด้วยกันแล้ว เราจะได้ช่วยเหลือกันได้ยังไงละ”
โจน่าห์ปรบมือเล็กๆของเธอ หน้าของเธอแดงระเรือด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพูด “จะว่าไปแล้ว ข้าเองก็ยังไม่เคยไปที่เมืองหลวงเลยซักครั้งที่นั้นจะเป็นยังไงบ้างน้า?”
“ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นเมืองที่มีกำแพงสูงใหญ่ และมีพวกคนครึ่งมังกรอยู่เต็มมไปหมดเลย ที่มีหัวเป็นมังกรหน่ะ..”
“เห็นว่ามันมีตึกสูงใหญ่เต็มไปหมด แล้วก็บ้านเมืองที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยนะ”
โจเซฟกับแอนดริวดวงตาเปร่งประกาย ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความฝันและความหวัง
“เดี๋ยวเราก็จะได้เห็นกันละนะ”
เหมิงเหล่ยยิ้ม สำหรับชาวบ้านที่ใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลในพื้นที่ทุรกันดารแบบพวกเขานั้น การทำกิจกรรมต่างๆนั้นถูกจำกัดพื้นที่ไว้เพียงแค่บริเวณหมู่บ้านใกล้เคียงหรือในระแวกภูเขาสัตว์เวทมนตร์เท่านั้น พวกเขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสไปที่เมืองหลวงเลยตลอดชีวิตก็ได้
จะบอกว่าต้องขอบคุณการสอบเวทมนตร์ที่ทำให้ทั้งโจน่าห์ โจเซฟ และแอนดริว มีโอกาสที่จะได้ไปในเมืองหลวงก็ยังได้ เพราะถ้าการไปครั้งนี้มันไม่ได้เป็นการเดิมพันส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชะตากรรมของเด็กพวกนี้ พวกพ่อแม่ของเด็กคงไม่ยินยอมจ่ายเงินราคาแพงเพื่อส่งพวกเขาไปที่เมืองหลวงหรอก
ตั้ง 10เหรียญทองเลยนะ
มันมากพอที่จะทำให้คนทั้งครอบครัวอยู่กินได้ 2-3 ปีเลย
ยิ่งกว่านั้น นี้ยังเป็นการเดิมพันที่มีโอกาสล้มเหลวสูงถึง 99.99% อีกด้วย มันเป็นการเดิมพันที่เหมือนเอาเงิน 10 เหรียญทองไปโยนทิ้งในเมืองหลวงโดยที่รู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาด้วยซ้ำ
ดังนั้น นี่มันจึงเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่  สำหรับพ่อแม่ของโจน่าห์และอีก 2 คน เพราะยังไง เด็กที่อยู่ในหมู่บ้านสัตว์เวทมนตร์นั้นก็มีตั้งมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้นที่หาญกล้าส่งลูกตัวเองเข้ารับการทดสอบเวทมนตร์ครั้งนี้
“โจน่าห์ ลูกต้องฟังลุงฮัดเดอร์นะ อย่าดื้อกับลุงเขานะลูก”
“แอนดริว ลูกต้องเป็นเด็กดีนะ อย่าไปซนหรือสร้างปัญหาให้กับชาวบ้านเขาละ”
“โจเซฟ เมืองหลวงหน่ะ ไม่ได้เหมือนหมู่บ้านนี้หรอกนะ…”
ประตูหมู่บ้านถูกเปิดออก ครอบครัวของทั้ง3คนร่ำลากัน โดยมีเพื่อนพ้องของพวกเขาตามมาส่งด้วยสายตาอิจฉา ตอนที่เกวียนขนของที่เทียมด้วยวัวแก่ๆเริ่มออกเดินทางออกจากหมู่บ้านอย่างช้าๆ
มีเด็กมากมายอยู่ในหมู่บ้านนี้ แต่ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่กล้าส่งลูกตัวเองเข้าสอบเวทมนตร์

เกวียนที่พวกเขานั่งนั้นไม่เพียงแต่จะเก่าจนส่งเสียงเอียดอาดไปมา ถนนหนทางที่จะเข้าเมืองยังขรุขระมากอีกด้วย พวกเขานั่งไม่สบายมาตลอดทาง แต่ถึงอย่างนั้น เด็กทั้ง3คน ทั้งโจเซฟ แอนดริวและโจน่าห์ ต่างยังดูตื่นเต้นสุดๆ พวกเขาคุยกันตลอดทางโดยไม่มีหยุดพักเหมือนกับนกกระจิบช่างจ้อที่มีความสุข
แต่โชคร้ายที่ความตื่นเต้นนั้นมันหายไปตั้งแต่2วันแรก เด็กทั้ง3คนนั้นตอนนี้เริ่มทนการเดินทางที่ยาวนานและทรมารแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้พวกเขาเหมือนต้นอ่อนหญ้าที่หนาวสั่นกลางสายลมฤดูหนาวที่กรรโชกแรง
กัปตันฮัดเดอร์นั้นคิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก และมันไม่มีทางอื่นที่จะอ้อมไปได้ด้วย ทางที่พวกเขามานั้นเป็นทางที่เร็วที่สุด เพราะการสอบเวทมนตร์นั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องบุกน้ำลุยไฟหรือฝ่าดงหนาม พวกเขาก็ต้องกัดฟันอดทนตลอดทางจนกระทั้งถึงเมืองหลวงให้ได้ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็จะยอมแพ้แล้วขอกลับตอนนี้ไมได้แล้ว
หลังจากผ่าน 5 วันแห่งความทรมารและน่าเบื่อตลอดทาง ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงเมืองหลวง เมืองมังกรไฟ!!

เมืองมังกรไฟนั้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรไฟ แล้วก็เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเขตตะวันตกแล้วด้วย เมืองทั้งเมืองนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่เรียบและถูกแบ่งออกเป็น2เขต เขตตะวันออกและเขตตะวันตก
พระราชวังอาณาจักรมังกรไฟ รวมไปถึงคฤหาสต์ของเหล่าชนชั้นสูงและเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดนั้นตั้งอยู่ในเขตตะวันออก
ส่วนเขตตะวันตกนั้น หลักๆแล้วจะเป็นพื้นที่ของสถาบันการศึกษา ทั้งสถาบันเวทมนตร์(หรือวิทยาลัยเวทมนตร์) หรือโรงเรียนนักรบระดับต้นๆของจักรวรรดินั้นต่างถูกตั้งอยู่ที่นั้นทั้งนั้น ทำให้เมืองฝั่งตะวันตกนั้น เปรียบได้เหมือนกับเมืองแห่งการศึกษาของจักรวรรดินี้
เหมิงเหล่ยและคนอื่นๆนั้นเข้าเมืองมังกรไฟมาในตอนเที่ยงของวันนั้นนั่นเอง
“ว้าวววว!”
ความเจริญของเมืองมังกรไฟนั้น ไม่ใช่อะไรที่หมู่บ้านเล็กๆที่พวกเขาจากมาเทียบได้เลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่พื้นถนนที่เรียบและสม่ำเสมอจนแทบอยากจะไปนอนกลิ้งของพื้นที่อยู่อาศัย หรือตึกราบ้านช่องที่มีสีขาวบริสุทธิ์มีระเบียบ ข้าวของเครื่องใช้ที่ดูทันสมัยและมีดีไซน์ แม้กระทั้งมารยาทการเดินของคนที่ผ่านไปมา
สายตาของเด็กน้อยทั้ง3คนตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากบ้านนอกเข้าเมือง
“นี่น่ะเหรอเมืองหลวง สุดดดดดยอดดดดดดดดด!!”
สายตาของโจน่าห์เปล่งปประกายสดใส ตอนที่เธอหันไปมองซ้ายทีขวาที เธอตื่นเต้นมากจนตอนนี้เธอยิ้มแก้มแทบปริ แต่ถึงอย่างนั้น ในทางกลับกัน เด็กหนุ่มทั้ง2คน ทั้งโจเซฟและแอนดริวหน้าตาดูเขินอาย นั่งขุดคู้กำเสื้อผ้ามอซอของพวกเขาตลอดเวลา
“พวกบ้านนอกเอ้ย!”
หญิงสาวผู้สูงส่งและเหล่าสาวงามเดินผ่านพวกเขาด้วยชุดที่ดูทันสมัย พวกนางสวมเครื่องประดับแวววาวและใช้น้ำหอมราคาแพง แต่ไม่มีใครเลยที่จะมองเหมิงเหล่ยและคนอื่นด้วยสายตาที่เป็นมิตร
หญิงสาวเหล่านี้เกิดและเติบโตในตระกูลชั้นสูงของเมืองหลวง พวกนางจึงมีความรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งกว่าพวกบ้านนอกพวกนี่ นั้นทำให้พวกโจเซฟและแอนดริวรู้สึกด้อยค่าซะจนไม่กล้าสบตาพวกนางเลยแม้แต่น้อย
พอเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มทั้ง 2 คนแล้ว ฮัดเดอร์ก็ส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไรออกมา เรื่องนี้เป็นเรื่องปรกติสำหรับคนที่พึ่งมาในเมืองหลวงครั้งแรก แม้แต่ตัวเขาเองก็เคยเป็นแบบเดียวกับโจเซฟและแอนดริวเหมือนกัน
แต่ที่ฮัดเดอร์แปลกใจ คือเหมิงเหล่ย ที่ดูเหมือนจะมองหน้าทุกคนที่เดินผ่านไปมา เดาะลิ้นด้วยความสงสัยและชื่นชมความงามของทุกๆอย่างด้วยความใคร่รู้ ไร้ซึ่งความอับอายหรือความรู้สึกไม่คู่ควรเลยแม้แต่น้อย
อย่างที่คิดไว้เลย เจ้าเด็กนี่มันไม่เหมือนกับคนอื่นจริงๆ
ฮัดเดอร์พยักหน้ากับตัวเอง จากนั้นเขาก็พาเด็กทั้ง 4 คนมุ่งหน้าไปยังเมืองฝั่งตะวันตก
ไปที่จุดศูนย์รวมแห่งความศิวิลัยทางการศึกษา การทดสอบเพื่อประเมินพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์นั้นจัดขึ้นที่นั้น และเป็นที่ๆจะกำหนดชะตากรรมของเด็กพวกนี้!
 

Picking Up Attributes From Today

Picking Up Attributes From Today

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก ในทวีปแดนสวรรค์ ทั้งเผ่ามังกร เผ่ายักษ์ เผ่าครึ่งสัตว์ เผ่าภูติ สัตว์เวทมนตร์ และเผ่าพันธ์อื่นๆต่างแย่งกันขึ้นเป็นใหญ่ เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นถูกกระทำเยี่ยงทาสและต้องใช้ชีวิตอย่างต้อยต่ำ ในขณะที่เผ่ามังกรนั้นถือตัวเองเป็นขุนนางกดขี่ในทุกๆด้าน แต่ถึงอย่างนั้น จุดเปลี่ยนก็ได้มาถึง ชายหนุ่มนามเหมิงเหล่ย มนุษย์ผู้ถูกส่งมาจากโลกมนุษย์ถูกส่งมาให้กลายเป็นแค่ ชาวบ้านธรรมดา แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด “ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไม่” จะเป็นเงิน สิ่งของ ไอเทม อาวุธ เวทมนตร์ ลมปราณ พลังวิญญาณ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด (หรือยอดระบบเก็บของ) ก็สามารถเก็บได้ทุกอย่าง …. “จะฝึกเป็นจอมเวทหรือเป็นนักรบดีละ โว้ยเลือกยากจริง เป็นมันทั้ง2อย่างเลยละกัน” ตามติดชีวิตของเหมิงเหล่ยสู่การเดินทาง เปลี่ยนชะตาจากชีวิตชาวบ้านธรรมดา สู่ตัวตนที่เหนือทุกสรรพสิ่ง ได้ใน “ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset