Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – ตอนที่ 47 ตอบแบบมักง่าย บังเอิญพัฒนาระดับ

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเต…
บทที่ 47 ตอบแบบมักง่าย บังเอิญพัฒนาระดับ
แลนซ์นั้นโดนช็อตไฟฟ้าด้วยกระแสไฟฟ้ารุนแรงก่อนจะกระแทกลงมากับพื้นแล้วหมดสภาพการต่อสู้ การประลองจบลงทันทีด้วยชัยชนะแบบไม่ค่อยลุ้นเท่าไร
 
ตอนนี้เขาได้ชิงเงิน 5หมื่นเหรียญทองไปพร้อมๆกับศักดิ์ศรีของเหล่าครึ่งมังกร
“พี่ชาย โคตรเจ๋งเลยวะ ช่วยบอกหน่อยได้ปะว่าเจ้าทํายังไงกันถึงได้ร่ายเวทระดับ 3 ได้เร็วแบบนั้นอะ หรือว่า เจ้ากลายไปเป็นจอมเวทระดับ 7 แล้วอย่างงั้นเหรอ”
“ถ้าข้าบอกเจ้าจะเชื่อข้าไหมละ”
“เออ
ก็ ไม่น่าจะเชื่อหรอก”
 
“ถ้างั้นจะถามทําไมละ”
 
“เออก็ได้ ไหนๆก็ไหนๆละ เจ้าเองก็พึ่งได้เงินมาตั้ง 5 หมื่นเหรียญทองนี้เราไปหาร้านอาหารดีๆกินฉลองกันไหม”
“ข้าว่าคงยังไม่น่าได้หรอก”
“ทําไมละ”
 
“เพราะว่าข้าต้องไปพบกับหัวหน้าแผนกเดิร์คก่อนหนะซิจะไปด้วยกันไหมละ”
“ไปเจอจารย์เดิร์คนะเหรอเหอะไม่เอาด้วยหรอกขอบใจที่ชวนนะ”
ทันทีที่เหมิงเหล่ยพูดถึงชื่อของอาจารย์เดิร์คหน้าของฮาร์ตก็เปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีเขาส่ายหน้าแล้ววิ่งจากไปทันทีเหมือนกับว่ากําลังวิ่งหนีจากอะไรบางอย่าง
“ว่าแล้วเชียว…”
เหมิงเหล่ยยิ้มแล้วส่ายหัวก่อนที่จะออกเดินทางไปที่ตึกฝ่ายการสอนแล้วในที่สุดเขาก็ไปถึงห้องทํางานของอาจารย์เดิร์ค
 
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแผนกที่ควบคุมการสอนของเด็กปี 1 ทั้งหมดห้องทํางานของอาจารย์เดิร์คจึงใหญ่มาก แต่ถึงอย่างนั้นการจัด ห้องกลับเรียกได้ว่าธรรมดามากๆเพราะว่าของส่วนใหญ่ที่อยู่ ในห้องนี้คือชั้นหนังสือจํานวนมากที่เหลือคือพื้นที่ว่าโล่งๆ
ตอนที่เหมิงเหล่ยเข้ามาในห้องทํางานแล้ว เดิร์คนอร์เวยกําลังยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือ กําลังอ่านตําราเวทมนตร์อยู่
เหมิงเหล่ยเข้ามาแล้วทําท่าเคารพก่อนจะถามด้วยความเคารพ “อาจารย์เดิร์คครับ เรียกผมมาหาใช่รึเปล่าครับ”
อาจารย์หัวหน้าแผนกเดิร์คไม่ตอบคําถามนั้น แต่ชี้ไปที่ชั้นหนังสือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหมิงเหล่ยเจ้าคิดยังไงกับชุดหนังสือสะสมของข้า”
“อาจารย์มีตําราเวทสะสมไว้เยอะมากเลยครับ”
เหมิงเหลี่ยมองตําราเวทมนตร์จํานวนมากแล้วชมอย่างจริงใจ จํานวนตําราในห้องนี้เทียบได้พอๆกับในหอสมุดเลย
“ใช่ไหมละ หึหึ”
 
อ.เดิร์คพูดดด้วยความภูมิใจ “ข้าเก็บรวบรวมตําราเวทมนตร์ทั้ง 10 ธาตุไว้ในนี้รวมถึงตําราพื้นฐานเวทมนตร์ ทฤษฎีเวทมนตร์ รวมไปถึงพวกข้อมูลทางการวิจัยวิชาเล่นแร่แปรธาตุ วิชาวงแหว นเวท วิชาดาราศาสตร์และอื่นๆอีกมากมาย อ้อ ใช่ แถมยังมีตํารา เวทมนตร์วจนมังกรมีตําราเวทเฉพาะของเผ่าพันธุ์ยักษ์ เผ่าพันธุ์ ติ แล้วก็มีตําราข้อมูลเสาเวทมนตร์ของพวกครึ่งสัตว์ด้วยนะ 555 มี เกือบทุกอย่างเลย”
 
“ดูเหมือนว่าอาจารย์เดิร์คจะชอบหนังสือมากเลยนะเนี่ย”
 
เหมิงเหล่ยอึ้ง เขาอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“เวทมนตร์หน่ะมันก็เหมือนการเดินทางนั้นละ เส้นทางของมันล้ําลึกและซับซ้อน เหมือนดวงดาวบนฟ้านั้นละ ไม่ว่าเราจะค้นหาพวกมันตลอดชีวิตแต่สุดท้ายสิ่งที่เราเข้าใจก็มีเพียงแค่เศษเสี้ยวของเวทมนตร์ที่แท้จริงเท่านั้น” อาจารย์เดิร์คพูดเปรียบ “ที่เราทําได้มีเพียงแค่ค้นหา และศึกษามัน พยายามมากยิ่งขึ้นเพื่อให้รู้ จักมันเพิ่มมากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
 
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสําหรับคําสอนมากครับอาจารย์”
 
เหมิงเหล่ยนั้นเชื่อคล้อยตาม ตอนนั้นเขาเข้าใจเลยว่าทําไมอาจารย์เดิร์คถึงได้กลายมาเป็นจอมเวทระดับ 9ได้ ตั้งแต่อายุแค่ 50 กว่าๆเขาสมควรแก่ตําแหน่งนี้มาก มันเป็นผลจากความพยายามในการศึกษาของเขาเอง
 
เขาอายุแค่ 50 กว่าๆ แต่ตอนนี้เป็นถึงขั้นสุดยอดของระดับ 9 ซี่งอีกแค่ก้าวเดียวก็จะได้ไปเป็นระดับเซียนเทพแล้ว นี้ถือว่าเป็นความสําเร็จที่หาได้ยากมากแล้ว
“เจ้าน่ะมีพรสวรรค์มากนะ เป็นพรสวรรค์แบบที่คนนับไม่ ถ้วนใฝ่ฝันหาแต่เจ้าเข้าใจไหมวะ พรสวรรค์น่ะเบี้ยเพียงแค่กุญแจที่ไขไปสู่สมบัติที่เรียกว่าเวทมนตร์แต่การที่เจ้าจะเอาสมบัตินั้นกลับไปได้ไหมสุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับความทุ่มเทและความพยายามของเจ้าอยู่ดี” อาจารย์เดิร์คมองเหมิงเหล่ยแล้วถาม “เจ้าเข้าใจใช่ ไหม”
“ครับ” เหมิงเหล่ยพยักหน้า
“ถ้างั้น เจ้าจะยังโดดเรียนต่ออีกไหม”
 
“โดดครับ”
อาจารย์เดิร์คผงะไปแปปใหญ่ๆก่อนจะเริ่มหัวเสียบรรยากาศการสอนที่ดูจะน่าเลื่อมใสเมื่อกี้นี้มันหายวับไปในชั่วพริบตา
ยังโดดอยู่อีก อย่างงั้นเหรอ จะตรงไปตรงมาเกินไปแล้วนะ!!
 
เขาโกรธจัด ตอนที่เขากําลังจะเริ่มเทศนาเหมิงเหล่ยนั้นเองจู่ๆประตูห้องทํางานก็เปิดขึ้นมา แล้วอาจารย์ที่รับผิดชอบคุมสนามประลองก็เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“อาจารย์เดิร์ค ยินดีด้วยนะครับ”
อาจารย์ประจําสนามประลองเดินเข้ามาแล้วพูดเสียงดังลั่นแต่แล้วเขาก็เห็นเหมิงเหล่ยกับอาจารย์เดิร์คยืนเผชิญหน้ากัน เขาเลยแอบๆตกใจเหมือนกัน “อ้าวเหมิงเหล่ยเองก็อยู่ที่นี้ด้วยงั้นเหรอ
ทันทีที่เขาพูดจบประโยค เขาก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มร่าทันที “อ้ออาจารย์เดิร์คคงกําลังชมเหมิงเหลี่ยอยู่ละซิท่า ใช่แล้วละ เหมิงเหล่ยออกจะเก่งขนาดนั้นก็ควรค่าแก่การชมเชยอยู่แหล่ะ”
อาจารย์เดิร์คงงงทันที เขามองหน้าเหมิงเหล่ยก่อนจะหันกลับไปถามอาจารย์อย่าง งงๆ “อาจารย์โจ พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ”
“โถ่ว อาจารย์เดิร์คก็ ไม่เห็นต้องทําฟอร์ม”
อาจารย์คุมสนามประลอง ชื่อ โจ โบลตั้นหัวเราะแล้วพูด “เหมิงเหล่ยน่ะไปประลองกับแลนซ์ที่เป็นอันดับ 1 ของคลาส 2 ในสนามแล้วร่ายเวทระดับ3ฉับพลันใส่เขารัวๆเลยนะ”
“เดี๋ยวก่อน..!” อาจารย์เคิร์คขัดแล้วถามด้วยความงงๆ “เหมิงเหล่ยใช้เวทมนตร์ระดับ 3 แบบฉับพลันได้งั้นเหรอ เจ้าบอกว่าระดับ 3 ด้วยงั้นเหรอ”
“อ้าว อาจารย์เดิร์คยังไม่รู้เรื่องนี้อีกเหรอครับ” พอเห็นสีหน้าของอาจารย์เดิร์คแล้ว โจก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพูด “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ”
หลังจากที่ฟังโจเล่าเรื่องจบ อาจารย์เดิร์คก็ตกใจมากเขามองเหมิงเหลี่ยแล้วพูด “ที่อาจารย์โจพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ นี้เจ้าทําแบบ นั้นได้จริงๆงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ” เหมิงเหล่ยพนักหน้า เขาไม่ปฏิเสธ และไม่มีความจําเป็นต้องปฏิเสธด้วย เขาเชื่อว่าเรื่องของเขาตอนนี้ยังไงก็น่าจะแพร่กระจายไปทั่ววิทยาลัยแล้ว
“มีเพียงจอมเวทระดับ 7 เท่านั้นที่ร่ายเวทระดับ 3 แบบฉับพลัน ได้”
อาจารย์เดิร์ค มองเหมิงเหลยด้วยสายตาจ้องเขม็งเหมือนกับกําลังมองเหมิงเหล่ยให้ออก “แต่เจ้าเป็นแค่จอมเวทระดับ 3 เจ้าทําได้ยังไงกัน”
“อาจารย์ครับคือผม บังเอิญพัฒนาระดับไปได้อีกขั้นแล้วครับ” เหมิงเหล่ยเกาหัวแกรกๆ “ตอนนี้ผมเป็นจอมเวทระดับ 4 แล้วครับ”
เหมงเหลยพยายามจะพูดให้ดูขี้โม้เกินไป เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาตอนนี้เป็นจอมเวทระดับ 5 แล้ว ความเร็วในการพัฒนาของเขามันเร็วเกินไปจนเขาเริ่มกังวลว่าเขาอาจจะมีปัญหาตามมาได้
“บังเอิญงั้นเหรอ”
“จอมเวทระดับ 4 เหรอ”
 
ทั้งอาจารย์โจและอาจารย์เดิร์คต่างมองหน้ากันไปมาโดยที่ไม่พูดอะไรต่อกันหลังจากที่อาจารย์เดิร์คตั้งสติแล้วเขาก็พูด “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นจอมเวทระดับ 4 แล้วแต่เจ้าก็ยังไม่น่าจะร่ายเวทระดับ 3 ฉับพลันได้นี้ไม่เห็นมีเหตุผลอไรเลย”
เหมิงเหล่ยเกาหัวแล้วพูด “บางที่อาจจะเป็นเพราะว่าพลังวิญญาณของข้ามันมีมากเกินไปมั้งครับ”
“พลังวิญญาณงั้นเหรอ” อาจารย์โจถาม “เหมิงเหล่ยพลังวิญญาณของเจ้าตอนที่เจ้าทดสอบครั้งก่อนหน้านี้ เจ้าได้ระดับพลังวิญญาณของเจ้าอยู่ระดับไหนกัน”
 
“ข้าได้ทําการทดสอบตอนสอบกลางภาคก็จริง แต่ข้าจงใจปกปิดพลังวิญญาณของข้าเองตอนนั้น” เหมิงเหล่ยยิ้ม “ทําให้ตอนสอบข้าวัดพลังวิญญาณได้แค่จอมเวทระดับ 3”
 
“แล้วพลังวิญญาณจริง ๆ ของเจ้าละ” อาจารย์โจถาม
 
“ยังไม่เคยวัดเลยครับ น่าจะมากกว่าจอมเวทระดับ 3 มั้งครับ”เหมิงเหล่ยตอบ
 
“แล้วทําไมเจ้าไม่วัดมันเล่า” อาจารย์โจหันไปมองอาจารย์เดิร์ค “อาจารย์ครับพอจะมีที่ตรวจสอบพลังวิญญาณอยู่ด้วยไหมครับให้เหมิงเหลี่ยได้ทดสอบพลังวิญญาณเดี๋ยวนี้เลยไหมครับ”
“ไม่จําเป็นหรอก” เดิร์คพูด “มีเพียงแค่จอมเวทระดับ 7 เท่านั้นที่ไม่ต้องร่ายเวทก็ปลดปล่อยเวทมนตร์ระดับ 3 ได้ ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณของเหมิงเหล่ยจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่มันก็คงห่างกันไม่ไกลหรอกไม่จําเป็นต้องวัดก็ได้”
“จริงครับ” อาจารย์โจตอบ แล้วหันไปหาเหมิงเหล่ย “อายุยังน้อยแท้ๆแต่กลับมีพลังวิญญาณมหาศาล เหมิงเหล่ยอนาคตของเจ้าต้องรุ่งโรจน์แน่นอน”
 
“ขอบคุณครับอาจารย์โจ”
เหมิงเหล่ยยิ้ม เขารู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงร่ายเวทได้ทันทีนั้นไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณของเขาหรอกแต่เป็นเพราะระบบตั้งหาก
 

Picking Up Attributes From Today

Picking Up Attributes From Today

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก ในทวีปแดนสวรรค์ ทั้งเผ่ามังกร เผ่ายักษ์ เผ่าครึ่งสัตว์ เผ่าภูติ สัตว์เวทมนตร์ และเผ่าพันธ์อื่นๆต่างแย่งกันขึ้นเป็นใหญ่ เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นถูกกระทำเยี่ยงทาสและต้องใช้ชีวิตอย่างต้อยต่ำ ในขณะที่เผ่ามังกรนั้นถือตัวเองเป็นขุนนางกดขี่ในทุกๆด้าน แต่ถึงอย่างนั้น จุดเปลี่ยนก็ได้มาถึง ชายหนุ่มนามเหมิงเหล่ย มนุษย์ผู้ถูกส่งมาจากโลกมนุษย์ถูกส่งมาให้กลายเป็นแค่ ชาวบ้านธรรมดา แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด “ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไม่” จะเป็นเงิน สิ่งของ ไอเทม อาวุธ เวทมนตร์ ลมปราณ พลังวิญญาณ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด (หรือยอดระบบเก็บของ) ก็สามารถเก็บได้ทุกอย่าง …. “จะฝึกเป็นจอมเวทหรือเป็นนักรบดีละ โว้ยเลือกยากจริง เป็นมันทั้ง2อย่างเลยละกัน” ตามติดชีวิตของเหมิงเหล่ยสู่การเดินทาง เปลี่ยนชะตาจากชีวิตชาวบ้านธรรมดา สู่ตัวตนที่เหนือทุกสรรพสิ่ง ได้ใน “ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset