re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง – ตอนที่ 64

re zombie world โลกซอมบอีกครั้ง

 

ตอนที่ 64

 

หลังจากที่สองสาวนิมพ์หนีออกมาจากสนามต่อสู้ได้แล้วทั้งสองก็พยายามตรงไปที่ประตูทางออกแต่ดูเหมือนว่าประตูทางออกจากโคลอสเซียมจะถูกปิดไปแล้ว ทําให้ทั้งสองได้แต่มาหลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังหนึ่งเพื่อหาทางออกไปจากที่นี่

 

สาวปริศนาที่เป็นนิมพ์ปลอมตัวมารีบเข้ามาโอบกอดนิมพ์ตัวที่ถูกไว้อย่างเป็นห่วง ซึ่งภาษาที่พวกเธอใช้สื่อสารกันนั้นเป็นการสื่อสารที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะเพียงแค่พวกเธอสัมผัสกันก็รับรู้ความคิดของอีกฝ่ายได้ในทันที 

 

แต่ในตอนนั้นเองที่อยู่ ๆ ก็มีชายสวมหน้ากากทองคําโผล่มาออกมาจากเงามองไปที่ทั้งสองตน

 

“ไง พวกเธอเข้าใจภาษาของมนุษย์หรือไม่” ในเรลพูดออกมาขณะที่เดินออกมาจากเงา

 

นิมพ์ตนที่ดูเหมือนจะเป็นพี่สาวรีบเข้ามาปกป้องน้องสาวของเธอในทันที เธอมองไปที่มนุษย์คนนั้นอย่างพิจารณาและจําได้มาเขาก็คือคนที่ช่วยเธอไว้ที่ประตูลานต่อสู้

 

“ต้องการอะไร” เธอพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่ฟังดูตลกเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงพอฟังรู้เรื่อง เนื่องจากนิมฟ์เกิดมาจากธรรมชาติโดยตรง จึงทําให้พวกเธอเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และการที่พวกเธอยู่ใกล้กับมนุษย์มาสักพักแล้ว เขาจึงพอจะรู้ว่าพวกเธอทั้งสองนาจะรู้ภาษาของมนุษย์มา

 

ในชีวิตก่อนอสูรนิมฟ์จัดเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นมิตร และมีการแลกเปลี่ยนกับมนุษย์บ้างพอสมควรโดยเฉพาะน้ําค้างแห่งชีวิตที่แสนจะล้ําค่านั้น แต่เพราะรูปร่างที่มีเสน่ห์จนเกินไปของพวกนิมฟ์ระดับต่ําถูกมนุษย์บางคนจับมาเพื่อสนองอารมณ์

 

นั้นทําให้นิมฟ์สาวเหล่านี้บางส่วนโกรธแค้นและจัดการสั่งหารโหดคนเหล่านั้นและการเชื่อใจของนิมพ์ต่อมนุษย์ก็น้อยลง

 

ในเรลไม่ได้หวังว่าจะหยุดเรื่องราวเหล่านี้แต่ที่เขาหวังคือต้องการแลกเปลี่ยนน้ําค้างแห่งชีวิตกับนิมพ์เผ่านี้

 

“การตอบแทนที่ฉันช่วยพวกเธอสองคนไว้” นิมพ์ทั้งสองที่ได้ยินก็ระวังตัวจากในเรลในทันที แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาทาที่ของพวกเธอก็ระวังตัวมากกว่าเดิม

 

“ฉันต้องการน้ําค้างแห่งชีวิต”

 

“ไม่…” พอได้ยินนิมฟ์ที่เป็นพี่สาวก็ปฏิเสธในทันทีโดยไม่สนใจที่จะฟังต่อ

 

“เฮ้ เธอจะไม่ฟังข้อเสนอของฉันก่อนงั้นหรือ…”

 

“ข้อเสนอ

 

“ใช่! ข้อเสนอ ตอนนี้พวกเธอไม่สามารถออกไปจากโคลอสเซียมได้ และอีกไม่นานคนพวกนั้นก็คงจะตามหาพวกเธอเจอแต่ฉันสามารถช่วยพวกเธอหนีออกไปได้ แต่ต้องแลกกับน้ําค้างแห่งชีวิต ว่าไงตกลงหรือไม่”

 

นิมพ์ทั้งสองมองไปที่ในเรลด้วยท่าทีระวัง แต่เมื่อพวกเธอคิดตามคําพูดของในเรลก็รู้มันคือความจริงอีกไม่ นานมนุษย์เหล่านั้นก็ต้องจับพวกเอทั้งสองได้แต่ ถ้าขึ้นยังอยู่ในโคลอสเซียม

 

แต่ถึงแบบนั้นถ้าจะให้เชื่อใจชายหน้ากากทองเต็มร้อยก็ดูจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน

 

ในตอนนั้นเองที่ข้างนอกก็มีเสียงของผู้คนที่วิ่งมาทางที่พวกเขาอยู่ จากมุมมองของความสามารถ [ตรวจจับความร้อน ] ของในเรลเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่มาก็คือ กลุ่มมนุษย์ชั้นสูง

และดูเหมือนนิมพ์ทั้งสองก็สัมผัสได้เช่นกันว่ากําลังมีคนจํานวนมากตรงมาทางนี้

 

“ว่าอย่างไร จะยอมรับข้อเสนอหรือไม่”

 

นิมพ์ที่เป็นพี่สาวที่กัดริมฝีปากแน่นมองไปที่ในเรลอย่างแนวแน่ เธอพยายามสัมผัสถึงความคิดของเขาว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ แต่เมื่อมองไปที่แววตาที่มองผ่านหน้ากากนั้นซึ่งไม่มีเจตนาร้ายอยู่เธอก็พยักหน้าตกลงในทันที

 

“เลือกได้ดี” ในเรลมองไปทั้งสองตน

 

หลังจากที่โรฮานและกลุ่มของคนอื่น ๆ พังประตูเข้ามาด้านในเขาก็ไม่พบเจออะไรเลยแม้แต่น้อย นอกจากบ้านที่ว่างเปล่า

 

“เป็นไปได้อย่างไร ก็ฉันเห็นผู้หญิงท่าทางแปลก ๆ เข้ามาหลบในนี้กับตาตัวเอง อีกอย่างที่นี่ก็มีประตูทางออกเดียวพวกเธอจะหายไปได้อย่างไร”

 

เนื่องจากทางกลุ่มมังกรดําและกลุ่มอื่น ๆ บอกว่าจะให้รางวัลกลับคนที่รู้ว่าในเรลและนิมฟ์สองตัวหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนได้

 

ชายคนนี้ก็คิดว่าเขาจะต้องได้รับรางวัลจํานวนมากแน่นอนแต่ตอนนี้รางวัลของเขาหายไปแล้ว

 

“ไม่ใช่ ที่นี่มีกลิ่นของคนพวกนั้นอยู่” มนุษย์ชั้นสูงที่มีความ สามารถในการดมกลิ่นก็กล่าวออกมาขณะที่กําลังใช้จมูกของตนเองดมหาไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่ากลิ่นจะมี ๆ หาย ๆ ซี่งกลิ่นที่ทิ้งไว้ก็คือตอนที่ในเรลกระโดดข้ามเงาไปมาและพวกเขาก็ตามมาจนถึงประตูทางออกจนได้รู้ว่าในเรลและหญิงสาวทั้งสองได้ออกไปจากโคลอสเซียมแล้ว

 

ในขณะเดียวกันที่กลางป่าหลังจากที่ในเรลมาโผล่อยู่ในป่าที่ห่างจากโคลอสเซียมไปไกลพอสมควรแล้วเขาก็ให้สองพี่น้องนิมพ์ออกมาในทันที

 

“ถึงแล้ว ตามข้อตกลงฉันขอน้ําค้างแห่งชีวิตด้วย” ในเรลมองไปที่สองสาว แต่แล้วเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลก ๆ ของทั้งสองคนเขาก็รู้สึกว่าพวกเธอมีอะไรปิดบังอยู่

 

นิมพ์ผู้พี่ก็พูดออกมาในทันที “น้ําค้างแห่งชีวิต…พวกเราไม่มีอยู่กับ…อยู่กับตัว”

 

“หมายความว่าไง?”

 

เมื่อได้ยินน้ําเสียงของในเรลทั้งสองก็ตั้งท่าระวังตัวในทันทีชายคนนี่อันตราย นั้นคือในความคิดของพวกเธอ

 

“มันมีอยู่กับราชินีนิมพ์ แต่ตอนนี้พวกเราถูกโจมตี”

 

“ถูกโจมตี”

 

หลังจากนั้นพวกเธอก็เล่าเรื่องของเผ่าอสูรนิมพ์ที่พวกเธอถูกสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีตัวใหญ่กว่าที่ขึ้นมาจาก หลุมได้บุกโจมตีเผ่าหิมพ์ และจับตัวของเผ่าเธอไป

 

และนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทําให้พวกเธอทั้งสองหนีตายกัน ออกมาจนนิมพ์ผู้น้องถูกจับตัวโดยมังกรดํา ส่วนเธอที่หลบซ่อนเห็นเหตุการณ์ก็ได้ปลอมตัวเข้ามาช่วยน้องสาว

 

“ที่เผ่า มีน้ําค้างแห่งชีวิตอยู่”

 

“งั้นก็ไปที่เผ่าของพวกเธอและเอาน้ําน้ําค้างแห่งชีวิตมา”แต่ในเรลก็เห็นพวกเธอส่ายหัวอยู่เหมือนเดิม หลังจากนั้นก็บอกกลับมาอีกว่า “คนที่สามารถทําได้มีแค่ราชินีนิมฟ์คนเดียว”

 

ในเรลได้ยินดังนั้นก็รู้ในทันที่ว่า เขามีแค่สองตัวเลือกเท่านั้นนั้นก็คือ ไปช่วยราชินีนิมพ์ออกมาเพื่อให้เธอเอาน้ําค้างแห่งชีวิตมา หรือไม่เขาก็ทิ้งเรื่องนี้ไปซะและออกเดินทางตามแผนที่วางไว้เพื่อมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียต่อ

 

แต่คิดอยู่สักพักว่าจะเอาไงต่อในเรลก็ตัดสินใจว่าจะไปดูสถานการณ์ก่อน ถ้าช่วยราชินีนิมพ์ได้เขาก็จะช่วยแต่ถ้าไม่ไหวเขาก็แค่ถอยออกมาเท่านั้นมันไม่ได้มีอะไรเสียหาย 

 

ซึ่งเมื่อทั้งสองสาวนิมพ์ได้ยินในเรลบอกว่าเขาจะไปช่วยพวกเธอพาราชินีนิมพ์ออกมา ทั้งสองก็รู้สึกว่ามีความหวังมากขึ้น เพราะถ้าใช้ความสามารถของในเรลจะต้องลอบเข้าไปช่วยเผ่าพันธุ์เธอออกมาได้แน่นอน

 

แต่ถึงแบบนั้นทั้งสองก็ยังระวังตัวจากในเรลอยู่ดี

 

ในเรลออกเดินทางไปตามทิศที่นิมพ์บอกในทันที แต่ที่เพราะทั้งสองคนเดินทางช้าไปในเรลจึงบอกให้ทั้งสองพี่น้องเข้าไปในเงาของเขา

 

ส่วนในเรลก็ใช้ความสามารถของ [ราชานักวิ่ง c] วิ่งไปตาม ทิศทางนั้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เขาทําได้นั้นมันมากกว่า 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเข้าก็มาถึงผืนป่าที่พวกเธอบอก

 

ป่าหมอกที่ซ่อนตัวของพวกเธอ ที่นี่มีหมอกหนาทึบมากจนมองเห็นเส้นทางข้างหน้าจากตัวเองแค่ไม่กี่เมตรก็มองไม่เห็นอะไรอีกนอกจากหมอกหนา

 

ทั้งสองคนเห็นปาที่คุ้นเคยก็ดีใจเป็นอย่างมาก เธอสัมผัสรีบกับต้นไม้พวกนั้นก็เหมือนกลับมาว่ามันจะมีชีวิตรีบเปิดเส้นทางหมอกให้กับพวกเธอ

 

ในเรลที่เห็นแบบนั้นก็นึกถึงข้อมูลในชีวิตก่อนเกี่ยวกับนิมพ์ที่มีอยู่น้อยนิด ว่ากันว่านิมพ์สามารถสื่อสารกับต้นไม้ได้และอาจจะควบคุมต้นไม้ได้เลยทีเดียว เพราะตามข่าวตอนนั้นที่นิมพ์บุกฆ่ามนุษย์ที่จับตัวคนของเผ่าพันธุ์ตนนั้น มนุษย์ชั้นสูงและคนเหล่านั้นถูกฆ่าโดยเหล่าพืชพันธุ์และต้นไม้ซึ่งเป็นการตายที่น่าสยดสยองมาก

 

ในเรลเดินตามหลังทั้งสองไปและคิดว่าเขาควรจะกินทั้งสองคนดีหรือไม่เพื่อให้ได้ความสามารถควบคุมพืชมา แต่เขาก็คิดว่าไม่กินเพื่อนรวมทางของตนเองดีกว่า

 

ในขณะที่เขากําลังคิดว่าจะกินทั้งสองดีหรือไม่นั้นในเรลไม่รู้เลยว่านิมฟ์ผู้พี่ได้สังเกตุเห็นสายตาของเขาแล้ว เธอก็อดสั่นไปทั้งตัวไม่ได้ สายตาของในเรลที่มองพวกเธอเป็นแค่อาหาร

 

แต่พอเห็นสายตาของในเรลกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไม่ได้มองเธอเป็นอาหารอีก เธอถึงได้ถอนหายใจออกมา

 

บางครั้งความสามารถของนิมฟ์ในการสัมผัสกับอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตได้นั้นก็ทําให้เธอต้องระวังสิ่งรอบข้างมากกว่าปกติ

 

เมื่อเดินไปไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ตั้งของเผ่าหิมพ์ ซึ่งถ้ามองจากปกติแล้วมันก็เป็นแค่ผืนปาธรรมดาเท่านั้น ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยขี้เถ้า ผืนปาด้านหน้าของในเรลเต็มไปด้วยซากต้นไม้และเถาวัลย์ที่โดนเผาจนตายถึงตอ

 

มันยังมีรอยเท้าขนาดใหญ่ของผู้ที่โจมตีอยู่ เมื่อมองดูมันก็เหมือนกับรอยเท้าของมนุษย์ แต่มันใหญ่กว่ามาก

 

“ยักเถื่อน” เมื่อนับดูมันมีไม่ต่ํากว่า 3-4 ร้อยตัวอย่างแน่นอน และดุจากขี้เถ้าที่มันทิ้งไว้คงจะเป็นพวกเผ่าอัคคีที่มีความสามารถในการใช้ไฟ ซึ่งถ้าเป็นพวกมันก็ไม่แปลกที่จะสามารถจัดการกับเผ่าหิมพ์ที่ควบคุมพืชได้

 

เพราะถ้าพืชทั้งหมดถูกเผาไปจนหมดก็ไม่มีพืชให้เผ่านิมฟ์ควบคุมได้อีก แค่นี้ก็สามารถถอนเขียวเล็บเสือของเผ่านิมจนกลายเป็นลูกแมวน้อยที่ไร้พิษส่งได้

 

ยิ่งเดินเข้ามาด้านในก็รู้ว่าป่าที่พวกยักษ์เถื่อนเผ่านั้นกินที่หลายสิบกิโลกเมตร พวกมันใช้ไฟปิดล้อมจากนั้นก็บีบให้ นิมพ์ยอมแพ้ถึงแม้จะมีนิมฟ์บางส่วนที่สามารถหนีออกไปได้แบบนิมพ์สองพี่น้องนี้ แต่ก็มีไม่มากพวกเขาได้แต่เร่ร่อนหนีตายกันไปเท่านั้น

 

“ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีอะไรเหลือแล้ว” ในเรมองไปรอบ ๆ ที่มีแต่ขี้เถ้า จากการบอกเล่าของทั้งสองดูเหมือนการโจมตีพึ่งจะผ่านไปแค่ 7 รอบดวงตะวันขึ้นและตกเท่านั้นหรือก็คือ 7 วัน

 

“เดียวก่อน มีคนอยู่ที่นี่” ขณะที่พวกเขากําลังเดินกันอยู่นั้นอยู่ ๆ ในเรลก็มองเห็นร่องรอยของความร้อนที่ออกมาจากตัวของสิ่งมีชีวิต

 

เขาค่อย ๆ เดินตามมันไปก็เจอเข้ากับซากของต่อต้นไม้ด้านล่างมีเด็กสาวเผ่าหิมพ์ที่ตามผิวหนังของเธอไหมจากไฟที่ถูกเผา

 

“นี่มัน..”

 

แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา นิมฟ์สองสาวก็รีบวิ่งเข้าไปกอดนิมพ์เด็กสาวคนนั้นทันที พร้อมกับร้องไห้ออกมาและเรียกเธอว่าน้องสาวอีกคน

 

สําหรับนิมฟ์แล้วนั้นการเกิดก่อนก็จะกลายเป็นพี่ส่วนเกิดที่หลังก็จะกลายเป็นน้อง แต่สําหรับนิมพ์ที่เกิดเป็นตนแรกและแข็งแกร่งที่สุดก็จะถูกเรียกว่าราชินีนิมพ์

 

ส่วนการกําเนิดนั้นในเรลก็ไม่ทราบข้อมูลนี้เหมือนกัน แต่ก็มีข่าวลือว่าพวกนิมฟ์กําเนิดมาจากต้นไม้ แต่บางคนก็บอกว่าพวกเธอจะจับเพศผู้เผ่าพันธุ์อื่นไปเพื่อให้ทําหน้าที่เป็นพ่อและก็จะปล่อยตัวออกมาเมื่อได้รับสิ่งที่พวกเธอต้องการแล้ว

 

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเพศผู้แบบไหนก็ได้ ว่ากันว่าต้องเป็นพวกที่มีความสามารถเป็นที่ต้องการของพวกเธอด้วย ซึ่งทั้งสองก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น

 

หลังจากที่นิมฟ์พี่สาวสอบถามกับนิมพ์เด็กผู้หญิงนั้น ก็ได้คําตอบว่าเธอคือหนึ่งในคนที่หนีรอดออกไปได้ หลังจากนั้นนิมฟ์เด็กสาวก็ได้แอบตามยักษ์เถื่อนที่จับนิมฟ์ทุกตนไปจนรู้ว่าพวกมันหยุดอยู่ที่ปากหลุมที่ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกล แต่เพราะเธอบาดเจ็บจากไฟจึงกลับออกมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่และรอค่อยให้นิมพ์ที่หนีไปคนอื่น ๆ กลับมา

 

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีนิมฟ์ตัวไหนกลับมาอีกยกเว้น นิมพ์สาวที่มากลับในเรล

 

ในเรลที่เห็นว่านิมพ์นั้นบาดเจ็บ เขาจึงนํายาบางส่วนออกมาจากเงา ซึ่งของเหล่านี้คือสิ่งที่เขาเตียมมาในกรณีฉุกเฉิน ในเรลม่รู้ยาเหล่านี้จะได้ผลกับนิมพ์พวกนี้หรือไม่ แต่นิมฟ์ก็ได้จัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่อสูรเหมือนกันมันก็น่าจะรักษาได้บ้าง

 

เพราะในชีวิตก่อนก็มีอสูรที่สามารถใช้ยาของมนุษย์รักษาอาการบาดเจ็บเหมือนกัน

 

แต่ทันทีที่ทั้งสองสาวนิมฟ์เห็นในเรลเดินเข้าไปหานิมฟ์เด็กพวกเธอก็เข้ามาขวางไว้ในทันที เพราะคิดว่าในเรลจะคิดไม่ดีไม่ร้ายกับสาวน้อยนิมฟ์ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก็เป็นไปได้

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง

Score 7.9
Status: Ongoing Released: N/A
อ่านนิยายเรื่อง re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้งณ ช่วงชีวิตหนึ่งผมเสียทุกอย่างไป แต่ก็ได้รับโอกาสในอีกโลกหนึ่ง ไนเรลชายหนุ่มที่สูญเสียทุกอย่างให้กับวันสิ้นโลกและซอมบี้ แต่แล้วโชคชะตาก็พาเขาไปพบกับกล่องแพนโดร่าที่ซึ่งมีเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด และนั้นจึงทำให้เขาได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงโลกซอมบี้ใบนี้อีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset