Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2460

รุมล้อมป้อมปราการแสงดาว

จักรวรรดิจันทราสีเงิน เมืองสิงโตเงิน :

“นายพูดว่าอะไรนะ ? สภาสิบแปดปีกยึดป้อมปราการแสงดาวได้แล้ว ?” อดอล์ฟตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเขาได้ยินรายงานของแม๊คอาฟรี่ “เป็นไปไม่ได้ !!! กองกำลังของนายพึ่งจะเดินทางไปไม่นาน !!! แม้ว่าทั้งหมดจะไม่ได้พักผ่อนเลย แต่นายจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์หลายแสนตัวในป้อมปราการได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!”

ตอนนี้อดอล์ฟนั้นรู้สึกราวกับว่าแม๊คอาฟรี่กำลังเล่นตลกกับเขา จนถึงตอนนี้ สภาสิบแปดปีก และกองกำลังสิงโตเงินนั้นไม่ได้หายออกไปจากเมืองสิงโตเงินนานเกินหนึ่งวันด้วยซ้ำ และป้อมการแสงดาวนั้นก็เป็นที่อยู่ของมอนสเตอร์หลายแสนตัว โดยที่อ่อแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังอยู่ในระดับลอร์ดบอส นอกจากนี้มันก็ยังมีลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดอีกมากมาย แถมป้อมก็จะยังต้องมีมอนสเตอร์ระดับเทพนิ
ยายอีกหลายตัวแน่นอน

แม้ว่าป้อมปราการแสงดาวจะเปิดประตูรอต้อนรับคนเหล่านี้เลย แต่กองกำลังสิงโตเงินที่มีผู้เล่นประมาณแปดพันคนก็ยังจะต้องใช้เวลาอีกมากในการจะกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดในป้อมให้หมดไป และมันก็จะจัดว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว หากพวกเขาสามารถทำงานนี้ให้เสร็จได้ในสองถึงสามวัน

อย่างไรก็ตามเวลานั้นมันผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งวันเลยนับตั้งแต่ที่พวกเขาออกเดินทางไปยังหุบเขาดาว และเมื่อรวมเวลาเดินทางแล้ว พวกเขาก็จัดว่าใช้เวลาในหุบเขาดาวน้อยมากๆ

นี่แม๊คอาฟรี่คิดว่าเขาแก่แล้วเลยจะหลอกอะไรเขาก็ได้งั้นหรอ ?

“มันเป็นเรื่องจริงผู้อาวุโสสูงสุด” แม๊คอาฟรี่กล่าวยืนกรานพลางยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของอดอล์ฟ “ลองดูด้วยตัวคุณเองเลย ถ้าไม่เชื่อฉัน กองกำลังของเราได้เข้ามาในป้อมปราการแสงดาวแล้ว และกำลังทำการกวาดล้างมอนสเตอร์ และตอนนี้วงเวทย์ของป้อมนี้ก็มาบัฟให้เราแทนผู้อยู่เดิมแล้ว”

ขณะที่แม๊คอาฟรี่พูดเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นวีดีโอคอลเพื่อแสดงถึงมุมมองของสถานการณ์ทั้งหมดตอนนี้ให้อดอล์ฟดู

จากสิ่งที่อดอล์ฟได้เห็นนั้น ตอนนี้กองกำลังสิงโตเงินกำลังต่อสู้อยู่ในป้อมปราการแสงดาวกับเหล่ามอนสเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุอยู่ และในหมู่มอนสเตอร์เหล่านี้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นลอร์ดบอส เลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขณะที่มอนสเตอร์ส่วนใหญ่นั้นก็มีเลเวลเกินหนึ่งร้อยสิบทั้งหมด นี่ยังไม่นับรวมพวกลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดจำนวนมากด้วย แต่วงเวทย์ของป้อมปราการนั้นก็ได้ปราบปรามมอนสเตอร์ทุกตัวอยู่ ซึ่งมันลดค่าสถานะพื้นฐานและความเร็วของมอนสเตอร์ลงไปอย่างมาก นอกจากนี้สมาชิกของกองกำลังทั้งหมดยังถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสีม่วงจางๆที่ช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพของพวกเขาขึ้นอย่างมาก

แม้ว่ากองกำลังสิงโตเงินจะมีจำนวนน้อยกว่า แต่มอนสเตอร์เหล่านี้ในตอนนี้ก็ไม่สามารถจะเทียบกับพวกเขาได้เลย ซึ่งพวกมันก็ตายลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเห็นสิ่งนี้นั้นมันก็เห็นได้ชัดว่าป้อมปราการแสงดาวนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เล่นแล้ว ไม่งั้นวงเวทย์ของป้อมจะไม่ทำงานในลักษณะแบบนี้แน่นอน

“เป็นไปได้ยังไง ?!” อดอล์ฟจ้องมองไปยังสิ่งที่เขาได้เห็นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

พวกเขากำลังพูดถึงหนึ่งในป้อมปราการที่อยู่ภายในหุบเขาดาว !!!

แม้ว่ามหาอำนาจหลายกลุ่มจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจะเข้ายึดป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้เลย นี่ไม่ต้องพูดถึงเผ่าศักสิทธิ์ทำงานแค่กลุ่มเดียว

“ผู้อาวุโสสูงสุด ฉันคิดว่ามันคงจะใช้เวลาไม่นานมานักก่อนที่มหาอำนาจอื่นๆจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะระบบหลักของ God domain นั้นได้ออกประกาศระบบระดับภูมิภาคไป หลังจากป้อมปราการถูกยึด เราไม่สามารถจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้แน่นอน แม้ว่าเราจะต้องการ” แม๊คอาฟรี่เตือน ตอนนี้เขาพอจะเข้าอยู่ว่าอดอล์ฟมีความรู้สึกอย่างไรและคิดอะไรอยู่

ในตอนที่ซือเฟิงประกาศเป็นครั้งแรกว่าเขาต้องการจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวนั้น แม๊คอาฟรี่ก็คิดว่านักดาบผู้นี้นั้นบ้าและโง่อย่างแท้จริง

มหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกนั้นต้องใช้ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้มาซึ่งเมืองๆเดียว แต่ซือเฟิงกับต้องการเข้ายึดป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาดูเหมือนจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับทวีปด้านตะวันตกดีพอ
หุบเขาดาวนั้นมีทรัพยากรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมากๆ นอกจากนี้มันยังเป็นที่ตั้งของดันเจี้ยนภูมิภาค โหมดพระเจ้า หนึ่งในสองแห่งทางตะวันตก

ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าการเป็นเจ้าของป้อมปราการสักแห่งในที่แห่งนี้นั้นมันเทียบเท่ากับการได้เป็นเจ้าของเส้นเลือดเกรด 1 จำนวนมาก

ซึ่งมันก็ควรจะเป็นมหาอำนาจต่างๆที่สามารถเข้ายึดป้อมปราการนี้ได้สำเร็จก่อนหน้าคนอื่นๆ และกึ่งมหาอำนาจอย่างสภาสิบแปดปีกจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ในเมื่อมหาอำนาจต่างๆล้วนล้มเหลว

อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดซือเฟิงก็ประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมานั้นมันเกินกว่าที่แม๊คอาฟรี่จินตนาการไว้มาก เมื่อพูดถึงการเข้าโจมตี ปิดล้อม และยึดครองป้อมปราการหรือเมืองแบบนี้นั้น สภาสิบแปดปีกมีพลังมากกว่ามหาอำนาจส่วนใหญ่แบบเทียบไม่ติดเลย ในความเป็นจริง แม้แต่ซุเปอร์กิลนั้นก็ไม่สามารถจะบอกได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเชี่ยวชาญและพร้อมในด้านนี้มากกว่าสภาสิบแปดปีก

ทั้งเครื่องมือโดเมน และเรือเหาะมังกรสีเลือดที่ซือเฟิงได้เปิดเผยออกมานั้นล้วนจัดเป็นเครื่องมือระดับพระเจ้าเลย และการได้มองดูไอเทมเหล่านี้แสดงพลังของมันนั้น มันก็ได้เปปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่แม๊คอาฟรี่เคยคิดว่าเขารู้เกี่ยวกับการต่อสู้แบบนี้ ต่อหน้าแหวนแห่งกอสเปล และเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้น ผู้เล่นขั้นสามจัดว่าไร้ค่าไปเลย ….

“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไป ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปสองด้านได้ แต่พวกเขายังแข็งแกร่งขนาดที่สามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ และแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่มีรากฐานจะทำอะไรแบบนี้ได้อย่างมั่นคงเลย” อดอล์ฟพูดก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ นอกจากนี้เขายังเริ่มประเมินสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกใหม่อีกครั้ง “เนื่องจากเป็นแบบนี้ ฉันต้องการให้นายมอบทุกอย่างที่นายมีเพื่อช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ นอกจากนี้ไปแจ้งแบล๊คเฟรมด้วยว่าเผ่าศักสิทธิ์ยินดีจะช่วยเหลือกิลของเขาในการจัดการป้อมปราการแสงดาว ไม่เพียงแต่เราจะส่งกองกำลังดีไวน์ไฮม์ และกองทัพผู้เชี่ยวชาญหนึ่งแสนห้าหมื่นคนไปประจำการที่ป้อมให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เรายังจะมอบสายเลือด Special Enchanted ให้พวกเขาหนึ่งร้อยขวดด้วย ในทางกลับกันสิ่งที่เผ่าศักสิทธิ์ต้องการนั้นขอเพียงแค่สถานที่พักกิลชั่วคราวในป้อมปราการแสงดาวเท่านั้น !!!”
ตำพูดของอดอล์ฟนั้นทำให้แม๊คอาฟรี่ตกตะลึง

“นี่เราต้องทำขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? นอกเหนือจากกองกำลังดีไวน์ไฮม์แล้ว เรายังจะต้อมอบสายเลือด Special Enchanted ให้พวกเขาอีกหนึ่งร้อยขวดงั้นหรอ ? หากเราทำแบบนี้จริงๆผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของกิลเราจะมีช่วงเวลาที่ยากมากขึ้นในการเข้าถึงขั้นสามมากกว่าผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจอื่นๆเลยนะ …” แม๊คอาฟรี่พยายาม
ห้ามอดอล์ฟ เขาคิดว่าการตัดสินใจแบบนี้ของอดอล์ฟ มันดูจะไปไกลเกินไปหน่อย

กองกำลังดีไวน์ไฮม์นั้นแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับกองกำลังสิงโตเงิน แต่กองกำลังนี้ก็จัดว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับสองในกิลเลย ซึ่งโดยปกติกองกำลังนี้จะมีหน้าที่ดูแลเมือง และเหมืองแร่ที่สำคัญของกิล หากพวกเขาย้ายกองกำลังดีไวน์ไฮม์ไป การป้องกันเมือง และเหมืองแร่ส่วนอื่นก็จะมีปัญหาอย่างมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของสายเลือด Special Enchanted อีกร้อยขวดเลย

แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ แต่ป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามนั้นก็ไม่เหมือนกับป้อมปราการในพื้นที่อื่นๆ แม้ว่าจะยึดได้แล้ว ผู้เล่นก็จะไม่สามารถควบคุมป้อมปราการเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น NPC ก็ยังจะไม่อยู่เพื่อช่วยจัดการป้อมปราการดังกล่าว ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของจึงต้องการผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามาประจำการที่ป้อมปราการในระยะยาว ไม่เช่นนั้นอำนาจการปกครองของผู้เป็นเจ้าของจะมีปัญหาแน่นอน

เนื่องจากข่าวการที่ป้อมปราการแสงดาวถูกยึดนั้นได้เริ่มแพร่กระจายออกไปแล้ว ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้มันจึงจะมีมหาอำนาจมากมายเข้ามารุมล้อมแน่นอน ในขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกนั้นก็ไม่มีกำลังคนอยู่ในทวีปด้านตะวันตกเลย หากปราศจากความช่วยเหลือของเผ่าศักสิทธิ์นั้น การจะปกป้องป้อมปราการแสงดาวไว้ให้ได้นั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับสภาสิบแปดปีก ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีเหตุผลเลยที่เผ่าศักสิทธิ์จะต้องมอบสายเลือด Special Enchanted หนึ่งร้อยขวดให้กับสภาสิบแปดปีกด้วย แค่กองทัพที่พวกเขาส่งไปมันก็ควรจะมากเกินพอแล้วด้วยซ้ำ

“อืมม เราต้องทำแบบนั้น นายควรตระหนักนะว่าหากเราต้องการสถานที่พักกิลชั่วคราวในหุบเขาดาว สภาสิบแปดปีกเป็นทางเลือกเดียวของเราสำหรับพันธมิตร ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกนั้นสามารถจะเลือกมหาอำนาจมากมายมาเป็นพันธมิตรด้วยได้ แถมป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นป้อมขนาดเล็ก ดังนั้นมันจึงมีสถานที่พักกิลชั่วคราวเพียงแห่งเดียว และมันจะต้องเป็นของเราไม่ว่ายังไก็ตาม !!!” อดอล์ฟกล่าวกับลูกน้องเขาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
ความมั่งคั่งและทรัพยากรที่เป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับป้อมปราการแสงดาวนั้นมันไม่สามารถมองข้ามไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกทรัพยากร และการเก็บเลเวล หากเผ่าศักสิทธิ์ได้รับสถานที่พักกิลชั่วคราวที่ป้อมปราการแสงดาวมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการเก็บเลเวลหรือทรัพยากร พวกเขาจะขึ้นไปเหนือกว่ามหาอำนาจอื่นๆอย่างมาก

สายเลือด Special Enchanted หนึ่งร้อยขวด ? สภาสิบแปดปีกนั้นโชคดีจริงๆ เมื่อคริมสันวิชได้ยินคำพูดและน้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุด เธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาตัดสินใจไปแล้ว และแม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขกับมัน แต่เธอก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ อีกไม่นานมหาอำนาจจำนวนมากจะให้ความสนใจในป้อมปราการแสงดาวอย่างมาก และจะเข้ามาทั้งในฐานะมิตรและศัตรู ซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่ทำตัวโง่ๆ

ในขณะที่เผ่าศักสิทธิ์กำลังทำการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกก็เริ่มกระสับกระส่าย และนั่งไม่ติดกัน

“นี่มันน่าสนใจจริงๆ !!! ดูเหมือนจะมีคนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ !!! ว่าแต่มันเป็นมหาอำนาจกลุ่มไหนกัน ?”

“อาจเป็นมหาอำนาจที่ปกปิดตัวตนของตัวเองไว้มาตลอดหรือปล่าว แล้วตอนนี้พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะสยายปีก ?”

“ไม่ว่าจะอย่างไรก็รีบไปดูที่ป้อมปราการกัน หากผู้เป็นเจ้าของอ่อนแอ เราจะได้วางแผนแย่งมันมาซะ !!!”

มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกเริ่มส่งทีมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากของพวกเขาเข้าไปยังหุบเขาดาว

ซึ่งทุกทีมนั้นมีเป้าหมายเดียวกัน

ยึดป้อมปราการแสงดาว !!!

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset