Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2481

ป้อมปราการที่มีมูลค่ารวมทางดาราศาสตร์

“เร็ว !! ดูนั่นสิ !! ป้อมปราการแสงดาวเปิดให้สาธารณชนเข้าไปได้แล้ว !!”

“ในที่สุดมันก็เปิดแล้ว !! ฉันรอช่วงเวลานี้อยู่ !!”

มหาอำนาจและผู้เล่นอิสระต่างๆที่อยู่ในป่าใกล้เคียงสังเกตเห็นแสงระยิบระยับที่ล้อมรอมป้อมปราการแสงดาวอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขารอให้ป้อมปราการนั้นเปิดให้สาธารณชนเข้าชมมานานแล้ว โดยเฉพาะกับผู้เล่นอิสระที่พวกเขาทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังมากๆ

ผู้เล่นอิสระนั้นไม่ได้ทราบถึงข้อตกลงที่จักรวรรดิโลกใต้พิภพทำกับสภาสิบแปดปีก แต่สมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์บางส่วนนั้นได้จงใจจะปล่อยให้ข้อมูลผลประโยชน์บางอย่างของป้อมปราการรั่วไหลออกมา ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เล่นอิสระนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหล

นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่นของป้อมปราการซึ่งจะช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูจากอาการเหนื่อยล้าได้อย่างรวดเร็ว ความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถปรับปรุงการควบคุมมานาของตัวเองได้โดยการแค่เข้าไปเยี่ยมชมป้อมปราการนั้น มันก็ทำให้ที่นี่น่าประทับใจกว่าเมืองใดๆในทวีปด้านตะวันตกเลย

นอกจากนี้ป้อมปราการแสงดาวนั้นยังตั้งอยู่ในหุบเขาดาว ซึ่งตอนนี้พอพวกเขามีป้อมปราการแสงดาวเป็นที่พักผ่อน พวกเขาก็จะสามารถล่าในดินแดนต้องห้ามนี้ได้อย่างอิสระโดยมันจะช่วยเพิ่มความเร็วในการเก็บเลเวล และรวบรวมทรัพยากรของเขาขึ้นอย่างมาก

ดังนั้นโดยปกติแล้ว พวกเขาจึงจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้เข้าเยี่ยมชมป้อมปราการ หรือเข้าไปตั้งฐานปฎิบัติการภายในป้อมปราการ

แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะส่งผู้เล่นของพวกเขาเข้ามาจำนวนมากด้วยเช่นกัน แต่มันก็เทียบไม่ได้กับจำนวนผู้เล่นอิสระที่รอเข้าสู่ป้อมปราการเลย

ผู้เล่นอิสระที่พักผ่อนอยู่บริเวณป่านั้นรีบพุ่งเข้าหาป้อมปราการแสงดาวอย่างรวดเร็วราวกับคนบ้าคลั่ง และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆก็ไม่ได้เข้าถึงป้อมปราการได้ก่อนที่ผู้เล่นอิสระจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามา
อย่างไรก็ตามฉากดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้สร้างความโกรธแค้นให้กับมหาอำนาจต่างๆเลย ตรงกันข้ามพวกเขากับมีความสุขที่ได้เห็นมันด้วยซ้ำ

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากในพื้นที่นี้ ฉันสงสัยว่าแม้แต่จักรวรรดิโลกใต้พิภพกับเผ่าศักสิทธิ์ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้เล่นจำนวนมากขนาดนี้เช่นกัน”

“นี่มันน่าสนใจจริงๆ !!! แม้แต่กองกำลังนรกกของจักรวรรดิโลกใต้พิภพก็จะทำอะไรไม่ถูกกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากขนาดนี้แน่นอน !!!”

เมื่อเหล่าพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆเห็นผู้เล่นอิสระต่างพากันตรงเข้าไปที่ป้อมปราการแสงดาว ดวงตาของพวกเขาก็เริ่มเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ตอนแรกนั้นพวกเขาคิดว่าพวกเขาหมดหวังที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในป้อมปราการไปแล้ว เพราะท้ายที่สุดกองกำลังนรกของจักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อตกแต่งเท่านั้นแน่นอน

พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบนี้ และก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้เล่นอิสระจะสนใจป้อมปราการแสงดาวมากขนาดนี้

ตอนนี้มันมีผู้เล่นอิสระขั้นสามมากกว่าห้าพันคนแล้วที่มารวมตัวกัน นี่ยังไม่นับรวมจำนวนผู้เล่นขั้นสองอีก ซึ่งมันมากกว่าจำนวนผู้เล่นของมหาอำนาจต่างๆรวมกันซะอีก

แม้ว่าจักรวรรดิโลกใต้พิภพจะทุ่มทุกอย่างเข้ามา แต่พวกเขาก็ไม่มีความหวังที่จะปกป้องป้อมปราการจากกองกำลังแบบนี้ได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเผ่าศักสิทธิ์เลย

อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆจะทันได้เฉลิมฉลอง มังกรที่มีเกล็ดสีเงินก็บินออกมาจากป้อมปราการแสงดาว และร่อนลงมาอยู่ข้างประตูหน้า โดยมันก็มองไปยังกลุ่มผู้เล่นอิสระจำนวนมากอย่างเงียบๆ

ผู้เล่นอิสระที่ต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นนั้นหยุดนิ่งลงทันที เมื่อได้เห็นออร์เบ็ค และก็ไม่มีใครกล้าขยับ การพัฒนาอย่างกระทันหันนี้ทำให้มหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูจากระยะไกลนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ

พวกเขากำลังพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าห้าพันคน !!!

แต่ตอนนี้ทุกคนกับกำลังทำตัวเป็นเหมือนกับหนูต่อหน้าแมว ….

แน่นอนว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่ต่างก็เห็นใจกับเรื่องนี้ ออร่าของออร์เบ็คนั้นน่ากลัวมากๆ และแม้จะมองอยู่จากที่ไกลๆ แต่พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่ามีภูเขาขนาดยักษ์กดทับลงมาที่บ่าของพวกเขา นี่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผู้เล่นอิสระที่อยู่ใกล้กับมังกรเงินศักสิทธิ์มากกว่าพวกเขาเลยว่าจะรู้สึกยังไง

“มันเป็นแค่มังกรขั้นสี่จริงๆงั้นหรอ ?”

ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆหลายกลุ่มต่างพูดไม่ออก ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังออร์เบ็ค

พวกเขานั้นเริ่มตระหนักได้แล้วว่าออร์เบ็คนั้นแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ และพวกเขาก็เริ่มตระหนักได้แล้วว่าทำไมกองกำลังนรกถึงยอมแพ้ เพราะเมื่อได้มาเห็นมังกรศักสิทธิ์ตัวนี้ด้วยตาตัวเองพวกเขาก็เข้าใจถึงเหตุผลทุกอย่างแล้ว

นี่มันไม่ใช่เรื่องการเทียบกันของความแข็งแกร่งแล้ว

ไม่ควรมีใครที่จะโง่เขลามากพอจนไปยั่วยุออร์เบ็ค

“ตอนนี้ป้อมปราการแสงดาวได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมแล้ว หากพวกคุณต้องการจะเข้าไปในป้อมปราการก็โปรดตั้งใจฟัง ห้ามการต่อสู้ทั้งหมดในบริเวณที่อยู่ในกำแพงของป้อมปราการ เพราะไม่เพียงแต่พวกคุณจะถูกฆ่าหากฝ่าฝืนกฎนี้ แต่คุณยังจะถูกขังในคุกป้อมปราการเป็นเวลาแปดวันด้วย !!!” แม๊คอาฟรี่ซึ่งนืนอยู่บนกำแพงเหนือประตูหน้าประกาศ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังผู้เล่นด้านล่าง “หากไม่มีใครสงสัยอะไรอีก พวกคุณก็สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ป้อมปราการได้เลย !!”

เมื่อแม๊คอาฟรี่พูดจบ การแสดงออกของผู้เล่นโดยรอบนั้นก็เปลี่ยนไป ซึ่งประกาศดังกล่าวนั้นล้วนทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆ

“คุกป้อมปราการ ?! เขากำลังพูดถึงอะไร ?!”

พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆที่เคยหัวเราะเยาะให้กับสถานการณ์ของป้อมปราการแสงดาวเมื่อครู่นั้น ไม่สามารถจะหัวเราะได้อีกต่อไป
พวกเขาคุ้นเคยกับแนวคิดเรื่องคุกใน God domain ดี เมื่อผู้เล่นถูกขังคุก พวกเขาจะต้องใช้เวลาอยู่ในคุกตามบทลงโทษจนกว่าจะครบ เว้นแต่ว่าจะมีใครยอมทำลายคุกเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาจากภายนอก

ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆเริ่มเข้าใจทั้งหมดแล้วว่าทำไมจักรวรรดิโลกใต้พิภพถึงตัดสินใจจะประณีประณอม

มันมีคุกอยู่ในป้อมปราการแบบนี้ ใครกันจะกล้าก่อเหตุในป้อมปราการ ?!

ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆนั้นสิ้นหวังมากอย่างแท้จริง เมื่อได้ยินประกาศของแม๊คอาฟรี่

“เนื่องจากป้อมปราการนั้นมีพื้นที่จำกัด ดังนั้นผู้เล่นจึงจะสามารถอยู่ข้างในได้แค่หนึ่งวันต่อหนึ่งคนเท่านั้น และทุกวันที่คุณอยู่เกินในป้อมปราการนั้นจะต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งชิ้น นอกจากนี้บริการพื้นฐานทั้งหมดของป้อมปราการนั้นก็จะรับเพียงแค่คริสตัลเวทย์มนต์เท่านั้น หากคุณไม่สามารถชำระค่าบริการตามนี้ได้ คุณจะต้องไปใช้เวลาแปดวันในคุก ฉะนั้นโปรดคำนึงถึงสิ่งนี้ให้ดีในระหว่างการเข้าไปพักผ่อนในป้อมปราการ”

หลังจากได้ฟังประกาศอีกครั้งของแม๊คอาฟรี่ ผู้เล่นทุกคนในพื้นที่นั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง

โดยปกติมหาอำนาจต่างๆนั้นจะทำทุกอย่างเพื่อเพิ่มยอดประชากรของป้อมปราการ หลังจากที่พวกเขาเข้ายึดป้อมปราการได้ เพราะมันจะสามารถเปลี่ยนป้อมปราการให้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มันยังจะช่วยให้ผู้ปกครองป้อมนั้นสามารถเข้าถึงทรัพยากรจำนวนมากได้ด้วย แต่ตอนนี้เจ้าของป้อมปราการแสงดาวกับเลือกจะไม่ทำแบบนี้ พวกเขาไม่ได้แสดงความสนใจที่จะดึงดูดผู้เล่นเข้าสู่ป้อมปราการ

ซึ่งค่าเข้าสู่ป้อมปราการแสงดาวเพียงอย่างเดียวนั้นก็มีค่าใช้จ่ายเป็นเงินยี่สิบเหรียญเงินต่อคนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามผู้เล่นกับได้รับอนุญาติให้ใช้เวลาแค่หนึ่งวันในป้อมปราการเท่านั้น แต่เมื่ออยู่เกินวัน พวกเขาก็ยังจะต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ด้วย แถมเพื่อทำให้เรื่องแย่ลง บริการภายในของป้อมปราการทั้งหมดนั้นก็ต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ ….

นี่มันเป็นการปล้นกันแบบกลางวันแสกๆชัดๆ !!
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองนั้นจะจัดว่าโชคดีมากแล้ว หากได้รับคริสตัลเวทย์มนต์มาสามถึงสี่ชิ้นต่อวัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามส่วนใหญ่ก็จะได้รับแค่หนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยเท่านั้น และหลังจากหักค่าใช้จ่ายรายวันแล้ว พวกเขาจะจัดว่าโชคดีมากจริงๆ หากสามารถเก็บคริสตัลเวทย์มนต์ที่เหลือไว้ได้ครึ่งหนึ่ง

ด้วยวิธีการดำเนินงานแบบนี้ของป้อมปราการแสงดาวนั้น ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองจะแทบไม่มีโอกาสเข้าไปใช้บริการภายในป้อมปราการเลย

“นี่ผู้จัดการป้อมปราการบ้ารึปล่าว ?”

“ความโลภของพวกเขาที่มีต่อคริสตัลเวทย์มนต์นั้นมันมากเกินไป !!! เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ยังไม่มีใครในทวีปนี้ที่สามารถจะเข้ายึดป้อมปราการแบบพวกเขาได้ !!! ซึ่งป้อมปราการนั้นก็สามารถที่จะพัฒนาและเติบโตไปอย่างช้าๆแบบไม่ต้องกังวล แต่พวกเขาก็ยังเลือกจะไล่ผู้คนออกไป !!! ฉันแทบจะรอดูไม่ไหวแล้วว่าหากต้องเผชิญหน้ากับกองทัพสิ่งมีชีวิตปีศาจ พวกเขาจะเอาตัวรอดอย่างไร !!!?”

สถานการณ์นี้นั้นสร้างความตกตะลึงให้กับมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก พวกเขานั้นไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่ซือเฟิงและคนอื่นๆคิดได้

หากพวกเขามีคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากสำรองเก็บไว้ พวกเขาก็จะไปใช้มันที่หอคอยทดสอบของ Divine Colosseum ดีกว่าที่นี่

ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นยังจะสามารถซื้ออาหารสุดหรูที่ช่วยให้พวกเขาหายจากอาการเหนื่อยล้าได้อย่างรวดเร็วกว่าสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่นด้วยเงินยี่สิบเหรียญเงิน

ในความเป็นจริงการกำหนดราคาแบบนี้มันก็ทำให้แม๊คอาฟรี่นั้นพูดไม่ออกเช่นกัน เมื่อได้ยินจากซือเฟิงครั้งแรก แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ได้ยืนยันให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเขาทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะทำอะไรได้ ป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นของสภาสิบแปดปีก เผ่าศักสิทธิ์แค่ช่วยจัดการมันเท่านั้น

ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นอิสระจำนวนมากกำลังเฝ้าดูฉากนี้ ทีมห้าร้อยคนทีมหนึ่งก็ได้ก้าวเข้าไปสู่บริเวณประตูขนาดใหญ่

“เราจะเข้าไปกันจริงๆงั้นหรอ ผู้บัญชาการ ?” ชายผู้ที่ดูโหดเหี้ยม และมีเลเวลหนึ่งร้อยหกกล่าวถามชายที่ดูแข็งแกร่งในชุดเกราะหนังข้างๆเขา

ซึ่งชายที่ดูแข็งแกร่งผู้นี้นั้นก็คือ โครว์ ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยหัวใจพายุ

“แน่นอน !! ในเมื่อเรามาแล้ว เราก็ต้องลองเข้าไปดูกันหน่อย !!!” โครว์กล่าวพลางกัดฟัน

เงินค่าเข้ายี่สิบเหรียญเงินต่อคนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับทีมนักผจญภัยหัวใจพายุ แต่เรื่องที่ใหญ่จริงๆสำหรับพวกเขาคือบริการภายในป้อมปราการทั้งหมดนั้นรับชำระด้วยคริสตัลเวทย์มนต์เท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตามโครว์นั้นก็มีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าที่จะเพิกเฉยเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะลองเข้าไปเพื่อตรวจสอบภายในให้รู้กันไปเลยว่าป้อมปราการนี้มันมีดีอะไรบ้าง

หลังจากโครว์ตอบไปนั้น เขาก็พาทีมของเขามุ่งหน้าไปที่ประตูหน้าของป้อมปราการแสงดาวทันที

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset