Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2492

การต่อสู้ระดับสัตว์ประหลาด

ตอนนี้วงเวทย์ด้านนอกของวิหารนั้นถูกถอดรหัสไปแล้ว ดังนั้นผู้เล่นจึงสามารถจะเรียกองครักษ์ส่วนตัวเข้ามาในวิหารได้ และเมื่อซือเฟิงเปิดใช้งานม้วนคัมภีร์อัญเชิญองครักษ์ส่วนตัวเสร็จสมบูรณ์ ผู้หญิงผมบลอนด์ในชุดเสื้อคลุมสีแดงเข้มก็โผล่ออกมา

ซึ่งทันทีที่ผู้หญิงคนนี้ปรากฎตัว มานาซึ่งถูกแช่แข็งจากผลของออร่า Divine Might ของแอทล๊อค ก็เริ่มผ่อนคลายและสามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น และซือเฟิงก็ยังรู้สึกว่าแรงกดดันบางอย่างที่มีต่อเขามันหายไป และทำให้มันง่ายต่อเขาในการเคลื่อนไหวมากขึ้น

“ช่างเป็นองครักษ์ส่วนตัวที่มีเลเวลสูงมากๆ !!!” ธันเดอร์บีสต์อุทานออกมา เมื่อได้เห็นแอนนา

แอนนานั้นได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบเก้าแล้ว ในขณะที่องครักษ์ส่วนตัวที่แข็งแกร่งงที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นพึ่งจะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าเท่านั้น แอนนานั้นนับเป็นองครักษ์ส่วนตัวที่เลเวลสูงที่สุดเท่าที่ธันเดอร์บีสต์เคยเห็นมาเลย

แม้ว่ามันจะมีช่องว่างระหว่างแอนนากับองครักษ์ส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพเพียงแค่สี่เลเวล แต่จำนวน EXP ที่ทั้งสี่เลเวลต้องการนั้นก็นับเป็นจำนวนมหาศาลเลย

“เขาวางแผนจะทำอะไรกัน ? นี่เขาวางแผนจะทิ้งชีวิตของตัวเองกับองครักษ์ส่วนตัวงั้นหรอ ?” เมื่อเฮลรัชเห็นซือเฟิงเรียกแอนนาออกมา เขาก็คิดว่านักดาบนั้นบ้าไปแล้ว

แม้ว่าเลเวลของแอนนาจะสูงมาก แต่แอทล๊อคนั้นก็มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และมันก็มีความแตกต่างระหว่าง NPC เลเวลหนึ่งร้อยสิบเก้า กับ NPC เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือแอนนานั้นอยู่ในขั้นสาม ขณะที่แอทล๊อคนั้นอยู่ในขั้นสี่ เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างของชนชั้นสิ่งมีชีวิตทั้งสองฝ่ายแอนนานั้นไม่มีทางจะซื้อเวลาอะไรได้เลยด้วยซ้ำ เงาของเทพปีศาจนั้นจะฆ่าเธอได้ทันที และซือเฟิงจะต้องบ้าแน่นอนที่เรียกเธอออกมาที่นี่

ก่อนที่เฮลรัช และคนของเขาจะืทันได้พูดอะไร แอนนาก็เริ่มร่ายเวทย์ จากนั้นวงเวทย์ขนาดมหึมาที่ใหญ่กว่าปกติสามเท่าก็ปรากฎขึ้นบนเพดานของวิหาร ซึ่งมันก็ทำให้วิหารนี้และบริเวณโดยรอบสว่างไสวไปด้วยแสงสีทองอร่าม
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หญิงสาวในชุดเกราะสีขาวเงินที่มีปีกขนนกสีขาวบริสุทธิ์สามคู่ก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากวงเวทย์นี้

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! วัลคีรี่ชั้นสูง ขั้นสี่ ?!”

สมาชิกของกองกำลังนรกทุกคนนั้นล้วนมองไปยังวัลคีรี่ตรงหน้าของพวกเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าและตกตะลึงมากๆ

ผู้เล่นในทวีปด้านตะวันตกนั้นค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเรื่องราวของวัลคีรี่ และโดยทั่วไปแล้วเมือง NPC ที่สำคัญๆของทวีปในด้านนี้นั้นก็มักจะอัญเชิญสิ่งมีชีวิตแบบนี้ออกมาช่วยต่อสู้เมื่อต้องรับมือกับกองทัพสิ่งมีชีวิตปีศาจที่ทรงพลัง และวัลคีรี่นั้นก็ถือว่าเป็นไพ่ลับสำคัญของเมือง NPC ที่สำคัญๆในทวีปด้านนี้

ในทางกลับกันวัลคีรี่ชั้นสูงตรงหน้าพวกเขานี้นั้นจะแข็งแกร่งกว่าวัลคีรี่ทั่วไปมาก คะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของวัลคีรี่ชั้นสูงนั้นมันแทบจะเทียบเท่ากับมังกรในขั้นเดียวันเลย และวัลคีรี่ชั้นสูงก็จะจัดว่าแทบเป็นอมตะในหมู่ขั้นเดียวกกัน

มันเคยมีมังกรแห่งความมืดนั้นเข้าโจมตีเมืองแถบชายแดนของทวีปด้านตะวันตกครั้งหนึ่ง และในตอนนั้นปรมาจารย์สาขาแห่งวิหารเทพสงครามก็ได้ก้าวออกมา และอัญเชิญวัลคีรี่ชั้นสูงออกมาเพื่อช่วยเมืองของเขา และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์สาขาของวิหารเทพสงคราม พร้อมกับวัลคีรี่ชั้นสูงนั้นมังกรจึงถูกบังคับให้ต้องล่าถอย

อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับเปิดเผยว่าเขาสามารถอัญเชิญวัลคีรี่ชั้นสูงออกมาได้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะทำเช่นนี้ได้โดยอาศัยองครักษ์ส่วนตัว แต่ความจริงที่ว่าเขามีความสามารถนี้มันก็เพียงพอจะทำให้ทุกคนในทวีปด้านตะวันตก ตกตะลึงได้เลย

“วัลคีรี่ชั้นสูง ขั้นสี่นั้นแข็งแกร่งกว่าฮีโร่ขั้นสี่ในเลเวลเดียวกันมาก และวัลคีรี่ชั้นสูงแบบนี้นั้นก็จะไม่มีปัญหาในการทำลายเมืองเล็กๆของ NPC ได้ด้วยตัวเองเลย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่เหมือนกับมังกรเงินศักสิทธิ์ที่ถูกผูกติดไว้กับป้อมปราการแสงดาว ซือเฟิงนั้นสามารถที่จะพาเธอไปด้วยได้ทุกที่และอัญเชิญเธอออกมาช่วยในการต่อสู้ได้ ….

นี่เขามีไพ่ลับของตัวเองกี่ใบกันแน่ ? เฮลรัชนั้นพูดไม่ออก

ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะมีพลังในการควบคุมมานาและพลังในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แต่เขายังสามารถอัญเชิญวัลคีรี่ชั้นสูงออกมาได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ เขานั้นเป็นดั่งกองทัพหนึ่งในคนๆเดียวอย่างแท้จริง

หากมหาอำนาจต่างๆที่ต้องการจะลอบสังหารซือเฟิง พบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาอาจจะละทิ้งความคิดดังกล่าวไปทันทีเลยก็ได้

เมื่อวัลคีรี่ชั้นสูงได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว ซือเฟิงก็ได้รีบเปิดใช้งานสกิลโลกจิ๋ว และ Ring of Brilliance เพื่อปราบปรามเทพปีศาจ และช่วยให้ค่าสถานะของวัลคีรี่ชั้นสูงเพิ่มสูงขึ้น

“วัลคีรี่ชั้นสูง และ สกิลโลกจิ๋วงั้นสินะ …” ดวงตาของแอทล๊อคเต็มไปด้วยความสนใจ ขณะที่เขามองไปยังคู่ต่อสู้ใหม่ของเขา “ดูเหมือนว่าคุณจะมีความสามารถค่อนข้างมากจริงๆนักผจญภัย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามของคุณทั้งหมดนั้นมันไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเงาของฉัน !!!”

ทันใดนั้นพลังของโลกจิ๋วก็ถูกหยุดลงห่างจากเงาของเทพปีศาจไปหนึ่งร้อยหลา

แม้แต่โลกจิ๋วนั้นก็ไม่สามารถจะปราบปรามมันได้งั้นหรอ ? ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เมื่อได้เห็นว่าโลกจิ๋วไม่มีผลกับแอทล๊อคตามที่เขาคาดหวังไว้ แน่นอนเลยว่าเงาของเทพปีศาจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

เขารู้ว่าเงาของเทพปีศาจนั้นไม่ใช่ NPC ทั่วไป และตอนนี้ความหวังเดียวของเขาในการเปิดใช้งานโลกจิ๋วเพื่อปราบปรามเงาของเทพปีศาจนั้นก็ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว

โชคดีที่ซือเฟิงได้เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ไม่คาดฝันมาแล้ว เขาจึงได้รีบเปิดใช้งานหนังสือฮีโร่ทันที

หลังจากนั้นวงเวทย์อีกวงหนึ่งก็ปรากฎขึ้นในวิหาร และชายคนหนึ่งในชุดสีขาวที่ถือดาบสีทองก็ก้าวออกมาจากวงเวทย์

[อาร์สเล็ท] (ฮีโร่ นักบุญแห่งดาบขั้นสี่)
เลเวล 131
HP 112,000,000/112,000,000

นี่เป็นเหตุผลหลักที่ซือเฟิงกล้าจะท้าทายเงาของเทพปีศาจ

คะแนนชนขั้นสิ่งมีชีวิตของฮีโร่ขั้นสี่นั้นอาจจะไม่สามารถเทียบกับเงาของเทพปีศาจได้ แต่ด้วยเลเวลที่สูงกว่าของอาร์สเล็ท เขาจะสามารถลดความได้เปรียบของ
แอทล๊อคลงไปได้มาก

ในขณะเดียวกัน การมาถึงของอาร์สเล็ทก็ทำให้กองกำลังนรกนั้นพูดไม่ออกเลย

ตอนแรกซือเฟิงก็อัญเชิญวัลคีรี่ชั้นสูง ขั้นสี่ออกมา ตอนนี้เขาก็ยังอัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ออกมาได้อีก เขานั้นดูเหมือนจะอยู่เหือกฎเกณฑ์ของทั้งสวรรค์และโลกเลย

“ไป !!!”

เมื่อมีอาร์สเล็ทเข้าร่วมการต่อสู้ ซือเฟิงก็ไม่ได้ลังเลยที่จะออกคำสั่งให้โจมตี

วัลคีรี่ชั้นสูง และอาร์สเล็ทนั้นพุ่งเข้าโจมตีเงาของเทพปีศาจพร้อมกันด้วยความรวดเร็วมากๆจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังมองตามแทบไม่ทัน มีเพียงไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเท่านั้นที่พอจะมองเห็นสิ่งมีชีวิตขั้นสี่ทั้งสองอยู่เลือนรางบ้าง

ในขณะที่ NPC ทั้งสองเริ่มทำการโจมตีนั้น ซือเฟิงก็ได้เปิดใช้งานสกิล Heavenly Dragon’s Power และพุ่งเข้าไปที่หีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอใจกลางวิหารทันที

โดยปกติการประสานงานกันโจมตีของวัลคีรี่ชั้นสูง ขั้นสี่ และฮีโร่ขั้นสี่นั้นจะนับเป็นหายนะไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเงาของเทพปีศาจขั้นสี่แล้ว ทั้งสองกับจัดว่าแทบไม่มีอะไรเลย

หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมังกรศักสิทธิ์ในขั้นเดียวกันอีกหนึ่งตัว การจะหยุดเงาของเทพปีศาจที่เป็นเทพโบราณนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นหวังเพียงว่า NPC ที่ถูกอัญเชิญมาทั้งสองจะสามารถซื้อเวลาให้กับเขาได้มากพอ เขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่ราวยี่สิบถึงสามสิบวินาทีก็น่าจะเพียงพอแล้ว

หีบสมบัติในการล่อลวงของเทพปีศาจนั้นไม่เคยถูกล๊อคไว้ และแม้แต่หีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอนั้นก็ไม่มีข้อยกเว้น ผู้เล่นนั้นจะสามารถเปิดหีบสมบัติที่พบในการล่อลวงของเทพปีศาจได้ทันที เพียงแต่ว่ามันยังจะต้องใช้เวลาเปิดหีบราวยี่สิบวินาที

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ผู้เล่นอิสระคนแรกที่สามารถปล้นสมบัติไปจากที่นี่ได้สำเร็จ เพียงเพราะว่าเขามีคริสตัลเวทย์มนต์โบราณ และเวทย์ป้องกันขั้นห้าอยู่ ซึ่งแม้ว่าคริสตัลเวทย์มนต์โบราณจะเป็นไอเทมแบบใช้ครั้งเดียว แต่ด้วยเวทย์ป้องกันที่อยู่ภายในนี้มันก็ทำให้ผู้เล่นอิสระนั้นมีระยะเวลามากเพียงพอที่จะเปิดหีบสมบัติได้สำเร็จ และล่าถอยออกไปจากวิหารได้ หากไม่ใช่เพราะเวทย์ป้องกันขั้นห้านี้ ผู้เล่นอิสระจะไม่มีทางปล้นสมบัติไปได้เลย แม้ว่าจะถอดรหัสวงเวทย์ด้านนอกของวิหารได้แล้วก็ตาม

น่าเสียดายที่ซือเฟิงนั้นไม่มีม้วนคัมภีร์วงเวทย์ป้องกันขั้นห้า หรือเครื่องมือใดๆที่สามารถปกป้องเขาจากการโจมตีขั้นห้าได้ เขาสามารถพึ่งพาได้แค่วัลคีรี่ชั้นสูง แ ละอาร์สเล็ทเท่านั้นเพื่อช่วยเบี่ยงเบนความสนใจเงาของเทพปีศาจไว้ให้ได้นานพอที่เขาจะทำทุกอย่างจนเรียบร้อย และหลบหนีไปได้

ขณะที่ซือเฟิงกำลังพุ่งเข้าหาหีบสมบัตระดับตำนานที่อ่อนแอนั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้นสองครั้งที่ด้านหลังของเขา

มันมีร่างสองร่างนั้นปลิวกระเด็นไปติดกับกำแพงด้านหนึ่งของวิหาร ซึ่งนั่นก็คือวัลคีรี่ชั้นสูงกับอาร์สเล็ท และทั้งสองนั้นก็มีอาการบาดเจ็บที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลย แถมแถบ HP ของเขาก็ยังลดลงไปอย่างมาก

ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นมันชัดเจน นี่มันจัดเป็นการเข่นฆ่าฝ่ายเดียวมากกว่าการสู้รบ

ผู้เล่นที่อยู่ด้านนอกของวิหารนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นการปะทะกันครั้งแรกนี้

NPC ทั้งสองนั้นสามารถจะทำลายเมืองของ NPC ทั่วไปได้ด้วยตัวเองเลย แต่เงาของเทพปีศาจนั้นกับทำให้ทั้งสองปลิวกระเด็นไปได้ในการโจมตีเดียว

มันไม่มีใครสามารถจะจินตนาการได้เลยว่าผู้เล่นจะต้องใช้พลังมากแค่ไหนจึงจะผ่านการทดสอบนี้ไปได้
ซือเฟิงนั้นได้พบกับช่องโหว่ที่เป็นเหมือนกับการโกงในการรับมือกับการล่อลวงของเทพปีศาจ ซึ่งมันทำให้เขาสามารถใช้เครื่องมือเวทย์มนต์ในการต่อสู้ได้ แต่เขาก็ยังคงเสียเปรียบอย่างสิ้นหวัง หากผู้เล่นทำการทดสอบนี้แบบปกติ ต่อให้เป็นผู้เล่นขั้นห้าก็ไม่มีโอกาสจะผ่านได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสี่เลย ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังสมมุติว่าเงาของเทพปีศาจเป็นแค่ขั้นสี่เท่านั้น

โชคดีที่ผู้ที่ถูกอัญเชิญมานั้นไม่ได้เป็นผู้เล่น และทั้งสองก็มี HP สูงอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้แต่เงาของเทพปีศาจก็น่าจะยังต้องใช้เวลาจัดการทั้งสองราวยี่สิบวินาทีหรือมากกว่านั้น

“มนุษย์โง่เง่า !!! คุณกล้าคิดที่จะขโมยสมบัติของฉันงั้นหรอ ?!! ฉันจะกำจัดคุณ !!!” แอทล๊อคตะโกนออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นซือเฟิงเริ่มเปิดหีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอของเขา

จากนั้นบอลไฟสีเงินก็ปรากฎขึ้นในมือข้างที่ว่างของแอทล๊อค และมันก็ค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้นมากในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป หลังจากนั้นบอลไฟนี้ก็มีขนาดเท่ากับอาคารสองชั้น หลังจากผ่านไปสองวินาที และเมื่อแอทล๊อคพอใจกับขนาดของบอลไฟแล้ว มันก็พุ่งเข้าใส่ซือเฟิงทันที

ซือเฟิงนั้นรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามาทันที เมื่อเขาสังเกตเห็นบอลไฟสีเงิน และเขาก็ได้สั่งให้วัลคี่รี่ชั้นสูง กับอาร์สเล็ท ใช้การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อปกป้องเขาทันที

วัลคีรี่ชั้นสูงนั้นรีบตอบโต้ด้วยการขว้างหอกสายฟ้าของเธอไปที่เทพปีศาจ ในขณะที่อาร์สเล็ทก็ทำการใช้สกิลต้องห้ามขั้นสี่ Demonsional Flurry

ตู้ม !!!

วิหารนั้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อการโจมตีนี้เกิดขึ้น และบอลไฟสีเงินนั้นก็สลายหายไป ซึ่งมันก็ช่วยให้ซือเฟิงรอดพ้นจากความตาย

“มดที่น่ารังเกียจ !!! พวกคุณคิดหรอว่ากลเม็ดเล็กๆน้อยของพวกคุณจะเพียงพอจะหยุด ฉัน ?!!”

ความโกรธของแอทล๊อคนั้นเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่วัลคีรี่ชั้นสูงและอาร์สเล็ททำการตอบโต้มัน ก่อนที่มันจะยกขวานขึ้น และเหวี่ยงเข้าใส่สิ่งมีชีวิตอัญเชิญทั้งสองทันที

ซึ่งการโจมตีนี้ของแอทล๊อคนั้นก็แหวกผ่านอากาศและทำให้เกิดรอยฉีกขาดเชิงพื้นที่อย่างมาก ในขณะที่มันพุ่งเข้าใส่สิ่งมีชีวิตอัญเชิญทั้งสองอย่างรวดเร็ว

เทคนิคมานา ? การโจมตีนี้มันคุ้นเคยมากสำหรับซือเฟิง เพราะมันมีส่วนที่เหมือนดาบที่สาม การทำลายล้างศักสิทธิ์อยู่ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ ….

ทั้งวัลคีรี่ชั้นสูง และอาร์สเล็ทนั้นไม่สามารถจะตอบโต้การโจมตีนี้ได้ การโจมตีนี้จึงส่งทั้งสองปลิวกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงของวิหารอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มันกระทั่งทำให้กำแพงทึบของวิหารเริ่มแตกร้าวเลย

แถมตอนนี้สิ่งมีชีวิตอัญเชิญทั้งสองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ….

“โจรผู้โง่เง่า !!! คราวนี้ถึงตาคุณแล้ว !!!” แอทล๊อคคำรามและเย้ยหยันออกมา ขณะที่มันหันไปหาซือเฟิง

จากนั้นแอทล๊อคก็เหวี่ยงขวานโดยเล็งไปที่นักดาบซึ่งอยู่ห่างออกไปห้าสิบหลา

และตอนนี้การโจมตีนี้ก็พุ่งเข้าหาซือเฟิงอย่างรวดเร็ว ….

เมื่อตระหนักว่าวัลคีรี่ชั้นสูง และอาร์สเล็ทนั้นไม่สามารถจะช่วยเขาได้แล้วในครั้งนี้ ซือเฟิงจึงกัดฟัน และเปิดใช้งานสกิลโดเมนสมบูรณ์แบบของแหวนเจ็ดลูมินาลี่ทันที

ป้องกัน !!!

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset