Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2500

การปรับปรุงที่น่ากลัว

ใน God domain NPC ขั้นสามนั้นถือว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สามารถปกครองเมืองของ NPC ได้เลย อย่างไรก็ตามผู้เล่นจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว

เมื่อมีร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ผู้เล่นจะสามารถเข้าและออกจากสถานที่บางแห่งได้อย่างอิสระ ซึ่งหากพวกเขาพยายามจะทำโดยยังไม่ปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้น มันจะมีเพียงแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่

ข้อกำหนดในการเข้าสู่ดันเจี้ยนภูมิภาคของหุบเขาดาวอย่างสุสานดาวนั้นค่อนข้างต่ำ และแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามที่ยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้อย่างเต็มที่ก็ยังสามารถจะเข้าไปสำรวจพื้นที่บางส่วนได้

ในการเปรียบเทียบพื้นที่เฉพาะบางแห่งนั้นจะเต็มไปด้วยพลังที่กัดกร่อนอย่างน่าเหลือเชื่อ และผู้เล่นขั้นสามก็จะใช้เวลาอยู่ได้ไม่เกินห้านาทีเท่านั้นในพื้นที่เหล่านี้ หากยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถป้องกันตนเองจากพลังที่กัดกร่อนได้

นี่คือเหตุผลที่ผู้เล่นจะถูกพิจารณาว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ที่สำคัญคือสกิลและเวทย์ที่ผู้เล่นใช้นั้นจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากกว่าตอนที่พวกเขายังไม่สามารถจะปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์

ดังนั้นนี่คือร่างมานาระดับอีปิคงั้นหรอ ? ซือเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นของมานาที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา

เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าร่างมานาระดับอีปิคนั้นจะทรงพลังมากขนาดนี้

โดยปกติร่างมานานั้นจะอาศัยมานาของตัวเองในการทำงาน แต่ร่างมานาของเขานั้นสามารถดึงดูดมานาโดยรอบ และใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายได้

ร่างมานาระดับอีปิคของเขานั้นยังเคลือบร่างกายภาพของเขาไว้ด้วยมานาบางๆด้วย โดยหากผู้เล่นไม่ได้สังเกตร่างกายของซือเฟิงอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็จะไม่มีทางค้นพบมานาบางๆนี้เลย มันเกือบจะให้ความรู้สึกเหมือนกับชุดรัดรูป แถมมันยังดักจับส่วนสำคัญของมานาที่แผ่ออกมาจากเขา และช่วยลดปริมาณมานาที่เสียไปได้อย่างมาก อีกทั้งมันยังช่วยฟื้นฟูตัวเขาได้อย่างรวดเร็ว และทำให้มานาโดยรอบเขานั้นหนาแน่นกว่าปกติมากๆ

ซึ่งการมีบาเรียมานาเพียงอย่างเดียวนี้ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของเขาในสนามรบขึ้นสองถึงสามเท่าเลย โดยเฉพาะกับในสภาพแวดล้อมที่มีมานาต่ำ และเมื่อเขาต่อสู้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เขาก็จะไม่ต้องกังวลที่จะไม่สามารถแสดงพลังต่อสู้ที่แท้จริงออกมาได้

ซือเฟิงนั้นพยายามจะจัดการกับร่างมานาของเขาโดยนำมานารอบตัวเขามาไว้ในกำมือของเขา ซึ่งทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวของเขาเองเหมือนหลุมดำ เมื่อมานาที่อยู่รอบตัวเขานั้นมารวมตัวกัน ในพริบตาหมอกหนาจางๆก็ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของเขา

จากนั้นซือเฟิงก็ลองปล่อยหมัดชกออกไปในอากาศที่ว่างเปล่า

Peng!

อากาศนั้นระเบิดรอบๆหมัดของเขาราวกับว่าหมัดได้สร้างสูญญากาศขึ้น และพื้นที่รอบตัวของเขาก็สั่นสะท้านไปด้วยพลังของการโจมตีนี้ ซึ่งแม้แต่บาเรียเวทย์มนต์ของห้องหลักก็ยังจะต้องสั่นสะเทือนเลย

ด้วยพลังนี้ตอนนี้ฉันจะสามารถโซโล่กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันได้เลย แม้ว่าจะไม่มีสกิลเบอเซิกร์ก็ตาม ซือเฟิงอ้าปากค้าง เมื่อเขาเห็นผลลัพธ์ของการชกของเขา

สิ่งที่เขาทำนั้นมันเป็นเพียงแค่การชกธรรมดาเท่านั้น ยังไม่ได้ใช้อาวุธด้วยซ้ำ

ความแตกต่างระหว่างพลังการโจมตีของผู้เล่นที่มีอาวุธอยู่ในมือ กับไม่มีอาวุธอยู่ในมือ ใน God domain นั้นยิ่งใหญ่มากๆ

แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ซือเฟิงกับสามารถแสดงพลังออกมาได้เท่ากับตอนที่เขาถือคิลลิงเรย์อยู่ ….
ร่างมานาระดับอีปิคนี้มันให้พลังที่น่ากลัวมากๆ !!!

ในความคิดของเขาแม้ว่าร่างมานาจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้เล่น แต่มันก็ไม่ควรจะให้พลังแก่ผู้เล่นได้มากขนาดนี้ ประโยชน์ของการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาในตอนนี้นั้น มันอาจเป็นคู่แข่งของอาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้นนี่มันยังเป็นการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้แค่หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เท่านั้น ถ้าเขาทะลวงขีดจำกัดเข้าไปได้อีก ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

หลังจากมาถึงขอบเขตหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้น ทุกเปอเซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นมันก็จะให้พลังแก่ผู้เล่นอย่างมหาศาล เท่าที่ซือเฟิงรู้ มันมีผู้เล่นที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ดังนั้นนี่มันก็แทบจะทำให้เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าศักยภาพของร่างมานาระดับอีปิคที่สามารถปลดล๊อคได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์นั้นจะทรงพลังมากขนาดไหน

แม้แต่การก้าวข้ามขั้นก็เป็นไปได้

หลังจากนั้นซือเฟิงก็เริ่มฝึกฝนเทคนิคมานาของอีเลียดี้

ตอนนี้เขาสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และการจะไปให้ได้เหนือกว่านั้นมันก็จะต้องใช้เวลานานและยากพอสมควร เช่นเดียวกับการที่นักเวทย์ฝึกหัด พยายามสร้างวงเวทย์ระดับปรมาจารย์

อย่างไรก็ตามการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคให้ได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นก็ไม่ใช่แค่วิธีเดียวที่จะทำให้เขาสามารถก้าวข้ามขั้นได้ เขายังสามารถพึ่งพาความช่วยเหลือจากเทคนิคมานาได้ เขานั้นเคยผ่านประสบการณ์รับมือกับการทำลายล้างศักสิทธิ์ของอีเลียดี้มาแล้ว และแม้ว่าเธอจะจำกัดพลังของตัวเองไว้ที่ขั้นสาม แต่การโจมตีของอีเลียดี้ในตอนนั้นก็จะสามารถฆ่าหรือทำให้สิ่งมีชีวิต ขั้นสี่ บาดเจ็บสาหัสได้ทันที หากซือเฟิงสามารถใช้ได้แบบอีเลียดี้ มันก็จะนับเป็นประโยชน์สำหรับเขาอย่างมาก

เขาไม่สามารถจะเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ก่อนหน้านี้ได้ก็เนื่องจากเขายังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่ตอนนี้เขาทำได้แล้ว เขาจึงน่าจะสามารถฝึกฝนการทำลายล้างศักสิทธิ์ของอีเลียดี้ได้อย่างแท้จริง

เทคนิคมานานั้นไม่เหมือนกับเทคนิคการต่อสู้ เทคนิคการต่อสู้นั้นมันจะผลาญค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้ใช้ลงไปอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน เทคนิคมานาจะใช้เฉพาะค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจเท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปนั้นผู้เล่นจะหลีกเลี่ยงการใช้เทคนิคการต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง และพยายามที่จะสงวนค่าสตามิน่าของพวกเขาไว้ อย่างไรก็ตามด้วยข้อยกเว้นบางประการ สภาพแวดล้อมที่รุนแรงเหล่านี้จะไม่ส่งผลเรื่องการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ

ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญของ God domain ที่เข้าใจเทคนิคมานาไม่ว่าจะเรียนรู้มาด้วยตนเอง หรือเรียนรู้จากระบบก็จะมีช่วงเวลาในการสำรวจโลกแห่ง God domain ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับในแผนที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย

ตอนนี้ซือเฟิงนั้นบรรลุเป้าหมายของเขาในการมาเยี่ยมชมทวีปด้านตะวันตกแล้ว และหลังจากนี้เขาก็จำเป็นจะต้องรีบค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือของดาบโซโลมอนเพื่อรักษาความได้เปรียบของตัวเอง และปูเส้นทางที่ราบรื่นยิ่งขึ้นไว้ให้สำหรับอควาโรสและพรรคพวกคนอื่นๆของเขา ในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่เป้าสู่ขั้นสี่ ซึ่งนี่มันจะช่วยทำให้สภาสิบแปดปีกยังคงได้เปรียบมหาอำนาจอื่นๆ

แถมหากเขาสามารถเรียนรู้เทคนิคมานาได้ในตอนนี้ เขาก็ยังจะสามารถนำมันไปสอนให้กับอควาโรสและคนอื่นๆได้ด้วย

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังพยายามจะเลียนแบบวิธีที่อีเลียดี้ใช้ดาบแรก ไลท์ชาโด้ว นักบุญสวรรค์น้ำเงินผู้นี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเทคนิคมานาที่เธอใช้นั้นมันดูเหมือนจะเหนือกว่าเทคนิคมานาที่เทพปีศาจแอทล๊อคใช้อยู่เล็กน้อย

ดาบแรกไลท์ชาโด้วนั้นใช้องค์ประกอบของธาตุทั้งเจ็ดรวมกัน และการใช้มันนั้นก็ทำได้ยากกว่าไลท์นิ่งแฟลช ซึ่งเป็นเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงอย่างมาก ซือเฟิงนั้นจำเป็นจะต้องสร้างช่องทางและรวบรวมมานาของเขาเป็นเวลาหลายวินาทีก่อนเขาจะพยายามเรียกใช้ไลท์ชาโด้วได้จริงๆ

แอทล๊อคนั้นยังต้องใช้เวลาเตรียมตัวก่อนที่จะใช้เทคนิคมานาของเขา เทพปีศาจนั้นใช้เวลาหลายวินาทีในการเตรียมหลุมดำซึ่งเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายที่มันใช้กับซือเฟิง และแม้ว่าแอทล๊อคจะใช้เทคนิคมานาผ่านเงาของตัวเอง แต่มันก็ยังคงอยู่ในมาตราฐานขั้นห้า

ในทางกลับกันอีเลียดี้ นั้นใช้ทั้งไลท์ชาโด้ว โฮลี่ดีวอร์ และการทำลายล้างศักสิทธิ์ โดยไม่ใช้เวลาเตรียมการใดๆเลย ในทางตรงกันข้าม มันดูเหมือนว่าเธอจะสามารถหยุดเทคนิคของเธอได้ชั่วคราว และปล่อยการโจมตีได้เมื่อเธอต้องการ เธอสามารถทำได้อย่างเป็นระบบ ซือเฟิงคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่เขาปะทะกับอีเลียดี้

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ทำการฝึกฝนการใช้ไลท์ชาโด้วไปเรื่อยๆ จนสามารถลดระยะเวลาการเตรียมตัวก่อนใช้ของตัวเองลงได้ ในตอนแรกเขาใช้เวลาเกือบแปดนาทีในการเตีรยมการโจมตี แต่ตอนนี้เขาใช้น้อยกว่าห้านาทีแล้ว และยิ่งซือเฟิงฝึกฝนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมมานามากขึ้น

สองชั่วโมง…หกชั่วโมง…สิบสองชั่วโมง…

ในขณะที่ซือเฟิงกลังหมกหมุ่นอยู่กับการฝึก ฟิธาเลียก็ติดต่อเขามา

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คนของไมโทโลจี้กลับมาแล้ว พวกเขาทั้งหมดนั้นมารวมตัวกันอยู่ที่บาร์แสงดาว และฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะพบวิธีที่จะจัดการกับมังกรศักสิทธิ์ของคุณแล้ว และพวกเขาก็มามากกว่าครั้งที่แล้วเช่นกัน ตอนนี้มันมีผู้เล่นในทีมพวกเขามากกว่าสามสิบคน” ฟิธาเลียรายงานด้วยสีมืดหม่น

ตอนแรกผู้เล่นของไมโทโลจี้ที่มีมากกว่าหนึ่งโหลเพียงนิดหน่อยนั้นก็จัดการได้ยากมากแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากับมาเพิ่มขึ้นอีก และต่อให้สภาสิบแปดปีกกับกองกำลังนรกร่วมมือกัน เธอก็ยังเชื่อว่ามันเป็นไปได้ยากมากจริงๆที่จะจัดการพวกเขาได้

“พวกเขากลับมาอย่างรวดเร็วเลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงพึมพำด้วยความประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปที่เวลานั้น เขาก็พบว่าเขาฝึกฝนมานานกว่าครึ่งวันแล้ว และมันก็รู้สึกเหมือนเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าตอนที่เขากำลังเร่งปลดล๊อคศักยภาพร่างมานา จากนั้นเขาก็เก็บดาบเข้าฝักและแสยะยิ้ม “เอาลา่ะ ฉันจะไปที่นั่นทันที !!”

หลังจากนั้นซือเฟิงก็วางสายไป และเดินทางไปหาเป้าหมายของเขาทันที ….

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset