Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2505

หนึ่งคนเท่ากับทั้งกองทัพ

ในขณะที่ร่างของผู้เชี่ยวชาญทั้งแปดของไมโทโลจี้ที่เหลือแต่ซากเริ่มสลายกลายเป็นอนุภาคแสง ภายในบาร์แสงดาวนั้นมันก็ดูเหมือนว่าเวลาจะถูกหยุดนิ่งไป และทุกคนก็จ้องมองไปยังร่างของซือเฟิงด้วยความเงียบสงัด หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เริ่มแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงออกมา

“แข็งแกร่งมากๆ !!!”

“นี่คือพลังที่แท้จริงของร่างมานาที่ถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์งั้นหรอ ?”

เมื่อทุกคนมองไปที่ร่องรอยของการโจมตีตรงหน้าของซือเฟิง ซึ่งมีความลึกสี่เมตร และขยายออกไปมากกว่าสามสิบเมตร พวกเขาก็ไม่มีคำพูดใดๆที่จะอธิบายถึงความรู้สึกตกตะลึงและชื่นชมในตัวของซือเฟิง

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญของไมโทโลจี้ทั้งแปดคนที่ได้รับการเสริมพลังจากวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงจะแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว และมันก็มีมากพอที่จะฆ่าผู้เล่นทุกคนในบาร์ได้ แต่ต่อหน้าของซือเฟิง ผู้เชี่ยวชาญของไมโทโลจี้ที่ได้รับการเสริมพลังพวกนี้กับไม่ต่างจากเด็กเล็กๆเลย พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถต้านทานพลังของซือเฟิงได้ด้วยซ้ำ

ความแข็งแกร่งที่ซือเฟิงได้แสดงออกมานั้น ได้ทำให้ทุกคนที่นี่เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของขั้นสามโดยละเอียด ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญอิสระหลายคนก็ค้นพบกับความหวัง

ในขั้นต้นนั้น การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นขั้นสามทั่วไปผลลัพธ์จะถูกกำหนดโดยจำนวนผู้เล่นขั้นสามที่แต่ละฝ่ายครอบครอง ผู้เล่นขั้นสามเพียงคนเดียวไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการต่อสู้แบบทีมที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นขั้นสามได้ ดังนั้นทุกจึงเชื่อว่า หากผู้เล่นอิสระขั้นสามต้องการจะหลีกเลี่ยงการถูกปราบปราม พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเข้าร่วมกับมหาอำนาจ

อย่างไรก็ตามซือเฟิงได้ทำลายความเชื่อนี้ไปทั้งหมด

ต่อหน้าเขาผู้เล่นขั้นสามที่ดูน่าหวาดกลัวและเคารพนั้นไม่มีอะไรเลย แม้แต่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็จะถูกฆ่าได้โดยการเคลื่อนไหวแค่ไม่กี่ครั้งของเขา
ซือเฟิงได้พิสูจน์แล้วว่าแม้ว่าเขาจะมีตัวคนเดียว แต่ก็ยังสามารถจะเล่นบทบาทของกองทัพได้ เช่นเดียวกับฮีโร่ในตำนาน เขาดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทั้งอาณาจักรหรือทั้งจักรวรรดิได้เลย

ในขณะเดียวกัน ตราบใดที่พวกเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ พวกเขาก็น่าจะสามารถแสดงพลังการต่อสู้ที่ใกล้เคียงกับซือเฟิงออกมาได้

“ผู้บัญชาการด้วยพลังการต่อสู้แบบนี้ ผู้บัญชาการไม่คิดหรอว่าแบล๊คเฟรมน่าจะเหนือกว่าสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยน่ะ ?” ชายผู้โหดเหี้ยมจากหัวใจพายุกล่าวถามโครว์ ผู้บัญชาการของเขา และตอนนี้ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพ ขณะจ้องมองไปยังซือเฟิง

เนื่องจากซือเฟิงสามารถจะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดแปดคนที่ได้รับการเสริมพลังจากวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงได้ เขาจึงน่าจะมีพลังอยู่ในอันดับต้นๆของทวีปด้านตะวันตกแน่นอน ความสำเร็จที่เขาทำได้ในวันนี้มันจะเป็นการเริ่มต้นบทใหม่แห่งการพัฒนาของ God domain และอาจรวมไปถึงโลกเกมเสมือนจริงทั้งหมดด้วย

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกเกมเสมือนจริงนั้น มหาอำนาจต่างๆได้ทำการกดขี่ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้มาจากมหาอำนาจอยู่ตลอด และมันไม่มีทางที่จะย้อนกลับสถานการณ์ได้เลย นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งแม้แต่มหาอำนาจส่วนใหญ่ก็ยังหวาดกลัว และทั้งห้ากิลนี้ก็ไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถท้าทายได้ง่ายๆเลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับได้ทำลายคำสาปนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ตอนแรกซือเฟิงก็ทำให้จักรวรรดิโลกใต้พิภพต้องยอมแพ้ได้ด้วยมังกรศักสิทธิ์ พอมาตอนนี้เขายังเอาชนะทีมผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมากๆของไมโทโลจี้ได้ด้วยตัวเองด้วย บันทึกการต่อสู้ที่น่าทึ่งแบบนี้จะถูกกล่าวถึงและกลายเป็นอมตะในโลกเกมเสมือนจริงแน่นอน

“ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่นายพูดไหม แต่ที่แน่ๆฉันมั่นใจอยู่อย่างหนึ่งคือ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชื่อเสียงของแบล๊คเฟรมจะแพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันตกแน่นอน และมันก็คงจะไม่มีใครกล้าคิดอะไรแปลกๆในเรื่องป้อมปราการแสงดาวอีกต่อไป”
โครว์กล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง

มันเป็นเวลานานกว่ายี่สิบปีแล้วที่ไม่มีมหาอำนาจใด หรือคนผู้ใดกล้าจะท้าทายอำนาจของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับทำแล้ว …. แถมมันยังเป็นการตบหน้าไมโทโลจี้ครั้งใหญ่ด้วย

เพียงแค่เรื่องนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ซือเฟิงเป็นหัวข้อสนทนาสำหรับผู้เล่นอิสระในทวีปด้านตะวันตก และเขาก็เป็นดั่งตัวตนที่สั่นคลอนรากฐานของทั้งทวีปเลย

นี่เป็นเพราะความสามารถของซือเฟิงนั้นได้ชี้ทางให้ผู้เล่นที่ไม่ใช่มหาอำนาจต่างๆได้เห็น

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของซือเฟิงที่พึ่งจะแสดงออกมา โครว์ก็เชื่อว่าจะไม่มีใครคุกคามป้อมปราการแสงดาวได้แล้ว ตราบใดที่ซือเฟิงยังคงอยู่ ในความเป็นจริงโครว์สงสัยว่า แม้ว่าเรื่องนี้จะกระจายออกไปก็อาจมีผู้เล่นบางส่วนไม่เชื่อแน่นอน

ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้นมันยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยจริงๆงั้นหรอ ?

ในขณะที่ผู้เล่นในบาร์กำลังมองไปยังซือเฟิงด้วยความตกตะลึงและชื่นชม ฟิธาเลียนั้นก็ตกตะลึงและรู้สึกสับสนมากเช่นกัน เมื่อมองไปยังซือเฟิง

ใน God domain สกิลหรือเวทย์ที่ทรงพลังใดๆจะต้องมีคูลดาวน์ที่ยาวนานมาก แม้จะเป็นสกิลหรือเวทย์ในขั้นศูนย์

อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับทำการโจมตีทำลายล้างที่น่ากลัวแบบเดียวกันติดกันได้สิบเอ็ดครั้งโดยแทบไม่มีช่องว่างระหว่างเวลาของการโจมตีแต่ละครั้งเลย

ที่เขาใช้นั้นมันก็ไม่ใช่เทคนิคการต่อสู้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วเทคนิคการต่อสู้จะไม่สามารถดึงดูดมานาเข้ามาได้มากขนาดนี้

คำอธิบายเดียวที่ฟิธาเลียสามารถจะคิดได้สำหรับสถานการณ์นี้ก็คือ การโจมของซือเฟิงที่เขาสามารถทำได้นั้นเป็นเอฟเฟคพิเศษที่เกิดจากการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์

หากมันเป็นเช่นนี้จริงๆสิ่งที่เผ่าศักสิทธิ์จะต้องทำต่อจากนี้นั้นไม่ใช่แค่การทุ่มเทความพยายามในการบุกโจมตีดันเจี้ยนและเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีเท่านั้น แต่พวกเขาก็ควรจะหาวิธีปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของผู้เล่นไปพร้อมกันด้วย

ไม่งั้นผู้เชี่ยวชาญเพียงแค่คนเดียวที่มีร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์จะสามารถกำหนดทิศทางของสงครามกิลได้เลย ในความเป็นจริงการปปรากฎตัวของผู้เชี่ยวชาญแบบนี้เพียงคนเดียวอาจทำให้การโจมตีดันเจี้ยนขนาดใหญ่พิเศษในปัจจุบันนั้นเป็นไปได้ทันทีเลย

ในขณะเดียวกันสมาชิกของไมโทโลจี้ที่อยู่ในบาร์นี้เองก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ไปชั่วขณะ

พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงจะมีพลังมากพอจะฆ่าแซนสตอร์มและผู้เชี่ยวชาญอีกเจ็ดคนที่ได้รับการเสริมพลังจากวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงได้ด้วยการโจมตีเพียงสิบเอ็ดครั้ง แถมเอาจริงๆด้วยค่าสถานะ HP รวมไปถึงพลังป้องกันของพวกเขานั้นมันจะทำให้พวกเขาสามารถเอาตัวรอดจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่งเลย

อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับใช้เวลาไม่ถึงแปดวินาทีด้วยซ้ำในการจัดการพวกเขา เขาสามารถเอาชนะทีมของแซนสตอร์มได้อย่างรวดเร็วจนแม้แต่ฮีลเลอร์ในแนวหลังก็ยังไม่สามารถจะช่วยพวกเขาได้

“รองผู้บัญชาการ วงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงทั้งแปดของเราถูกทำลายแล้ว และตอนนี้เราก็มีเหลืออยู่อีกเพียงวงเดียว เราควรจะสู้ต่อไปไหม ?” แรนเจอร์ขั้นสามกล่าวถามซิลเวอร์โกสต์

วงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงที่พวกเขาเตรียมมานั้นมันไม่ใช่ไอเทมธรรมดา การผลิตวงเวทย์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล แต่มันยังทำได้ยากมากด้วย

คราวนี้กิลได้จัดหามาให้พวกเขาเก้าชุดเพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาว และเตรียมพร้อมได้ เมื่อศาลเจ้าของเทพปีศาจถูกเปิดขึ้น

ในขณะเดียวกันตอนนี้พวกเขาก็ใช้ไปแล้วแปดชุด เหลือแค่เพียงชุดเดียวสำหรับซิลเวอร์โกสต์ไว้ใช้งานเท่านั้น

สมาชิกของไมโทโลจี้ทุกคนในปัจจุบันนั้นรู้ดีว่าซิลเวอร์โกสต์แข็งแกร่งมากแค่ไหน มันมีเพียงแต่ผู้บัญชาการเท่านั้นที่แข็งแกร่งมากกว่าเขา แม้แต่เทรมบิ่งแฮนด์อดีตรองผู้บัญชาการของพวกเขาก็ยังรับมือกับซิลเวอร์ได้ไม่เกินยี่สิบการเคลื่อนไหวเลย

การปรากฎตัวของซิลเวอร์โกสต์นั้นยังเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขามั่นใจในความสำเร็จของปฎิบัติการครั้งนี้ อย่างไรก็ตามพลังการต่อสู้ที่ซือเฟิงแสดงออกมานั้นมันก็น่ากลัวเกินไป จนทำให้พวกเขาอดจะสงสัยไม่ได้

ขณะที่ซิลเวอร์โกสต์กำลังจะตอบกลับ เสียงคำรามที่ทำให้จิตใจของทุกคนรู้สึกสั่นสะเทือนก็ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งห่างออกไปจากบาร์แสงดาว

“มาแล้วงั้นหรอ ? ช่างน่าเสียดาย ตอนนี้เก็บวงเวทย์การต่อสู้ไว้ก่อน เราจะถอย !!!” ซิลเวอร์โกสต์กล่าวพลางถอนหายใจออกมา ขณะที่เขามองไปยังหลังคาของบาร์ที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเขาก็หันไปหาซือเฟิงและกล่าวว่า “ครั้งนี้ไมโทโลจี้จะขอยอมแพ้ในเรื่องป้อมปราการแสงดาว อย่างไรก็ตาม เราจะได้พบกันอีกครั้งแน่นอนหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!!”

ทันทีที่ซิลเวอร์โกสต์พูดจบ รอยแยกมิติก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา แม้ว่าออร์เบ็คจะปรากฎตัวออกมา และพยายามใช้ Spatial Imprisonment หยุดพวกเขา แต่มันก็ไม่สำเร็จ ไม่นานนักซิลเวอร์โกสต์ และสมาชิกของไมโทโลจี้ทั้งหมดก้าวเข้าไปในรอยแยกมิติและหายไปจากบาร์แสงดาว

ในขณะเดียวกันไม่นานหลังจากที่ซิลเวอร์โกสต์และทีมของเขาจากไป ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามกลุ่มใหญ่ก็ปรากฎตัวขึ้นรอบๆบาร์แสงดาว ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามกลุ่มนี้นั้นมีจำนวนมากกว่าสี่ร้อยคน และการปรากฎตัวของพวกเขามันก็ทำให้ผู้เล่นในบาร์ชะงักไปชั่วครู่เลย

“ดูเหมือนว่าเราจะมาช้าไปหน่อย …” เฮลรัชกล่าวบ่นออกมา เมื่อเห็นว่าสมาชิกของไมโทโลจี้หายไปจากบาร์แสงดาวแล้ว

เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามสิบคนของไมโทโลจี้ได้ เขาได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากเข้ามาที่นี่ แต่เขาไม่นึกเลยว่าเขาจะมาช้าเกินไป

“คุณมาช้าไปหน่อยนะ การต่อสู้พึ่งจบลง และผู้เชี่ยวชาญของไมโทโลจี้ก็ได้จากไปแล้ว …” ฟิธาเลียกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตามฉันเชื่อว่าพวกเขาจะไม่เข้ามาก่อกวนป้อมปราการแสงดาวกันอีกแล้วแน่นอน อย่างน้อยก็ในอนาคตอันใกล้นี้”

“หมายความว่ายังไง ?” เฮลรัชสับสนกับคำพูดของฟิธาเลีย เท่าที่เขารู้ไมโทโลจี้เป็นกิลที่จะไม่ยอมหยุดใดๆเลยหากไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

“เอาเป็นว่าดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเองแล้วกัน …”

ฟิธาเลียนั้นไม่ได้คิดจะอธิบายใดๆให้เฮลรัชฟัง เธอเพียงแต่ส่งบันทึกวีดีโอการต่อสู้ในครั้งนี้ไปให้เขาดูเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นเพราะเธอเองก็ยังไม่เข้าใจหลายแง่มุมของการต่อสู้ครั้งนี้ ดังนั้นมันคงจะดีกว่ามากถ้าเฮลรัชและคนอื่นๆได้ดูด้วยตัวเอง

ซึ่งในวีดีโอนั้นได้บันทึกทุกอย่างไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่ว่าจะเป็นเฮลรัช สมาชิกของกองกำลังนรกคนอื่นๆ หรือแม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิชผู้ซึ่งได้ติดต่อกับซือเฟิงไม่นานหลังจากที่เขามาถึงทวีปด้านตะวันตก ดวงตาก็ยังแทบจะถลนออกจากเบ้า

ครู่หนึ่งพวกเขาทั้งหมดต่างสงสัยด้วยซ้ำว่าซือเฟิงในวีดีโอเป็นคนเดียวกับซือเฟิงที่พวกเขารู้จักไหม

นี่มันเป็นเวลาเพียงแค่ไม่นานเองที่พวกเขาไม่ได้พบกับซือเฟิง แต่เขากับปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และเอาชนะผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของไมโทโลจี้แปดคนที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับแกรนลอร์ดสายพันธุ์โบราณได้

นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?

ในขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่เฮลรัชและคนอื่นๆกำลังรู้สึกตกตะลึงและสับสนกับเรื่องนี้ วีดีโอการต่อสู้ของซือเฟิงในบาร์แสงดาวก็เริ่มแพร่กระจายออกไปเหมือนโรคระบาด และในไม่ช้าวีดีโอเหล่านี้ก็ไปถึงมือของมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตก

“มันเกิดอะไรขึ้น ?”

“ไมโทโลจี้แพ้ ?”

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset