Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2506

ชื่อเสียงแพร่กระจายออกไป

ความพ่ายแพ้ของไมโทโลจี้นั้นมันเป็นดั่งแผ่นดินไหวขนาดแปดริกเตอร์ มันไม่มีมหาอำนาจใดจะสามารถทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้เลย

ก่อนหน้านี้การตัดสินใจจะยอมแพ้ของจักรวรรดิโลกใต้พิภพและเข้าเป็นพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกกับเผ่าศักสิทธิ์นั้นมันก็สร้างความตกตะลึงให้กับเขามากแล้ว แต่มันก็ยังอยู่ในเหตุผลที่เข้าใจได้ เนื่องจากตัวตนของมังกรศักสิทธิ์ไม่ใช่อะไรที่ผู้เล่นจะสามารถต่อต้านได้เลย

แต่ตอนนี้ไมโทโลจี้นั้นมีวิธีการจะหลบเลี่ยงการตรวจจับของมังกรศักสิทธิ์แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเข้ายึดครองหรือปันหุ้นของป้อมปราการแสงดาวได้ ยิ่งไปกว่านั้นความล้มเหลวของไมโทโลจี้ยังไม่ได้เกิดจากมังกรศักสิทธิ์ แต่เป็นซือเฟิงซึ่งเป็นผู้เล่นขั้นสามเพียงแค่คนเดียว จะให้พวกเขาพาตัวเองไปเชื่อข่าวนี้ได้ยังไง ?

นี่คือหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเกมเสมือนจริงเลยนะที่พวกเขาำลังพูดถึง !!!

มันเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ เพราะทุกคนที่พยายามทำเช่นนั้นส่วนใหญ่จะถูกปราบปรามลงโดยห้ายักษ์ใหญ่นี้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงไม่เพียงแต่จะยืนหยัดต่อหน้าของไมโทโลจี้ได้ แต่เขายังสามารถจะฆ่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดแปดคนที่ทรงพลังมากๆของไมโทโลจี้ได้ด้วยตัวคนเดียว

มหาอำนาจต่างๆนั้นเริ่มการเคลื่อนไหวทันที พวกเขาไม่เพียงแต่ละทิ้งแผนการทั้งหมดที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในป้อมปราการแสงดาว แต่พวกเขายังห้ามไม่ให้ทีมผู้เชี่ยวชาญที่พวกเขาส่งไปยังหุบเขาดาวก่อปัญหาใดๆภายในป้อมปราการแสงดาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ซือเฟิงอยู่ในป้อม

เหตุผลในการตัดสินใจของพวกเขานั้นไม่ใช่แค่เรื่องที่ซือเฟิงสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังแปดคนของไมโทโลจี้ได้ แต่มันเป็นเพราะพลังที่ซือเฟิงแสดงออกมา เท่าที่พวกเขาเห็น แม้แต่การทำลายทีมผู้เล่นขั้นสามหนึ่งร้อยคนก็จะนับเป็นแค่ของเล่นเด็กสำหรับซือเฟิง เขานั้นเป็นคนเดียวที่มีค่าเทียบเท่ากับทั้งกองทัพอย่างแท้จริง เขาเป็นตัวตนที่น่ากลัว
นอกจากนี้ป้อมปราการแสงดาวยังเป็นป้อมปราการเพียงแค่แห่งเดียวในหุบเขาดาว หากมหาอำนาจต่างๆต้องการจะพัฒนาไปได้อย่างราบรื่นในหุบเขาดาว การเข้าถึงป้อมปราการให้ได้ก็เป็นเรื่องจำเป็น และหากพวกเขาถูกแบนออกจากป้อมปราการ พวกเขาจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน

สำหรับการดำเนินการโดยตรงเพื่อเข้ายึดป้อมปราการนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะท้ายที่สุดแม้แต่ไมโทโลจี้ยังทำอะไรกับป้อมปราการแสงดาวไม่ได้ แล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ยังไง ?

ในช่วงเวลาหนึ่งผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆที่เข้ามาในป้อมปราการแสงดาวนั้นล้วนปฎิบัติตัวกันเป็นลูกแกะเชื่องๆเลย

ในขณะเดียวกันภายในคฤหาสถ์ลอร์ดแห่งป้อมปราการแสงดาว ปัจจุบันซือเฟิงนั้นมีงานล้นมือมากๆ

เนื่องจากความพ่ายแพ้ของไมโทโลจี้ มหาอำนาจต่างๆจึงกลับกลายเป็นอ่อนโยนและว่าง่ายเลยทีเดียว และจำนวนผู้เล่นใหม่ที่เต็มใจจะเข้ามาเยี่ยมชมป้อมปราการนั้นมันก็สูงขึ้นมาก โดยผู้เล่นใหม่เหล่านี้ประกอบไปด้วยพ่อค้าหลายคน และบริษัทการค้าบางแห่งก็พยายามจะเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกโดยการเสนอเช่าร้านค้าในป้อมปราการแสงดาวด้วยราคาสูงลิ่วเลย นี่มันทำให้ป้อมปราการแสงดาวนั้นแออัดขึ้นอีกมาก

“หัวหน้ากิล จากข้อมูลล่าสุดของเรา ประชากรผู้เล่นของป้อมปราการแสงดาวนั้นใกล้แตะห้าแสนคนแล้ว และการประมาณการคร่าวๆตอนนี้เราก็มีกำไรสุทธิเป็นคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าสองแสนห้าหมื่นชิ้นต่อวัน” อควาโรสกล่าวรายงานด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ขณะที่เธอมองไปยังข้อมูลล่าสุดที่เธอได้รับมา “ในอัตรานี้เราจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันก่อนที่เราจะสามารถซ่อมแซมสนามรบขนาดใหญ่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองได้ จากนั้นคนของเราก็จะสามารถใช้มันสำหรับการฝึกการต่อสู้ทุกประเภท รวมไปถึงใช้ฝึกปรับปรุงการควบคุมมานาของพวกเขาได้อย่างมาก …”

แม้ว่าป้อมปราการแสงดาวนั้นจะเป็นป้อมปราการโบราณ แต่มันก็ไม่สามารถจะขยายได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มขีดจำกัดของประชากรของป้อมปราการ อย่างไรก็ตามผู้เล่นก็จะยังสามารถซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวกในป้อมปราการ และเพิ่มความสามารถของป้อมปราการได้

ในบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่มีอยู่ในป้อมปราการแสงดาวนั้น สิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับผู้เล่นคือสนามรบขนาดใหญ่ แต่น่าเสียดายที่มันต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์ถึงหนึ่งล้านห้าแสนชิ้นในการครอบครอง

ในตอนแรกซือเฟิงคิดว่าเขาคงไม่สามารถจะซ่อมแซมสนามรบขนาดใหญ่นี้ได้ในเวลาอันใกล้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ป้อมปราการแสงดาวมีผู้เล่นมากขึ้น ดังนั้นระยะเวลาที่ต้องใช้เพื่อรวบรวมคริสตัลเวทย์มนต์เพื่อซ่อมแซมจึงควรจะสั้นลงอย่างมาก

สนามรบขนาดใหญ่นี้นั้นเป็นเหมือนกับดันเจี้ยนพิเศษที่อยู่ที่ชั้นใต้ดินชั้นแรกของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง และภายในสนามรบขนาดใหญ่ผู้เล่นจะสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์แบบจำลองได้ทุกชนิดในสภาพแวดล้อมโบราณของป้อมปราการแสงดาว และด้วยการฝึกฝนในสนามรบขนาดใหญ่ ผู้เล่นก็จะสามารถพัฒนาการควบคุมมานาได้อย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้แบบมีชีวิตเป็นเดิมพัน มันจะดีกว่าการฝึกฝนในห้องฝึกต่อสู้อยู่แล้ว

ตราบเท่าที่สนามรบขนาดใหญ่ได้รับการซ่อมแซม สภาสิบแปดปีกก็จะสามารถย้ายผู้เชี่ยวชาญแกนหลักจากทวีปด้านตะวันออกมาฝึกที่นี่ได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้พวกเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้เร็วกว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆของมหาอำนาจหลายเท่า

“จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นถึงขนาดนี้แล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับรายงานของอควาโรส

แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าการต่อสู้กับไมโทโลจี้ และการเปิดใช้งานศาลเจ้าของเทพปีศาจจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ แต่เขาไม่ได้คิดเลยจริงๆว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้

“น่าเสียที่ป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นเพียงป้อมปราการขนาดเล็ก ไม่งั้นเราจะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์อีกมากกว่านี้แน่นอน” อควาโรสกล่าวด้วยความผิดหวัง

คริสตัลเวทย์มนต์นั้นมีความสำคัญมากๆสำหรับผู้เล่นในปัจจุบัน สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงแม้แต่ในทวีปด้านตะวันออก

เหตุผลคือความต้องการคริสตัลเวทย์มนต์สำหรับการผลิตอาวุธและอุปกรณ์เลเวลสูงนั้นมีสูงมากๆ
ถึงแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะได้รับโอกาสในการได้รับคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมาก แต่โอกาสนี้ก็ยังคงถูกจำกัดเนื่องจากข้อกำหนดของป้อมปราการแสงดาว

“ป้อมปราการขนาดเล็กตอนนี้มันก็มากเกินพอสำหรับเราแล้ว เพราะท้ายที่สุดรากฐานของเราในทวีปด้านตะวันตกนั้นยังตื้นเกินไป แม้ว่าเราจะยึดป้อมปราการขนาดกลางกับขนาดใหญ่ได้จริงๆ แต่เราก็จะไม่สามารถจัดการมันได้” ซือเฟิงกล่าวเมื่อเห็นใบหน้าที่ผิดหวังของอควาโรส

“ฉันเข้าใจ เราสามารถส่งผู้เล่นเข้ามายังทวีปด้านตะวันตกได้แค่สิบคนต่อสัปดาห์เท่านั้น นี่มันช่างแย่จริงๆ เราน่าจะส่งมาได้เพิ่มอีกสักหน่อย …” อควาโรสกล่าว

เธอนั้นได้สัมผัสถึงประโยชน์ของทวีปด้านตะวันตกอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะย้ายสมาชิกกองกำลังหลักทั้งหมดของสภาสิบแปดปีกมาที่นี่ทันทีเพื่อฝึกเลยด้วยซ้ำ เพราะด้วยความช่วยเหลือจากป้อมปราการแสงดาวนั้น สภาสิบแปดปีกจะไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าผู้เล่นขั้นสามของตัวเองจะขาดความแข็งแกร่ง

“พักเรื่องการส่งคนมาที่นี่ให้มากขึ้นไปก่อนดีกว่า เนื่องจากเราจะสามารถเปิดใช้งานสนามรบขนาดใหญ่ได้ในเร็วๆนี้ ให้ฝ่ายของหยานเทียนซิงเตรียมการที่จำเป็นเพื่อก่อตั้งสาขาของพันธมิตรนักผจญภัยของเราขึ้นที่นี่ และสมาชิกของพันธมิตรนั้นจะสามารถเก็บคะแนนสะสมได้โดยการทำเควสที่ออกโดยพันธมิตร หลังจากนั้นพวกเขาก็จะสามารถใช้เวลาคะแนนเหล่านี้เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเวลาในสนามรบขนาดใหญ่หรือรายการอื่นๆได้ ในความเป็นจริงถ้าระดับของพวกเขาในพันธมิตรสูงพอ พวกเขายังจะสามารถแลกเปลี่ยนคะแนนเป็นบ้านส่วนในป้อมปราการแสงดาวได้ด้วย” ซือ
เฟิงกล่าว

มันจะใช้เวลานานมากเกินไปสำหรับสภาสิบแปดปีกในการส่งสมาชิกจำนวนมากเข้ามายังทวีปด้านตะวันตก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผู้เล่นมีเลเวลสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นขั้นสามก็จะมีจำนวนมากขึ้น และมันก็จะมีผู้ที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าซือเฟิงอาจจะสามารถปกป้องป้อมปราการแสงดาวทั้งหมดไว้ได้ด้วยตัวเองในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำได้ตลอดไป เพราะท้ายที่สุดเขายังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ เขาไม่สามารถอยู่ที่เดียวได้นาน

หากเขาต้องการจะให้ป้อมปราการแสงดาวมีความมั่นคงในระยะยาว และเร่งความเร็วในการพัฒนาของสภาสิบแปดปีกในทวีปด้านตะวันตกนั้น เขาจำเป็นจะต้องมีทั้งกำลังคนและทรัพยากรเพียงพอ
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกหนักใจเรื่องนี้อยู่เช่นกันว่าจะทำได้อย่างไร อย่างไรก็ตามด้วยความนิยมในปัจจุบันของป้อมปราการแสงดาว และสนามรบขนาดใหญ่ที่กำลังจะได้รับการซ่อมแซมในไม่ช้า การดึงดูดผู้เชี่ยวชาญอิสระจำนวนมากให้มาเข้าร่วมพันธมิตรนักผจญภัยของสภาสิบแปดปีก หรือแม้กระทั่งเข้าร่วมกิลสภาสิบแปดปีก น่าจะทำได้ไม่ยากนัก ในขณะเดียวกันเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากอยู่เคียงข้าง สภาสิบแปดปีกก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการสร้างตัวเองในทวีปด้านตะวันตก และเข้ายึดครองทรัพยากรจำนวนมากของทวีปด้านตะวันตก

“หัวหน้ากิล เฮลรัชพึ่งส่งข้อความมาว่า พวกระดับสูงของจักรวรรดิโลกกใต้พิภพได้ตกลงรับข้อเสนอของเราแล้ว พวกเขายินดีที่จะให้เราทำการว่าจ้างกองกำลังนรก แต่พวกเขามีเงื่อนไขอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องการให้เราปฎิบัติคือ พวกเขาต้องการให้สมาชิกทุกคนของกองกำลังนรกปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งเดือนที่อยู่กับเรา ถ้าเราทำไม่ได้ พวกเขาจะต้องการหุ้นของป้อมปราการแสงดาวยี่สิบเปอเซ็นต์เป็นค่าตอบแทน” อควาโรสกล่าวพลางขมวดคิ้ว

การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นมันพูดง่ายกว่าทำ แถมร่างมานาของแต่ละคนก็ยังไม่เหมือนกันด้วย ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไรคำขอของจักรวรรดิโลกใต้พิภพมันก็ดูจะเกินไปหน่อย

“ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเขาก็จะคิดได้แล้วสินะ …” ซือเฟิงยิ้ม เมื่อได้ยินคำพูดของ
อควาโรส “ตกลงยอมรับเงื่อนไขของพวกเขาไปเลย”

ในตอนแรกเขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะสามารถเป็นไปได้ด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้ว กองกำลังนรกเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามราวสามร้อยคนของพวกเขาก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ

แต่โชคดีที่การแสดงของเขาที่กระทำต่อไมโทโลจี้ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพ

เทคนิคมานาของอีเลียดี้ที่เขาใช้นั้นมันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันก็ผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปอย่างมหาศาลเช่นกัน การใช้มันนั้นซับซ้อนกว่าการใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงอย่างมาก

หลังจากใช้ไลท์ชาโด้วไปสิบเอ็ดครั้งติดต่อกัน เขาก็ผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปมากกว่าครึ่งแล้ว หากเขาใช้มันอีกจำนวนหนึ่ง เขาจะเจอกับความอ่อนล้าทางใจ และฝ่ายตรงข้ามจะฆ่าเขาได้แน่นอน
“หัวหน้ากิล เรากำลังพูดถึงเรื่องการช่วยพวกเขาทั้งหมดปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้ได้ภายในหนึ่งเดือนนะ ..” อควาโรสกล่าวอย่างเป็นห่วง

หากความต้องการของจักรวรรดิโลกใต้พิภพเป็นเพียงการช่วยอัพเกรดอาวุธและอุปกรณ์ให้กับกองกำลังนรก เธอก็จะไม่กังวลมากนักเลย แต่พวกเขากับขอเรื่องการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานา ซึ่งมันมีปัจจัยหลายอย่างเกี่ยวข้องมากเกินไป ในขณะเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกก็จะเพิ่มขึ้น กิลไม่ควรจะยอมเสี่ยงเอาป้อมปราการแสงดาวไปเดิมพันกับเรื่องนี้เลย

“ผ่อนคลาย กระบวนการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองไปยังอควาโรส “ยิ่งไปกว่านั้นหลายๆเรื่องใน God domain มันยังจำเป็นต้องรีบทำไม่สามารถรอได้ เพราะความล่าช้าจะหมายถึงการพลาดโอกาสมากมาย ไม่ว่าในกรณีใดตอนนี้จักรวรรดิโลกใต้พิภพได้ตกลงยอมรับข้อเสนอของเราแล้ว มันจึงถึงเวลาที่เราจะกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกแล้ว …”

ถ้าเป็นก่อนที่เขาจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ เขาคงจะไม่มั่นใจกับการปฎิบัติตามเงื่อนไขของจักรวรรดิโลกใต้พิภพมากนัก อย่างไรก็ตามหลังจากได้ดูดซับความรู้มากมายมาจากคริสตัลความทรงจำของอีเลียดี้ การจะช่วยผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกให้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นมันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกทุกคนนั้นล้วนจัดว่าเป็นอัจฉริยะ แม้แต่ในหมู่มหาอำนาจต่างๆ

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset