Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2632

ตอนที่ 2632 สนามรบที่เงียบสงัด

เมื่อเห็นหยานเซี่ยวเฉียนเริ่มเคลื่อนไหว สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดก็เงียบไป

หยานเซี่ยวเฉียนนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเข้าร่วมในการฝึกรุ่นเยาว์ของไวโอเล็ตซอร์ด และหนึ่งในเหตุผลนั้นก็คือเธออยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือผู้ฝึกสอนทอร์เร้นนั้นเต็มใจที่จะฝึกสอนเธอ ดังนั้นพวกระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของไวโอเล็ตซอร์ดส่วนใหญ่จึงได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเธอ และศึกษาความแข็งแกร่งของเธอว่าเธอมีความแข็งแกร่งแบบไหนแล้ว

อย่างไรก็ตามหยานเซี่ยวเฉียนในปัจจุบันนั้นดูเหมือนกับคนที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากที่พวกเขารู้จักเธอ เธอสามารถหยุดการโจมตีที่มีมาตราฐานในขั้นสี่โดยทั่วไปได้ด้วยสกิลกำแพงน้ำแข็งขั้นสอง สกิลเดียว …. ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ทำการโจมตีที่มีมาตราฐานในขั้นสี่โดยทั่วไปยังเป็นแอสซาซินขั้นสามที่อยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น ซึ่งแม้แต่ในบรรดาสมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดที่อยู่ตรงนี้อย่างคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนนั้นก็ไม่อาจจะหยุดการโจมตีของแอสซาซินผู้นี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่หยานเซี่ยวเฉียนกับทำได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดประหลาดใจมากๆ

“เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?!” ไวน์ไฟเตอร์ซึ่งยืนอยู่ใกล้กับหยานเซี่ยวเฉียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมานาที่รุนแรงจากเธอ “ตอนนั้นร่างมานาของเธอเพิ่งถูกปลดล๊อคศักยภาพไปแค่ราวห้าสิบเปอเซ็นต์เท่านั้น นี่สามวันที่ผ่านมาสภาสิบแปดปีกทำอะไรกับเธอกัน ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของไวน์ไฟเตอร์ สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดคนอื่นๆก็เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง และตอนนี้ทุกคนก็ล้วนจ้องมองไปยังหยานเซี่ยวเฉียนด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งโฟลตติ้งไลท์ที่ได้รับการฝึกฝนภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกสอนทอร์เร้นร่วมกับเธอ

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! นั่นคือร่างมานานะที่เรากำลังพูดถึง !!! เธอจะปลดล๊อคมันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในเวลาเพียงสามวันได้ยังไง ?!” ดวงตาของโฟลตติ้งไลท์เบิกกว้าบงด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาก็อ้าปากค้างและมองไปยังหยานเซี่ยวเฉียน ครู่หนึ่งเขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองคนแปลกหน้า
เมื่อพูดถึงความสามารถในการต่อสู้ เขานั้นเหนือกว่าหยานเซี่ยวเฉียน นอกจากนี้หลังจากเขาได้เข้ามาฝึกพิเศษในสนามฝึกของดินแดนลับโบราณ พลังการต่อสู้ของเขาจึงเพิ่มขึ้นไปเกือบจะเท่ากับโซริทารี่ฟรอสต์ ซึ่งในทางทฤษฎี เขาควรจะเหนือกว่าหยานเซี่ยวเฉียนมาก

อย่างไรก็ตามตอนนี้ปรากฎว่าพลังการต่อสู้ของหยานเซี่ยวเฉียนนั้นเหนือกว่าเขามาก

อย่างไรก็ตามก่อนที่สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดจะทันได้หายตกตะลึงต่อการพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ แอสซาซินซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าของไมโทโลจี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง คราวนี้เขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงแทนที่จะโจมตีจากระยะไกล

ในเวลาไม่นานแอสซาซินก็เหลือระยะห่างจากกลุ่มของคริมสันสตาร์สิบหลาแล้ว สถานการณ์นี้ทำให้การแสดงออกของคริมสันสตาร์และคนอื่นๆมืดมนลงทันที

แอสซาซินนั้นไม่ได้ถนัดการโจมตีในระยะไกล อาชีพนี้จะแข็งแกร่งและเปล่งประกายอย่างแท้จริงในการต่อสู้ระยะใกล้ นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงพลังที่แอสซาซินจะสามารถแสดงออกมาได้ในการซุ่มโจมตีและต่อสู้ระยะประชิด ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความคล่องตัวของอาชีพแอสซาซิน การพยายามจะตรึงพวกเขาให้ได้โดยใช้สกิลระยะไกลนั้นมันก็ยากมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการฆ่าแอสซาซินที่มีพลังอยู่ในขั้นสี่ชั่วคราวเลย

“วิธีการป้องกันของเด็กสาวคนนั้นอาจจะยอดเยี่ยม แต่เมื่อเป็นในระยะนี้ ฉันอยากเห็นว่าเธอจะหยุดการโจมตีของฉันได้ยังไง !!!” แอสซาซินซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้ากล่าว ขณะที่เขาอยู่ห่างจากไวน์ไฟเตอร์ไม่ถึงห้าหลา

สกิลขั้นสาม Absolute Shadow Assault!

ทันใดนั้นร่างของแอสซาซินก็แยกออกเป็นเงาหลายร่างเพื่อโจมตีไวน์ไฟเตอร์ โดยเงาเหล่านี้นั้นทำให้พื้นที่โดยรอบแตกออกเลย เมื่อพวกมันขยับเข้าใกล้เบอเซิกเกอร์ โดยเงาเหล่านี้นั้นทรงพลังมากจนแม้แต่การ์เดี้ยนไนท์ และชิลวอริเออร์ก็ยังจะตายทันที หากถูกโจมตีเข้าไป ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเบอเซิกเกอร์อย่างไวน์ไฟเตอร์เลย

“มันจบแล้ว …”

เมื่อเห็นเงาที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ไวน์ไฟเตอร์ก็หลับตาลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่เขากำลังเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ต เขาก็ไม่สามารถจะป้องกันตัวเองได้เลย เพราะการทำแบบนั้นมันจะเป็นการยกเลิกกระบวนการ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ต แต่เขาก็ยังไม่สามารถจะหนีจากการโจมตีที่ทรงพลังแบบนี้ได้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว เงาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมีพลังในระดับมาตราฐานของขั้นสี่เท่านั้น แต่มันยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานด้วย

ในขณะที่เงาหลายร่างกำลังจะกลืนกินไวน์ไฟเตอร์ จู่ๆมันก็มีร่างพุ่งลงมาจากด้านบน โดยร่างนี้นั้นแยกออกเป็นสี่ร่างที่เหมือนกัน และทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่เงาเหล่านี้ทันที

Peng… Peng… Peng…

เสียงของอาวุธปะทะกันดังก้องไปทั่วบริเวณประตูเทเลพอร์ต และรอยแยกมิติจำนวนมากก็ปรากฎขึ้นในรัศมีสามสิบหลาบนพื้นดินรอบประตูเทเลพอร์ต และคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวอันเป็นผลมาจากการปะทะกันก็เกือบจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่อยู่ใกล้บางส่วนยืนไม่อยู่

เมื่อฝุ่นของการปะทะกันจางลง มันก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มที่ถือดาบใหญ่ขึ้นต่อหน้าแอสซาซินจากไมโทโลจี้ และเนื่องจากแถบ HP ของชายหนุ่มยังคงเต็มอยู่ ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดเลยว่าการป้องกันการโจมตีจากแอสซาซินของเขานั้นประสบความสำเร็จ

“โซริทารี่ฟรอสต์ ?” ไวน์ไฟเตอร์อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อเขาเห็นว่าโซริทารี่ฟรอสต์มาปกป้องเขาไว้

แม้จะอยู่ในสถาะนสูงสุดของตัวเอง แต่ไวน์ไฟเตอร์ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถป้องกันการโจมตีเมื่อครู่จากแอสซาซินได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามโวริทารี่ฟรอสต์ในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของแอสซาซิน แต่โซริทารี่ฟรอสต์ยังป้องกันไม่ให้แอสซาซินผู้นี้ทำอะไรกับไวน์ไฟเตอร์ได้ด้วย พลังการต่อสู้ของโซริทารี่ฟรอสต์ที่เพิ่งปรากฎขึ้นนั้นแตกต่างจากสิ่งที่ไวน์ไฟเตอร์จำได้อย่างสิ้นเชิง

“เขาเองก็ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเช่นกันหรอ ?” เมื่อคริมสันสตาร์เห็นว่าโซริทารี่ฟรอสต์กำลังแผ่มานาจำนวนมากที่น่ากลัวออกมา ความประหลาดใจและความสับสนก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเธอ
ในกรณีของหยานเซี่ยวเฉียน คริมสันสตาร์ยังคิดว่ามันอยู่ในเกณฑ์ที่เข้าใจได้ที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในสามวัน เพราะท้ายที่สุดหยานเซี่ยวเฉียนนั้นเป็นผู้เล่นนักเวทย์ ดังนั้นมันจึงจะทำให้เธอเข้าใจและควบคุมมานาได้ดีกว่าโซริทารี่ฟรอสต์ที่เป็นผู้เล่นระยะประชิดอยู่แล้ว มันจึงพอจะเข้าใจได้ในเรื่องที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในสามวัน

อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาได้รู้ว่าโซริทารี่ฟรอสต์เองก็ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเช่นกัน

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากลายเป็นเรื่องง่ายแบบนี้ ?

ในขณะที่คริมสันสตาร์กำลังตกตะลึงและสับสน แอสซาซินที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าของไมโทโลจี้ ซึ่งถูกขัดขวางการโจมตีสองครั้งก็รู้สึกมืดมนอย่างมาก ตอนแรกก็หยานเซี่ยวเฉียน ต่อมาก็โซริทารี่ฟรอสต์ เขานั้นอยู่ห่างจากการทำลายแผนการของไวโอเล็ตซอร์ดเพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น แต่เขาก็ถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า

“แซนด์สตอร์มฝั่งฉันมีปัญหา เหล่ารุ่นเยาว์ที่ออกมาต่อต้านในฉันได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แถมมาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็สูงมากเช่นกัน พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไวน์ไฟเตอร์เลยแม้แต่น้อย และถ้าพวกเขามุ่งเน้นไปที่การเบี่ยงเบนการโจมตีทั้งหมดที่โจมตีเข้าไป ฉันคิดว่า ฉันคงไม่สามารถทำอะไรกับผู้เล่นเหล่านี้ได้ง่ายๆแน่นอน และถ้าแบล๊คเฟรมเข้าร่วมการต่อสู้เมื่อไหร่ ฉันกลัวว่าฉันจะหนีไม่รอด ….” แอสซาซินซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้ากล่าวผ่านแชททีม

“เนื่องจากการซุ่มโจมตีล้มเหลว ดังนั้นให้ถอยและมารวมกลุ่มกับเราก่อน เราจะมุ่งเน้นไปที่การฆ่าสมาชิกสภาสิบแปดปีก และหอการค้าอาซูให้มากที่สุด” แซนด์สตอร์มสั่งพลางกัดฟันของเขา เมื่อเขามองไปยังซือเฟิงที่ตรึงแอสซาซินอีกห้าคนไว้กับตัวเอง และหลังจากออกคำสั่งจบ แซนด์สตอร์มก็เร่งฝีเท้าของตัวเอง

ก่อนหน้านี้กลุ่มหลักของไมโทโลจี้ได้เปิดเผยตัวตนออกมาโดยเจตนาที่ต้องการจะดึงดูดความสนใจของซือเฟิง และสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆ เพราะท้ายที่สุดล้ว ด้วยการที่มีร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว มันก็น่าจะช่วยให้การโจมตีของแอสซาซินทั้งหกประสบความสำเร็จได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้หอการค้าอาซูกับมีสัตว์ประหลาดที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเช่นกัน การพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้แซนด์สตอร์มต้องหวนกลับไปเดินตามแผนเดิมของเขา

“ทุกคนบุกเข้าไป !!! ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว ใช้ทุกอย่างที่มีเลย !!! เราจะกำจัดทีมๆนี้ไปพร้อมกับกลุ่มแอสซาซินของเรา !!!” แซนด์สตอร์มตะโกน ขณะที่เขาเน้นชี้ไปยังสมาชิกสภาสิบแปดปีก

เมื่อเห็นทีมของแซนด์สตอร์มพุ่งเข้าใส่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกและหอการค้าอาซู ไวน์ไฟเตอร์ก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้น

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราต้องไม่ปล่อยให้แอสซาซินขั้นสามพวกนั้นกลับไปรวมกับทีมของแซนด์สตอร์มได้ !!! เมื่อผู้นำทีมอย่างเขาเข้าสู่สนามรบ เขาจะสามารถเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงพร้อมกับหัวหน้าคนอื่นๆได้ !!! ซึ่งถ้าเราปล่อยให้พวกเขารวมกันติด หัวหน้าพวกนี้ก็จะแข็งแกร่งขึ้นมากๆ !!!” คริมสันสตาร์รีบกล่าวเตือนซือเฟิง เมื่อเธอคาดเดาท่าทีของทีมไมโทโลจี้ออก

“ผ่อนคลายน่า ต่อให้พวกนั้นกลับไปรวมกันได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะหรอก” ซือเฟิงกล่าวยืนยันด้วยรอยยิ้ม แม้หลังจากที่เห็นแอสซาซินทั้งหกพยายามถอยกลับไปรวมกับทีมหลัก เขาก็ไม่ได้พยายามไล่ล่า

“แต่ …” คริมสันสตาร์พูดไม่ออก เมื่อเธอเห็นท่าทีเฉยเมยที่ซือเฟิงมีต่อสมาชิกไมโทโลจี้

เธอนั้นรู้ดีว่าสภาสิบแปดปีกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วมาเข้าร่วมงานนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้นั้นก็มีพลังการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามสมาชิกมากกว่าสามสิบคนของกองกำลังแสงสีเงินนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน และด้วยความช่วยเหลือของวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูง แม้แต่ผู้ที่ยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ก็ยังจะสามารถแสดงพลังในการต่อสู้ได้แทบจะเทียบเท่ากับผู้ที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว นอกจากนี้สมาชิกของไมโทโลจี้ทั้งหมดนี้ยังจัดเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงลิ่วอย่างแท้จริง

หากทั้งสองฝ่ายปะทะกันจริงๆ สภาสิบแปดปีกจะไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายแน่นอน

“ดี !! กลุ่มของโฟลวลิ่งชาโด้ว นั้นใกล้จะกลับมาแล้ว !! ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม !! ถึงเวลาแล้วที่เราจะให้สภาสิบแปดปีกและหอการค้าอาซูได้รู้ถึงพลังของไมโทโลจี้ !!!” แซนด์สตอร์มกล่าวกับหัวหน้าอีกสามคน เมื่อเขาเห็นกลุ่มของแอสซาซินเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งร้อยหลาแล้ว

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง เมื่อเราเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงแบบเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ แม้แต่แบล๊คเฟรมก็ไม่ควรจะคิดว่าจะล้มเราได้ง่ายๆ !!!” การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ยืนอยู่ข้างแซนด์สตอร์มกล่าวพลางพยักหน้า

อย่างไรก็ตามในขณะที่ทีมของไมโทโลจี้กำลังจะกลับมารวมกลุ่มกันได้อีกครั้ง ซือ
เฟิงก็เหลือบไปมองที่อควาโรสซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา

ในการตอบกลับ อควาโรสพยักหน้า และพูดอย่างใจเย็นว่า “เอาล่ะ ทุกคนไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรอีกต่อไป แสดงให้พวกนั้นเห็นถึงพลังของเรากัน !!”

เมื่ออควาโรสกล่าวจบ สมาชิกสภาสิบแปดปีกก็ถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออกทันที

คลื่นมานาจำนวนมหาศาลนั้นเข้าท่วมท้นไปทั่วบริเวณทันที และออร่าที่ทรงพลังของทุกคนนั้นก็กวาดผ่านไปทั่วสนามรบจนทำให้สมาชิกของไมโทโลจี้ต้องหยุดชะงักลง และเมื่อเห็นข้อมูลของสมาชิกสภาสิบแปดปีก สมาชิกของไมโทโลจี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ปัจจุบันสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทุกคนตรงหน้าของพวกเขาไม่เพียงแต่จะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทั้งหมดแล้ว แต่พวกเขาทั้งหมดยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดถึงหนึ่งร้อยสิบแปดทั้งหมด ขณะที่ผู้เล่นระยะประชิดของสภาสิบแปดปีกก็ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนสวมใส่เซ็ทอุปกรณ์ระดับดาร์คโกลทั้งหมด

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset