Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2669

ตอนที่ 2669 พลังของมานา

เมืองปีกสีเงิน กำแพงประตูหลัก :

ขณะนี้มันมีผู้เล่นจำนวนมากพยายามจะเดินขึ้นไปที่ด้านบนสุดของกำแพงเมือง ซึ่งมีความสูงมากกว่าสิบสองเมตรเพื่อมองดูกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นหลายคนได้ขึ้นมาถึงด้านบนสุดของกำแพงเมืองตามเป้าหมายของพวกเขา ฉากที่พวกเขาเห็น มันก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากๆ

มอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมีจำนวนมากไปจนสุดเส้นขอบฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ เลเวลหนึ่งร้อยสิบ ซึ่งในขณะนี้กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จำนวนมหหาศาลนี้กำลังล้อมรอบเมืองปีกสีเงินอยู่ โดยฉากนี้เพียงอย่างเดียวมันก็เพียงพอจะทำให้ทุกคนหวาดกลัวแล้ว

“ทำไมถึงมี Faux Saint Devourers ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายถึงแปดตัว ? นี่เราจะหยุดกองทัพนี้ได้จริงๆงั้นหรอ ?”

ความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังเริ่มกวาดผ่านไปทั่วในหมู่ผู้เล่นอิสระที่เลือกจะช่วยปกป้องเมืองปีกสีเงิน เมื่อพวกเขาได้เห็นฉากตรงหน้านี้

เดิมที พวกเขาคิดว่าด้วยวงเวทย์ป้องกันของเมือง และผู้เล่นมากกว่าสามแสนคนที่ต่อสู้เพื่อป้องกันเมืองปีกสีเงิน พวกเขาน่าจะยังมีโอกาสได้รับชัยชนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วเพื่อที่จะทำให้ได้รับชัยชนะตามการประมาณการเดิม พวกเขาจะต้องจัดการกับ Faux Saint Destroyers แค่ราวห้าหมื่นถึงหกหมื่นตัวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ปรากฎขึ้นที่หน้าเมืองปีกสีเงินนั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้มาก มันมี Faux Saint Destroyers มากกว่าหนึ่งแสนตัว และ Faux Saint Devourers อีกแปดตัว ความมั่นใจของทุกคนหายไปทันทีเมื่อได้เห็นกองทัพนี้

ในขณะนี้นับประสาอะไรกับผู้เล่นอิสระ แม้แต่อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังรู้สึกตกตะลึงและหวาดกลัวเช่นกัน

“Faux Saint Destroyers มากกว่าหนึ่งแสนตัว และ Faux Saint Devourers แปดตัว มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ช่างประเมินเราไว้สูงจริงๆ ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทที่มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบหกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เขามองไปยัง Faux Saint Devourers แปดตัวที่ยืนอยู่ห่างจากเมืองปีกสีเงิน

เพื่อช่วยสภาสิบแปดปีกในการปกป้องเมืองปีกสีเงิน อันยีลดิ้งโซลได้ส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองพร้อมกับม้วนคัมภีร์อัญเชิญขั้นสี่สองม้วนมาที่นี่ แถมนี่ยังไม่นับรวมปืนใหญ่หนักอีกมากกว่าหนึ่งร้อยกระบอก ซึ่งตามการคาดการณ์ของเขา กองกำลังนี้เมื่อรวมเข้ากับกองกำลังของจักรพรรดิคริมสันและสภาสิบแปดปีกแล้ว มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาเลยในการปกป้องเมืองปีกสีเงิน

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความแข็งแกร่งและสติปัญญาของมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ต่ำเกินไป ในตอนนี้นับประสาอะไรกับ Faux Saint Devourers แปดตัว เพียงแค่ Faux Saint Destroyers มากกว่าหนึ่งแสนตัว มันก็มากเกินพอจะปลูกฝังความสิ้นหวังให้กับทุกคนแล้ว เพราะท้ายที่สุดแล้ว Faux Saint Destroyers นั้นเป็นมอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปไม่สามารถจะจัดการแบบตัวต่อตัวได้ มันมีเพียงกลุ่มผู้เล่นที่ทำงานร่วมกัน หรือไม่ก็อาวุธสงครามเท่านั้นที่จะสามารถใช้จัดการกับ Faux Saint Destroyers เพื่อป้องกันวงเวทย์ป้องกันเมือง และกำแพงเมืองได้

สำหรับมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ที่พวกเขาสามารถจะอัญเชิญออกมาได้นั้น มันก็มีจำนวนไม่มากเพียงพอที่จะใช้รับมือกับ Faux Saint Destroyers นับแสนตัว สิ่งเดียวที่มอนสเตอร์อัญเชิญเหล่านี้ทำได้ก็คือช่วยปกป้องส่วนหนึ่งของกำแพงเมือง และลดแรงกดดันที่ผู้เล่นของเมืองจะต้องเผชิญลงก็เท่านั้น

อย่างไรก็ตามเมื่อมี Faux Saint Devourers อยู่อีกแปดตัวนั้น มอสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ก็แทบจะไม่สามารถช่วยลดแรงกดดันที่ผู้เล่นของเมืองต้องเผชิญลงได้เลย

อิลูซะรี่เวิร์ดพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท ตอนนี้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“เราทำได้แค่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องเมืองเท่านั้น ….” ตอนนี้ความรู้สึกไร้พลังเข้าครอบงำจิตใจของอิลูซะรี่เวิร์ด ขณะที่เธอมองไปยัง Faux Saint Devourers ที่อยู่ห่างออกไปหลายพันหลาที่คอยควบคุมมอนสเตอร์ Faux Saint อื่นๆอยู่

แม้ว่าเธอจะมั่นใจในตัวของซือเฟิง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขาได้คาดการณ์ไว้แล้วหรือปล่าวว่ากองทัพที่ทรงพลังแบบนี้จะปรากฎขึ้นที่หน้าเมืองปีกสีเงิน ในความเป็นจริงแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่ามอนสเตอร์ Faux Saint จะพัฒนาไปในอัตราที่น่ากลัวแบบนี้

เพราะท้ายที่สุดแล้วจนถึงตอนนี้นั้น มันผ่านมาน้อยกว่าหนึ่งวันเท่านั้นนับตั้งแต่ที่จักรพรรดิคริมสันได้รู้ข่าวถึงการเกิดของมอนสเตอร์ Faux Saint Devourers ตัวแรก แต่ตอนนี้มันกับมีมอนสเตอร์ Faux Saint Devourers แปดตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้วจริงๆ ….

ซึ่งเท่าที่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้นั้น มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่พวกเขาจะหยุดกองทัพนี้ได้เกินสองวัน

ในช่วงเวลาที่ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาและรู้สึกไร้พลัง ลำแสงสีทองก็ปรากฎขึ้นในป่าซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปีกสีเงินออกไปโดยมันพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายพันหลา แต่ผู้เล่นก็จะยังสามารถเห็นลำแสงนี้ได้อย่างชัดเจน

พร้อมกับการปรากฎขึ้นของลำแสงสีทองนี้ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็กลับมาสว่างเหมือนเวลากลางวัน ในขณะเดียวกันความหนาแน่นของมานาโดยรอบบริเวณเมืองปีกสีเงินนั้นก็เบาบางลงอย่างมากราวกับว่ามีบางสิ่งดูดมานาโดยรอบออกไป และตอนนี้แม้แต่ผู้เล่นที่ไม่ได้มีความรู้สึกไวต่อมานาก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย

“นี่คือ …. คำสาปทำลายล้างวิญญาณ !!” ใบหน้าของอิลูซะรี่เวิร์ดแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนา เมื่อเธอได้เห็นลำแสงสีทองนี้ลอยขึ้นไปบนฟ้า “นี่พวกมือแห่งนักบุญบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?! พวกเขากระทั่งใช้คำสาปปิดผนีกพื้นที่นี้จริงๆ !!!”

คำสาปทำลายล้างวิญญาณ เป็นคำสาปบาเรียปิดผนึกพื้นที่ที่หายากสุดๆใน God domain ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานมัน มันจะสามารถปิดผนึกพื้นที่ขนาดใหญ่มากเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นออกจากพื้นที่ที่ถูกปิดผนึกได้ตราบใดที่บาเรียยังคงอยู่ ในขณะเดียวกันไม่เพียงแต่ผู้เล่นภายในบาเรียที่ตายลงจะได้รับโทษจากการตายที่รุนแรงมากขึ้น แต่วิญญาณของพวกเขาก็จะอ่อนแอลงเป็นเวลาสิบห้าวันเช่นกัน

เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายในการเปิดใช้งานคำสาปทำลายล้างวิญญาณนั้นมันสูงมาก ซึ่งนั่นก็คือการสังเวยชีวิตถาวรของผู้เล่นนักเวทย์ขั้นสองที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หนึ่งพันคน และผู้เล่นนักเวทย์ขั้นสามที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หนึ่งร้อยคน

ซึ่งนี่มันนับเป็นการตายอย่างถาวรเลยที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!

ผู้เล่นที่สังเวยตัวเองเพื่อเปิดใช้งานวงเวทย์นี้จะถูกลบตัวละครในเกมอย่างถาวรและพวกเขาจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หากพวกเขาต้องการจะเล่นต่อ

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าจะมีมหาอำนาจจำนวนหนึ่งที่ได้รับคำสาปทำลายล้างวิญญาณมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าใช้มัน

อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินกำลังยืนงง และตกตะลึงอยู่ ทันใดนั้นกระจกเวทย์มนต์ขนาดมหึมาก็ปรากฎขึ้นเหนือเมือง ซึ่งมันแสดงให้เห็นสมาชิกของมือแห่งนักบุญ โดยผู้ที่เป็นผู้นำของผู้เล่นเหล่านี้ก็คือ เธ้าซั่นอาย ที่ซือเฟิงพึ่งจะฆ่าไปเมื่อไม่นานมานี้

“แบล๊คเฟรม คุณไม่ได้นึกว่าเรื่องแบบนี้จะมาถึงเลยใช่ไหม ?!!” เธ้าซั่นอายกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ฉันบอกแล้วว่าคุณจะต้องเสียใจ !!! ไม่ใช่ว่าคุณทรงพลังมากหรอ ? มาดูกันสิว่าคุณจะทำยังไงเมื่อกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint กลืนกินทุกอย่างและทุกคนในเมืองปีกสีเงิน !!!”

เมื่อเธ้าซั่นอายพูดจบนั้น ผู้เล่นในเมืองก็ตัวสั่นโดยไม่ตั้งใจ

นี่มันเป็นความบ้าคลั่งชัดๆ !!!

มือแห่งนักบุญไม่เพียงจะสังเวยชีวิตถาวรของผู้เล่นนักเวทย์ขั้นสองที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หนึ่งพันคน แต่พวกเขายังสังเวยชีวิตถาวรของผู้เล่นนักเวทย์ขั้นสามที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย อีกหนึ่งร้อยคน ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่กล้าทำ เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่กับซุเปอร์กิล ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม หนึ่งร้อยคน ก็ยังจัดว่าเป็นพลังในการต่อสู้ที่สำคัญ

“สภาสิบแปดปีกถึงคราวจบสิ้นแล้วอย่างแท้จริง !!!”

“แน่นอนเลยว่ามือแห่งนักบุญนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอย่างมาก !!! พวกเขากล้าที่จะใช้ไพ่แบบนี้จริงๆ !!! ด้วยสิ่งนี้ไม่เพียงแต่สมาชิกสภาสิบแปดปีกและสมาชิกพันธมิตรทั้งหมดของพวกเขาจะถูกกลืนกินโดยมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านั้น แต่พวกเขายังจะต้องตกอยู่ในสถานะวิญญาณอ่อนแอไปอีกระยะหนึ่งด้วย !!”

แม้จะเป็นเพียงผู้ชม แต่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองปีกสีเงินก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว เมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มที่บ้าคลั่งบนใบหน้าของเธ้าซั่นอาย

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง มันก็มีร่างหลายร่างปรากฎขึ้นเหนือกำแพงประตูหลักของเมืองปีกสีเงิน ซึ่งหนึ่งในร่างเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก

หลังจากมาถึงที่เหนือกำแพงประตูหลักแล้ว ซือเฟิงก็เหลือบมองไปที่กระจกเวทย์มนต์บนท้องฟ้า และพูดอย่างไม่ไยดีว่า “ช่างเสียงดังน่ารำคาญจริงๆ มันไม่ใช่แค่คำสาปทำลายล้างวิญญาณหรอกหรอ ? คุณคิดว่าเจ้านี่มันจะใช้กับพวกเราได้ดีรึไง ?”

แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้พูดเสียงดังมากนัก แต่เมืองปีกสีเงินทั้งเมืองตอนนี้ก็เงียบสนิทอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินคำพูดของเขาอย่างชัดเจน

ซึ่งเมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของซือเฟิงอย่างชัดเจน ความโกลาหลก็เกิดขึ้นทันที ไม่มีใครคิดเลยว่าเมื่อสิ่งต่างๆพัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว ซือเฟิงยังกล้าจะยั่วยุเธ้าซั่นอาย นี่เขาอยากตายมากเลยงั้นหรอ ?

“นี่เขาเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วงั้นหรอ ?”

“เขาแค่แกล้งทำเป็นสงบแหละน่า !!! แล้วเราจะได้เห็นกันว่าเขาจะแกล้งทำต่อไปได้อีกนานแค่ไหน !!!”

“ฉันคิดว่าแบล๊คเฟรมคงจะรู้สึกสิ้นหวังมากๆแล้วกับสถานการณ์นี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกจะใช้ความสงบเพื่อปล่อยวางภาระบนบ่าของเขา”

เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆได้ยินคำพูด และการแสดงออกที่สงบของซือเฟิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันออกมา แม้ว่าคำสาปทำลายล้างวิญญาณอาจจะไม่ได้มีผลอะไรต่อผู้เล่นโดยตรง แต่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint หลายล้านตัวที่ยืนอยู่นอกเมืองนั่นแหละคือฝันร้ายที่แท้จริงเลยสำหรับผู้เล่นทุกคน

“คุณคิดว่ามันไม่มีประโยชน์งั้นหรอ ? งั้นในกรณีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าคำสาปทำลายล้างวิญญาณนี้ไร้ประโยชน์จริงๆหรือไม่ เมื่อกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เริ่มโจมตี !!!” เธ้าซั่นอายกล่าว แทนที่จะโกรธกับคำพูดของซือเฟิง เขากับหัวเราะเบาๆแทน

ทันทีที่เธ้าซั่นอายพูดจบ มอนสเตอร์ Faux Saint ที่ล้อมเมืองปีกสีเงินก็ได้พุ่งไปข้างหน้าทันที

เมื่อกองทัพนับล้านเริ่มเคลื่อนไหว มันก็ดูเหมือนว่าคลื่นสึนามิกำลังกวาดผ่านไปทั่วแผ่นดิน มันเกิดเสียงอึกทึกไปทั่ว และพื้นดินโดยรอบก็สั่นสะเทือน ทุกคนในเมืองปีกสีเงินนั้นอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นฉากนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามบางคนถึงกับถอยโดยไม่รู้ตัว

“น่ารำคาญจริงๆ !!!”

ซือเฟิงชี้นิ้วไปที่ Faux Saint Devourers สามตัวที่อยู่ท่ามกลางกองทัพที่กำลังพุ่งเข้ามา

ทันใดนั้นหอคอยเวทย์มนต์ทั้งห้าแห่งที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมืองปีกสีเงินก็ปล่อยลำแสงสีแดงเข้มออกมาก่อนที่มันจะมาบรรจบกันและพุ่งเข้าใส่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint

ซึ่งทันทีที่ลำแสงสีแดงเข้มสัมผัสกับพื้นดินและโจมตีโดนเป้าหมาย ทุกอย่างมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่ผลของการโจมตีนี้จะขยายออกไปโดยรอบจนครอบคลุมรัศมีสามร้อยหลา และเมื่อลำแสงหายไป เกือบทุกอย่างภายในการโจมตี AOE นี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset