Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2681

ตอนที่ 2681 สภาสิบแปดปีกที่หยิ่งผยอง

ระบบ : บริษัทขนส่งจะสามารถรีโนเวทได้หนึ่งครั้งหลังจากการอัพเกรด ด้วยการใช้เงินสี่หมื่นเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนชิ้น คุณต้องการจะดำเนินการรีโนเวทไหม ? (หมายเหตุ : การอัพเกรดจะเกิดขึ้นแม้ว่าจะไม่มีการรีโนเวทใหม่ก็ตาม)

….

“ต้องการ !!!” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่ลังเล

แม้ว่าในตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะค่อนข้างมีเงินทุนหนามาก แต่กิลก็มีเงินที่สามารถนำออกมาใช้ในเวลาฉุกเฉินหรือไม่คาดคิดได้อยู่แค่หนึ่งแสนเหรียญทอง กับคริสตัลเวทย์มนต์สี่แสนชิ้นเท่านั้น และแม้ว่าการรีโนเวทใหม่จะไม่ได้ให้ฟังชั่นเพิ่มเติมใดๆ แต่มันก็มีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือการช่วยให้ร้านค้า NPC สามารถจะทำธุรกิจได้มากขึ้น

หากบริษัทขนส่งมีพ่อค้า NPC เข้ามามากขึ้น ไม่เพียงแต่มันจะมีเควสให้ผู้เล่นเลือกรับมากขึ้นเท่านั้น แต่มันยังจะมีสินค้าอีกมากมายเข้ามาขายด้วย ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้จะช่วยดึงดูดผู้เล่นให้เข้ามาพัฒนาในเมืองปีกสีเงินมากขึ้น

ซึ่งทันทีที่ซือเฟิงตัดสินใจ เงินสี่หมื่นเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนชิ้นก็หายไปจากกระเป๋าของเขา

หลังจากนั้นบริษัทขนส่งซึ่งตั้งอยู่ที่ขอบเมืองก็เปลี่ยนเป็นหมอกสีดำที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและเติบโตจนมีขนาดเท่ากับสนามกีฬาสี่แห่งในเวลาเพียงห้าวินาที จากนั้นหมอกทั้งหมดก็สลายไป และเมื่อหมอกหายไปอาคารสูงห้าชั้นก็ปรากฎขึ้นมาแทน

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังสังเกตบริษัทขนส่งที่ถูกรีโนเวทใหม่อย่างเงียบๆ ยู่หลานก็ติดต่อเขาเข้ามา

“หัวหน้ากิล เราวางโครงสร้างมาตราฐานการรักษาความปลอดภัยของเมืองเสร็จสิ้นแล้ว และเราได้กำหนดค่าเข้าเมืองเป็นจำนวนสิบเหรียญเงินต่อคนตามที่หัวหน้าแนะนำแล้ว ตอนนี้เราสามารถจะเปิดเมืองปีกสีเงินได้ทุกเมื่อ ….” ยู่หลานกล่าวอย่างตื่นเต้น

ก่อนหน้านี้หลังจากข่าวการอัพเกรดของเมืองปีกสีเงินแพร่กระจายออกไป ผู้เล่นหลายคนจากประเทศต่างๆก็ล้วนพากันเดินทางเข้ามารอเวลาที่เมืองปีกสีเงินจะเปิดขึ้นใหม่กันอย่างกระตือรือร้น และจากการประมาณการคร่าวๆ มันมีผู้เล่นอย่างน้อยสองล้านคนที่ตั้งเต๊นท์อยู่นอกเมือง ด้วยมีผู้เล่นจำนวนมากขนาดนี้ที่เฝ้ารอจะเข้าเมือง สภาสิบแปดปีกก็จะได้รับโชคลาภประมาณหนึ่งเลยทีเดียวจากการเก็บค่าเข้า

ก่อนหน้านีเเมืองปีกสีเงินไม่สามารถจะเก็บค่าเข้าเมืองได้ เนื่องจากมันเป็นเพียงเมืองขั้นสูง และแหล่งรายได้หลักก่อนหน้านี้ของเมืองนั้นก็คือค่าเช่าร้านค้า และบริษัทการค้าแสงเทียน แต่ตอนนี้พวกเขาจะสามารถเก็บค่าเข้าจากผู้ที่ต้องการเข้าเมืองปีกสีเงินได้แล้ว ซึ่งมันจะทำให้สภาพคล่องของสภาสิบแปดปีกเพิ่มขึ้นแน่นอน

“เอาล่ะ เปิดเมืองเลย” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ

หลังจากได้รับอนุมัติจากซือเฟิง ยู่หลานก็ปิดการใช้งานวงเวทย์ซึ่งป้องกันไม่ให้ผู้เล่นภายนอกเข้ามาในเมืองได้ที่คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองทันที

ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้นั้น เมืองปีกสีเงินโฉมใหม่ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของทุกคนอย่างรวดเร็ว

เมื่อเมืองปีกสีเงินเปิดให้สาธารณชนเข้าอีกครั้ง ฝูงชนที่รออยู่นอกกำแพงเมืองต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“อึก !! นี่มันช่างอลังการมากๆ !! ไม่ใช่ว่าเมืองนี้อยู่ในมาตราฐานเดียวกับเมืองป่าหินแล้วงั้นหรอ ?!”

“รูปลักษณ์ของเมืองนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่น่าอัศจรรย์ !!! แต่เป็นความหนาแน่นของมานาในเมืองที่แผ่ออกมาต่างหาก !!! มันให้ความรู้สึกด้อยกว่าเมืองป่าหินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น !!!”

“ฉันสงสัยจังว่าค่าเข้าเมืองจะมีราคาเท่าไหร่ หากราคาแพงเกินไป ผู้เล่นทั่วไปอย่างเราคงจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการพัฒนาในเมืองปีกสีเงิน”

….

ทุกคนนั้นต่างสงสัยเกี่ยวกับเมืองปีกสีเงินในปัจจุบัน
มันอาจจะไม่เป็นไรถ้านี่เป็นเมืองกิลขนาดใหญ่เมืองอื่นๆ แต่เมืองปีกสีเงินนั้นเป็นเมืองกิลเพียงเมืองเดียวที่สามารถป้องกันการรุกรานจากกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นับล้านได้ในตอนที่ยังเป็นเพียงเมืองขั้นสูง แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จะโจมตีและทำลายเมืองได้ยากขึ้นแน่นอน โดยมันอาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เมืองปีกสีเงินนั้นเป็นที่ๆปลอดภัยที่สุดในดินแดนของมอนสเตอร์ Faux Saint ก็ว่าได้

ในขณะเดียวกันความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของผู้เล่นทั่วไปและผู้เชี่ยวชาญ

ในระยะนี้ของเกม ผู้เล่นหลายคนจะตกอยู่ในความสิ้นหวัง แม้กระทั่งการต้องเผชิญหน้ากับความตายเพียงครั้งเดียว เพราะท้ายที่สุดหลังจากมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยหรือสูงกว่าขึ้นไป ไม่เพียงแต่การเก็บเลเวลจะทำได้ยากขึ้นเท่านั้น แต่อุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่าก็ยังคงมีค่ามากเช่นกัน ซึ่งการสูญเสียอุปกรณ์แบบนี้ไปสักชิ้น มันอาจจะทำให้ผู้เล่นต้องใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองหลายวันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผู้เล่นมารวมตัวกันที่ประตูหลักของเมืองปีกสีเงิน พวกเาก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น

“ค่าเข้าเมืองสิบเหรียญเงิน ?! นี่สภาสิบแปดปีกบ้ารึปล่าว ?!!” ซัมมอนเนอร์หญิงในชุดเสื้อคลุมสีดำจากฟรอสต์ฮีฟเว่นอุทานในขณะที่ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ ขณะที่เธอมองไปยังเหล่าองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามจำนวนหนึ่งที่ทำหน้าที่เก็บค่าเข้าเมือง

ปัจจุบันเมืองกิลที่ตั้งอยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่าจะเรียกเก็บค่าเข้าเมืองของผู้เล่นแค่ราวสองเหรียญเงินต่อคนเท่านั้น และแม้ว่าค่าเข้าเมืองปีกสีเงินจะแพงกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมันเป็นเมืองกิลเพียงแห่งเดียวในดินแดนของมอนสเตอร์ Faux Saint แต่ค่าเข้าสิบเหรียญเงินต่อคน ซึ่งมากกว่าเมืองกิลอื่นๆห้าเท่านั้นมันก็มากเกินไป !!!

ยิ่งไปกว่านั้นแผนที่ที่เมืองปีกสีเงินตั้งอยู่มันก็ยังไม่ได้มีเลเวลสูงมากนัก และแม้ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมอนสเตอร์ Faux Saint แต่แผนที่ก็ได้รับการอัพเกรดให้เป็นเพียงแผนที่เป็นกลางเลเวลแปดสิบเท่านั้น ไม่มใช่แผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย และหากผู้เล่นต้องการจะเดินทางไปยังแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย พวกเขาก็ยังคงต้องเดินทางไปอีกค่อนข้างไกล ดังนั้นเมืองปีกสีเงินจึงถือได้ว่าเป็นเพียงสถานีขนส่งและพักผ่อนเท่านั้น ผู้เล่นนั้นไม่จำเป็นจะต้องแวะในเมืองเพื่อออกล่าในแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยของจักรวรรดิออร์ค

ซัมมอนเนอร์หญิงจากฟรอสต์ฮีฟเว่นไม่ใช่คนเดียวที่ตกตะลึงกับค่าเข้าเมืองที่ดูจะแพงเกินไปของเมืองปีกสีเงิน สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่วางแผนจะเข้ามาในเมืองเองก็มีอาการเดียวกัน พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่านี่สภาสิบแปดปีกเป็นบ้าไปแล้วรึไง

เดิมทีมันก็มีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เต็มใจจะปฎิบัติการในดินแดนของมอน
สเตอร์ Faux Saint เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint จะทำให้ผู้เล่นสามารถเก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็ว แต่พวกมันก็ไม่ได้ดรอปอาวุธหรืออุปกรณ์ใดๆรวมไปถึงเหรียญด้วย สำหรับวัสดุ พวกมันก็ดรอปน้อยกว่ามอนสเตอร์อื่นๆมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการปฎิบัติการภายในอาณาเขตของมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นอันตรายกว่าการปฎิบัติการที่อื่นมาก แม้ว่าค่าเข้าเมืองสิบเหรียญเงินจะไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม แต่มันก็นับเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมากสำหรับผู้เล่นขั้นสอง

หากสภาสิบแปดปีกยืนยันที่จะเก็บค่าเข้าเมืองที่สิบเหรียญเงินต่อคน มันก็จะแทบไม่มีผู้เล่นขั้นสองคนใดเลยที่เต็มใจจะเข้ามาเยี่ยมชมเมืองนี้แน่นอน

ในขณะเดียวกันตอนนี้ God domain มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่กี่คนกัน ?

“อึก !! นี่สภาสิบแปดปีกคิดว่าเราโง่มากรึไง ?!”

“สภาสิบแปดปีกช่างหยิ่งผยองจริงๆ !!! ค่าเข้าสิบเหรียญเงินต่อคน ?! นี่สภาสิบแปดปีกคิดว่าเราจำเป็นจะต้องพัฒนาในจักรวรรดิออร์คมากๆเลยงั้นหรอ ?!”

ผู้เล่นขั้นสองจำนวนมากล้วนบ่นเกี่ยวกับค่าเข้าเมืองปีกสีเงิน บางคนถึงกับก่นด่าด้วยความไม่พอใจออกมาอย่างดัง ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถจะปฎิบัติการต่อในดินแดนของมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ เพราะมันไม่ต้องเสียเงินใดๆในการที่จะเข้าสู่เมืองปีกสีเงิน ด้วยการเก็บค่าเข้าสิบเหรียญเงินต่อคน ตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากการที่สภาสิบแปดปีกกำลังไล่ผู้เล่นขั้นสองอย่างพวกเขาออกให้ห่างจากเมืองปีกสีเงิน

ในขณะเดียวกันบรรยากาศที่หนักหน่วงก็เข้าปกคลุมทีมหนึ่งพันคนที่ยืนอยู่ห่างจากประตูหลักของเมืองปีกสีเงิน

“รองผู้บัญชาการ ค่าเข้าเมืองสิบเหรียญเงินต่อคนนั้นมันมากเกินไป หากเราต้องจ่ายค่าเข้าเมืองจำนวนมากขนาดนี้ หลังจากหักค่าใช้จ่ายรายวันทั้งหมดแล้ว พวกขั้นสองของเรามันก็แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ฉันขอแนะนำให้เรามุ่งหน้าไปที่อื่นเพื่อพัฒนาดีกว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะพัฒนาต่อไปในเมืองปีกสีเงินได้” เบอเซิกเกอร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเจ็ด กล่าวขณะที่เขามองไปยังโซลิดวินด์

“ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าสภาสิบแปดปีกจะโหดได้ถึงขนาดนี้ เราควรจะติดตามทีมนักผจญภัยอื่นๆเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง หรือจักรวรรดิรัตติกาลเพื่อพัฒนา” Elementalist ชายขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบสามกล่าว

“วินด์ ราคานี้นั้นสูงเกินไปอย่างแน่นอน เราไม่สามารถจะจ่ายได้ในระยะยาว ทำไมเราไม่ลองไปที่จักรวรรดิรัตติกาลแทนล่ะ ? ฉันได้ยินมาว่ามันมีเมืองกิลที่ถูกสร้างขึ้นในแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเช่นกัน นอกจากนี้เมืองเหล่านี้ยังไม่ได้เก็บค่าเข้าเมืองแพงขนาดนี้ด้วย” เครซบลูกล่าวแนะนำ

สมาชิกคนอื่นๆของทีมนักผจญภัยบลัดแพ็คพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อเทียบกันแล้ว มันจะดีกว่าการมาจ่ายในราคาสูงเช่นนี้ให้กับสภาสิบแปดปีกแน่นอน

“โอเค เอาตามนั้น …. อย่างไรก็ตามเรายังมีเควสบางอย่างที่ต้องส่ง” โซลิดวินด์กล่าวพลางถอนหายใจ “บลู นายและคนอื่นๆจำนวนหนึ่งตามฉันเข้าไปข้างใน ส่วนคนอื่นๆรอข้างนอก ….”

สมาชิกของบลัดแพ็คคนอื่นๆพยักหน้ารับทราบคำสั่งของโซลิดวินด์

นอกเหนือจากบลัดแพ็คแล้ว ทีมนักผจญภัยอื่นๆก็ตัดสินใจคล้ายๆกัน โดยมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามบางส่วนของตัวเองเข้าไปส่งเควสในเมืองปีกสีเงิน ในขณะที่พวกเขาวางแผนจะออกจากจักรวรรดิออร์ค และมุ่งหน้าไปยังเมืองกิลเมืองใดเมืองหนึ่งในประเทศอื่นเพื่อพัฒา

หลังจากนั้น แม้จะมีผู้เล่นจำนวนมากมารวมตัวกันรอบนอกเมืองปีกสีเงิน แต่มันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เข้าไปในเมือง

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset