Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2747

ตอนที่ 2747 ทวีปด้านตะวันออกที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

เมื่อเทอโรซอลดินไฟตายลง และเริ่มดรอปไอเทมออกมา เหล่าผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่ก็ไม่มีใครกล้าจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อขโมยไอเทมที่บอสโลกตัวนี้ดรอปออกมา

ตอนนี้มันมีเพียงแต่ความเงียบสงัดที่เข้าปกคลุมไปทั่วหุบเขา ซึ่งมันทำให้รู้สึกราวกับว่าเวลาโดยรอบหุบเขานี้ได้หยุดลงแล้ว

เมื่อผู้เล่นหลายคนมองไปยังชายในเสื้อคลุมสีดำที่ถือดาบสีดำอยู่ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวอย่างถึงที่สุดราวกับว่าพวกเขากำลังมองไปยังทวยเทพ

“เขาเป็น …. ผู้เล่นจริงๆงั้นหรอ ?”

ความคิดดังกล่าวปรากฎขึ้นในจิตใจของผู้เล่นทุกคน ขณะที่พวกเขามองไปยังซือเฟิงที่ตอนนี้ลอยอยู่กลางอากาศ

ซือเฟิงได้ฆ่าบอสโลก ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลเก้าสิบเก้า ได้อย่างง่ายดายมากๆ ราวกับบอสโลกตัวนี้เป็นแค่มอนสเตอร์ระดับบอสทั่วไป บอสโลกนั้นไม่สามารถจะต้านทานใดๆเขาได้เลย

“เขาเป็นใครกัน ?”

“มันไม่มีทางที่ผู้เล่นจะแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น !! นั่นคือบอสโลก เลเวลเก้าสิบเก้าเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!! แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนก็น่าจะยังไม่สามารถล้มมันได้เลย !!! เขาต้องเป็น NPC ที่ปลอมตัวมาแน่ๆ !!!”

เมื่อมองไปที่ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศของซือเฟิง ผู้เล่นบางคนนั้นแทบพูดไม่ออก ขณะที่บางส่วนก็พยายามหัวเราะ และหาเหตุผลมากลบเกลื่อนความไม่อยากจะเชื่อของพวกเขา เมื่อพวกเขามองไปยังฉากตรงหน้า พวกเขาไม่สามารถจะทำให้ตัวเองเชื่อได้เลยจริงๆว่ามันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้เล่นอยู่ ….

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้เล่นเหล่านี้แม้แต่นิดเดียว และเขาก็พุ่งเข้าไปเก็บไอเทมที่เทอโรซอลดินไฟดรอปออกมาทันที

God domain นั้นไม่ใช่โลกแห่งความจริง ในโลกของเกมเพียงแค่การสะสมค่าสถานะ และคุณสมบัติไปทีละนิด ทีละน้อย มันก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนผู้เล่นให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของผู้เล่นคนอื่น นี่ยังไม่นับรวมการปรับปรุงเชิงคุณภาพที่เกิดจากการเลื่อนขั้นอีก ช่องว่างสองขั้นระหว่างซือเฟิงและผู้เล่นที่มาชมเขาต่อสู้นั้น ในสายตาของผู้เล่นขั้นสอง ผู้เล่นขั้นสี่ก็จะไม่ต่างจากทวยเทพเลย ในความเป็นจริงผู้เล่นขั้นสี่สามารถจะฆ่าผู้เล่นขั้นสองได้โดยแค่สะบัดมือของพวกเขาด้วยซ้ำ

บอสโลกที่ซือเฟิงต่อสู้ด้วยนั้นยังมาไม่ถึงเลเวลหนึ่งร้อยเลย และใน God domain ตอนนี้ มอนสเตอร์ที่ยังมาไม่ถึงเลเวลหนึ่งร้อยนั้นจะไม่ถือว่าแข็งแกร่งมาก

ไม่งั้นมหาอำนาจต่างๆคงจะไม่เลือกที่จะออกล่าบอสโลกเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยกันอย่างบ้าคลั่งหรอก เพราะท้ายที่สุดแล้วบอสโลกที่มีเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น มันยังตึงมือเกินไปสำหรับทีมส่วนใหญ่ของพวกเขาที่จะจัดการได้ ….

โอ้ ? มันมีอุปกรณ์ระดับอีปิคชั้นยอดดรอปด้วยแหะ …. ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขามองไปยังเสื้อคลุมนักเวทย์ศักสิทธิ์ในมือของเขา

[เสื้อคลุมวิสติ้งไลท์] (เกราะผ้า ระดับอีปิค)
เลเวล 40 – เลเวล 110
ความต้องการอุปกรณ์ : INT 1,500 Vitality 1,300
พลังป้องกัน +340 (เลเวลสี่สิบ)
STR +20 AGI+24 INT+63 Vitality+31 Endurance+25
Ignore Levels +4
สกิลป้องกันทุกสกิลจะมีเลเวลเพิ่มขึ้น 2 เลเวล
ระยะการร่ายเพิ่มขึ้น 20 เปอเซ็นต์ INT และ Vitality เพิ่มขึ้น 10 เปอเซ็นต์

สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม 1:
Spiritual Light : เมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้ใช้ลดลงเหลือต่ำกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์ การใช้มานาจะลดลงสามสิบเปอเซ็นต์ และความเร็วในการร่ายจะเพิ่มขึ้น
สามสิบเปอเซ็นต์

สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม 2:
เกราะมานา : ดูดซับมานาในรัศมีหนึ่งร้อยหลาเข้ามาโดยอัตโนมัติเพื่อปกป้องผู้ใช้ และช่วยปรับปรุงการรับรู้ของมานาให้ดีขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ รวมทั้งช่วยปรับปรุงเอฟเฟคของเวทย์มนต์ให้ดีขึ้นอีกยี่สิบเปอเซ็นต์

เอฟเฟคเมื่อสวมใส่เซ็ทครบสองชิ้น : ขีดจำกัดสูงสุดของเซ็ทวิสติ้งไลท์จะขึ้นไปอยู่ที่เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ

เอฟเฟคเมื่อสวมใส่เซ็ทครบสี่ชิ้น : ค่าสถานะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ และพลังของเวทย์มนต์ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์

เอฟเฟคเมื่อสวมใส่เซ็ทครบหกชิ้น : ได้รับการปกป้องจากแสง โดยจะช่วยปรับปรุงทำให้ร่างกายทางกายภาพดีขึ้นสามสิบเปอเซ็นต์ เพิ่มความสัมพันธ์กับมานาขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ และได้รับสกิลหัวใจมานา ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของมานาของผู้ใช้ขึ้นหนึ่งขั้นเป็นเวลาหนึ่งนาที โดยสกิลนี้มีคูลดาว์หนึ่งชั่วโมง

เซ็ทวิสติ้งไลท์นั้นเป็นเซ็ทที่มีทั้งหมดหกชิ้น และมันก็จัดเป็นเซ็ทชั้นยอดเลย แม้แต่ในหมู่เซ็ทระดับอีปิค และตราบใดที่ผู้เล่นนักเวทย์ได้สวมใส่เซ็ทนี้ครบสักสองชิ้น พวกเขาก็จะสามารถใช้มันได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบเลย

หากจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่สามารถรวบรวมเซ็ทนี้ได้ครบหกชิ้น พวกเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งการทำลายล้างเลย และมันก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าเซ็ท
วิสติ้งไลท์นี้เป็นหนึ่งในเซ็ทที่ดีที่สุดสำหรับผู้เล่นนักเวทย์ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นห้า

อย่างไรก็ตามมันมีเพียงบอสโลกที่มีเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบลงมาเท่านั้นที่มีสิทจะดรอปเซ็ทวิสติ้งไลท์ และอัตราการดรอปมันก็เป็นแบบสุ่มเช่นกัน ซึ่งทำให้การจะสะสมเซ็ทนี้ให้ได้ครบนั้นมันเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ

ฉันคงจะต้องให้ไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆเริ่มโจมตีบอสโลกแบบนี้บ่อยขึ้น หากรวบรวมเซ็ทนี้ได้ครบเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นไวโอเล็ตหรืออควาที่เป็นผู้ใช้มัน พวกเขาก็จะไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ของพวกเขาเลยจนกว่าพวกเขาจะไปถึงขั้นห้า เมื่อซือเฟิงมองไปยังเซ็ทวิสติ้งไลท์ เขาก็มีความตั้งใจอย่างแรงกล้ามากๆที่จะรวบรวมเซ็ทนี้ให้ครบ ถ้าไวโอเล็ตคลาวด์หรืออควาโรสสามารถจะสวมใส่เซ็ทนี้ได้ก่อนจะถึงขั้นห้า พวกเขาก็จะจัดว่าแทบจะเป็นอมตะในหมู่ผู้เล่นขั้นสี่เลย ….

หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง ซือเฟิงก็ได้เก็บเสื้อคลุมวิสติ้งไลท์เข้ากระเป๋า ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการเก็บรวบรวมไอเทมที่เหลือที่เทอโรซอลดินไฟดรอปเอาไว้ นอกจากเสื้อคลุมวิสติ้งไลท์แล้ว บอสโลกเลเวลเก้าสิบเก้าตัวนี้ยังดรอปอาวุธและอุปกรณ์ เลเวลหนี่งร้อย ระดับไฟน์โกลกับดาร์คโกลมามากกว่าหนึ่งโหล นอกเหนือจากนี้มันก็ยังดรอปวัสดุต่างๆอีกจำนวนมาก รวมไปถึงคริสตัลเวทย์มนต์ สูตรโพชั่น และอื่นๆอีกมาก ซึ่งหลังจากเก็บรวบรวมครบทั้งหมดแล้ว ซือเฟิงก็ได้รีบบินออกไปจากหุบเขาทันที

เมื่อเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่หลายคนเห็นซือเฟิงจากไปแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

“เมื่อสังเกตจากดาบของเขา และพลังทำลายล้างนั่น เขาน่าจะเป็นแบล๊คเฟรมใช่
ไหม ?”

“ฉันได้ติดตามเหล่าผู้บริหารของกิลฉันไปดูการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองมาแล้ว และฉันสามารถบอกได้เลยว่าชายคนนั้นดูเหมือนแบล๊คเฟรมมากๆ และแบล๊คเฟรมก็เป็นผู้เล่นขั้นสี่เพียงคนเดียวในเกมเท่าที่หลายคนรู้ในตอนนี้ด้วย และมันก็จะมีเพียงแต่อาชีพขั้นสี่เท่านั้นที่จะสามารถแสดงพลังที่น่ากลัวแบบนี้ออกมาได้”

“เขาคือราชันดาบงั้นหรอ ? นี่เขาจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!”

หลังจากที่ร่างของซือเฟิงหายลับไปจากสายตา เหล่าผู้เล่นที่เฝ้าชมอยู่บางคนก็เริ่มคาดเดาถึงตัวตนของซือเฟิงได้ และในเวลาไม่นานทุกคนก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องของเขากันอย่างดุเดือด รวมไปถึงเรื่องพลังของอาชีพในขั้นสี่ด้วย

เมื่อผู้เล่นที่เฝ้าชมอยู่นึกถึงฉากที่ซือเฟิงทำการตัดปีกของเทอโรซอลดินไฟ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากทำให้ตัวเองไปถึงขั้นสี่โดยเร็วที่สุด

ก่อนหน้านี้มันไม่มีใครมีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นสี่ แม้แต่ผู้เล่นที่เคยเข้าไปชมการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ถูกจัดขึ้นโดยวิหารเทพสงครามก็ยังไม่ได้คิดว่าขั้นสี่นั้นน่าทึ่งมากนะ และอย่างมากที่สุดพวกเขาก็คิดว่าขั้นสี่นั้นจะจัดเป็นอมตะในหมู่ผู้เล่นขั้นสาม และสามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสามได้ง่ายๆก็เท่านั้น

แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นพลังที่ขั้นสี่แสดงออกมาจริงๆ

ผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถจะเอาชนะบอสโลกที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ด้วยตัวคนเดียว ใครจะไม่โหยหาที่จะได้รับความแข็งแกร่งแบบนี้กัน ?

หลังจากนั้นข่าวที่ซือเฟิงได้ทำการฆ่าเทอโรซอลดินไฟมันก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วทั่ว God domain

หลังจากผู้บริหารระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆได้ดูวีดีโอการต่อสู้ล่าสุดของซือเฟิง พวกเขาก็ได้รับความเข้าใจใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับขั้นสี่ ในขณะเดียวกันดวงตาของพวกเขาตอนนี้ก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความทะเยอทะยานแล้ว “ขั้นสี่ ! ระดมกำลังคนที่มีอยู่ในกิลทั้งหมดเพื่อค้นหาว่าสภาสิบแปดปีกสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ยังไง เดี๋ยวนี้เลย !!!”

“มันหมดยุคของขั้นสามแล้ว !! จากนี้ไปเรามีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือขั้นสี่ !!!”

“ตราบใดที่กิลเรามีผู้เล่นขั้นสี่ขึ้นมาสักคนตอนนี้ กิลของเราก็จะพุ่งทะยานขึ้นมาอีกมากแน่นอน !!!”

ในช่วงเวลาหนึ่งมหาอำนาจต่างๆล้วนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมรดกขั้นสี่กันอย่างบ้าคลั่ง และพวกเขาก็เริ่มส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวในสภาสิบแปดปีกมากขึ้นด้วย มหาอำนาจบางกลุ่มถึงกับติดต่อไปหาผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกโดยตรง และเสนอที่จะจ่ายอย่างมหาศาลเพื่อแลกกับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอาชีพขั้นสี่

ในขณะเดียวกันคลื่นแห่งการอภิปรายและพูดคุยก็แพร่กระจายไปตามฟอรั่มของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆอย่างรวดเร็ว เพียงแค่วีดีโอการต่อสู้ที่ซือเฟิงต่อสู้กับเทอโรซอลดินไฟเพียงอย่างเดียว มันก็มีผู้เข้าชมมากกว่าหนึ่งพันล้านครั้งแล้ว และมันทำให้ตอนนี้ทุกคนต่างเริ่มพูดคุยและให้ความสำคัญกับอาชีพขั้นสี่ขึ้นมาอีกมาก พวกเขากระทั่งเริ่มสงสัยแล้วด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วขั้นสี่จะมีพลังมากมายขนาดไหนกัน และผู้เล่นขั้นสี่จะสามารถโซโล่ฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันได้
ไหม ?

หัวข้อเรื่องขั้นสี่นี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันออกอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ทวีปด้านตะวันออกเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ในขณะเดียวกัน หลังจากซือเฟิงออกจากสันเขาเฟียรี่ ข้อความแจ้งเตือน และสายที่ติดต่อโทรเข้ามานั้นมันก็เข้าท่วมอินเตอร์เฟซของเขาทันที

เขาสังเกตเห็นว่าข้อความแจ้งเตือนนั้นถึงขีดจำกัดสูงสุดที่ 9,999 ข้อความแล้ว และเขาก็ยังได้รับสายโทรเข้ามาอีกหลายร้อยสาย ถ้าเขาไม่ได้ตั้งค่าอินเตอร์เฟซของเขาให้บล๊อคการสื่อสารจากผู้ที่ไม่ใช่เพื่อนโดยอัตโนมัติ อินเตอร์เฟซสื่อสารของเขาคงระเบิดไปแล้ว

“หัวหน้ากิล ครั้งนี้หัวหน้าทำให้เกิดความยุ่งเหยิงครั้งใหญ่เลยนะ ….” เมื่อยู่หลานเห็นว่าในที่สุดซือเฟิงก็รับสายเธอแล้ว เธอก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ตอนนี้ทั้วทั่ง God domain ล้วนกำลังมองหาดินแดนมรดกขั้นสี่ และนี่มันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกตกเป็นเป้าหมายของทุกกลุ่มในเรื่องการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่แล้ว ตอนนี้หลายกลุ่มเริ่มพยายามมาคาดคั้นหรือไม่ก็ขอซื้อข้อมูลของดินแดนมรดกขั้นสี่ และเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่จากเรา”

ปัจจุบันผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกทุกคนล้วนได้รับการติดต่อมาเข้ามาจากมหาอำนาจต่างๆ และแม้กระทั่งยู่หลานเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เธอได้รับการติดต่อมาจากมหาอำนาจต่างๆมากกว่าสิบกลุ่ม โดยทุกกลุ่มนั้นก็ล้วนเสนอราคามหาศาลเพื่อขอซื้อข้อมูลเรื่องดินแดนมรดกขั้นสี่ และเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่

หากสภาสิบแปดปีกไม่ตอบสนองต่อข้อเสนอเหล่านี้ มันก็จะเป็นการทำให้มหาอำนาจต่างๆขุ่นเคืองอย่างมากแน่นอน และในเวลานั้นสภาสิบแปดปีกก็น่าจะมีสิทที่จะถูกขุดรากถอนโคนจริงๆ

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ …” ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าวเชิงขอโทษ “ฉันไม่คาดคิดเลยจริงๆว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

เขาแค่คิดจะลองทดสอบเอฟเฟคของห้องเกเคบินเฟียเลสเท่านั้น เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ….

“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี ?” ยู่หลานถามพลางขมวดคิ้ว “ถ้าเราปฎิเสธพวกเขาไปทั้งหมด มันก็จะเท่ากับว่าเราได้เลือกจะสร้างศัตรูกับมหาอำนาจทั่วทั้งทวีปด้านตะวันออก”

หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้วซือเฟิงก็พูดว่า “เอางี้แล้วกัน ประกาศไปว่าสภาสิบแปดปีกยินดีจะขายข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนมรดกขั้นสี่ และเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ อย่างไรก็ตามราคาของข้อมูลนั้นคือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้น !!!”

“ห้าพันชิ้น ? …. หัวหน้ากิลราคานี้มัน …” ยู่หลานอ้าปากค้างให้กับราคาของซือเฟิง

คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นนั้นมันจัดว่ามหาศาลมากๆ นี่มันไม่ต่างจากการที่ซือเฟิงปล้นคลังของมหาอำนาจต่างๆเลย !!!

มหาอำนาจบางกลุ่มนั้นจะถือว่าร่ำรวยมากแล้ว หากพวกเขามีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เก็บอยู่ราวสามพันถึงสี่พันชิ้น และเมื่อคิดถึงสถานการณ์ล่าสุดที่มหาอำนาจต่างๆพึ่งจะเข้าร่วมการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไป มันก็สามารถจะบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาจะมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่เก็บสะสมไว้น้อยลงไปมาก และราคาเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นนี้มันก็จะเกินกว่าที่มหาอำนาจส่วนใหญ่จะรับได้ในตอนนี้แน่นอน

“แค่ประกาศไปเถอะน่า ….” ซือเฟิงสั่งโดยไม่ได้คิดจะประณีประณอมใดๆ “ฉันได้กำหนดราคาของฉันมาแล้ว สำหรับการที่พวกเขาเต็มใจจะซื้อไหม มันก็เรื่องของพวกเขา …”

“โอเค แต่ฉันจะไม่สนใจแล้วนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป …” ยู่หลานกล่าวพลางพยักหน้าอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้

หลังจากนั้นเธอก็ประกาศราคาของซือเฟิงไปให้มหาอำนาจต่างๆรวมถึงทุกๆคนที่ติดต่อเข้ามาได้รับรู้ ….

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset