Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2751

ตอนที่ 2751 เมืองอันดับหนึ่งในอนาคต

ห้องเทเลพอร์ตเป็นอาคารห้าชั้นที่มีขนาดเท่ากับสนามกีฬาสามแห่ง ซึ่งความใหญ่ของมันนั้นทำให้มันดูเหมือนกับเป็นหัวใจของพื้นที่แห่งนี้เลย

ก่อนหน้านี้วงเวทย์ของห้องเทเลพอร์ตถูกปราบปรามไว้ด้วยบาเรียเวทย์มนต์ อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้อจำกัดได้ถูกนำออกไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้มันจึงทำให้มานาในเมืองปีกสีเงินสามารถไหลไปยังวงเวทย์เทเลพอร์ตได้โดยไม่มีอะไรกั้น ซึ่งนี่มันก็ทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นบนถนนสายหลัก

“ทำไมเมืองปีกสีเงินถึงมีห้องเทเลพอร์ต ?”

“อึก ! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะมีไพ่แบบนี้ให้เล่นจริงๆ !!!”

“สุดยอด !! นี่มันสุดยอดมากๆ !!! นี่คือไพ่ที่แท้จริงของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?!!”

“ไม่ได้การแล้ว ! ตอนนี้ฉันต้องรีบเช่าร้านค้าบางแห่งในเมืองปีกสีเงิน !! ฉันต้องเช่ามันให้ได้ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ตาม !!!”

ผู้เล่นจำนวนมากบนท้องถนนที่วางแผนจะออกจากเมืองปีกสีเงินไปเพื่อหาสถานที่ที่ดีกว่านั้นเริ่มจะเปลี่ยนใจกันอย่างรวดเร็ว และหลายคนก็ตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างรวดเร็วด้วยการรีบวิ่งไปที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองปีกสีเงินทันที “เร็วเข้า !!”

“เราต้องรีบแจ้งผู้บัญชาการทันที !!! เราไม่สามารถปล่อยให้ผู้บัญชาการไปเช่าบ้านในเมืองกิล เมืองอื่นได้ !!!”

“เราโดนสภาสิบแปดปีกหลอก !!!”

ในขณะเดียวกันสมาชิกของทีมนักผจญภัยหลายคนก็รีบติดต่อกับผู้บัญชาการของตัวเองกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะเกรงว่าพวกเขาจะทำลายอนาคตของตัวเองด้วยการย้ายไปที่อื่น

สำหรับสมาชิกกิลขนาดใหญ่ต่างๆที่ตอนแรกการแสดงออกของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดี ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความไม่เชื่อเข้ามา ….

ห้องเทเลพอร์ต !

นี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ผู้เล่นทุกคนใน God domain ล้วนคุ้นเคยดี และทุกคนก็รู้ดีว่า
เมืองกิลที่มีห้องเทเลพอร์ตนั้นจะมีค่ามากขนาดไหน

เมื่อเทียบกับสิ่งก่อสร้างขั้นสูง หรือองครักษ์ NPC ขั้นสี่แล้ว ห้องเทเลพอร์ตนั้นมีค่ามากกว่าหลายเท่า

เพราะท้ายที่สุดตราบใดที่เมืองกิลมีห้องเทเลพอร์ต มันก็จะเชื่อมต่อกับ เมือง NPC นับไม่ถ้วนใน God domain และการที่มีห้องเทเลพอร์ตถูกเพิ่มเข้ามาในเมืองกิลเมืองหนึ่งนั้นมันก็คล้ายกับการที่มนุษย์เปลี่ยนจากการอาศัยแบบยุคหินไปเป็นยุคปัจจุบัน ห้องเทเลพอร์ตนั้นได้ช่วยยกระดับมาตราฐานของเมืองกิลขึ้นหลายระดับ

เมื่อมหาอำนาจต่างๆได้รับข่าวเรื่องนี้ พวกเขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะมีไพ่แบบนี้

ในขณะเดียวกันสมาชิกสภาสิบแปดปีกในเมืองปีกสีเงินก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และความสุข

“หัวหน้ากิลนั้นยอดเยี่ยมมากๆ !!! ตอนนี้มหาอำนาจเหล่านั้นจะต้องตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้แน่นอน !!!”

“ด้วยห้องเทเลพอร์ต เมืองปีกสีเงินจะกลายเป็นหัวใจของประเทศใกล้เคียงทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่จักรวรรดิมังกรดำ แม้ว่ามหาอำนาจพวกนั้นจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถขัดขวางไม่ให้ผู้เล่นเข้าสู่เมืองปีกสีเงินได้ และในท้ายที่สุด เมืองปีกสีเงินก็จะกลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งในภูมิภาคแห่งนี้ !!!”

ในตอนแรกสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้ในสงครามล้างผลาญกับมหาอำนาจต่างๆไปอีกยาวนาน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะทำให้พวกเขาประหลาดใจมากขนาดนี้แทน

เมืองปีกสีเงินนั้นตั้งอยู่บนแผนที่เป็นกลางที่ห่างไกล ด้วยการที่เมืองมีห้องเทเลพอร์ตเพิ่มเข้ามา มันจะทำให้ทีมนักผจญภัยและผู้เล่นอิสระสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากขึ้น เพราะพวกเขาจะสามารถเทเลพอร์ตมายังจักรวรรดิออร์คได้โดยตรง

แม้ว่าค่าเทเลพอร์ตอาจจะสูงมาก แต่ผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็จะยอมจ่ายมันแน่นอน เพราะมันดีกว่าต้องสูญเสียเวลาอันมีค่าไป

ผู้เล่นจากอาณาจักรและจักรวรรดิใกล้เคียงมีแนวโน้มสูงที่จะเลือกมาเยือนเมืองปีกสีเงินก่อนเป็นอันดับแรก และในเวลานั้นประชากรของเมืองปีกสีเงินอาจเกินสิบล้านคน หรือไม่ก็ยี่สิบล้านคน

เมื่อเป็นแบบนี้ ความพยายามของมหาอำนาจต่างๆในการจะปราบปรามสภาสิบแปดปีกก็จะกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ….

ปัญหาเดียวที่เหลืออยู่คือมหาอำนาจจำนวนหนึ่งที่อาจจะดื้อรั้นและเลือกจะกำหนดเป้าหมายมาที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกต่อไปอย่างลับๆ อย่างไรก็ตามปัญหานี้นั้นจะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายด้วยการที่ให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกปกปิดสัญลักษณ์กิล และเดินทางไปยังแผนที่เป็นกลางต่างๆเพื่อล่าและเก็บเลเวล

“หัวหน้ากิล เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มันมีผู้เล่นมากกว่าสองพันคนมาเยี่ยมเยียนคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองเพื่อเช่าร้านค้าจากเรา ในอัตรานี้มันจะใช้เวลาไม่เกินครึ่งวันก่อนที่ร้านค้าทั้งหมดของเราจะถูกปล่อยเช่าไป” เหลียงจิงกล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะที่เธออ่านรายงานสถิติล่าสุดที่เธอพึ่งได้รับมา หลังจากที่พ่อค้า NPC หลายคนถูกแบน และห้ามไม่ให้เข้าสู่เมืองจากมาตราการป้องกัน NPC ของสภาสิบแปดปีก มันจึงมีร้านค้าว่างลงจำนวนมาก อย่างไรก็ตามด้วยสถานะที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งในปัจจุบัน สภาสิบแปดปีกจะไม่จำเป็นต้องกังวลกับการหาผู้เช่าร้านค้าเหล่านี้อีกต่อไป ในความเป็นจริงจำนวนผู้เล่นที่ต้องการเช่าร้านค้าร้านค้าจากเมืองนั้นมีมากกว่าจำนวนพ่อค้า NPC ที่จากไปราวสิบเท่าหรือมากกว่านั้นซะอีก

ตอนนี้รายได้ของเมืองปีกสีเงินได้แซงหน้ารายได้เมืองกิลอื่นๆของสภาสิบแปดปีกรวมกันด้วยซ้ำ

“อืมมมม” ซือเฟิงพยักหน้า เขาไม่ได้แปลกใจกับสถานการณ์นี้มากนัก “อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอัตราค่าเช่าของร้านค้า และตอนนี้แทนที่จะตั้งราคาค่าเช่าเป็นเหรียญ ฉันจะขอเปลี่ยนสกุลเงินเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ โดยใครก็ตามที่ต้องการจะเช่าร้านค้าใจกลางเมืองจะต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ให้เราหนึ่งพันชิ้นต่อสัปดาห์ และสำหรับร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่ชั้นนอกของเมืองจะมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามร้อยชิ้นต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ก็ให้สมาชิกกิลทั้งหมดเริ่มเดินทางไปยังเมืองสกายสปริงทันที”
ในชีวิตก่อนหน้านี้กิลใดก็ตามที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงครามจะได้รับการยกเว้นจากการปราบปรามทางเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง และวิธีเดียวที่จะขัดขวางการพัฒนาของกิลได้จริงๆก็คือการทำลายเมืองกิลที่เป็นที่ตั้งของห้องเทเลพอร์ตเท่านั้น

ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆจึงได้ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรอง และในความเป็นจริงแล้วมหาอำนาจมากมายที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันนี้ก็จะต้องต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อรักษาตำแหน่งผู้ช่วยเหลือจากภายนอกเอาไว้ การที่สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลอย่างเป็นทางการไม่นานหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกมันถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดแล้วช่วงเวลาที่สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลอย่างเป็นทางการ กิลก็ไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกับมหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่อีกต่อไป ในขณะที่มันเป็นความจริงที่รากฐานในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่สามารถจะเทียบกับมหาอำนาจต่างๆได้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องศักยภาพ ในตอนนี้สภาสิบแปดปีกเหนือกว่ามหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่อย่างมาก ….

ตอนนี้สิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องทำทั้งหมดก็คือปิดผนึกหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ให้ได้อย่างสมบูรณ์และใช้มันเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของกิลอย่างรวดเร็วก่อนที่กองกำลัง NPC จะเริ่มบุกเข้าโจมตีพวกเขา และหากทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี สิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องทำก็จะมีแค่การป้องกันดินแดนในส่วนของตนเอง และเฝ้าดูมหาอำ
นาจอื่นๆถูกกำจัดไปก่อนที่พวกเขาจะค่อยลงมือเข้าไปเก็บเกี่ยวสิ่งที่มหาอำนาจอื่นๆที่ถูกกำจัดไปทิ้งเอาไว้

ตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะต้องแข่งกับเวลาเท่านั้น

สำหรับการไปดิ้นรนต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆในช่วงเวลานี้ มันเป็นสิ่งที่จัดว่าไร้สาระ และไม่ควรเสียเวลาอันมีค่าไปทำมากๆ ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันมีมหาอำนาจไม่ถึงยี่สิบเปอเซ็นต์ที่รอดชีวิตจากการโจมตีของกองกำลัง NPC อย่างไรก็ตามตอนนี้เนื่องจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมมาก ดังนั้นผลลัพธ์มันจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้แน่นอน ….

ในขณะเดียวกันหลังจากได้ยินคำสั่งของซือเฟิง เหลียงจิงก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันจะออกคำสั่งให้พวกเขาเริ่มเดินทางทันที”

หลังจากนั้นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก จักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล ในเมืองปีกสีเงินก็ทำการเทเลพอร์ตไปยังเมืองสกายสปริงกันเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันทำให้ผู้เล่นของเมืองสกายสปริงตกตะลึงมากๆ เมื่อเห็นการไหลบ่าเข้ามาของผู้เล่นจำนวนมาก

ฉากนี้ก็ยังสร้างความประหลาดใจให้กับชาวเมืองสกายสปริงอย่างมาก

อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันได้เริ่มทำการประกาศให้ผู้เล่นทุกคนในเมืองสกายสปริงรับรู้ทันที ซึ่งในประกาศนั้นก็ระบุว่าทั้งสองกิลของพวกเขาจะทำการปิดล้อมเมืองนี้ และผู้เล่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขาที่ถูกจับได้ว่าพยายามออกจากเมืองจะถูกฆ่าทันทีโดยไม่มีคำถาม

ช่วงเวลาหนึ่ง นี่มันทำให้ผู้เล่นของเมืองสกายสปริงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายมากๆ

แม้ว่ากิลท้องถิ่นของเมืองสกายสปริงจะไม่เข้าใจว่าทำไมอันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันถึงทำเรื่องนี้ แต่การปิดล้อมเมือง NPC ขนาดไม่ใหญ่มากแบบนี้ มันก็นับเป็นเรื่องง่ายมากเลยสำหรับกิลชั้นยอดสองกิล ดังนั้นหลังจากได้รับประกาศจากทั้งสองกิลแล้ว กิลท้องถิ่นต่างๆจึงพากันหนีออกจากเมืองโดยทันที และเลือกจะโยกย้ายฐานปฎิบัติการหลักของพวกเขาไปยังเมือง NPC อื่นๆ สิ่งนี้ทำให้ในเมืองสกายสปริงตอนนี้นั้นเหลือแต่เพียงสมาชิกของสภาสิบแปดปีก อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันเท่านั้น

ในเวลานี้อินทรีสีดำขนาดมหึมาก็กำลังบินวนอยู่เหนือเมือง ….

อันยีลดิ้งฮาร์ทที่นั่งอยู่บนหลังของอินทรีสายฟ้าชี้ไปที่อะเม้าท์บินได้จำนวนหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ และพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เมืองสกายสปริงนั้นถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์แล้ว กิลทั้งสองของเราได้จัดหน่วยลาดตระเวนบินเพื่อรักษาความปลอดภัยบนท้องฟ้า ตอนนี้แม้แต่นกก็ยังบินออกจากเมืองไม่ได้เลย”

“นี่มันยอดเยี่ยมมากๆ ผู้เล่นจะไม่สามารถบินออกมาได้เลย แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชมออกมา ในขณะที่เขามองไปยังอะเม้าท์บินได้ของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล

เขาต้องยอมรับเลยว่ากิลชั้นยอดนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง ในยุคที่อะเม้าท์บินได้ยังคงหายากอย่างไม่น่าเชื่อ อันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันกับสามารถได้รับอะเม้าท์บินได้มามากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดูจากรูปลักษณ์ของอะเม้าท์บินได้เหล่านี้แล้ว แม้แต่พวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังน่าจะอยู่ในระดับทั่วไปขั้นสูงเป็นอย่างน้อย โดยมันมีจำนวนหนึ่งที่อยู่ในระดับพิเศษขั้นพื้นฐานด้วย

หากผู้เล่นไม่มีอะเม้าท์บินได้ระดับทั่วไปขั้นสูงหรือเหนือกว่านั้นขึ้นไป พวกเขาจะไม่มีโอกาสต่อต้านกลุ่มอะเม้าท์บินได้เหล่านี้เลย

อย่างไรก็ตามอิลูซะรี่เวิร์ดก็ส่ายหัวของเธอ เมื่อได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท เธอนั้นแตกต่างจากอันยีลดิ้งฮาร์ท เพราะเธอไม่ได้มองสถานการณ์ในเรื่องนี้ดีมากนัก

“ฉันกลัวว่ามหาอำนาจต่างๆจะเริ่มให้ความสนใจกับเรามากยิ่งขึ้นในตอนนี้ ถ้าเราเดินทัพใหญ่เข้าไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาแบบดื้อๆ ฉันเชื่อว่ามันคงจะใช้เวลาอีกไม่นานหรอกก่อนที่มหาอำนาจต่างๆจะค้นพบเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้แน่นอน ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ เราก็คงจะปกปิดความลับนี้ไว้ได้ไม่นานนัก”

“และเมื่อมหาอำนาจต่างๆรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม พวกเขาทั้งหมดก็จะมุ่งตรงมาที่นี่และยอมทำทุกอย่างโดยไม่สนเรื่องค่าใช้จ่ายแน่นอน ซึ่งเท่าที่ฉันคิด ด้วยระยะเวลาที่เรามี เราจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหอคอยได้มากนักเลย”

ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นจุดสนใจของมหาอำนาจมากมายไปแล้ว ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่มีความลับใดที่จะสามารถถูกเก็บไปได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในองค์กรขนาดใหญ่อย่างกิลของพวกเขา ยังไงในท้ายที่สุดความลับนี้ก็จะต้องถูกเปิดเผยออกมา

วิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหลก็คือหลีกเลี่ยงการแจ้งสมาชิกในกิลของพวกเขาทั้งหมด และป้องกันไม่ให้สมาชิกกิลของพวกเขาเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเลย อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้

“ก็จริง …”

ซือเฟิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดและความกังวลของอิลูซะรี่เวิร์ด

เมื่อเทียบกับอิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทแล้ว ซือเฟิงนั้นรู้มากกว่าอย่างมากว่าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจะส่งผลกระทบต่อทวีปหลักของ God domain มากขนาดไหน เมื่อความลับของหอคอยหลุดออกไป การต่อสู้ที่เกิดขึ้นมันจะไม่ใช่การแข่งขันที่เรียบง่ายระหว่างมหาอำนาจต่างๆแน่นอน แต่มันจะเป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นและความตาย และมันก็จะมีมหาอำนาจจำนวนหนึ่งต้องล่มสลายลงในระหว่างการต่อสู้นี้ด้วย

“อย่างไรก็ตามเราก็ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการไปแล้ว ตอนนี้เราก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงการเข้าไปในหอคอยได้ถูกไหม ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทนั้นเข้าใจในจุดนี้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าใจดีว่าความลับของหอคอยจะถูกเปิดเผยออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเริ่มส่งสมาชิกของตัวเองเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ อันที่จริงยังไงซะความลับเรื่องมรดกที่สมบูรณ์ก็จะยังคงรั่วไหลด้วยแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะอนุญาติให้แกนหลักของกิลจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปยังชั้นสามสิบหรือสูงกว่านั้นได้

“ไม่ !!” ซือเฟิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดว่า “เราไม่ได้ไม่มีทางเลือกในการจะควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอย่างสมบูรณ์ !!!”

“เรามีทางเลือกอะไรงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถาม ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงอย่างอยากรู้อยากเห็น

ในความคิดของเขา เมื่อความลับทั้งหมดของหอคอยหลุดออกไป กิลทั้งสามของพวกเขาจะไม่สามารถรักษาการผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้แน่นอน สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถจะทำได้คือรีบล่าและรวบรวมมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้

อิลูซะรี่เวิร์ดเองก็หันไปมองซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซือเฟิง

“พวกคุณจะเข้าใจเอง เมื่อได้เห็นเจ้านี่ ….” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขาส่งเอกสารให้ทั้งสองคน จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “คุณจะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ คุณไม่สามารถจะบอกให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ได้อีก ไม่งั้นคุณจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอีกต่อไปในอนาคต ในทางกลับกัน หากเราประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ กิลทั้งสองของคุณจะสามารถครอบครองหุ้นของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับคนละยี่สิบห้าเปอเซ็นต์ได้”

“หื้ม ? สิ่งที่คุณกำลังพูดถึงมันน่าทึ่งมากเลยงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทรู้สึกว่า
ซือเฟิงกำลังหลงระเริงไปหน่อย เมื่อเห็นสถานการณ์ที่กิลทั้งสามของพวกเขาได้เปรียบในตอนนี้

“คุณไม่ได้พูดถึงข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ใช่ไหม ?” อิลูซะรี่เวิร์ดพูดติดตลก

ซือเฟิงส่ายหัวและกล่าวว่า “คุณจะเข้าใจเมื่อได้เห็นเจ้านี่ …”

ทันใดนั้นอันยีลดิ้งฮาร์ทและอิลูซะรี่เวิร์ดก็หยุดพูด และรีบเปิดไฟล์เอกสารที่ซือเฟิงส่งให้ขึ้นมาทันที

ซึ่งทันทีที่พวกเขาได้อ่านข้อมูลของเอกสารนี้ ปากของพวกเขาก็อ้ากว้างด้วยความตกตะลึง และดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่ตอนนี้หัวใจของพวกเขานั้นก็เต้นแรงมากๆ

เมื่อมองไปที่ซือเฟิง อันยีลดิ้งฮาร์ทก็ถามด้วยเสียงสั่นๆว่า “นี่ .. นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรอ ?”

สิ่งที่ซือเฟิงให้พวกเขาเห็นนั้นมันเกินจินตนาการของอันยีลดิ้งฮาร์ทไปมาก และเมื่อเทียบกับข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่แล้ว อันนี้นั้นมีค่ามากกว่านับร้อยเท่าเลย

เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่ซือเฟิงแสดงให้พวกเขาเห็นนั้นมันสามารถจะเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ใน God domain ได้เลย ซึ่งสิ่งนี้มันก็คือป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก !!!

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset