Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2780

ตอนที่ 2780 ตัวละครรอง

Upper Zone ชั้นพื้นฐาน :

ซือเฟิงนั้นเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของชั้นพื้นฐาน ในขณะที่เขาเดินเล่นไปรอบๆบริเวณที่เขาอาศัยอยู่ ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขา เขาไม่ได้เห็นแดนสวรรค์ตามข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปในโลกภายนอกเลย แต่สิ่งที่เขาเห็นคืออาคารสูงมากมายในที่แห่งนี้ ขณะที่บางพื้นที่ที่ไม่มีอาคารสูงมันก็เป็นพื้นที่ของร้านอาหาร ยิม และศูนย์ฝึก

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับโลกภายนอกแล้ว ผู้คนเกือบทั้งหมดให้ความรู้สึกว่าพวกเขายุ่งมากๆ และทุกคนก็ดูมีสีหน้าตึงเครียดกันทั้งหมด

ซึ่งนี่มันก็อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะท้ายที่สุดแล้ว Upper Zone นั้นไม่ใช่แดนสวรรค์ แต่มันเป็นสถานที่ที่มีการแข่งขันกันรุนแรงกว่าโลกภายนอก

จากสิ่งที่ซือเฟิงเข้าใจ Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนั้นมีประชากรอาศัยอยู่น้อยกว่าสามแสนคน ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่เป็นพนักงานของบริษัทกรีนก๊อด ในส่วนของผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ที่เหลือก็ล้วนเป็นคนจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง และมันมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเข้ามาอยู่ที่ Upper Zone ได้ผ่านการคัดเลือกพิเศษ หรือคอน
เนคชั่น ….

ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่คนทั่วไปคิด ผู้ที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone นั้นจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลเลย ในทางกลับกันคนๆหนึ่งที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone จะต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกภายนอก เหตุผลก็คือค่าครองชีพใน Upper Zone นั้นมันสูงอย่างน่ากลัว และแค่เรื่องอาหาร มันก็ทำให้ซือเฟิงปวดหัวมากแล้ว

แม้แต่อาหารที่ถูกที่สุดก็ยังมีราคาเป็นคะแนนการค้าถึงสามสิบแต้มซึ่งนี่มันเทียบเท่ากับสามแสนเครดิตในโลกภายนอกเลย มันจะไม่มีใครยอมจ่ายในราคาที่น่ากลัวแบบนี้แน่นอนสำหรับอาหารในโลกภายนอก แต่ใน Upper Zone เงินจำนวนนี้ซื้อได้แค่อาหารที่เป็นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น

ขณะเดียวกันปัญหานี้มันก็ยังคงเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น ใน Upper Zone ปัญหาหลักๆที่แท้จริงคือแหล่งการฝึกและโพชั่นต่างๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วการอาศัยอยู่ใน Upper Zone เพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นมากนัก มันยังจำเป็นต้องรวมเรื่องโพชั่น การออกกำลังฝึกฝน และแหล่งการฝึกต่างๆเข้าไปในสมการทั้งหมดนี้ด้วย ซึ่งมันก็มีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมหาศาล โดยหากไม่มีความมั่งคั่งและทรัพยากรมากเพียงพอ คนๆหนึ่งก็จะไม่สามารถอาศัยอยู่ใน Upper Zone ได้เลย

สำปรับผู้ที่เกิดใน Upper Zone นั้นจะได้รับอนุญาติให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระจนถึงอายุสิบสองปี และหลังจากนั้นพวกเขาก็จะต้องเข้ารับการทดสอบหลายครั้งจนกว่าจะอายุครบสิบห้าปี ซึ่งหากพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ พวกเขาก็จะถูกขับไล่ออกจาก Upper Zone

ยิ่งไปกว่านั้นการผ่านการประเมินขั้นพื้นฐานของบริษัทกรีนก๊อดก็จะทำให้คนๆหนึ่งได้ทำงานแค่ในระดับต่ำที่สุดของบริษัทเท่านั้น มีเพียงแต่ผู้ที่พิชิตเส้นทางจิตได้ก่อนอายุยี่สิบปี หรือมีส่วนร่วมอย่างมากต่อบริษัทกรีนก๊อดเท่านั้นที่จะได้รับอำนาจไป และถือว่ากลายเป็นคนทั่วไปใน Upper Zone อย่างแท้จริง

หากใครอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว และดีขึ้นจริงๆใน Upper Zone รวมทั้งอยากจะสร้างองค์กรใหญ่ๆของตัวเองขึ้นมา มันก็จำเป็นที่จะต้องมุ่งหน้าไปยังชั้นกลางให้ได้ ไม่งั้นสุดท้ายแล้วก็จะเป็นได้แค่มดที่อาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐานเท่านั้น ….

อย่างไรก็ตามอายุโดยเฉลี่ยของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐานนั้นคือหนึ่งร้อยห้าสิบปีเท่านั้น แต่นั่นมันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีอายุถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีเรื่องของการรักษาความเป็นหนุ่มสาว และความมีชีวิตชีวาของร่างกายอีกด้วย

สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นพื้นฐาน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และเสริมตัวเองด้วยทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่ในชั้นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็จะสามารถคงความเป็นหนุ่มสาวไว้ได้จนถึงอายุห้าสิบปีเท่านั้น หลังจากนั้นสมรรถภาพทางกายของพวกเขาก็จะค่อยๆลดลง และเริ่มเข้าสู่วัยชราเมื่ออายุหนึ่งร้อยปี

อย่างไรก็ตามในกรณีของผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นกลาง พวกเขาจะยังคงสามารถรักษาความมีชีวิตชีวาและวัยหนุ่มสาวไว้ได้จนถึงอายุแปดสิบปี โดยลักษณะที่ปรากฎออกมาภายนอกมันจะดูเหมือนพวกเขาพึ่งเข้าสู่วัยสามสิบปีเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้อยู่อาศัยในชั้นกลางจะสามารถรักษาความเป็นหนุ่มสาวไว้ได้นานกว่าผู้อยู่อาศัยในชั้นพื้นฐานเกือบสองเท่า และแม้จะอายุถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเป็นแค่มนุษย์วัยกลางคน และดูเหมือนจะพึ่งเข้าสู่อายุสี่สิบเท่านั้น ดังนั้นใครกันที่จะไม่บ้าคลั่งเมื่อได้รู้ถึงเรื่องนี้ ? หลังจากเดินเล่นมาสักพัก ซือเฟิงก็ได้ขี่หนึ่งในรถอัจฉริยะของ Upper Zone และมาถึงหอคอยกรีนก๊อดในอีกยี่สิบนาทีต่อมา

ในท้ายที่สุดเมื่อมาถึงเป้าหมายของเขาแล้ว เขาก็ต้องยอมรับเลยว่า Upper Zone นั้นน่าทึ่งมากจริงๆ สิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการขนส่งต่างๆของที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และรถยนต์ก็ยังติดตั้งระบบนำทางอัจฉริยะครบครัน ซึ่งทำให้เขาสามารถจะเดินทางไปได้ทุกที่ด้วยการพูดเพียงแค่คำเดียว

ซือเฟิงได้เดินไปที่ชั้นเจ็ดของหอคอยกรีนก๊อด ซึ่งเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทรัพยากรทุกอย่างในชั้นพื้นฐาน ทุกคนที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนเครดิตเป็นคะแนนการค้า แลกเปลี่ยนทรัพยากรที่มาที่หามาอย่างยากลำบากสำหรับคะแนนการค้า และคะแนนสะสม หรือแลกเปลี่ยนคะแนนต่างๆสำหรับยา โพชั่น และสิ่งของอื่นๆของบริษัทกรีน
ก๊อดล้วนจะมาที่นี่ทั้งหมด

เมื่อมาถึงชั้นเจ็ด เขาก็พบว่าห้องโถงซึ่งมีขาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลแปดสนามนั้นเต็มไปด้วยผู้คนนับพัน เมื่อเทียบกับห้องลงทะเบียนที่เขาเคยไปมาก่อน สถานที่แห่งนี้มันดูมีชีวิตชีวามากกว่าหลายเท่า

คนที่มารวมตัวกันส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกลูกเศรษฐีที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนคะแนนการค้า โดยใช้เครดิตแลก ซึ่งสาเหตุที่พวกเขาทำแบบนี้มันก็ง่ายๆ

บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ใน Upper Zone ส่วนใหญ่นั้นอยู่มานานกว่าศตวรรษแล้ว และหลังจากดำเนินการมาเป็นเวลานาน ตระกูลผู้ถือหุ้นที่ดำเนินกิจการบริษัทเหล่านี้ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ ณ จุดนี้ยิ่งผู้ถือหุ้นมีอิทธิพลมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีสิทที่จะนำลูกหลานของตัวเองเข้ามาใน Upper Zone มากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ทรัพยากรที่บริษัทกรีนก๊อดมีไว้ให้แลกเปลี่ยนและซื้อขายนั้นมันก็มีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ และเพื่ออนาคตของพวกเขาเองใน Upper Zone บริษัทต่างๆจะไม่ปล่อยให้ลูกหลานของครอบครัวของผู้ถือหุ้นของพวกเขาแลกเปลี่ยนทรัพยากรแบบมั่วๆ

ดังนั้นนอกเหนือจากทายาทที่ได้รับมอบหมาย หรือทายาทของตระกูลที่เกี่ยวข้องแล้ว เด็กคนอื่นๆจะต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อรับเอาทรัพยากรใน Upper Zone

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถพิเศษ พวกเขาจึงไม่มีหนทางที่จะได้รับทรัพยากรหรือความสำเร็จที่จำเป็นเพื่อให้ตัวเองได้รับคะแนนการค้า และคะแนนสะสมจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่มาที่นี่ทุกวันเพื่อแลกเปลี่ยนเครดิตเป็นคะแนนการค้าตามโควต้าด้วยเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้แม้ว่าศูนย์แลกเปลี่ยนของบริษัทกรีนก๊อดจะเปิดให้บริการทุกวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่มันก็แทบจะเรียกได้ว่ามีคนมาต่อแถวรอแลกเครดิตเป็นคะแนนการค้าแน่นทุกเวลา ซึ่งหากคนภายนอกได้มาเห็นฉากนี้ พวกเขาจะต้องอ้าปากค้างแน่นอน

เพราะท้ายที่สุดแล้วเด็กที่มาเข้าแถวส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเจ้าชาย และเจ้าหญิงของบริษัทต่างๆที่ในโลกภายนอกนั้นจะมีคนจำนวนมากที่คอยเรียกหา และพยายามจะติดต่อกับพวกเขา

แต่ในศูนย์แลกเปลี่ยน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตัวเหมือนคนทั่วไป และยืนอยู่ในแถวของตัวเอง และส่วนที่น่าแปลกใจที่สุดคือมันไม่มีใครในหมู่พวกเขากล้าเอะอะเลย

อย่างไรก็ตามที่นี่มีเค้าเตอร์แลกเปลี่ยนคะแนนสะสมเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ต้องต่อแถวรอนานเลย เพราะมันแทบจะไม่มีใครมาใช้บริการเค้าเตอร์นี้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงเข้าใกล้เค้าเตอร์นี้ เขาก็ได้เจอกับคนที่เขาคุ้นเคยสองคน ….

หนึ่งในนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหานอี้เฟิง ทายาทของบริษัทไฟฟ์สเตท ซึ่งหานอี้เฟิงนั้นดูแตกต่างจากครั้งก่อนที่ซือเฟิงพบมากๆ โดยเฉพาะเรื่องร่างกายทางกายภาพของเขาที่ดีขึ้นอย่างมาก และที่ยืนอยู่ข้างหลังหานอี้เฟิงก็คือจั้วหลิงฉิว พ่อบ้านของเขานั่นเอง (ไม่แน่ใจว่าต้องแปลแบบนี้หรือ ใช้คำว่าผู้ติดตามนะ เดี๋ยวจะลองปรับๆดู ตอนโผล่มาเพิ่มในอนาคต)

“นายน้อย ตอนนี้เราก็ได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายงานจากบริษัทกรีนก๊อดเสร็จแล้ว ฉันเชื่อว่าคะแนนสะสมของนายน้อยจะขึ้นไปถึงหกหมื่นแต้ม และสามารถติดท๊อปสิบได้แน่นอน เมื่อการแข่งขันจบลง …. และหากเราสามารถกล่อมให้บริษัทสนับสนุนเราได้เต็มที่เมื่อไหร่ ฉันก็มั่นใจว่าคุณจะสามารถเข้าไปติดสามอันดับแรกได้แน่นอน” จั้วหลิงฉิวกล่าวอย่างตื่นเต้น

การแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมของบริษัทกรีนก๊อดนั้นจะมีขึ้นทุกๆสามเดือน และผู้ที่ได้รับตำแหน่งสามอันดับแรกนั้นก็จะมีสิทเข้าไปอาศัยอยู่ในชั้นกลางเป็นเวลาสามเดือน ซึ่งแม้มันจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆก็ตาม แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่องค์กร และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆใช้เพื่อเข้าสู่ชั้นกลางเช่นกัน ในขณะเดียวกันตราบใดที่หานอี้เฟิงสามารถเข้าสู่ชั้นกลางได้ เขาก็จะสามารถรับเอาทรัพยากรที่มีเหนือกว่าสิ่งที่มีอยู่ในชั้นพื้นฐานได้ และในเวลานั้นสถานะของเขาใน Upper Zone ก็จะพุ่งขึ้นไปอีกขั้นทันที

อย่างไรก็ตามหานอี้เฟิงยังคงเมินเฉยต่อคำพูดของจั้วหลิงฉิว เขาส่ายหัว และพูดว่า “แม้ว่าฉันจะมีความมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถติดห้าอันดับแรกได้ แต่โอกาสของฉันในการจะเข้าไปติดสามอันดับแรกนั้นมันมีน้อยมากๆ ผู้ที่อยู่ในสามอันดับแรกได้อันดับนี้มาสองปีติดแล้ว”

“ตามข่าวลือ ทั้งสามคนนั้นใกล้จะได้รับอำนาจขั้นสูงแล้ว และพวกเขาก็จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ ตอนนี้มองแค่ผิวเผินพวกเขาทุกคนอาจจะมีคะแนนสะสมอยู่มากกว่าหนึ่งแสนแต้มเท่านั้น แต่หากเราแสดงอาการที่ต้องการจะขึ้นไปแย่งชิงสามอันดับแรกกับพวกเขาจริงๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อยู่คะแนนสะสมของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นแบบพุ่งพรวดสองถึงสามเท่า”

เมื่อได้ยินคำพูดของหานอี้เฟิง จั้วหลิงฉิวก็เงียบลง แน่นอนว่าเขาเข้าใจดีถึงสิ่งที่
หานอี้เฟิงหมายถึง เพราะท้ายที่สามอันดับแรกนั้นถูกผูกขาดโดยคนหน้าเดิมมาตลอดสองปี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถถูกเขย่าได้ง่ายๆแน่นอน

ในขณะที่หานอี้เฟิงและจั้วหลิงฉิวกำลังพูดคุยกันอยู่ พนักงานที่ดูแลเค้าเตอร์แลกเปลี่ยนคะแนนสะสมก็เสร็จสิ้นการคำณวนคะแนนสะสมของหานอี้เฟิง “คุณครับ หลังจากรวมงานที่คุณสำเร็จแล้ว ในตอนนี้คุณมีคะแนนสะสมอยู่ที่ 62,425 ซึ่งมันทำให้ตอนนี้คุณขึ้นมาติดอันดับเจ็ดแล้วของการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมแล้ว”

“เจ็ด ?” หานอี้เฟิงไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายใดๆ เมื่อได้ยินว่าเขาอยู่ในอันดับเจ็ด และสิ่งที่เขาทำก็แค่พยักหน้าให้กับพนักงานผู้พูด ก่อนจะหันหลังกลับทันที

ทันทีที่หานอี้เฟิงและจั้วหลิงฉิวหันหลังกลับมา พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าซือเฟิงกำลังเดินไปที่เค้าเตอร์ที่พวกเขาพึ่งออกมา

“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ?” จั้วหลิงฉิวขยี้ตาด้วยความสงสัย เมื่อเขาเห็นซือเฟิงในชุดลำลองสีขาว

Upper Zone นั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนใฝ่ฝันที่จะได้เข้ามา และแม้แต่หัวหน้ากิลของกิลชั้นยอดส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับสิทให้เข้ามาด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิง ซึ่งเป็นหัวหน้ากิลกึ่งมหาอำนาจกับได้เข้ามาในนี้จริงๆ นี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ

ในเวลานี้นับประสาอะไรกับจั้วหลิงฉิว แม้แต่หานอี้เฟิงก็ยังเผยให้เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง

เมื่อหานอี้เฟิงพบกับซือเฟิงเป็นครั้งสุดท้ายในภัตตาคารเรดสโตนของเมืองเฟิงหลิน ฝ่ายหลังยังเป็นเพียงแต่ตัวละครรองเท่านั้นในสายของเขา เพราะท้ายที่สุดซือเฟิงและเหล่าลูกน้องของเขายังไม่สามารถจะขึ้นมาเล่นในสนามเดียวกับหานอี้เฟิงได้ และอย่างดีที่สุดสำหรับสภาสิบแปดปีก หากเขาได้เข้าไปถือหุ้นในกิลๆนี้ เขาก็จะสามารถใช้กิลขัดขวางคู่ต่อสู้ของเขาได้เท่านั้น แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นศัตรูกับมหาอำนาจมากมาย แต่เขาก็ยังไม่ได้ประเมินกิลไว้สูงนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆแข่งขันกันจริงมันไม่ได้อยู่ใน God doamin แต่มันเป็นทรัพยากรของ Upper Zone ต่างหาก

แต่ตอนนี้ตัวละครรองอย่างซือเฟิงกับก้าวเข้าสู่ Upper Zone แล้วจริงๆ นี่มันเหมือนกับเทพนิยายเลย ….

“บริษัทโบลเดอร์ให้ช่องเข้าสู่ Upper Zone แก่เขาจริงๆงั้นหรอ ?” หานอี้เฟิงพึมพำ และคาดเดา

“มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น ไม่งั้นคนที่ไม่มีภูมิหลังใดๆแบบเขาจะสามารถเข้าสู่ Upper Zone ได้อย่างไร ….” จั้วหลิงฉิวกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย

ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นมาอย่างม้ามืด และในที่สุดพวกเขาก็ได้ตำแหน่งไปจนกิลได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain ซึ่งผู้ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นไปถึงตำแหน่งนี้ได้ก็คือสภาสิบแปดปีก ดังนั้นมันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่
ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะมอบช่องเข้าสู่ Upper Zone บางส่วนที่ตัวเองมีให้กับสภาสิบแปดปีก

หลังจากคิดมาถึงจุดนี้แล้วทั้งหานอี้เฟิง และจั้วหลิงฉิวก็มีท่าทีสงบลง

ในขณะเดียวกัน เมื่อซือเฟิงเดินผ่านทั้งสองนั้น เขาก็ทำเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น เขาไม่ได้คิดจะทักทายใดๆ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น และตอนนี้เขากำลังรีบด้วย

การแสดงออกของจั้วหลิงฉิวแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว เมื่อได้เห็นปฎิกิริยาของซือเฟิงที่มีต่อพวกเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะไม่แสดงความเคารพต่อหานอี้เฟิงเลยแม้แต่น้อย และเดินจากไปแบบคนแปลกหน้าแบบนี้ นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้มองบริษัทไฟฟ์สเตทอยู่ในสายตา

อย่างไรก็ตามก่อนที่จั้วหลิงฉิวจะทันได้ระบายความโกรธของเขา เขาก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นซือเฟิงไปยืนอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์บริจาคเพื่อแลกเปลี่ยนคะแนนสะสม

“นี่เขากำลังพยายามจะทำอะไร ?” หานอี้เฟิงรู้สึกสับสน เมื่อเห็นซือเฟิงคุยกับพนักงานที่เค้าเตอร์ “นั่นมันคือเค้าเตอร์แลกเปลี่ยนคะแนนสะสมนะ ไม่ใช่คะแนนการค้า เขาตรงไปที่เพราะเห็นว่ามันไม่มีคนต่อแถวรึปล่าว ?”

“แน่นอนเลยว่าเขาเป็นเพียงแค่ตัวละครรอง เขารู้วิธีแค่ที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขาจะได้เปรียบเท่านั้น เขาคงคิดว่าเขาจะสามารถประหยัดเวลาได้ด้วยการทำแบบนี้ เขาไม่ได้รู้กฎของที่นี่เลยจริงๆ …” จั้วหลิงฉิวยิ้มเยาะ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงที่กำลังพูดคุยกับพนักงานที่เค้าเตอร์อยู่ด้วยความดูถูก

อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่จั้วหลิงฉิวพูดจบ พนักงานที่อยู่ใกล้ๆก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังและตื่นเต้นว่า “ยินดีด้วยคุณซือ !! คุณได้รับคะแนนสะสมห้าหมื่นแต้ม และคะแนนการค้าห้าล้านแต้มจากการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ !!! และตอนนี้คุณได้เข้ามาอยู่ในอันดับที่สิบของการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมแล้ว !!!”

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset