Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2872

ตอนที่ 2872 กวาดล้างจักรวรรดิออร์ค

เมืองสภาสิบแปดปีก สนามประลอง :

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้วงั้นหรอ ?!” ซิคทีนคลาวด์อ่านข้อมูลล่าสุดที่เธอพึ่งได้รับรายงานมาด้วยความตกตะลึง หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองแอสซาซินขั้นสี่ ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นที่อยู่ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณแน่ใจใช่ไหมว่าข่าวนี้ถูกต้อง ?”

แม้ตอนนี้มันจะมีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นหลายคนใน God domain ที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จจนก้าวไปสู่ขั้นสี่แล้ว รวมทั้งตอนนี้มันก็มีผู้ที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์หลายคน แต่การจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าให้ได้นั้นมันก็ยังคงยากมากสำหรับทุกๆคน

เพราะท้ายที่สุดแล้วเงื่อนไขในการจะเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นขั้นห้านั้นคือการที่ต้องสร้างร่างมานาใหม่ขั้นห้าขึ้นมาให้ได้ ซึ่งการจะทำให้ได้นั้นมันก็อิงกับความเข้าใจ ความสัมพันธ์ และความสามารถในการควบคุมมานากับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์

และพูดกันตามตรงตอนนี้ สิ่งนี้มันก็คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในปัจจุบันล้วยใฝ่ฝันจะไปให้ถึงมากที่สุด

ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการเลยว่าซือเฟิงนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว ….

ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นพยักหน้าจริงจัง ก่อนที่เขาจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความตกใจอยู่ว่า “แน่ใจ ฉันอยู่ในห้องรับรองอีกห้องของสภาสิบแปดปีกและกำลังพูดคุยกับสภาสิบแปดปีกเกี่ยวกับสัญญาเช่าห้องต่อสู้ระยะยาวในเมืองสภาสิบแปดปีก โดยห้องรับรองที่สภาสิบแปดปีกใช้ต้อนรับบรรดาซุเปอร์กิลนั้นก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ซึ่งในเวลานั้นฉันก็สังเกตเห็นว่าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดในบริเวณนั้นกำลังเต็มไปด้วยความเดือดพล่านและตื่นเต้น พร้อมกันนั้นสมาชิกทั้งหมดของไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางก็ได้เดินออกมาจากห้องรับรองในสภาพที่สะบักสะบอมมากๆ โดยพวกเขาก็ได้รีบเดินออกไปจากสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกโดยไม่พูดอะไรสักคำเลย ฉันได้เห็นทุกอย่างมาด้วยตาตัวเองจริงๆ !!!”

ในความเป็นจริงนอกเหนือจากนี้นั้น เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของซือเฟิงที่เล็ดรอดออมาจากห้องรับรอง และเขาก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพลังของซือเฟิงนั้นมันเหนือกว่าพลังของ NPC ขั้นห้าที่เขาเคยเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้มากๆ แถมการที่เขาไม่ได้เห็นซือถู ฉิงเทียน กับซื่อหยาง เทียนเหอออกมาจากห้องรับรอง มันก็ชัดเจนเลยว่าซือเฟิงได้ฆ่าพวกเขาไป …. เพราะนอกเหนือจากซือเฟิง เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีใครที่สามารถจะฆ่าชายสองคนนี้ได้

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาแน่ใจว่าซือเฟิงนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้วแน่นอน

“นี่มันน่าสนใจจริงๆ ….” ซิคทีนคลาวด์อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างตื่นเต้น เมื่อเธอได้รับคำยืนยัน “อาชีพขั้นห้าได้ปรากฎขึ้นแล้ว และตอนนี้เมืองสภาสิบแปดปีกก็เปิดให้สาธารณชนทั่วไปเข้าชมแล้ว ดูเหมือนว่าโครงสร้างอำนาจในทวีปด้านตะวันออกกำลังจะถูกปรับเปลี่ยนอีกครั้งแล้ว !!!”

“ใช่แล้ว ! โชคดีที่เราร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกก่อนหน้านี้และกลายเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของสภาสิบแปดปีกแล้ว …” ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นพยักหน้าเห็นด้วย และเขาก็รู้สึกมีความสุขมากๆกับเรื่องนี้

อาชีพขั้นห้ากับขั้นสี่นั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่อาชีพขั้นสี่นั้นไม่สามารถจะยึดเมืองกิลทั้งเมืองด้วยตัวเองได้ ซึ่งหากต้องการจะยึดเมืองกิลทั้งเมืองจริงๆ มันก็จำเป็นที่จะต้องระดมทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนมากออกมา

อย่างไรก็ตามสำหรับอาชีพขั้นห้านั้นมันแตกต่างออกไป อาชีพขั้นห้านั้นสามารถจะยึดเมืองกิลเมืองหนึ่งได้อย่างง่ายดาย และแม้แต่เมืองกิลขนาดใหญ่ของซุเปอร์กิลต่างๆก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ซึ่งเมื่อสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าแล้วแบบนี้ มันก็หมายความว่า หากพวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะสามารถทำลายรากฐานของมหาอำนาจต่างๆได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้จำนวนผู้เชี่ยวชาญในสภาสิบแปดปีกก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้อย่างแน่นอนที่กิลจะเริ่มขยายอิทธิพลออกไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อโจมตีและยึดครองเมืองกิลอื่นๆเพิ่มเติม และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะโจมตีและเข้ายึดเมืองกิลได้ห้าถึงหกเมือง แต่กิลก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปัญหาการขาดแคลนกำลังพลอีกแล้ว เพราะสภาสิบแปดปีกในปัจจุบันมีทั้งความสามารถและกำลังพล

ขณะเดียวกันในทวีปด้านตะวันออก เมื่อมหาอำนาจต่างๆได้รับข่าวล่าสุดเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกในเรื่องนี้ บางกลุ่มที่เป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีกก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตาร์ลิ้งที่ทำสงครามกับสภาสิบแปดปีกมายาวนาน เมื่อผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของสตาร์ลิ้งได้รับข่าวนี้นั้น พวกเขาก็ตื่นตระหนกและหน้าซีดกันมากๆ ซึ่งพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข่าวนี้มันจะเป็นเรื่องจริง อีกด้านหนึ่งในส่วนของกิลที่เป็นพันธมิตร หรือมีความสัมพันธ์อันดีกับสภาสิบแปดปีกนั้น พวกเขาก็ล้วนเต็มไปด้วยความสุขมากๆ เพราะนี่มันหมายความว่า พวกเขาเลือกตัวเลือกที่ถูกต้อง และตอนนี้อิทธิพลกับความสามารถของสภาสิบแปดปีกก็จะช่วยเกื้อหนุนพวกเขาได้อย่างมากแน่นอนในอนาคต

“ผู้บัญชาการ ในตอนนี้หัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม นั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว ซึ่งฉันคิดว่าเขาก็น่าจะไม่ยอมปล่อย พวกเราสตาร์ลิ้งที่เป็นศัตรูกันมายาวนานไปแน่นอน เราควรจะทำการย้ายผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของเราไปยังทวีปด้านตะวันตกไหม ?” แรนเจอร์หญิงขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบอดไม่ได้ที่จะกล่าวแนะนำ ขณะที่เธอมองไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ….

“จะให้ฉันต้องบอกกี่ครั้งว่าช่วยเรียกฉันว่าหัวหน้ากิลได้แล้ว ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นแค่ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัย Tremorous Clown อีกแล้วนะ แต่ฉันยังเป็นหัวหน้ากิลของสตาร์ลิ้งด้วย” ลู่เทียนตี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขามองไปยังแรนเจอร์หญิงขั้นสี่ตรงหน้าของเขาที่แผ่ออร่าชั่วร้ายออกมา

“โอเค หัวหน้ากิล …” แรนเจอร์หญิงขั้นสี่มองไปยังลู่เทียนตี้ ผู้ซึ่งยังคงดูไม่สนใจใดๆ และพูดว่า “สรุปเราควรจะทำการย้ายผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของเราไปยังทวีปด้านตะวันตกไหม ?”

“นั่นไม่จำเป็น …” ลู่เทียนตี้มองดูข้อมูลในมือของเขา และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หากเป็นเมื่อก่อน การเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าของแบล๊คเฟรมนั้นจะจัดเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นเราไม่จำเป็นจะต้องกลัวเขามากนัก เพราะท้ายที่สุดกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นนั้นนับเป็นปัญหาใหญ่กว่า แถมการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าของแบล๊คเฟรมนี้ก็จะจัดเป็นปัญหาใหญ่สำหรับกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นเช่นกัน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่สภาสิบแปดปีกไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางอีก เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เล่นขั้นห้าอยู่ในกิล แต่พวกเขาก็จะรับมือกับศัตรูทั้งหมดได้อย่างยากลำบากแน่นอน”

“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงจะไม่เปิดเผยเรื่องที่ตัวเองไปถึงขั้นห้าแล้วออกมาเร็วขนาดนี้ เพราะการทำแบบนี้มันจะทำให้ถูกมองว่าเป็นหนามยอกอกของกองกำลังอื่นๆได้ โดยจริงๆเขาควรจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับและเริ่มนำทีมออกล่ากับโจมตีดันเจี้ยนเพื่อรวบรวมทรัพยากร และพัฒนาผู้เชี่ยวชาญของตัวเองก่อน เนื่องจาก God domain นั้นไม่ใช่เกมสำหรับคนๆเดียว !!! ผู้เล่นขั้นห้าคนเดียวนั้นไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงกระแสสงครามที่มีคนนับล้านเข้ามาเกี่ยวข้องได้ !!!”

เมื่อแรนเจอร์หญิงได้ยินคำพูดของลู่เทียนตี้ เธอก็เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากถามว่า “นี่หมายความว่า เราเองก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้เช่นกันใช่ไหม ?”

“ใช่แล้ว แต่ว่าเราไม่สามารถเข้าโจมตีและยึดเมืองปีกสีเงินได้ เนื่องจากกองกำลังผุ้รุกรานจากโลกอื่นเล็งเมืองนี้ไว้อยู่แล้ว สำหรับเมืองที่เราจะสามารถพุ่งเป้าไปได้คือเมืองป่าหินที่อยู่ใกล้กับจักรวรรดิรัตติกาล ซึ่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น เราสามารถจะเริ่มโจมตีและตลบหลังเข้ายึดเมืองป่าหินได้ ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เล่นขั้นห้าอย่างแบล๊คเฟรมอยู่ แต่เขาก็จะสามารถดูแลได้เพียงเมืองๆเดียวเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะดูแลทุกเมืองได้ !!! โดยเมื่อเวลามาถึงเขาก็จะสามารถปกป้องไว้ได้แค่เมืองสภาสิบแปดปีกเท่านั้น !!!” ลู่เทียนตี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เราไม่สามารถจะทำคนเดียวได้ คุณช่วยไปติดต่อกับมหาอำนาจต่างๆที่เป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีกให้หน่อย ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับเราแน่นอน !!!”

“รับทราบ !!” แรนเจอร์หญิงขั้นสี่พยักหน้าตอบรับ

ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆทั่วทั้ง God domain กำลังวางแผนรับมือเรื่องที่ซือเฟิงได้เลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้วนั้น ตัวซือเฟิงที่อยู่ในเมืองสภาสิบแปดปีกก็ได้เริ่มจัดการมอบสถานที่พักกิลชั่วคราวในเมืองสภาสิบแปดปีกให้กับศาลาลับ และจักรวรรดิโลกใต้พิภพเพื่อเติมเต็มสัญญาในด้านของเขา

“หัวหน้ากิล นี่มันดีมากๆเลย !! ตอนนี้พวกเรามีมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์ของทั้งสองกิลแล้ว อีกไม่นานพวกเราจะสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ และขอบเขตโดเมนขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากแน่นอน” ไฟเออร์แดนซืกล่าวอย่างตื่นเต้น เมื่อเธอนึกถึงวันพรุ่งนี้ที่ซุเปอร์กิลทั้งสองกิลจะส่งมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์มาให้ที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก

มรดกของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้นั้นสามารถจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญของตัวเองพัฒนาไปถึงขอบเขตอนันต์ได้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงนับเป็นวิธีที่ยากมากๆ ดังนั้นตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของสภาสิบแปดปีกจึงยังคงติดอยู่ที่ขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ อย่างไรก็ตามผู้ที่จะสามารถเป็นแกนหลักของกิลได้จริงๆนั้น มันจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์หรือเก่งกาจกว่านั้นขึ้นไปเท่านั้น แถมมาตราฐานการต่อสู้มันก็ยังส่งผลต่อการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่อีก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไฟเออร์แดนซ์นั้นตื่นเต้นมากๆ พอเธอรู้ว่าพวกเขากำลังจะได้รับมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์จากซุเปอร์กิลทั้งสองมา เพราะนี่มันจะทำให้กิลของพวกเขาก้าวขึ้นไปถึงอีกขั้นได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

“ใช่แล้ว !!” ซือเฟิงนั้นก็พยักหน้าอย่างมีความสุขเช่นกัน

ตอนนี้เมื่อสภาสิบแปดปีกมีมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์แล้ว กิลก็จะนับว่ากลายเป็นยักษ์ใหญ่ใน God domain แบบไร้ข้อครหาแล้วอย่างแท้จริง แถมกิลก็ยังไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นอีกต่อ เพราะกิลนั้นสามารถจะเริ่มฝึกผู้มีพรสวรรค์ขึ้นมาได้ด้วยตัวเองแล้ว ….

“ว่าแต่ หัวหน้ากิล เราจะทำยังไงกันต่อ ?” ไฟเออร์แดนซอดไม่ได้ที่จะถามซือเฟิง เมื่อนึกถึงอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ “คราวนี้เมื่อเราทำแบบนี้ไปนั้น ไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราแน่นอน ซึ่งเมื่อสงครามโลกเกิดขึ้นในครั้งต่อ เรื่องนี้มันก็จะทำให้อาณาจักรสตาร์มูน และอาณาจักรทวินทาวเวอร์ของเราตกอยู่ในความเสี่ยง เราควรจะเริ่มแผนอพยพคนของเราในสองอาณาจักรนี้ไหม ?”

ไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในทวีปด้านตะวันออก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะปกป้องอาณาจักรทั้งสองไว้ให้ได้ โดยตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องทำการอพยพเพื่อลดความสูญเสียทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น

“ทำยังไงกันต่อ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ไปจัดการรวบรวมผู้เล่นขั้นสี่ในกิลทั้งหมดมาพบฉันหน่อย ….”

“หื้ม ?”

คำสั่งล่าสุดของซือเฟิงนั้นทำให้ไฟเออร์แดนซ์รู้สึกงุนงง นี่หัวหน้ากิลของเธอต้องการจะรวบรวมผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดในกิลมาทำไมกัน ? ทั้งๆที่มันมีอีกหลายเรื่องที่สำคัญกว่ามากที่ควรจะทำ และหากทำมันสายเกินไป ผลที่ตามมามันก็อาจจะเลวร้ายมากๆด้วย ….

“ตามที่ฉันสั่งนั่นแหละ …” ซือเฟิงกล่าวยืนยันด้วยรอยยิ้ม “เนื่องจากฉันได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว มันจึงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสะสางปัญหาในจักรวรรดิออร์ค และฉันก็ต้องการจะใช้การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของเราบอกให้มหาอำนาจต่างๆรู้ด้วยว่า หากคิดจะยั่วยุพวกเรา ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง !!!”

ในตอนนี้นั้นผู้คนทั้งหมดยังคงรู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับพลังของอาชีพขั้นห้า แม้ว่าเขาจะได้แสดงโชว์ด้วยการฆ่าซือถู ฉิงเทียน และซื่อหยาง เทียนเหอไป แต่ความรู้และความเข้าใจที่มหาอำนาจต่างๆมีต่ออาชีพขั้นห้านั้นมันก็ยังคงจัดว่าน้อยมากๆ หรือจะให้พูดกันจริงๆต้องบอกว่า พวกเขานั้นแทบไม่รู้จักอาชีพขั้นห้าด้วยซ้ำ …..

“ฉันจะรีบติดต่อพวกเขาทันที !!!”

เมื่อไฟเออร์แดนซ์ได้ยินดังนี้ เธอก็พยักหน้ารับคำสั่งอย่างตื่นเต้น

หลังจากที่เธอเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นขั้นสี่นั้น เธอก็ยังไม่ได้มีโอกาสต่อสู้โดยใช้พลังทั้งหมดของเธอเลย และสมาชิกในกิลคนอื่นๆที่อยู่ในขั้นสี่นั้นก็เป็นแบบเดียวกับเธอนี่แหละ โดยในตอนนี้เมื่อโอกาสมาแล้ว เธอก็จะไม่ยอมพลาดมันแน่นอน !!!

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset