Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2896

ตอนที่ 2896 ซากปรักหักพังโบราณของเหล่าทวยเทพ

“ซากปรักหักพังโบราณ ?”

เมื่อซือเฟิงได้ยินคำนี้เขาก็มีท่าทีสนใจอย่างมาก

ซากปรักหักพังโบราณนั้นมักจะปรากฎขึ้นในดินแดนลับแบบนี้แหละ อย่างไรก็ตามในดินแดนลับ ระดับพระเจ้านั้นซากปรักหักพังโบราณมันก็หาได้ยากมากๆ และสิ่งของจากยุคโบราณส่วนใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ในซากปรักหักพังโบราณมาจนถึงยุคปัจจุบันของ God domain ในดินแดนลับ ระดับพระเจ้านั้นมันก็จะมีค่าเทียบเท่ากับไอเทมระดับตำนานเลย

ในยุคโบราณนั้นมันเป็นยุคที่มีเหล่าทวยเทพถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และมันก็เป็นยุคที่ยังคงมีเหล่าทวยเทพอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ด้วย ซึ่งหากผู้เล่นคนหนึ่งโชคดีมากพอนั้น พวกเขาก็มีสิทที่จะค้นพบบางสิ่งที่เหลือไว้โดยเทพโบราณจากซากปรักหักพังโบราณ ….

“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ?” ซือเฟิงรีบถามผ่านแชททีม

“ฉันอยู่บริเวณหุบเขาทางตอนใต้ที่มีธารน้ำไหล โดยที่นี่มีอสูรเลือดปีศาจมากกว่าสามพันตัวคอยลาดตระเวนไปมาบริเวณรอบๆ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันคือผู้ที่ทำหน้าที่ปกป้องซากปรักหักพังโบราณแห่งนี้…” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงกระซิบ ในขณะที่เธอมองไปยังสภาพแวดล้อมบริเวณรอบๆ “นอกเหนือจากนี้แล้ว ฉันคิดว่าซากปรักหักพังโบราณแห่งนี้น่าจะเป็นที่ที่มอนสเตอร์ทั้งหมดในนี้มาสักการะบูชากัน เพราะฉันเห็นวิญญาณเลือดปีศาจ และมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยหกสิบหรือมากกว่าขึ้นไปได้เดินเข้าไปในนั้น ซึ่งมันดูเหมือนว่ากำลังจะมีพิธีกรรมบางอย่างถูกจัดขึ้น ดังนั้นการป้องกันภายในจึงน่าจะแน่นหนามากๆ และมันก็คงจะเป็นเรื่องยากมากๆสำหรับพวกเขาที่จะตีฝ่าเข้าไป …”

“หื้ม ?” เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย

หากจำนวนของมอนสเตอร์มีแค่หลายร้อยตัวเขาก็ยังพอจะนำทุกคนเข้าต่อสู้ได้ แต่นี่มันกับมีหลายพันตัว แถมนี่ยังไม่นับรวมพวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยหกสิบหรือมากกว่าอีก

โดยหากพวกมันประสานงานกัน และโจมตีพร้อมกันนั้น แม้แต่ซือเฟิงซึ่งเป็นผู้เล่นขั้นห้าก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงบรรดาผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆเลย

อาชีพขั้นห้านั้นสามารถหลบหลีกและต้านทานการโจมตีได้โดยอาศัยความเร็วในการตอบสนอง และความเร็วในการเคลื่อนที่ที่อยู่เหนือกว่าขั้นสี่มาก แต่สำหรับอาชีพขั้นสี่นั้นมันแตกต่างออกไป เพราะพลังในทุกๆด้านของอาชีพขั้นสี่นั้นเทียบไม่ได้กับขั้นห้าเลย ดังนั้นหากถูกรุมจากมอนสเตอร์พวกนี้นั้น พวกเขาจะไม่ต่างจากฝูงแกะที่รอให้หมาป่ามารุมกินโต๊ะเลย …..

หากต้องการจะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับนี้จำนวนมากขนาดนี้จริงๆ ทีมๆหนึ่งจำเป็นจะต้องมีผู้เล่นขั้นห้าสามถึงสี่คนช่วยในการรับมือกับมัน สำหรับการที่ทีมๆหนึ่งมีผู้เล่นขั้นห้าเพียงคนเดียวนั้น อย่างมากที่สุดผู้เล่นขั้นห้าก็จะทำได้แค่ช่วยฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ไปบางส่วน และหลบหลีกการโจมตีของมอนสเตอร์พวกนี้เท่านั้น

หรือจะพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ แค่การจะเอาชีวิตรอดและฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ไปด้วยนั้นมันก็ตึงมือมากแล้วสำหรับผู้เล่นขั้นห้าหนึ่งคน

“หัวหน้ากิล เราล่อพวกมันออกมาบางส่วน แล้วค่อยๆฆ่าพวกมันไปดีไหม ?” โคลท์ชาโด้วกล่าวแนะนำ “แม้ว่ามอนสเตอร์พวกนี้มันจะมีจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามแต่ละกลุ่มของพวกมันนั้นก็อยู่กันค่อนข้างกระจัดกระจาย ดังนั้นเราจึงน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ล่อพวกมอนสเตอร์เท่าที่เราจะรับมือไหวออกมาฆ่าได้ และหากมันมีความสุ่มเสี่ยงที่มอนสเตอร์เหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่เราก็แค่ถอยออกมาก่อนแล้วค่อยกลับไปใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา เราน่าจะสามารถกำจัดมอนสเตอร์พวกนี้ทั้งหมดได้”

“วิธีที่คุณว่ามามันก็พอจะเป็นไปได้ แต่ …” ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่เขาจะเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง และกล่าวต่อว่า “แต่มันต้องมีข้อกำหนดเบื้องต้นอยู่อย่างหนึ่งเลยก็คือมอนสเตอร์พวกนั้นจะต้องไม่มีพวกที่สามารถช่วยฮีลให้พวกมันได้ อย่างไรก็ตามจากการไล่ล่าและฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้มานั้น คุณก็เห็นว่าพวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดบางส่วนนั้นมันมีสกิลที่ช่วยฮีล ดังนั้นการจะทำตามวิธีนี้มันจึงค่อนข้างจะมีความเสี่ยงมากๆ ….”

“เว้นแต่ว่าพวกเราจะสามารถฆ่าพวกมอนสเตอร์ที่ล่อมาได้ในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น … ไม่งั้นทุกอย่างมันจะกลายเป็นพวกเราที่จะจบสิ้นแทน”

เมื่อโคลท์ชาโด้วได้ยินคำพูดของซือเฟิง เธอก็เงียบลงไป …. เพราะทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ซือเฟิงว่ามาจริงๆ …..

“งั้นพวกเราจะต้องยอมแพ้แค่นี้งั้นหรอ ?” ไวท์เฟเธอร์อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความดื้อรั้นเล็กน้อย “นั่นคือซากปรักหักพังโบราณในดินแดนลับชั้นยอดเลยนะ !!!”

เธอเคยเข้าไปสำรวจซากปรักหักพังโบราณในดินแดนลับบางแห่งในตอนที่ยังอยู่กับไมโทโลจี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่าภายในนั้นมันมีอะไรรออยู่บ้าง ซึ่งแม้ว่ามันจะมีอันตรายอยู่ แต่มันก็มาพร้อมกับผลประโยชน์ที่คุ้มค่ามากๆเช่นกัน แถมที่นี่มันยังเป็นดินแดนลับที่มีระดับสูงกว่าดินแดนลับที่เธอเคยเข้าไปตอนอยู่กับไมโทโลจี้อีก ดังนั้นสิ่งของที่อยู่ภายในซากปรักหักพังโบราณในดินแดนลับแบบนี้นั้นจึงจะมีค่ามากกว่าดินแดนลับของไมโทโลจี้แน่นอน และบางทีมันอาจจะมีคำแนะนำมรดกที่ช่วยให้เลื่อนขั้นเป็นขั้นได้ง่ายขึ้นด้วยก็ได้

“มันก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ….” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะกล่าวตอบขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า “เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มันนับว่าเสี่ยงมาก และมีสิทที่พวกเราทั้งหมดจะถูกสังหารหมู่ ….”

แม้ว่าดินแดนลับแบบนี้จะไม่ได้จำกัดจำนวนผู้เล่นที่จะเข้าสู่ดินแดนลับ แต่มันก็ยังคงมีคูลดาวน์ในการจะกลับเข้ามาใหม่อยู่ดีสำหรับผู้เล่นแต่ละคนที่ตายลง ซึ่งสำหรับดินแดนลับระดับพระเจ้านั้นมันก็จะมีคูลดาวน์อยู่ที่ประมาณสิบวัน โดยตราบใดที่ผู้เล่นตายลง พวกเขาก็จะไปฟื้นคืนชีพนอกดินแดนลับ และต้องรอคูลดาวน์นี้ทันทีจึงจะสามารถเข้ามาได้ใหม่

ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมันก็นับเป็นการสูญเสียโอกาสของพวกเขาอย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาสามารถจะล่าในบริเวณรอบๆและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองไปเรื่อยๆเท่าที่พอใจได้ พวกเขาไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเข้าไปเสี่ยงแบบนี้เลย

เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง โคลท์ชาโด้วก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือ
เฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น และถามว่า “หัวหน้ากิล คุณมีแผนงั้นหรอ ?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่มันมีอัตราความสำเร็จแค่ราวสามสิบถึงสี่สิบเปอเซ็นต์นะ …” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “และนั่นก็เป็นกรณีที่ต้องไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายมากนักในซากปรักหักพังโบราณด้วย”
“สามสิบถึงสี่สิบเปอเซ็นต์ ?” ดวงตาที่สวยงามของโคลท์ชาโด้วนั้นจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินอัตราความสำเร็จที่เขาพูดออกมา อัตราความสำเร็จนี้มันอาจกล่าวได่ว่าสูงมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วมอนสเตอร์ที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นมันมีมากกว่าสามพันตัว แถมมันยังแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวด้วย “ฉันคิดว่าเราควรจะลองดูนะ แม้ว่าหากล้มเหลวมันจะน่าเสียดาย แต่ตอนนี้เราก็จำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ไวที่สุด และฉันก็คิดว่าตัวเลือกในการล่ารอบๆ หรือเข้าไปลึกขึ้นนั้นมันก็อันตรายพอกัน เพราะเราก็มีสิทที่จะต้องไปเจอกับมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าด้วย ซึ่งมอนสเตอร์ระดับนี้นั้นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะต่อกรกับมันได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นมันจึงดีกว่ามากที่เราจะเสี่ยงไปลองในสิ่งที่เราพอรู้อยู่บ้าง ….”

มอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้านั้น หากจ้อกันในโลกภายนอก มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นขั้นห้าจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายเลย ซึ่งมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ผู้เล่นขั้นสี่ยากจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีโดเมนในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง

และเรื่องที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมันก็เป็นการได้พบกับมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าในโลกภายนอกเท่านั้น ไม่ใช่ในดินแดนลับระดับพระเจ้าที่ผู้เล่นนั้นถูกปราบปรามอยู่ในระดับหนึ่งเมื่ออยู่ภายในด้วย แถมหากในระหว่างที่พวกเขาต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าอยู่ แล้วมีอีกตัวปรากฎขึ้นมาเพิ่มเติมพวกเขาก็จะตายแน่นอน และมันก็คงจะมีแต่ซือเฟิงเท่านั้นที่จะสามารถหนีไปได้

เมื่อได้ยินคำพูดของโคลท์ชาโด้ว โคล่า และคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย

ปัจจุบันอาวุธและอุปกรณ์ของพวกเขานั้นได้รับการปรับปรุงไปอย่างมาก และหากพวกเขาต้องการจะก้าวไปให้ไกลกว่านั้นมันก็อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากการจะเปลี่ยนอุปกรณ์และอาวุธระดับอีปิคทั้งแบบปกติ และเป็นเซ็ทแปดชิ้นที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ และเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นมันขึ้นอยู่กับโชค นี่ยังไม่นับรวมเรื่องเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานบางส่วนที่สามารถจะซ่อมแซมได้โดยใช้คริสตัลเทพเจ้าอีก แต่คริสตัลเทพเจ้านี้ก็ไม่ได้หาง่ายๆเลย

“เนื่องจากทุกคนคิดว่าควรลองดู งั้นเราก็มาลองกัน !!!” ซือเฟิงมองไปยังทุกคน ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “จริงๆแล้วมันง่ายมากที่จะเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณ ฉันต้องการให้พวกคุณช่วยลากมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ออกไปด้านนอก และตราบใดที่สามารถทำแบบนี้ได้นั้น ฉันก็สามารถจะเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณได้ ซึ่งแผนการนี้มันจะต้องไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายโผล่ขึ้นมาอย่างที่ฉันได้กล่าวไปแล้ว ไม่งั้นฉันก็จะไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น”

“หัวหน้ากิล ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง !!!” โคล่ากล่าวพลางตบหน้าอกด้วยความมั่นใจอย่างถึงที่สุด “พวกเราแท๊งเกอร์นั้นแข็งแกร่งขึ้นมากแล้วทั้งในด้านอาวุธ อุปกรณ์ และสกิลกับเวทย์ช่วยชีวิต ดังนั้นการจะลากและตรึงพวกมอนสเตอร์เหล่านี้ไว้สักห้านาทีน่าจะไม่มีปัญหาใดๆ”

“นอกเหนือจากนี้แล้ว พวกฉันอาชีพสายเวทย์มนต์ทั้งหมดก็ยังจะสามารถใช้เวทย์พันธนาการ และขัดขวางการเคลื่อนไหวของพวกมอนสเตอร์เหล่านี้เพื่อช่วยเหลือพวกแท๊งเกอร์ได้อีกทางด้วย” จ้าวเยว่รู่กล่าวพลางพยักหน้า

หลังจากได้ฟังคำสั่งของซือเฟิงทุกคนก็พยักหน้ารับกันอย่างพร้อมเพรียง “โอเค งั้นฉันจะฝากเรื่องนี้ทั้งหมดไว้ให้พวกคุณทุกคน และเดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไปสำรวจซากปรักหักพังโบราณนี้โดยเร็วที่สุด !!!”

เริ่มแรกโคลท์ชาโด้ว ไฟเออร์แดนซ์ และหยานเทียนซิงจะเป็นผู้ทำหน้าที่ล่อ กับลากพวกมอนสเตอร์เป้าหมายให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่กำหนดให้มากที่สุด

หลังจากพวกมอนสเตอร์มาถึงตำแหน่งที่กำหนด โคล่า เย่หวูเมี่ยน เทอเทิ้ลโดฟ และไวท์เฟเธอร์ก็จะเข้ารับผิดชอบต่อด้วยการตรึงพวกมันเอาไว้ด้วยทุกอย่างที่มี ในขณะเดียวกันพวกฮีลเลอร์ในแนวหลังก็จะคอยฮีลให้ทั้งสี่คนนี้อย่างบ้าคลั่งเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสี่คนนี้จะตรึงพวกมอนสเตอร์ไว้ได้นานที่สุด ….

ในส่วนของผู้เล่นนักเวทย์นั้น พวกเขาก็เข้าประจำตำแหน่งของตัวเองที่ด้านข้าง และใช้เวทย์พันธนาการ กับเวทย์ขัดขวางการเคลื่อนไหวคอยสนับสนุน ….

ซึ่งเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนั้น ซือเฟิงที่ปกปิดออร่ากับกลิ่นอายของตัวเองและซ่อนอยู่ไม่ไกลจากซากปรักหักพังโบราณก็เริ่มวิ่งตรงเข้าไปยังซากปรักหักพังโบราณอย่างรวดเร็ว

และด้วยความสามารถของผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์นั้นมันก็ทำให้ซือเฟิงสามารถเดินทางข้ามระยะหลายร้อยหลาได้ในก้าวเดียว

โดยนี่มันก็เหมือนกับการเทเลพอร์ตเลย เพราะภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที ซือเฟิงก็สามารถก้าวข้ามระยะหลายพันหลา และไปถึงที่บริเวณประตูของซากปรักหักพังโบราณได้ ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูและเดินเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณโดยที่พวกมอนสเตอร์บริเวณรอบๆไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย

อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงก้าวเข้ามาภายในซากปรักหักพังโบราณนั้น เหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ภายในนี้ก็หันมามองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยบ้าคลั่ง ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าโจมตีซือเฟิงจากทุกทิศทางกันอย่างรวดเร็ว

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับซือเฟิงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้านั้น เขาก็สามารถจะหลบการโจมตีพวกนี้ได้อย่างง่ายดายมากๆ

เพียงพริบตาเดียวซือเฟิงก็หายตัวไปจากห้องโถงขนาดใหญ่ และเข้าไปในทางเดินชั้นใต้ดินชั้นที่สองที่อยู่ลึกกว่า โดยแม้ว่าระหว่างทางมันจะมีกับดักต่างๆติดตั้งอยู่ แต่มันก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่ต่อหน้าซือเฟิง

ท้ายที่สุดแล้วในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ซือเฟิงก็ได้มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังโบราณ

ในส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังโบราณที่อยู่ใต้ดินนั้นมันเป็นเหมือนพื้นที่ว่างเปล่า และในพื้นที่ว่างเปล่านี้มันก็มีวิหารโบราณอันงดงามตั้งตระหง่านอยู่ และแม้จะผ่านไปหลายร้อยหรือหลายพันปี แต่วิหารโบราณแห่งนี้ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยออร่า Divine Might ที่แข็งแกร่ง

และถ้าไม่ใช่เพราะซือเฟิงเป็นผู้เล่นขั้นห้า รวมไปถึงมีไอเทมระดับตำนาน เขาก็คงจะไม่สามารถต้านทานออร่า Divine Might ที่แผ่ออกมาจากวิหารนี้ได้แน่นอน

“ช่างเป็นวิหารที่ทรงพลังมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเป็นผู้เล่นขั้นห้า และมีผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ที่เป็นไอเทมระดับตำนานอยู่ ฉันก็คงจะได้รับผลกระทบจากออร่า Divine Might ของมันแน่ๆ …” ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขารับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมของวิหารตรงหน้าเขา

และเท่าที่ซือเฟิงประเมินพลังออร่า Divine Might ของมันนั้น แม้แต่ผู้เล่นขั้นหกก็ยังจะได้รับผลกระทบแน่นอน หากพวกเขาเข้ามาที่นี่โดยไม่มีไอเทมระดับตำนาน ….

ขณะเดียวกันเมื่อซือเฟิงได้เดินเข้าใกล้วิหารนั้น เหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่ไล่ตามเขามาก็ได้หยุดลง และมองอยู่อย่างห่างๆ ซึ่งดูจากท่าทีของพวกมันแล้วดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่มีความตั้งใจจะเข้ามาใกล้วิหารมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย

สิ่งนี้มันทำให้ซือเฟิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เพราะนี่มันทำให้การเดินเข้าสู่วิหารแห่งนี้ของเขาง่ายขึ้นมาก ส่วนเรื่องการจะออกจากวิหารยังไงนั้นซือเฟิงคิดว่าไว้ค่อยคิดอีกทีก็ได้

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซือเฟิงเข้ามาถึงห้องโถงที่สว่างไสวของวิหาร เขาก็ได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำที่มีท่าทีเหมือนนักวิชาการกำลังยืนอยู่อย่างเงียบๆ

โดยในเวลานี้นั้นชายหนุ่มผู้นี้ก็กำลังพยายามรวบรวมวงเวทย์ที่เป็นแผ่นทองคำหลายวงเข้าด้วยกัน ซึ่งความซับซ้อนของวงเวทย์ที่ชายหนุ่มผู้นี้กำลังพยายามรวบรวมนั้น มันก็ทำให้แม้แต่ซือเฟิงยังรู้สึกปวดหัว

และช่วงเวลาที่ซือเฟิงมองไปที่ชายหนุ่มคนนี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่วิญญาณของตัวเอง

“ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง !!”

ซือเฟิงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เพราะชายหนุ่มผู้นี้นั้นคือผู้ที่เขาได้พบและต่อสู้ด้วยในเมืองแบล๊ควิง และชายหนุ่มผู้นี้ก็คือผู้ที่มอบคำสาปโซ่วิญญาณให้เขา (ขอเปลี่ยนชื่อหน่อยสกิลเป็นอันนี้นะ)

“หื้ม ? เป็นคุณงั้นหรอ ?” ชายหนุ่มจ้องมองไปยังซือเฟิงที่ปรากฎตัวขึ้นข้างหลังเขา และพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “การที่ทนอยู่ในคำสาปโซ่วิญญาณของฉันมาได้นานขนาดนี้ และยังไม่ตายหรือกลายเป็นหุ่นเชิดนี่จัดว่ายอดเยี่ยมมากๆ คุณนี่มันเป็นคนที่น่าประหลาดใจจริงๆ …”

“นี่ฉันควรจะรู้สึกเป็นเกียรติไหม ?” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง

ในตอนที่เขาพบกับชายหนุ่มผู้นี้เป็นครั้งแรกที่เมืองแบล๊ควิงนั้น เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นเป็น NPC ขั้นห้าที่เหนือกว่า NPC ขั้นห้าทั่วไปมาก ไม่งั้นเขาคงจะไม่สามารถหลบหนีออกจากเมืองแบล๊ควิงได้แน่นอน หลังจากก่อเรื่องใหญ่ซะขนาดนั้น

อย่างไรก็ตามในตอนนี้แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นห้าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถจะตรวจสอบข้อมูลของชายหนุ่มตรงหน้าได้เลย

สิ่งเดียวที่เขาสามารถตรวจสอบได้ก็คือชายหนุ่มตรงหน้าของเขานั้นยังคงอยู่ในขั้นห้า เพียงแต่ว่าชายผู้นี้นั้นก็ยังคงมีความพิเศษมากๆ เพราะแม้ว่าตัวเขานั้นจะอยู่ในขั้นห้าแล้ว แต่เมื่อจ้องมองไปยังชายผู้นี้ หัวใจของเขามันก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว

“ก็ควรนะ และในฐานะผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ในโลก God domain การที่คุณสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้เร็วขนาดนี้นั้นมันก็แปลว่าคุณมีคุณสมบัติที่จะเป็นหุ่นเชิดของฉัน !!!” ชายหนุ่มกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน ราวกับเขากำลังมองไปยังของเล่นชิ้นหนึ่ง “แล้วก็ตั้งแต่คุณมาที่นี่ในวันนี้ งั้นเราก็มาจบเรื่องระหว่างเรากันเลยดีกว่า !!!”

ชายหนุ่มกล่าวพลางยกมือขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานบอลเวทย์มนต์สีดำก็บินตรงไปยังซือเฟิง และในทุกๆที่ที่บอลเวทย์มนต์นี้เคลื่อนผ่านระหว่างบินไปหาซือเฟิงนั้นมันก็ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นความว่างเปล่ากับมืดมิดทั้งหมด

คำสาปขั้นห้า สวรรค์แห่งความมืด !!!

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset