Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2898

ตอนที่ 2898 ไอเทมที่ดรอปจากเทพีตกสวรรค์

ซือเฟิงนั้นได้รีบวิ่งไปที่ประตูทางออกของวิหาร ในเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มลึกลับได้ใช้เวทย์โจมตีเข้าใส่เขา

ซึ่งในครั้งนี้นั้นชายหนุ่มลึกลับไม่ได้จำเป็นที่จะต้องใช้ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของตัวเองในการจัดการกับเทพีตกสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงสามารถที่จะใช้สกิลเวทย์โจมตีซือเฟิงได้แบบเต็มที่

คำสาปขั้นห้า ทลายโดเมน !

คำสาปขั้นห้า Space-Time blockade !

คำสาปขั้นห้า การดับสูญของวิญญาณศักสิทธิ์ !

“ใช้คำสาปขั้นห้าพร้อมกันได้ถึงสามสกิลโดยที่แทบไม่ต้องร่ายเนี่ยนะ ?!” ซือเฟิงมองไปที่ชายหนุ่มลึกลับด้วยความสนใจ

ใน God domain การจะใช้คำสาปที่รุนแรงได้โดยที่แทบไม่ต้องร่ายนั้นมันทำได้
ยากมากๆ และต่อให้เป็นมหาจอมเวทย์ ขั้นห้าก็ยังยากจะทำได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามหากเป็นเวทย์ทั่วไปนั้น มหาจอมเวทย์ ขั้นห้าบางคนก็จะสามารถใช้ได้พร้อมกันโดยไม่ต้องร่ายราวสองสกิล

สำหรับเทพจอมเวทย์ขั้นหกนั้น พวกเขาจะสามารถใช้คำสาปขั้นห้าโดยที่แทบไม่ต้องร่ายได้พร้อมกันสองสกิลเท่านั้น …. ในส่วนของการใช้คำสาปขั้นห้าสามสกิลพร้อมกันได้โดยที่แทบไม่ต้องร่ายนั้น ซือเฟิงคิดว่ามันไม่น่าจะมีใครทำได้ด้วยซ้ำใน God domain

แต่ตอนนี้ชายหนุ่มลึกลับตรงหน้าของเขากับทำได้ ….

และเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคำสาปขั้นห้าถึงสามสกิลพร้อมกันนั้น ซือเฟิงก็ไม่มีโอกาสที่จะหลบได้เลย แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกสิ้นหวังนั้น มังกรขั้นห้า ทั้งห้าตัวก็ได้ร่ายเวทย์เป็นภาษามังกรสร้างบาเรียขึ้นมา ซึ่งบาเรียนี้มันก็ได้ช่วยแยกซือเฟิงออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ตู้ม !!

เมื่อการโจมตีทั้งหมดปะทะเข้ากับบริเวณที่ซือเฟิงอยู่ และค่อยๆจางหายไปนั้น ซือ
เฟิงก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม เพียงแต่ว่าบาเรียที่มังกรทั้งห้าตัวสร้างขึ้นมาช่วย
ป้องกันซือเฟิงนั้นมันได้สลายหายไปบางส่วนก็เท่านั้น

เมื่อได้เห็นดังนี้ชายหนุ่มลึกลับก็รู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่เขาจะหันไปหามังกรขั้นห้า ทั้งห้าตัว และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ ! ยังไงวันนี้หมอนี่ก็จะต้องตายที่นี่ !!”

เมื่อกล่าวจบชายหนุ่มลึกลับก็ได้กระแทกคทาของเขาลงบนพื้นห้องโถง และเปลี่ยนทั้งห้องโถงให้กลายเป็นพื้นที่ที่มืดมิด ก่อนที่โซ่สีดำสนิทจะปรากฎขึ้นมาจากทุกทิศทางเข้าพันธนาการมังกรขั้นห้า สามตัวไว้อย่างสมบูรณ์จนไม่สามารถขยับไปไหนได้ ในขณะที่มังกรอีกตัวหนึ่งนั้นแม้จะพอขยับได้อยู่บ้าง แต่ก็ต้องดิ้นรนในการขยับอย่างยากลำบาก ซึ่งตอนนี้มันก็ทำให้เหลือเพียงแต่มังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำมังกรทั้งสี่เท่านั้นที่สามารถรอดพ้นจากสกิลนี้ของชายหนุ่มลึกลับมาได้

สำหรับซือเฟิงพร้อมกับ ร่างแยกทั้งหมดของเขานั้นก็ไม่รอดไปจากสกิลนี้เช่นกัน และนี่มันก็ส่งผลให้ซือเฟิงไม่สามารถจะทำอะไรได้เลยในสถานการณ์นี้

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอะไรแบบนี้นั้นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าก็ยังยากจะรับมือได้เลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเขาที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขั้นห้า

“ถ้าจะต้องตายที่นี่จริงๆ ฉันก็จะขอดิ้นรนให้ถึงที่สุดก่อน !!!”

ซือเฟิงกัดฟันพลางเปิดใช้งานสกิลใช้งานเพิ่มเติมสกิลที่สองของดาบแสงแห่งสองโลก วิญญาณทอง ซึ่งแม้ว่าสกิลวิญญาณทองนี้จะไม่ได้ช่วยเพิ่มค่าสถานะของผู้เล่น แต่มันก็สามารถจะช่วยเพิ่มระดับวิญญาณของผู้เล่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ผู้ใช้มันได้มาถึงขั้นห้าแล้วนั้น มันจะเพิ่มระดับวิญญาณของผู้ใช้มันไปถึงขั้นหกเป็นการชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตามมันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นกัน

ในตอนที่สกิลวิญญาณทองนี้ยังอยู่ในขั้นสี่ มันเพียงช่วยปรับปรุงการรับรู้ธาตุเวทย์มนต์ และการควบคุมมานาของผู้เล่นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่สกิลนี้มาถึงขั้นห้า มันก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ และเมื่อผลของสกิลหมดลงนั้น มันก็จะทำให้ผู้วิญญาณของผู้เล่นต้องตกอยู่ในสถานะอ่อนแอเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้สกิลนี้ และเมื่อเขาใช้สกิลนี้นั้น ซือเฟิงก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน การรับรู้สภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งหมดของเขามันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังเข้าใจถึงองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และการควบคุมมานาทั้งหมดในพื้นที่โดยรอบได้อย่างดีมากขึ้น โดยตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงส่วนขยายของร่างกายของเขาที่เขาสามารถจะถ่ายโอนและใช้งานมันได้อย่างสบายๆ ซึ่งนี่มันทำให้เขาสามารถใช้ทั้งหมดนี้ได้แข็งแกร่งกว่าตอนใช้โดเมนมานาที่เป็นการใช้แบบอ้อมๆซะอีก

หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เขาได้มาถึงระดับการควบคุมอย่างแท้จริงแล้ว !!!

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้กวัดแกว่งดาบสองเล่มของเขาเข้าใส่การโจมตีที่กำลังเข้ามา

ดาบที่สาม การทำลายล้างศักสิทธิ์ !!

โดยในครั้งนี้นั้นพลังในการโจมตีนี้ของซือเฟิงมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยจากการที่ดาบในมือของซือเฟิงสามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่โดยรอบตรงหน้าเขาไปได้

ตู้ม !

เมื่อการโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกันนั้น มันก็ทำให้บาเรียส่วนที่เหลือค่อยๆแตกสลาย และหายไปอย่างสมบูรณ์

“แน่นอนเลยว่านี่เป็นการทำลายล้างศักสิทธิ์ที่แท้จริง การใช้มันแบบง่ายๆเมื่อครู่นั้นเทียบไม่ได้กับตอนนี้เลย และดูเหมือนว่าการใช้มันด้วยการทำให้มานาโดยรอบทั้งหมดเป็นพลังมานาของตัวเองนั้น จะเป็นวิธีการใช้ที่แข็งแกร่งที่สุด !!!” ซือเฟิงพึมพำอย่างตื่นเต้น ขณะที่เขานึกถึงการโจมตีด้วยการทำลายล้างศักสิทธิ์ครั้งล่าสดที่เขาใช้ออกมา

เพราะท้ายที่สุดในช่วงเวลาสั้นๆที่เกิดขึ้นนี้ มันก็ได้ทำให้เขารู้แล้วว่าหนทางในการก้าวต่อไปของเขามันควรจะเป็นอย่างไร ….

ในตอนนี้ซือเฟิงารู้แล้วว่าวิธีการที่เขาใช้มานาของตัวเองเพื่อควบคุมมานาโดยรอบให้มาเป็นพลังของตัวเองด้วยนั้นมันค่อนข้างจะแย่เกินไป และสิ่งที่เขาควรจะทำจริงๆก็คือเปลี่ยนวิธีการในเรื่องนี้ด้วยการใช้มานาของตัวเองนั้นบู๊สเพิ่มพลังให้กับมานาโดยรอบ แล้วค่อยจัดการควบคุมให้มันเป็นของตัวเอง และใช้มันออกมา

อย่างไรก็ตามวิธีการนี้นั้นมันพูดง่ายกว่าทำ เพราะผู้เล่นจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎการทำงานของมานา และองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ใกล้เคียงกับขั้นหก นอกเหนือจากนี้ผู้เล่นก็ยังจะต้องมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจใกล้เคียงกับขั้นหก หรืออยู่ในขั้นหกเลยด้วย เพราะการทำแบบนี้นั้นมันจะต้องใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจสูงมากๆ

นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่หลังจากใช้ได้แล้ว ผู้เล่นจะต้องทำการปรับแต่งให้มันเหมาะกับตัวเองเพื่อลดภาระให้การใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจด้วย ….

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ครั้งนี้มันก็นับว่าเป็นกำไรมากๆสำหรับซือเฟิงแล้ว เพราะเมื่อเขาถูกบังคับให้ต้องใช้สกิลนี้ มันก็ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจ และแนวทางในการที่จะก้าวต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มลึกลับนั้นก็ยังคงไม่ยอมแพ้ และเขาก็ได้พยายามที่จะโจมตีซือเฟิงต่อ หากแต่ว่าซือเฟิงในตอนนี้นั้นสามารถรับมือกับการโจมตีของชายหนุ่มลึกลับได้แทบทั้งหมดแล้ว แม้ว่าเขาจะได้รับความเสียหายจน HP ลดไปอยู่บ้างก็ตาม

และท้ายที่สุดแล้วนั้นซือเฟิงก็ได้ใช้การทำลายล้างศักสิทธิ์อีกครั้งหนึ่งเพื่อทำลายโดเมนของชายหนุ่มลึกลับ และรีบพุ่งตัวหนีออกไปจากวิหาร

สำหรับชายหนุ่มลึกลับนั้น แม้ว่าเขาจะถูกมังกรขั้นห้า ห้าตัวตรึงเอาไว้ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์จะสามารถส่งโซ่สีดำจำนวนหนึ่งให้พุ่งติดตามซือเฟิงมาได้

เมื่อเห็นดังนี้ซือเฟิงก็ได้ตัดสินใจจะเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตสกิลสุดท้ายของเขาอย่างโล่วอยทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขาได้รับโล่ช่วยดูดซับความเสียหายมา และพร้อมกันนั้นความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขามันก็เพิ่มขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์ด้วย

แต่ถึงกระนั้นโซ่สีดำเหล่านี้มันก็ยังมีบางส่วนที่ไล่ตามซือเฟิงมาได้ทัน และโจมตีโดนเขาจนทำให้โล่ดูดซับความเสียหายของซือเฟิงมี HP ลดลงไปมากกว่าสิบล้าน ซึ่งหากไม่ใช่เพราะผลของโล่วอย ซือเฟิงก็อาจจะต้องตายไปนานแล้วด้วยซ้ำ ….

ท้ายที่สุดแล้วซือเฟิงก็สามารถหลบหนีออกมาจากซากปรักหักพังโบราณได้ และเมื่อเขาหลบหนีออกมาได้นั้น เขาก็ได้รีบเรียกรวมทุกคนที่ล่อพวกมอนสเตอร์ด้านนอกให้เขาอยู่ ก่อนที่จะพาทุกคนหลบหนีออกไปจากดินแดนลับแห่งนี้ทันที …. ซึ่งที่เขาทำแบบนี้มันก็เป็นเพราะว่าหากชายหนุ่มลึกลับตามออกมา พวกเขาทั้งหมดก็จะตายแน่นอน หากไม่ยอมหลบหนี

แม้ว่าซือเฟิงจะยังคงมีข้อสงสัยอยู่หลายสิ่ง แต่ตอนนี้เขาก็เลือกจะพับมันไว้ก่อน เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ความปลอดภัยของตัวเขาเอง และคนของเขานั้นสำคัญที่สุด

หลังจากนั้นราวสองวินาทีทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่ซือเฟิงคาดเดาเอาไว้จริงๆ เพราะชายหนุ่มลึกลับได้ปรากฎตัวขึ้นมาที่บริเวณทางเข้าออกของซากปรักหักพังโบราณ พลางจ้องมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงหนีไปด้วยแววตาเย็นชา

ขณะเดียวกันมังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำมังกรทั้งสี่ตัวที่ไล่ตามชายหนุ่มลึกลับมาติดๆนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “นักวิชาการหนุ่ม คุณนี่มันช่างน่าสังเวชจริงๆ !!! แผนการของคุณที่คุณวางมาหลายปีได้ถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว แถมคุณยังไม่สามารถจะตามไล่ล่าผู้ที่ทำลายมันได้ด้วย !!!”

“เหอะ ! ไอ้กิ้งก่า แกคิดว่าฉันไม่มีทางออกสำหรับเรื่องนี้งั้นหรอ ?!” ชายหนุ่มลึกลับนั้นไม่ได้รู้สึกโกรธใดๆกับคำพูดเย้ยหยันของมังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำมังกรทั้งสี่ตัว ตรงกันข้ามเขากับหัวเราะ และยิ้มบางๆออกมา “ฉันยังมีคำสาปโซ่วิญญาณติดตัวเขาอยู่ ดังนั้นยังไงซะฉันก็จะหาเขาเจอแน่นอน !!! และอีกไม่นานตัวฉันเองก็กำลังจะได้เป็นอิสระจากสิ่งที่เป็นอยู่แล้วด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่สามารถหนีไปจากฉันได้แน่นอน !!!”

เมื่อกล่าวจบชายหนุ่มลึกลับก็โบกคทาของตัวเอง และสลายร่างไปต่อหน้าต่อตาของมังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำมังกรทั้งสี่ตัว

ในด้านของซือเฟิงในที่สุดเขาก็ได้ออกมาถึงบริเวณประตูควบคุมดินแดนลับของเทพปีศาจของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองแล้ว และซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำอย่างโล่งใจในขณะที่จ้องมองไปยังประตูนี้ “ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้วแหะ …. แต่ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างน่าจะโอเคแล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้น่ะนะ ….”

สำหรับชายหนุ่มลึกลับนั้น ต้องบอกเลยว่าถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเจออีกเป็นครั้งที่สาม

ชายหนุ่มลึกลับนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง เขาแข็งแกร่งจนน่ากลัว และถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากมังกรขั้นห้า ห้าตัว เขาก็คงจะตายไปแล้วแน่นอน

“หัวหน้ากิล นี่หัวหน้าไปทำอะไรในซากปรักหักพังโบราณกัน ทำไมหัวหน้าถึงมีเลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองแล้ว ?” ไฟเออร์แดนซ์มองไปที่ซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง

ก่อนที่ซือเฟิงจะเข้าสู่ซากปรักหักพังโบราณนั้นเลเวลของเขาคือหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ด แต่ตอนนี้หลังจากออกมาจากซากปรักหักพังโบราณนั้นเขากับมีเลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองแล้ว เลเวลของเขามันพุ่งขึ้นเร็วจนน่าเหลือเชื่อเกินไป !!!

เมื่อได้ยินคำพูดของไฟเออร์แดนซ์ ซือเฟิงก็ตอบคำถามของเธออย่างสบายๆ แต่กระนั้นตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเลเวลของตัวเอง และเมื่อได้เห็นมันจริงๆซือเฟิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าการฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ ขั้นห้ามันจะทำให้เขาได้รับ EXP มากมายมหาศาลจนเลื่อนเลเวลมามากขนาดนี้

และนี่มันก็เป็น EXP ที่เขาได้รับจากการโจมตีและฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงในตอนที่เทพีเหลือ HP แค่ราวหกเปอเซ็นต์เท่านั้นด้วย ในทางตรงกันข้ามหากเขาโจมตีตั้งแต่ตอนที่เทพีมี HP หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ และฆ่าได้ เขาก็จินตนาการถึง EXP ที่เขาจะได้รับไม่ออกเลย

“ฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นห้า เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ ?”

“หัวหน้ากิล หัวหน้าโกหกพวกเรารึปล่าว ? นั่นคือเทพีตกสวรรค์เลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!!”

เมื่อทุกคนได้ยินคำตอบของซือเฟิงนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความไม่เชื่อ เพราะท้ายที่สุดนี่มันคือเทพีตกสวรรค์เลยที่พวกเขากำลังพูดถึง ไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายหรืออื่นใด

เทพีตกสวรรค์นั้นมีพลังเทียบเท่ากับมังกรโตเต็มวัยขั้นห้าเลย นี่ยังไม่นับรวมว่าถ้าเป็นเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงนั้นก็จะมีพลังเทียบเท่ากับมังกรศักสิทธิ์โตเต็มวัยขั้นห้าด้วย ซึ่งไม่ต้องพูดถึงการฆ่าเลย แค่มีคนๆหนึ่งเดินมาบอกพวกเขาว่าสามารถหลบหนีออกมาจากตัวตนระดับนี้ได้ พวกเขาก็จะยอมรับว่าคนๆนั้นมีความสามารถสูงแล้ว

“นี่ๆ …” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพูดไม่ออก เมื่อเห็นท่าทีของทุกคน ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันโกหกพวกคุณทั้งหมดไปแล้วมันจะได้อะไร ? นอกเหนือจากนี้ฉันก็ได้เก็บไอเทมที่ดรอปจากเทพีตกสวรรค์นั่นมาด้วย ….”

เมื่อพูดจบ ซือเฟิงก็นำไอเทมที่ดรอปจากเทพีตกสวรรค์ที่เขาเก็บมา ออกมาให้ทุกคนดู

โดยหลังจากที่ซือเฟิงนำไอเทมเหล่านี้ออกมานั้น มันก็ดูเหมือนว่ามานาทั้งหมดภายในห้องจะถูกแช่แข็ง ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทุกคนหายใจได้อย่างลำบากมากขึ้น

ขณะเดียวกันไอเทมบางชิ้นนั้นมันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอยากจะถอยหนีด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากได้ตรวจสอบไอเทมที่ซือเฟิงนำออกมานั้น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบอลคริสเจ็ดสี

“ดวงตาของเทพโบราณ ?!”

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset