Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2917.2

“นักวิชาการนั่นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่กล้าจะอัญเชิญสิ่งมีชีวิตแบบพวกคุณออกมา !!!” ชารีนกล่าวขณะที่มองไปยังซี่หลู่เอ๋อ และการูด้า ก่อนที่เธอจะมองไปยังกลุ่มของซือเฟิงด้วยความเป็นห่วง และกล่าวออกมาว่า “แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกคุณสองคนกล้าจะบุกเข้ามาที่นี่ ดังนั้นก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเลยแล้วกัน !!!”
“คุณคิดว่าคุณจะทำแบบนั้นได้งั้นหรอ ?” หลังจากทำการสังเกต และวิเคราะห์ชารีนอย่างละเอียดแล้ว ซี่หลู่เอ๋อก็หัวเราะ และพูดว่า “คุณพึ่งจะตื่นขึ้นเท่านั้น คุณคิดว่าเราจะไม่สามารถต่อกรกับคุณได้งั้นหรอ ?!!”

อย่างไรก็ตามทันทีที่ซี่หลู่เอ๋อพูดจบ ชารีนก็โบกคทาเจ็ดสีในมือของเธอทันที และทันใดนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ รวมไปถึงตัวซือเฟิงเองก็รู้สึกว่าเวลาช้าลง และแม้ว่าสมองของพวกเขาจะยังคงประมวลผล และคิดเรื่องต่างๆได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะขยับตัวได้เลย

เธอหยุดเวลา ?

ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขาได้เห็นฉากตรงหน้าของเขา ….

เวทย์ของชารีนนั้นมันจัดว่าท้าทายสวรรค์อย่างมาก !!!

อย่างไรก็ตามไม่ถึงสองวินาทีหลังจากที่ชารีนทำการหยุดเวลา เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองก็ได้หลุดพ้นจากพันธนาการของเวลา และกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ได้ใช้หอกสายฟ้าโจมตีเข้าใส่ชารีนทันที แต่กระนั้นการกระทำ และเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขามันก็ช้ามากๆจนแม้แต่ผู้เล่นขั้นหนึ่งก็ยังสามารถจะมองเห็นทั้งหมดได้ง่ายๆเลย ….

ในขณะเดียวกันชารีนก็ได้ยกมือขึ้น และทำให้พื้นที่มิติโดยรอบแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนพื้นที่มิติเหล่านี้ให้เป็นใบมีด และใช้มันโจมตีเข้าใส่เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหันมาป้องกันตัวเอง แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็ไม่สามารถจะป้องกันการโจมตีของชารีนไว้ได้ทั้งหมด

ช่วงเวลาต่อมาความเสียหายมากกว่าสองร้อยล้านก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า และหลังจากโดนการโจมตีของชารีนไปหนึ่งระลอก เทพีตกสวรรค์ทั้งสองก็สูญเสีย HP ไปมากกว่าห้าพันล้านเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ HP เก้าแสนล้านที่ทั้งสองมีนั้น ความเสียหายแค่นี้มันนับว่าเป็นแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น

หลังจากนั้นการต่อสู้ก็ดำเนินไปอีกยี่สิบวินาที และ HP ของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองก็ลดลงไปอยู่ที่แปดสิบเปอเซ็นต์ ซึ่งมันก็พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเลยว่าชารีนนั้นมีความสามารถในการจะฆ่าพวกเขา

“แม่ง !! เธอพึ่งจะตื่นขึ้นมาเอง แต่ทำไมเธอถึงแข็งแกร่งขนาดนี้กัน ?!!” ซี่หลู่เอ๋อจ้องมองไปที่ชารีนด้วยความขุ่นเคือง

“เราจะตายอยู่ที่นี่ ถ้าเรายังคงสู้ต่อไป !!!” การูด้ากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเราต้องถอย ถ้าเรายังคงฝืน และผู้ปกครองเมืองแบล๊ควิงตามมาสมทบกับเธอได้ เราก็จะหมดโอกาสหนีแน่นอน …”

“เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้การเคลื่อนไหวนั้น ….” ซี่หลู่เอ๋อกล่าวพลางกัดฟัน ในขณะที่เธอหยิบหินสีดำออกมา

ซึ่งเมื่อได้เห็นซี่หลู่เอ๋อหยิบหินสีดำออกมานั้น ใบหน้าของชารีนก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด โดยปฎิกิริยานี้ของเธอนั้นมันก็ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าที่เฝ้าดูอยู่รู้สึกงงงวยมากๆ เพราะพวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังใดๆเลยจากหินสีดำนั่น และในสายตาของพวกเขาหินสีดำนั่นมันก็เป็นเพียงแค่หินธรรมดาเท่านั้น ….

อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองได้ หินสีดำในมือของซี่หลู่เอ๋อก็ได้สลายตัวไป และพลังที่แข็งแกร่งก็เริ่มก็ตัวขึ้นที่ฝ่ามือของเธอ ก่อนที่มันทำลายพันธนาการเวลาทั้งหมดที่ส่งผลต่อเธอ ซึ่งมันทำให้เธอสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

หลังจากนั้นซี่หลู่เอ๋อก็ได้ใช้พลังนี้โจมตีเข้าใส่ซือเฟิง ไอรอนโซล และชารีนทันที ซึ่งด้วยพลังที่แข็งแกร่งของมันนั้นมันก็ได้ทำลายพันธนาการเวลาทั้งหมดไปพร้อมกับที่กำลังพุ่งเข้าใส่ทั้งสามคน

สิ่งนี้ทำให้ซือเฟิง และไอรอนโซลประหลาดใจมากๆ เพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าซี่หลู่เอ๋อจะยังคงเลือกที่จะโจมตีพวกเขาต่อ แม้ในสถานการณ์แบบนี้ ….

เมื่อซือเฟิงเห็นว่าการโจมตีของซี่หลู่เอ๋อกำลังใกล้เข้ามานั้น เขาก็รู้สึกว่าวิญญาณของเขามันสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเขาก็ได้รีบเปิดใช้งานโล่วอย แสงทลายโลก และดาบสุดท้ายเพื่อโต้ตอบทันที พร้อมกันนั้นหลังจากใช้สกิลพวกนี้ไปแล้ว ซือเฟิงก็ยังได้ใช้วัฎสงสารแห่งดาบอย่างไม่ลังเล สำหรับไอรอนโซลเขาก็ได้เปิดใช้งานไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเช่นกัน โดยที่ตอนนี้โล่ระดับตำนานของเขามันก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำที่เข้าห่อหุ้มร่างของเขาไว้

ตู้ม !!

เมื่อเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมานั้น มันก็มีร่างของคนๆหนึ่งพุ่งออกมาจากฝุ่นควันราวกับกระสุนปืนใหญ่ ก่อนที่จะปลิวไปกระแทกกับกำแพงของห้องประชุมจนทำให้วงเวทย์ป้องกันในส่วนนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที ….

“หัวหน้ากิล !!!” ไฟเออร์แดนซ์รู้สึกตกใจมากๆ เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะร่างที่พุ่งออกมาจากฝุ่นควันนั้นมันก็คือร่างของซือเฟิงนั่นเอง และแม้ว่าซือเฟิงจะเปิดใช้งานสกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทั้งหมดเพื่อโต้ตอบ และป้องกันตัวเอง แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากๆจากการโจมตีเมื่อครู่ โดยที่เขาก็สูญเสีย HP ไปมากกว่าสองในสาม …. ซึ่งผลลัพธ์นี้นั้นมันไม่น่าเชื่อเลย ขณะที่ด้านของไอรอนโซลนั้นเมื่อฝุ่นควันจางลง ทุกคนก็สามารถสังเกตเห็นร่างของเขาได้อย่างชัดเจน โดยเขายังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของเขา อย่างไรก็ตามร่างกายของเขานั้นซีดมากๆ และ HP ของเขาก็ไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว

โดยเมื่อไอรอนโซลตายลงนั้น แหวนทองแดงก็ได้ดรอปออกมาจากร่างของเขา ซึ่งเมื่อเห็นแหวนนี้ซี่หลู่เอ๋อก็ได้รีบตรงเข้าไปคว้ามันไว้ทันที ในขณะเดียวกันการูด้าก็ได้ใช้โอกาสนี้แทงหอกของเธอเข้าใส่ซือเฟิงทันที ซึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เข้ามาอย่างกระทันหันนี้ ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะท้ายที่สุดเมื่อเขารับการโจมตีเมื่อครู่มานั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และแขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงชาจนขยับไม่ได้อยู่ ….

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่การโจมตีของการูด้ากำลังจะโดนซือเฟิงนั้นชารีนก็มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเขา และหยุดหอกของการูด้านด้วยปลายนิ้วของเธอ

ตู้ม !!

ในช่วงเวลาต่อมาการโจมตีด้วยหอกในครั้งนี้ของการูด้าก็ค่อยๆหายไป จากนั้นมันก็พลังที่มองไม่เห็นตบการูด้าจนปลิวกระเด็นไปติดกับกำแพงด้านหนึ่ง และทำให้ HP ของเธอลดลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยล้านทันที

“ไม่ดีแล้ว !! หนีเร็ว !!!” เซี่ยหลู่เอ๋อตะโกน จากนั้นเธอก็ได้ทำการเปิดรอยแยกติมิ และหนีหายเข้าไปพร้อมกับแหวนทองแดงในมือของเธอ

สำหรับการูด้า ตัวเธอเองนั้นก็พยายามจะถอยหนีเช่นกัน เมื่อเห็นซี่หลู่เอ๋อถอยหนีไปแล้ว

อย่างไรก็ตามก่อนที่การูด้าจะทันได้ถอยหนีนั้น ชารีนก็มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของเธอแล้ว และชารีนก็ได้ใช้คทาของเธอแตะไปที่หน้าผากของการูด้า ก่อนที่การูด้าจะพบว่าตัวเธอนั้นได้ถูกตรึงอยู่ และ HP ของเธอก็กำลังลดลงเรื่อยๆ

หลังจากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปอีกเป็นเวลาสามสิบวินาที ร่างกายของการูด้าก็ได้เปลี่ยนเป็นคริสตัลขนาดเท่ากับกำปั้น ในขณะเดียวกันออร่าที่รุนแรงของชารีนนั้นก็อ่อนแอลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นหลังจากได้รับคริสตัลนี้มาแล้ว ชารีนก็ได้หันไปหาซือเฟิงที่พึ่งจะกลับมายืนขึ้นได้ และกล่าวว่า “นายมากับฉัน …. ส่วนคนอื่นๆรีบกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม พวกคุณเหลือเวลากันอีกไม่มากแล้ว !!!”

หลังจากพูดจบชารีนก็โบกคทาของเธอ และเรียกประตูเทเลพอร์ตออกมา

จากนั้นเธอก็ได้เดินเข้าไปในประตู และทิ้งให้ซือเฟิง กับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าคนอื่นๆงุนงงกับสถานการณ์ ….

สำหรับตัวซือเฟิงนั้นเมื่อเขาจัดการมอบหมายงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เขาก็ได้ให้ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆกลับไปที่สภาสิบแปดปีกก่อน จากนั้นเขาก็ติดต่อเมลาน
โครอิคสไมล์และออกคำสั่งให้เธอใช้กำลังคนทั้งหมดที่มีตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างเรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟทันที เพราะอาวุธทรงอานุภาพเหล่านี้จะช่วยขัดขวางการรุกคืบของกองทัพ NPC จากโลกอื่นได้อย่างมาก และหลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแบบเบ็ดเสร็จแล้ว ซือเฟิงก็ได้เดินตามชารีนเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต

ในส่วนของผู้เล่นคนอื่นๆนั้น พวกเขาก็เข้าใจดีในสิ่งที่ชารีนหมายถึง เพราะหากชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการนั่นได้รับสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดชิ้นไป พลังของเขาก็จะทะยานขึ้นไปอีกขั้นแน่นอน และหากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะจัดการกับกองทัพ NPC จากโลกอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องรีบกลับไป และเริ่มมาตราการตอบโต้ทันที และพวกเขาก็ยังต้องเร่งแผนขัดขวางการรุกคืบของกองทัพ NPC จากโลกอื่นด้วย
ในช่วงเวลาหนึ่งกองกำลังของผู้เล่นในทวีปด้านตะวันออกก็ได้หันมาสามัคคีและร่วมมือกันในเรื่องนี้ และแม้แต่กองกำลังของผู้เล่นในทวีปด้านตะวันตกนั้นก็ยังเริ่มทยอยกันส่งกำลังพลเข้ามาเสริมในทวีปด้านตะวันออก ซึ่งนี่เป็นเพราะทุกคนเข้าใจดีว่าหากพวกเขาแพ้สงครามครั้งนี้นั้นทวีปหลักของ God domain ก็จะต้องจบสิ้นแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องเอาชนะสงครามครั้งนี้ให้ได้โดยไม่สนค่าใช้จ่ายใดๆ

อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ซือเฟิงเข้ามาในประตูเทเลพอร์ตเขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในห้องโถงชั้นบนสุดของหอคอยสตาร์เกซซิ่ง โดยชารีนนั้นก็นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ปลายสุดของห้องโถง ในขณะที่ใบหน้าของเธอนั้นก็ดูซีดไปมาก ซึ่งในตอนนี้นั้นเธอดูอ่อนแอกว่าตอนที่พึ่งฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง การูด้า ไปซะอีก

“นักวิชาการนั่นบ้าไปแล้ว !!! แต่ตอนนี้ในเมื่อเขาได้รับสมบัติชั้นยอดไปเพิ่มอีกชิ้นหนึ่งแล้ว เขาก็จะสามารถฟื้นคืนพลังของเขามาได้อีกบางส่วนแน่นอน” ชารีนกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิง “ตอนนี้นายมีสมบัติชั้นยอดอยู่สี่ชิ้น ดังนั้นแน่นอนว่านายคือเป้าหมายต่อไปของเขาแน่นอน และหากเขาได้รับสมบัติชั้นยอดไปครบเจ็ดชิ้นเมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถฟื้นคืนพลังทั้งหมดของเขาได้อย่างเต็มที่ และสามารถกลับมาควบคุม God domain ได้ทั้งหมด โดยในเวลานั้นมันก็จะไม่มีผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์คนใดที่จะรอดพ้นจากความโกรธเกรี้ยวไปได้ รวมถึงตัวนายเองที่น่าจะถูกเนรเทศออกไปจาก God domain แบบถาวรเลย ….”

“กลับมาควบคุม God domain ได้ทั้งหมด ?” ซือเฟิงรู้สึกสับสน เมื่อได้ยินคำพูดของชารีน

“เทพโบราณนั้นเคยปกครอง God domain อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามหลังมหาสงครามครั้งสุดท้าย พวกเขาก็ได้สูญเสียการควบคุม God domain ทั้งหมดไป โดยนักวิชาการนั่นก็เป็นหนึ่งในเทพโบราณเหล่านั้น ….” ชารีนกล่าวพลางพยักหน้า “ปัจจุบันพลังส่วนใหญ่ของเขาถูกผนึกไว้ในสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดชิ้น หรือจะพูดให้ถูกก็คือสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดชิ้นนั้นถูกสร้างขึ้นโดยพลังของเขา … ในตอนนี้มีเพียงแต่ผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ขั้นหกเท่านั้นที่จะสามารถป้องกันไม่ให้เขาฟื้นคืนพลังได้ และในขณะนี้นายก็อยู่ห่างจากขั้นหกเพียงก้าวเดียว ดังนั้นฉันจึงหวังว่านายจะจัดการเรื่องนี้ได้ ….”

เมื่อชารีนพูดจบ เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง

ระบบ : ยินดีด้วย !! คุณได้เปิดใช้งานเควสระดับเทพนิยาย “การตื่นขึ้นของเทพโบราณ” เนื้อหาเควส : ป้องกันการตื่นขึ้นของเทพโบราณ รางวัล : Unknown และจะไม่มีการลงโทษใดๆสำหรับความล้มเหลว คุณต้องการจะรับเควสหรือไม่ ?

ซือเฟิงรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่เมื่อเขาได้อ่านเนื้อหาของเควส ….

นี่เขามีทางเลือกด้วยงั้นหรอ ?

ชารีนนั้นได้บอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าหากทำเควสนี้ไม่สำเร็จมันจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่จำเป็นต้องกำหนดบทลงโทษใดๆ

“ฉันรับเควสนี้ …” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปยังชารีน ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตามในตอนนี้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของฉันติดอยู่ที่ขั้นสูงสุดของขั้นห้า และหากฉันไม่สามารถทะลวงค่าความแข็งแกร่งทางจิตของฉันให้เข้าสู่ขั้นหกได้ ฉันก็จะไม่สามารถเข้าสู่ขั้นหกได้เลย ไม่ต้องพูดถึงการหยุดยั้งเทพโบราณ”

ชารีนยิ้ม เมื่อเห็นว่าซือเฟิงนั้นพยายามจะต่อรองกับเธอ จากนั้นเธอก็พูดว่า “พูดมาเถอะน่า ถ้านายต้องการผลประโยชน์บางอย่างน่ะ …. ฉันเองก็ไม่ใช่คนขี้เหนียวอะไร และเนื่องจากนายตกลงจะทำเควสนี้แล้ว ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะต้องให้การสนับสนุนนายในระดับหนึ่ง โดยในขณะนี้นั้นค่าความแข็งแกร่งทางจิตของนายจะไม่สามารถเข้าถึงขั้นหกได้แน่นอน และเหตุผลนั้นมันก็ง่ายมากคือนายยังขาดการสะสม ช่องว่างระหว่างขั้นห้า กับขั้นหกนั้นมันมากกว่าที่นายคิด ซึ่งด้วยความเร็วในการพัฒนาตัวเองของนายในปัจจุบัน นายน่าจะต้องใช้เวลาอีกราวปีครึ่งในการทะลวงค่าความแข็งแกร่งทางจิตให้เข้าสู่ขั้นหก”

“ปีครึ่ง ? ฉันมีเวลามากขนาดนั้นเลยรึไง ?” ซือเฟิงถามพลางขมวดคิ้ว ในตอนนี้ถ้าเขาอยู่รอดต่อไปได้อีกสองถึงสามเดือน มันก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว เพราะท้ายที่สุดผู้ที่เล็งเป้าหมายมาที่เขา คือ เทพโบราณ

“ก็ไม่แหละ …. อย่างไรก็ตามนักวิชาการนั่นพึ่งจะได้รับสมบัติชั้นยอดไปแค่สามชิ้น ดังนั้นเขาจึงยังคงกลัวนายอยู่บ้าง และจนกว่าเขาจะสามารถฟื้นคืนพลังมาได้อีกระดับหนึ่ง เขาก็จะไม่โจมตีนายแน่นอน หากนายเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย นายก็สามารถที่จะพำนักอยู่ในเมืองแบล๊ควิงก่อนได้ เพราะด้วยสถานะปัจจุบันของเขานั้น เขาจะไม่กล้าเข้ามาที่นี่แน่นอน อย่างไรก็ตามเรื่องของจักรวรรดิมังกรไฟนั้นมันก็ค่อนข้างซับซ้อนเช่นกัน มันมีคนๆหนึ่งถูกผนึกไว้ที่จักรวรรดิมังกรไฟ และหากคนๆนี้ถูกปลดปล่อยออกมา พวกนายก็จะจบสิ้นเช่นกัน …” ชารีนกล่าวพลางหัวเราะ “แล้วก็เข้าเรื่องตรงๆกันดีกว่า นายมีโซลออบซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดอยู่นี่นา นายสามารถจะใช้มันช่วยพัฒนา และเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตได้อย่างรวดเร็วนะ”

หลังจากพูดแบบนี้ชารีนก็ได้หยิบคริสตัลที่ดรอปจากการูด้าออกมา ….

“นี่คือวิญญาณของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง นายน่าจะสามารถใช้เจ้านี่สร้างคริสตัลแห่งวิญญาณที่มีความบริสุทธิ์อย่างมากขึ้นมาได้ และด้วยคริสตัลวิญญาณนี้มันก็น่าจะช่วยให้นายทะลวงค่าความแข็งแกร่งทางจิตเข้าสู่ขั้นหกได้” ชารีนกล่าวขณะที่เธอโยนคริสตัลให้ซือเฟิง

“แล้วก็เริ่มฝึกเลย ตอนนี้นายเหลือเวลาไม่มากแล้ว …”

เมื่อซือเฟิงรับคริสตัลมานั้น เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่น่าทึ่งที่อัดแน่นอยู่ภายใน เพียงแต่ว่าพลังวิญญาณนี้มันค่อนข้างจะดูโกลาหล และวุ่นวายมากเกินไป ซึ่งหากดูดซับไปทั้งๆอย่างนี้ แม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็อาจจะเสียสติได้เลย

หลังจากนั้นชารีนก็ได้หายตัวไป และทิ้งซือเฟิงไว้ที่ห้องโถงคนเดียว

ในตอนนี้เองซือเฟิงก็ไม่ได้ลังเลใดๆเลย เขาหยิบโซลออบออกมา และให้มันทำการปรับแต่งวิญญาณของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง การูด้าทันที

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นมันก็เป็นไปตามที่ชารีนกล่าว เพราะโซลออบนั้นได้สร้างคริสตัลเจ็ดสีที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างมากออกมาจากพลังวิญญาณของการูด้า

“ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแกแล้ว” ซือเฟิงพึมพำ ก่อนที่เขาจะกลืนคริสตัลเจ็ดสีนี้ลงไปอย่างไม่ลังเล และทันใดนั้นความสบายที่ไม่อาจจะพรรณนาได้ก็ได้เข้าห่อหุ้มร่างกายของซือเฟิงไว้ พร้อมกันนั้นพลังงานที่ดูจะไร้ที่สิ้นสุดก็ได้เข้าท่วมท้นทะเลจิตวิญญาณของซือเฟิง และขยายขอบเขตของมันออกไปอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งชั่วโมง … สามชั่วโมง … หนึ่งวัน …

หลังจากผ่านไปสองวันซือเฟิงก็ลืมตาตื่นขึ้น และพบว่าโลกรอบตัวของเขานั้นได้เปลี่ยนไป
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้นั้น ในตอนนี้เขามองเห็นองค์ประกอบธาตุมานาในแบบที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยพวกมันนั้นดูเรียบร้อย และสามารถค้นหาได้ง่ายมากๆสำหรับเขา ซึ่งตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่ดูวุ่นวาย และเมื่อเป็นแบบนี้นั้น หากเขาต้องการจะใช้มันธาตุมานาแบบใด เขาก็สามารถจะค้นหาและนำมันมาใช้ได้อย่างง่ายดายเลย

สุดยอด ! นี่มันน่าทึ่งมากๆ !! เพียงแค่คริสตัลเจ็ดสีแบบนี้ชิ้นเดียวมันก็ช่วยเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตของฉันให้ขึ้นไปอยู่ที่ขั้นกลาง ของขั้นหกแล้ว !!! ซือเฟิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะโชคดีมากแล้วหากคริสตัลเจ็ดสีนี้ช่วยให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขาสามารถทะลวงขึ้นไปอยู่ที่ขั้นพื้นฐานของขั้นหกได้ เพราะแค่นี้มันก็จะทำให้เขามีคุณสมบัติในการจะท้าทาย และเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกแล้ว และแม้ว่าโอกาสในการสร้างร่างเทพขั้นสูงของเขาที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นพื้นฐานของขั้นหกนั้นจะมีน้อยกว่ายี่สิบเปอเซ็นต์ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขาอยู่ที่ขั้นกลางของขั้นหกนั้น โอกาสในการสร้างร่างเทพขั้นสูงก็เขาก็น่าจะอยู่ที่ประมาณสามสิบเปอเซ็นต์แล้ว

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ออกคำสั่งให้สภาสิบแปดปีกทำการรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างบ้าคลั่งตลอดเดือน แถมเขายังเลือกจะขายหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟด้วย โดยราคาของมันต่อหนึ่งตัวนั้นคิดเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สี่พันชิ้น และหินเวทย์เอลฟ์สองร้อยก้อน รวมไปถึงซือเฟิงก็ยังเปิดขายโดยการให้นำวัสดุที่จำเป็นในการสร้างเรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟมาแลกไปได้ด้วย ….

ในตอนแรกซือเฟิงนั้นไม่ได้คิดจะขายหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟเลย เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ไฟเออร์แดนซ์ กับคนอื่นๆนั้นมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเข้าไปสำรวจได้แทบทุกที่ในทวีปหลักของ God domain แล้ว ดังนั้นการเก็บรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มันจึงจะไม่ใช่เรื่องยากนักเลยสำหรับพวกเขา

อย่างไรก็ตามเพื่อเสริมสร้างกองกำลังของผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ให้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านทานกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้น การขายหุ่นกลพวกนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น

นอกเหนือจากนี้หุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟที่อยู่ในระดับลึกลับขั้นเงินนี้ก็ยังต้องการผู้ควบคุมที่มีทักษะสูงเพื่อที่มันจะได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเท่าที่ซือเฟิงคำณวนมันก็จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์เป็นอย่างน้อยในการควบคุมมันให้แสดงพลังได้เต็มที่ แต่กระนั้นจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ที่สภาสิบแปดปีกมีนั้น แม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอต่ออัตราการสร้างหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟอยู่ดี

แถมการขายหุ่นกลพวกนี้ไปมันก็ยังจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้โดยรวมของกองกำลังผู้เล่นอื่นๆให้ช่วยหยุดขัดขวางการรุกคืบของกองทัพ NPC จากโลกอื่นได้ทันทีด้วย อีกทั้งมันก็ยังทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาอีกกว่าสองแสนชิ้นจากการทำธุรกรรมเหล่านี้ ซึ่งนี่มันก็ได้ทำให้ซือเฟิงตอนนี้นั้นมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สะสมอยู่กับตัวมากกว่าสี่แสนชิ้นแล้ว

ขณะเดียวกันนอกเหนือจากพวกผู้เล่นจากโลกอื่นแล้ว พวก NPC จากโลกอื่นนั้นก็เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นที่พรหมแดนของจักรวรรดิมังกรไฟในช่วงเดือนที่ผ่าน โดยในฝั่งของ NPC จากโลกอื่นนั้น กองทัพเกือบครึ่งหนึ่งของพวกเขาได้มากันพร้อมแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็กำลังเตรียมที่จะเริ่มการโจมตีจักรวรรดิทั้งหมด

เมืองแบล๊ควิง หอคอยสตาร์เกซซิ่ง :

เมื่อมองไปที่กองคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ตรงหน้าเขานั้น ซือเฟิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และเตรียมพร้อมที่จะเริ่มแล้ว ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้เขาได้เข้าใจกฎแห่งการทำลายล้างอย่างถ่องแท้แล้ว และเขาก็ยังได้จำลองการสร้างร่างเทพขั้นสูงของเขามาหลายร้อยครั้งแล้วเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ ….

“ฉันมีโอกาสสี่ครั้ง !! ซึ่งนี่มันน่าจะเพียงพอสำหรับอัตราความสำเร็จสามสิบเปอเซ็นต์ หรือมากกว่าเล็กน้อย !!!”

หลังจากพูดจบซือเฟิงก็ได้เริ่มทำตามมรดกของเทพโบราณ และเริ่มสร้างร่างเทพขั้นสูงของเขาโดยอาศัยกฎแห่งการทำลายล้างทันที ซึ่งการสร้างร่างเทพนั้นมันก็ซับซ้อนกว่าการสร้างร่างมานามาก เพราะร่างเทพนั้นมันคล้ายกับโลกขนาดเล็ก มันจึงไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถสร้างได้ด้วยวงเวทย์แค่ไม่กี่วง โดยจะพูดแบบแม่นยำก็ คือ มันต้องการวงเวทย์วงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์มากกว่าสามร้อยวงเป็นแกนหลัก ซึ่งวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์เหล่านี้ก็จะทำหน้าที่ดูดซับพลังภายในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เพื่อมาสร้างโลกขนาดเล็ก และกฎของโลกขนาดเล็กให้สมบูรณ์

และการจะจัดการวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์จำนวนมากแบบนี้ให้ได้นั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย หากค่าความแข็งแกร่งทางจิตยังไม่เข้าสู่ขั้นหก

ในขณะเดียวกันกระบวนการสร้างร่างเทพขั้นสูงนั้นมันก็ยากกว่าร่างเทพทั่วไปมาก เพราะมันจะต้องมีวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์มากกว่าหนึ่งพันวงทำหน้าที่เป็นแกนหลัก ซึ่งหากผู้ที่ต้องการสร้างร่างเทพขั้นสูงไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมมานามากนัก การจะสร้างมันขึ้นมาให้ได้ก็จะเป็นไปไม่ได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้นมานาภายในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มันก็ยังมีความบริสุทธิ์อย่างมาก โดยมันมีความบริสุทธิ์กว่ามานาที่เป็นของแข็งนับสิบเท่า มันจึงจัดการได้ยากมากๆด้วย ….

ในช่วงเวลาต่อมา ซือเฟิงก็ได้กระตุ้นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งแสนชิ้นด้วยมานาของเขา และควบคุมให้มานาของคริสตัลนั้นพุ่งเข้าสู่วงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์มากกว่าพันวงที่เขาสร้างไว้ล่วงหน้า

ตู้ม !!

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว ผลของการพยายามในครั้งนี้มันก็คือล้มเหลว เพราะวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์กว่าครึ่งนั้นหยุดทำงานลงไปอย่างกระทันหันในระหว่างการดูดซับ

“แน่นอนเลยว่าการจัดการมานาภายในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

ซือเฟิงพึมพำอย่างไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรมากมายนัก เพราะท้ายที่สุดนี่มันเป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ลองจัดการกับมานาในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ … และหลังจากนั้นเขาก็ได้พักผ่อนเป็นเวลาสามชั่วโมง จนสภาพจิตใจของเขาฟื้นฟูกลับเต็มที่ และเขาก็ได้เริ่มความพยายามครั้งที่สองทันที

ตู้ม !!

มันเป็นความล้มเหลวอีกหนึ่งครั้ง ….

ความพยายามครั้งที่สาม !!!

คราวนี้ซือเฟิงมีความคิดที่บ้าคลั่ง ซึ่งก็คือการเปิดใช้งานสกิลวิญญาณทองของแสงแห่งสองโลกเพื่อที่จะให้มันช่วยยกระดับค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขา และแม้ว่าวิญญาณทองจะมีระยะเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ แต่เขาก็น่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง คือ ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขานั้นจะลดลงไประดับหนึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อผลของสกิลวิญญาณทองหมดลง ซึ่งนี่มันก็จะทำให้เขาจัดการวงเวทย์ต่างๆได้ยากลำบากขึ้นมากในภายหลัง

วิญญาณทอง เปิดใช้งาน !! ซือเฟิงกำดาบแสงแห่งสองโลกในมือของเขาไว้แน่น ในขณะที่เขาตัดสินใจจะเสี่ยง และทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ เพราะเขาสามารถจะจัดการกระบวนการหลายอย่างที่เคยผิดพลาดได้อย่างง่ายดายมากๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อกระบวนการทั้งหมดดำเนินมาถึงครึ่งทาง ผลของสกิลวิญญาณทองของซือเฟิงก็หมดลง ซึ่งผลของเรื่องนี้มันก็เกือบจะทำให้เขาสูญเสียการควบคุมมานาไป

ห้านาที !! ตราบใดที่ฉันยังสามารถควบคุมได้อีกห้านาที !!! ฉันก็จะสามารถถ่ายโอนมานาของคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ทั้งหมดได้จนเสร็จสิ้น !!! ซือเฟิงกัดฟันของเขา และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้วงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์ทั้งหมดเปิดใช้งานได้ …..

หนึ่งวินาที … สิบวินาที … สามสิบวินาที …

หน้าของซือเฟิงนั้นเริ่มซีดลงเรื่อยๆเมื่อเวลาแต่ละวินาทีผ่านไป และเมื่อผ่านมาถึงนาทีที่สี่นั้นซือเฟิงก็รู้สึกว่าตาของเขาเริ่มลาย และจิตใจของเขาก็ขุ่นมัว พร้อมกันนั้นร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย ….

หนึ่งนาทีสุดท้าย !!! สุดท้ายแล้ว !!! ฉันจะต้องทนให้ได้ !!!

ซือเฟิงนั้นเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหมดสติเต็มทนแล้ว และแม้แต่ระบบก็เตือนให้เขาล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมไปเพื่อพักผ่อน อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็พยายามฝืน และทำให้ตัวเองยังมีสติอยู่โดยการกัดลิ้นตัวเอง ….

สิบวินาที … ยี่สิบวินาที … สามสิบวินาที …

ณ จุดนี้โลกรอบๆซือเฟิงนั้นกลายเป็นภาพเบลอขนาดใหญ่ และจิตใจของเขาก็ปิดตัวลงไปแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยสัญชาตญาณ และความคุ้นเคยของเขาในการจัดการกับวงเวทย์ มันจึงยังทำให้เขาสามารถถ่ายโอนมานาจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไปยังวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์ได้อยู่ ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานซือเฟิงจะหมดสติไป และสูญเสียการควบคุมทั้งหมดไป

ฉันล้มเหลวอีกแล้วงั้นหรอ ?

หลังจากซือเฟิงฟื้นคืนสติกลับมาได้ เขาก็รู้สึกเริ่มหมดหวัง ….

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้เองเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง

ระบบ : ยินดีด้วย !!! คุณสามารถสร้างร่างเทพขั้นสูงได้สำเร็จแล้ว !!! โดยอัตราความสำเร็จของร่างเทพขั้นสูงของคุณนั้นอยู่ที่เก้าสิบสองเปอเซ็นต์ และมันมาถึงมาตราฐานของขั้นหกแล้ว ซึ่งร่างเทพขั้นสูงร่างนี้ได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับอีปิค คุณต้องการจะแทนที่มันกับร่างมานาขั้นห้าเพื่อเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกหรือไม่ ?

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset