Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1040

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1040 ฟางหยวนปะทะฉีช่าย

แปลโดย iPAT 

 

“สหาย โปรดรอก่อน” เสียงของฉีช่ายดังขึ้น

 

ฟางหยวนหยุดและหันหลังกลับ

 

ฟางหยวนยกเลิกท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยไปแล้ว หลังจากทั้งหมดวิญญาณทัศนคติใช้พลังจิตมากเกินไป เขาไม่สามารถใช้มันได้ตลอดเวลา

 

นอกจากนี้เมื่อปราศจากวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ฟางหยวนต้องชดเชยสิ่งที่ขาดด้วยวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมหาศาล การกระตุ้นใช้งานวิญญาณจำนวนมากทำให้เขาสูญเสียพลังจิตไปไม่น้อย

 

ดังนั้นฉีช่ายจึงไม่คิดว่าฟางหยวนเป็นคนร้าย เขามีเพียงข้อสงสัยบางประการเท่านั้น

 

เมื่อราชสีห์ปราณใกล้เข้ามา ฉีอี้จึงมองเห็นฟางหยวน

 

ฟางหยวนอยู่ในชุดคลุมสีขาว ผิวขาวละเอียดราวหิมะ ดวงตาส่องประกายเหมือนดวงดาว และมีเส้นผมยาวลงมาจนถึงเอว

 

แม้ฉีอี้จะอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว แต่ดวงตาของนางยังส่องประกายสดใสเมื่อเห็นการปรากฏตัวของฟางหยวน นางคิด ‘ผู้อมตะท่านนี้มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดดูดีเท่านี้มาก่อนในชีวิต’

 

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเรียกข้าด้วยเหตุใด?” ฟางหยวนป้องหมัดถาม

 

เขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย การบ่มเพาะระดับหกของเขาสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย

 

ด้านฉีช่าย เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมาอย่างชัดเจน

 

โลกใบนี้ผู้แข็งแกร่งจะได้รับการยกย่อง เป็นธรรมชาติที่ฟางหยวนจะต้องแสดงความเคารพ หากเขายืนมือไพล่หลังและแสดงออกด้วยความหยิ่งยโส นั่นจะเป็นเรื่องที่ผิดปกติ

 

การแสดงออกของฉีช่ายอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นความอ่อนน้อมของฟางหยวน “มันเป็นเพียงการตรวจสอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”

 

จากนั้นเขาก็นำบอลโคลนออกมา

 

ในพริบตาบอลโคลนขยายร่างเป็นมนุษย์โคลนในรูปลักษณ์ของหนี่เจี้ยน

 

ดวงตาของฟางหยวนมืดมนลงเล็กน้อย

 

หนี่เจี้ยนมองฟางหยวนด้วยความงุนงงก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง

 

รูปร่างหน้าตาของฟางหยวนแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง แต่สัญชาตญาณของหนี่เจี้ยนบอกว่าคนผู้นี้คือคนร้าย

 

“เป็นเจ้า! เจ้าปีศาจ! เจ้าบังคับให้ท่านปู่ของข้าตายและสังหารคนทั้งตระกูลของข้า!” หนี่เจี้ยนชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน

 

“โอ้?” การแสดงออกของฉีช่ายเปลี่ยนเป็นเย็นชา

 

ฟางหยวนรู้สึกถึงสายตาอันแหลมคมของฉีช่ายที่พุ่งตรงมาที่เขา

 

โดยไม่รีรอ ฟางหยวนสะบัดมือส่งกลุ่มเมฆหมอกออกมาปกคลุมพื้นที่ก่อนจะเริ่มล่าถอย

 

‘มีวิธีการมากมายในการตรวจสอบ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลบร่องรอยทั้งหมด พวกเขาสามารถตามหาข้าได้จริงๆ’

 

ศัตรูเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

 

ฟางหยวนตัดสินใจหลบหนีทันที

 

“หยุด!” ฉีช่ายตะโกน เขากางฝ่ามือเป็นลักษณะกรงเล็บอินทรีย์และส่งออกไปด้านหน้า

 

กลุ่มเมฆหมอกสลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้พลังอำนาจของฉีช่าย

 

ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น นี่ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

 

มนุษย์โคลนบินเข้ามาแต่ฟางหยวนยังแสดงออกอย่างไม่แยแส

 

“ตาย!” มนุษย์โคลนส่งหมัดออกไปทำให้เกิดลมกรรโชกแรง

 

เดิมทีหนี่เจี้ยนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสอง แต่หลังจากกลายเป็นมนุษย์โคลน ความแข็งแกร่งของเขากลับเทียบเท่าสัตว์อสูรเดียวดาย

 

สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ของฉีช่ายได้เป็นอย่างดี

 

หมัดของหนี่เจี้ยนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างไร้ความปรานี

 

แต่ในจังหวะนี้ร่างของฟางหยวนกลับแตกสลายกลายเป็นกลุ่มเมฆหมอก

 

ฉีอี้อุทานด้วยความประหลาดใจ นางไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

 

อย่างไรก็ตามฉีช่ายไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆ เขาหันหน้าไปทางขวาและสะบัดนิ้วออกไป

 

ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ ดัชนีศักดิ์สิทธิ์!

 

พลังปราณทรงกลมขนาดเล็กพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนขณะที่เขาไม่สามารถหลบเลี่ยง

 

ร่างจริงของเขาถูกเปิดเผยในที่สุด

 

ฉีช่ายพ่นลมหายใจออกมา

 

ทันใดนั้นกระแสพลังปราณที่โปร่งแสงพลันปรากฏขึ้นและหมุนวนอยู่รอบเอวของหนี่เจี้ยนทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้นสามเท่า

 

“มอบชีวิตของเจ้ามา!” หนี่เจี้ยนคำรามขณะทะยานร่างเข้าโจมตีฟางหยวน

 

ฟางหยวนขมวดคิ้ว

 

ปราณทรงกลมจากก่อนหน้าไม่ได้ทำร้ายเขา มันเพียงบังคับให้เขาปรากฏตัวออกมาเท่านั้น

 

‘ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ…’ ฟางหยวนคิด

 

เส้นทางแห่งพลังปราณเก่าแก่กว่าเส้นทางความแข็งแกร่ง แม้มันจะถดถอยลงแต่มันยังทรงพลังกว่าเส้นทางความแข็งแกร่ง

 

ฟางหยวนไม่คาดคิดว่าเขาจะพบกับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของภาคใต้อย่างกะทันหัน

 

‘ข้าสังหารหมู่คนตระกูลหนี่ สิ่งนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้อมตะทั้งสอง ในความทรงจำของข้า ตระกูลหนี่ไม่มีผู้อมตะอยู่เบื้องหลัง’ ฟางหยวนรู้สึกงุนงง

 

“อ๊าก…” หนี่เจี้ยนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้ง

 

ฟางหยวนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

 

เขาเคยต่อสู้กับอสูรโคลนเดียวดายมาแล้ว พวกมันไม่มีจุดอ่อนพิเศษใดๆ

 

กระทั่งวิญญาณอมตะดาบบินก็ส่งผลกระทบต่อพวกมันเพียงเล็กน้อย

 

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าฟางหยวนไม่มีวิธีจัดการพวกมัน

 

เขาสะบัดมือเบาๆสร้างชั้นน้ำแข็งขึ้นบนฝ่ามือก่อนจะส่งมันเข้าโจมตีหนี่เจี้ยน

 

หนี่เจี้ยนเคลื่อนไหวอย่างดุดันขณะที่ฟางหยวนลื่นไหลราวกับใบไม้

 

หนี่เจี้ยนไม่สามารถสัมผัสแม้แต่ชายเสื้อของฟางหยวน

 

ในทางตรงข้ามการเคลื่อนไหวของฟางหยวนค่อยๆสร้างชั้นน้ำแข็งขึ้นบนร่างของหนี่เจี้ยน

 

ในไม่ช้าความเร็วของหนี่เจี้ยนก็เริ่มลดลง นอกจากนั้นกระแสพลังปราณที่หมุนวนอยู่รอบเอวของเขาก็สลายไปแล้ว

 

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะแต่พวกมันล้วนเป็นวิญญาณระดับเจ็ดที่เขาไม่สามารถใช้งานได้บ่อยนัก

 

ดังนันเขาจึงใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์เพื่อผ่านอุปสรรคนี้

 

เมฆหมอกก่อนหน้านี้ก็มาจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเมฆาของไท่เป่ยหยุนเฉิง

 

ฟางหยวนมักฝึกซ้อมการต่อสู้กับไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นประจำ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจท่าไม้ตายนี้

 

นอกจากนั้นด้วยการค้นวิญญาณของเซี่ยซ่งซื่อ ฟางหยวนยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งของเขาอีกด้วย

 

สำหรับวิญญาณที่ใช้ปลดปล่อยท่าไม้ตายเหล่านี้ ฟางหยวนได้รับมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ก่อนหน้านี้เขายังใช้มันกำจัดอสูรโคลนเดียวดายมาแล้ว

 

การแสดงออกของฉีช่ายกลายเป็นมืดครึ้มเมื่อเขาเห็นหนี่เจี้ยนที่มีพลังการต่อสู้ระดับหกถูกเล่นงานโดยฟางหยวน

 

เขาปลดปล่อยท่าไม้ตายและส่งเม็ดพลังปราณจำนวนมากออกไปอีกครั้ง

 

ฟางหยวนสามารถหลบได้เพียงบางส่วนและต้องใช้เกราะขนราชสีห์ปกป้องตนเอง

 

ความแข็งแกร่งของเกราะขนราชสีห์ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของฉีช่าย

 

เขาคำรามเสียงเย็นและเปลี่ยนวิธีการโจมตีโดยส่งปราณดาบพุ่งเข้าจู่โจมฟางหยวน

 

เกราะขนราชสีห์สามารถรับการโจมตีนี้ได้เพียงสองครั้ง จากนั้นฟางหยวนจึงปล่อยของเหลวสีดำออกมาเคลือบคลุมเกราะขนราชสีห์เอาไว้

 

พลังอำนาจของปราณดาบลดลงทันทีเมื่อปะทะกับของเหลวสีดำดังกล่าว เมื่อมันกระทบเกราะขนราชสีห์ พลังอำนาจของปราณดาบก็เหลือเพียงหกสิบส่วนเท่านั้น

 

ของเหลวที่คล้ายน้ำมันสีดำชนิดนี้ฟางหยวนได้รับความรู้มาจากการค้นวิญญาณของไห่เจิ้ง

 

ท่าไม้ตายเหล่านี้ไม่สามารถเพิ่มระดับความสำเร็จได้โดยตรง แต่ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบ่มเพาะของผู้คนเหล่านี้ก็สามารถช่วยเหลือฟางหยวนได้เป็นอย่างมาก

 

ฉีช่ายเย้ยหยันก่อนจะพ่นเพลิงลมปราณออกจากรูจมูกทั้งสองข้าง

 

เพลิงลมปราณราวกับไฟนรกที่พุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

 

ในเวลาเดียวกันหนี่เจี้ยนก็ต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่เขามี

 

ฟางหยวนรับมือมนุษย์โคลนขณะที่เพลิงนรกใกล้เข้ามา

 

เขาหัวเราะและระเบิดวงแหวนเมฆาเก้าวงออกไปรอบๆ

 

นี่คือท่าไม้ตายระดับมนุษย์สายป้องกันของไท่เป่ยหยุนเฉิง วงแหวนเมฆาทั้งเก้า!

 

เพลิงนรกถูกปิดกั้นและดูดซับ วงแหวนเมฆาสี่วงเปลี่ยนเป็นสีแดง

 

ฟางหยวนยื่นมือทั้งสองออกไปและสร้างกระแสลมสีดำหมุนวนขึ้นในมือทั้งสองข้าง

 

ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ คลื่นทมิฬ!

 

คลื่นทมิฬถูกส่งไปยังฉีช่าย

 

ฉีอี้ที่อยู่ด้านข้างฉีช่ายกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อตระหนักถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในลมหมุนสีดำที่มืดมิด

 

ฉีช่ายตอบโต้ด้วยการใช้ปราณดาบและเพลิงลมปราณจากจมูก

 

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันโดยไม่มีฝ่ายใดยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว

 

ฉีอี้รู้สึกมึนงงและไม่สามารถติดตามการต่อสู้ของผู้อมตะ

 

นางพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ตอนนี้นางยังไม่ต่างจากผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์มากนัก

 

‘ข้าเกือบแน่ใจแล้วว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ’ ฟางหยวนรวบรวมข้อมูลของศัตรูระหว่างต่อสู้

 

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน แต่ฉีช่ายยังนั่งอย่างสบายอารมณ์อยู่บนแผ่นหลังราชสีห์ปราณ

 

แม้คลื่นทมิฬและการโจมตีอื่นๆของฟางหยวนจะสามารถเข้าประชิดตัวฉีช่าย แต่ฉีช่ายยังสามารถรับมือด้วยเกราะพลังปราณ

 

ชัดเจนว่าฉีช่ายแข็งแกร่งกว่าแต่เขาก็ไม่รู้สึกสบายใจมากนัก

 

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’

 

‘คนผู้นี้บ่มเพาะบนเส้นทางสายใดกันแน่?’

 

ยิ่งต่อสู้มากเท่าใด ฉีช่ายก็ยิ่งสับสน

 

ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ต่างๆของฟางหยวนใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกัน มันครอบคลุมในหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งเมฆา เส้นทางแห่งความมืด เส้นทางความแข็งแกร่ง และอื่นๆ

 

เรื่องนี้ให้ฉีช่ายรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก

 

หลังจากทั้งหมดนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบสถานการณ์เช่นนี้

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset